567. ถามเหยาซีเชว่ครั้งที่สอง
ข้างในส่วนลึกของหุบเขาในเผ่าหลอมวิญญาณ หวังหลินสัมผัสกระเป๋าและลูกแก้วกฏเกณฑ์พลันลอยออกมาทันที เขาส่งผนึกเข้าไปที่ลูกแก้วกฏเกณฑ์และมันขยายเปิดออกขึ้นราวกับดอกไม้กำลังเบ่งบาน
ข้างในนั้นเหยาซีเชว่กำลังนั่งสมาธิและใบหน้าซีดราวกับคนตาย
ผนึกแห่งชีวิตที่วางบนหน้าผากนางกำลังกระพริบต่อเนื่อง ทุกครั้งที่มันกระพริบจะส่งพลังชีวิตเล็กน้อยเข้าไปในร่างกายนางเพื่อป้องกันไม่ใ้ห้นางตาย
เหยาซีเชว่ลืมตาขึ้นและจ้องหวังหลินอย่างดุร้าย ความเกลียดชังที่มีต่อหวังหลินนับว่าไร้ก้นบึ้ง
หวังหลินเมินเฉยสายตาของเหยาซีเชว่และเอ่ยขึ้น “สหายเซียนเหยา เจ้าพิจารณาข้อเสนอของข้าเมื่อครั้งก่อนรึยัง?”
เหยาซีเชว่กัดฟันแน่น นางไม่สามารถสัมผัสถึงกาลเวลาขณะที่อยู่ในกฏเกณฑ์นี้ได้ซึ่งทำให้นางเกิดความรู้สึกไร้อำนาจต่อรอง
แม้ว่าข้างนอกจะผ่านมาเป็นเวลาหนึ่งปี สำหรับนางกแล้วมันเหมือนกับชั่วนิรันดร์
หวังหลินมองเหยาซีเชว่และเอ่ยเสียงนุ่ม “ความอดทนของข้ามีจำกัดนะ ข้าจะให้โอกาสเจ้าสามครั้งเท่านั้น คราวนี้เจ้าเลือกจะไม่ตอบคำถามอีกครั้งก็ได้ แต่คราวหน้าจะเป็นครั้งที่สาม หากเจ้ายังไม่ตอบอีกเจ้าจะไม่ได้พบกันอีก!”
“เจ้าไม่กลัวว่าพ่อข้าจะไล่ล่าเจ้าหรือ?” เหยาซีเชว่กำหมัดแน่น
หวังหลินยิ้มบางและพยักหน้า “ข้ากลัว! