566. ฮัวเป่า ผู้เฒ่าและชุดเกราะ
ใจกลางหุบเขาเผ่าหลอมวิญญาณซึ่งเป็นพื้นที่ที่เป็นส่วนของหวังหลินเพียงคนเดียว ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ข้างในพร้อมกับฉือซานคุกเข่าหนึ่งข้างเบื้องหน้า สายตาเต็มไปด้วยอาการตื่นเ้น
ผ่านมาสามวันแล้วนับตั้งแต่ที่หวังหลินกลับมายังเผ่า ฉือซานได้ถูกเขาปลุกขึ้นมาด้วยวิชาหนึ่ง
หลังจากตื่นขึ้นฉือซานเห็นหวังหลินทันที จิตใจพลันเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หวังหลินจึงได้ฟังจากที่ฉือซานเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปีนี้
หลังจากพูดถึงเรื่องฮัวเป่า หวังหลินจึงถอนหายใจ ฮัวเป่าหายตัวไปจาคุกมืดนับว่าเป็นเรื่องประหลาดมาก ด้วยสัมผัสวิญญาณของหวังหลิน เขากวาดผ่านทั้งเมืองแต่กลับไม่เจอร่องรอยของฮัวเป่าเลย
ฮัวเป่าฝึกฝนวิชาหลอมวิญญาณที่หวังหลินสอนให้ ดังนั้นในท้ายที่สุดแล้วดวงวิญญาณนั้นจะกลายเป็นของหวังหลิน ทว่าหวังหลินไม่สามารถหาร่องรอยดวงวิญญาณที่ถูกฮัวเป่าหลอมไว้ได้เลย
“หากฮัวเป่าไม่ได้ตาย เขาต้องอยู่ในสถานที่ลึกลับบางอย่าง ไม่มีเหตุผลอื่นที่ข้าไม่สามารถหาเขาเจอได้…” หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนจะล้มเลิกความคิดเรื่องฮัวเป่า เขาได้ทำอย่างดีที่สุดแล้ว
หวังหลินเงยศีรษะขึ้นมองฉือซาน หนึ่งในเหตุผลที่เขาพาทั้งฮัวเป่าและฉือซานไปเมืองปิศาจโบราณด้วยนั่นก็เพื่อการทดสอบทั้งสองคน
หากทั้งสองคนผ่านการทดสอบของเขา หวังหลินจะสอนวิชาใหม่ให้ สำหรับฮัวเป่าแล้วนอกจากวิญญาณหลอมววิญญาณจะมีวิชาแยกวิญญาณด้วย!
ทว่าวิชาแยกวิญญาณจำเป็นต้องใช้ความพยายามมากกว่าวิชาหลอมวิญญาณ แม้หวังหลินจะปรับแต่งไปแล้วก็ยังยากนักที่จะสอน
ส่วนฉือซาน ความคิดที่จะให้วิชาปรับแต่งร่างกายของเทพโบราณได้ถูกปัดทิ้งไปทันที วิชาของเทพโบราณไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถสอนได้!
อย่างไรก็ตามช่วงระหว่างปีนี้ ฉือซานได้ผ่านการทดสอบของหวังหลินหลายอย่าง หวังหลินสามารถรู้สึกได้ว่าฉือซานจงรักภักดีต่อหวังหลินอย่างน้อยๆก็สิบเท่า
บนดาวซูซาคุนั้น หวังหลินได้ลงมือกับเผ่ามารยักษ์ไว้เยอะมาก ตอนที่เขาฆ่าบรรพชนเผ่ามารยักษ์ หวังหลินยังได้รับกระเป๋าของบรรพชนมาด้วย นอกจากหยดโลหิตเทพโบราณแล้วยังมีหินหยกในนั้นอีกหลายก้อน
ท่ามกลางหินหยกเหล่านี้มีบันทึกวิถีการฝึกฝนร่างกายที่เรียกกันว่าร่างไททันเก้าระดับ ตอนนั้นหวังหลินเพียงแค่กวาดสายตาผ่านๆและลืมเลือนไป เมื่อมาเห็นฉือซานตอนนี้เขาจึงสัมผัสกระเป๋าและปรากฏหยกสีฟ้าขึ้นมาบนฝ่ามือ
หวังหลินตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณและคิดขึ้น ‘ชิ้นนี้เอง!’ ร่างไททันเก้าระดับมีทั้งหมดเก้าขั้นและเป็นวิชาปรับแต่งร่างกาย หลังจากจดจำบทร่ายทั้งหมดเก้าบท หวังหลินจึงตัดสามบทสุดท้ายออกไปและโยนให้กับฉือซาน!
ฉือซานรับหินหยกด้วยความตื่นเต้น ความรู้สึกขอบคุณต่อหวังหลินได้เกินคำอธิบายไปแล้ว เขาคุกเข่าลงกับพื้น โขกคำนับหลายครั้งและเอ่ยออกมา “ท่านบรรพชน ฉือซานจะฟังคำของท่านตราบชั่วชีวิตจะหาไม่!”
“ปกป้องเผ่าหลอมวิญญาณให้ดี ตอนนี้ไปเถอะ!” หวังหลินสะบัดแขนและสายลมอุ่นๆก็ส่งฉือซานออกไปนอกหุบเขา
หวังหลินนั่งอยู่กับตัวเองข้างในหุบเขา ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำ หมอกสีดำก่อเกิดจากธงวิญญาณล้านดวงและใช้มันเพื่อหล่อเลี้ยงดวงวิญญาณเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
“ตอนที่ข้าอยู่ในเมืองปิศาจโบราณข้ายังรู้สึกว่าการทิ้งธงไว้ที่นี่ยังปลอดภัย ทว่าเมืองหลวงอยู่ไกลมาก ข้าจึงไม่สามารถทิ้งไว้ที่นี่ได้!” หวังหลินมองขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนจะหลับตาและเริ่มต้นการบ่มเพาะ
ชั่วขณะนี้ห่างออกไปทางทิศตะวันตกของสำนักหลอมวิญญาณ ระยะทางห่างจากแคว้นปิศาจฟ้าเกือบครึ่งมีทะเลทรายไร้ที่สิ้นสุดอยู่
สถานที่แห่งนี้เป็นที่รู้กันว่าคือสถานที่ที่โหดร้ายมากในดินแดนวิญญาณปิศาจ!
เล่าลือกันว่าเมื่อนานมาแล้วที่นี่คือสถานที่สู้รบโบราณของดินแดนวิญญาณปิศาจ พื้นที่ระยะหลายล้านลี้ปกคลุมไปด้วยซากศพ บนพื้นเจิ่งนองด้วยเลือดสีแดงเข้ม เพียงแค่ชำเลืองมองก็พอทำให้จิตใจผู้คนสั่นเทาได้แล้ว
ด้านนอกสนามรบโบราณแห่งนี้คือกฏเกณฑ์ล่องหนที่ตัดขาดทุกสิ่งทุกอย่างจากโลกภายนอก!
ณ ปัจจุบันมีชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่ในสนามรบโบราณ เบื้องหน้าเขาคือธงมากกว่าร้อยผืน ธงเหล่านี้พริ้วสะบัดโดยไร้แรงลมและค่อยๆหมุนเป็นวงกลมรอบตัวเขาอย่างช้าๆ
ควันหมอกสีดำสายหนึ่งล้อมรอบร่างกาย แรงกดดันของสายหมอกนี้ทำให้ดวงวิญญาณจำนวนมากที่กำลังหลับไหลอยู่ที่นี่ได้ตื่นขึ้น
ทุกครั้งที่ดวงวิญญาณหนึ่งดวงตื่นขึ้นจะมีควันสีดำรุนแรงสายหนึ่งพุ่งออกมาจากพื้นดิน มันหมุนปั่นไปกับสายหมอกดำอยู่ไม่กี่รอบก่อนจะเข้าไปข้างในธง
ชายชราชุดดำคนหนึ่งอยู่ห่างจากชายหนุ่มออกไปหนึ่งพันฟุต เขามองชายหนุ่มด้วยสายตาเยือกเย็น หลังจากผ่านเวลาหนึ่งก้านธูปไปจึงเอ่ยขึ้น “เอาหล่ะ เสร็จแล้ว!”
ชายหนุ่มพยักหน้า จากนั้นฝ่ามือสร้างผนึกและธงวิญญาณเล็กๆทั้งหมดเรืองแสงสีดำและร่อนลงในฝ่ามือเขา และแล้วตอนนี้ชายหนุ่มก็ลืมตาตื่นขึ้น
ในจังหวะที่เขาเห็นชายชรา พลันยืนขึ้นทันทีและเอ่ยอย่างเคารพ “ฮัวเป่าขอคำนับท่านผู้มีพระคุณ!”
ชายชราพยักหน้า “เยี่ยมมาก! ตอนที่เจ้าเข้ามาที่นี่ก็สามารถหลอมดวงวิญญาณทั้งหมดในสนามรบโบราณได้ด้วยวิชาหลอมวิญญาณได้แล้ว! ในดินแดนวิญญาณปิศาจจะไม่มีที่ไหนที่เจ้าไปไม่ได้!”
ใบหน้าฮัวเป่าเต็มไปด้วยอาการตื่นเต้น “ทั้งหมดเป็นเพราะท่านผู้มีพระคุณ! ท่านช่วยชีวิตข้า สอนวิชาให้ข้าและพาข้ามาที่นี่เพื่อหลอมดวงวิญญาณ ฮัวเป่าจะไม่ลืมเลือนเรื่องนี้ไปชั่วชีวิต!”
ชายชราเอ่ยขึ้นโดยที่ใบหน้ายังคงเยือกเย็น “หากไม่ใช่ว่าวิชาของเจ้าประหลาดและเป็นสิ่งที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ข้าคงไม่ช่วยเจ้าหรอก นอกจากนี้เจ้านายคนก่อนของเจ้าก็กลับมาในเมืองปิศาจโบราณแล้ว เขาต่อสู้กับแม่ทัพปิศาจและช่วยชีวิตฉือซานเอาไว้ ข้าช้าไปก้าวเดียว!”
ฮัวเป่าเผยใบหน้าซับซ้อนและเอ่ยขึ้น “หากข้าสามารถหลอมดวงวิญญาณทั้งหมดที่นี่ได้ สิ่งแรกที่ข้าจะทำคือฆ่าวังหลินซะ!”
ชายชรามองฮัวเป่าและเอ่ยออกมา “เขาสอนวิชาหลอมวิญญาณให้เจ้า ทำไมเจ้าถึงยืนยันจะฆ่าเขาเสียเล่า?”
ฮัวเป่าครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเหยียดยิ้ม “แม้เขาจะสอนวิชาหลอมวิญญาณให้ข้า เขามีแรงจูงใจซ่อนเอาไว้ หากไม่ใช่ว่าหวังหลินไปทำให้ซือหม่าหยานโกรธเกรี้ยว ข้าคงไม่ต้องถูกโยนเข้าไปในคุกมืด!”
“หลายเดือนแรกในคุกมืด ข้าหวังว่าหวังหลินจะมาช่วยข้า แต่เมื่อเวลาผ่านไปความหวังของข้าก็ได้ถูกทำลายลง ตอนที่ข้ากำลังถูกทรมาน เขาไปอยู่ที่ไหน? ตอนที่ข้าถูกทารุณ เขาไปอยู่ไหนเสียเล่า?”
“ท้ายที่สุดความคาดหวังทั้งหมดของข้าได้ช่วยข้าให้เปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง หาดไม่ใช่เขา ข้าจะจบลงเช่นนี้ได้อย่างไร…โชคดีที่ท่านผู้มีบุญคุณช่วยข้าเอาไว้ และในวันนั้นที่ข้าตื่นขึ้นมา ข้าสาบานว่าจะไม่ยอมเป็นข้ารับใช้อีก!”
ชายชราใบหน้าเย็นชาค่อยๆแฝงรอยยิ้มและเอ่ยขึ้น “เยี่ยม ตัดสินใจได้เด็ดขาดมาก ไม่สงสัยเลยว่าเจ้าเป็นคนที่ข้าให้ความสนใจ!” จากนั้นชายชราก็หันตัวกลับ ก้าวเท้าออกและเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ฮัวเป่ากำหมัดแน่นขณะมองออกไปไกลและพึมพำกับตนเอง “ฉือซานเป็นคนหลอกง่ายเกินไปและกำลังถูกหวังหลินหลอกลวง ช่วงระยะเวลาหลายเดือนในคุกมืด ข้าตระหนักได้ว่าหวังหลินคิดว่าข้าและฉือซานเป็นเพียงแค่เบี้ยในกระดาน! หวังหลิน วันใดวันหนึ่งตอนที่ข้าใช้ธงวิญญาณของข้าและปลดปล่อยดวงวิญญาณสิบล้านดวง ข้าอยากจะเห็นสีหน้าท่าทางของเจ้า! ข้าอยากเห็นว่าเจ้าจะต่อกรกับวิญญาณสิบล้านดวงได้หรือไม่!”
“เมื่อข้าฝึกฝนวิถีหยุดโลกได้ถึงระดับสี่ ข้าจะมีพลังปราณปิศาจไร้ที่สิ้นสุด หวังหลิน ซือหม่าหยาน พวกเจ้าทั้งสองจงรอก่อนเถอะ!”
สายตาฮัวเป่าเผยจิตสังหารอันเข้มข้น
มีหอคอยสีดำสนิทอยู่ในส่วนลึกของสนามรบโบราณแห่งนี้ หอคอยสูงหลายสิบฟุตและมีวงแหวนแสงล้อมรอบมัน วงแหวนนี้ดูคล้ายสามารถดูดซับแสงทั้งหมดที่เข้ามาได้ มองไกลๆแล้วหอคอยดูมีอำนาจอยู่รอบๆ
ร่างชายชุดดำปรากฏตัวด้านนอกหอคอย เขาสูดหายใจลึกและก้าวเข้าไปขึ้นสู่ยอดหอคอย จากนั้นคุกเข่าลงทั้งสองข้าง
เบื้องหน้าเขาคือชุดเกราะหนึ่งชุด! ชุดเกราะนี้ดูเก่าแก่และแน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่มาจากยุคนี้ หากมีสายตาแหลมคมก็คงจดจำได้ทันทีว่าชุดเกราะมีร่องรอยประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลัง!
มันยังค่อนข้างสมบูรณ์และเป็นสีดำสนิท มีลวดลายนับไม่ถ้วนสลักอยู่บนชุดเกราะและทั้งหมดเป็นรูปก้อนเมฆ
ก้อนเมฆเหล่านี้สีดำล้วนซึ่งปลดปล่อยสัมผัสอันประหลาดยิ่ง
มองไกลๆแล้วชุดเกราะนี้ดูเหมือนคนกำลังนั่งขัดสมาธิในห้องและให้ความรู้สึกแห่งอำนาจที่มิอาจต่อต้านได้ คลื่นควันสีดำหลายคลื่นออกมาจากเกราะและเต็มไปทั้งหอคอย
แสงชั่วร้ายสองดวงพลันปรากฎข้างในหมวกเหล็กราวกับดวงตาหนึ่งคู่ สายตาของมันจดจ้องไปบนชายชรา ชั่วขณะนั้นโลกภายนอกสั่นเทาเล็กน้อยราวกับวิญญาณเทพได้จุติลงมา
ชายชราสูดหายใจลึกและเอ่ยขึ้น “ผู้น้อยได้ตรวจสอบและพบว่าจักรพรรดิแห่งแคว้นปิศาจฟ้า สกอเปี้ยน ควรทำกระบวนการสุดท้ายเมื่อพันปีก่อนไปแล้วแต่เขาก็ฝืนห้ามเอาไว้!”
แสงชั่วร้ายในหมวกเหล็กกระพริบวาบและสายลมเย็นออกมาจากชุดเกราะ ทั้งร่างและความคิดของชายชราพลันสั่นเทา เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบปรากฏบนหน้าผาก
หลังผ่านไปสักพัก แสงชั่วร้ายร่อนลงบนดวงตาชายชราราวกับกำลังส่งข้อความบางอย่าง ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ แสงชั่วร้ายก็เลือนหายไปและชุดเกราะกลับคืนสู่ปกติ กลิ่นอายลึกลับล้อมรอบชุดเกราะก็หายไปด้วย
ทั้งร่างชายชราปกคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่อและเอ่ยขึ้น “ใช่ขอรับ!” หลังจากนั้นเขายืนขึ้นและลงมาจากชั้นสูงสุดของหอคอย เขากลับมาที่ชั้นแรกและนั่งสมาธิในท่านั่งดอกบัว คราวนี้เขาผ่อนคลายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“หากเจ้าเด็กฮัวเป่าคนนี้สามารถดูดซับดวงวิญญาณจำนวนมากได้ จากนั้นเมื่อรวมวิชาหลอมวิญญาณอันลึกลับและวิชาปรุงยาของข้า ระดับบ่มเพาะของเขาจะสามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น จากนั้นข้าจะให้เขาฝึกฝนศาสตร์ชั่วขณะเพื่อให้อายุยืนยาว ศักยภาพของเขานั้นเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงก็สามารถกลายเป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์ปิศาจได้แล้ว!”
“วิชาหลอมวิญญาณนี้ลึกลับมาก แต่ข้ารู้สึกเหมือนมีข้อบกพร่องซ่อนเอาไว้ แต่ว่านายท่านไม่สามารถตื่นได้นานนักข้าไม่อยากเสียเวลากับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้…”
“หากฮัวเป่าไม่รู้วิชาหลอมวิญญาณอันลึกลับนี้ ด้วยสถานะและคุณสมบัติของเขาก็ยังไม่เพียงพอให้กลายเป็นผู้พิทักษ์ปิศาจได้! หากการทดลองนี้สำเร็จ ข้าจะต้องออกไปตรวจสอบเผ่าหลอมวิญญาณสักหน่อย!”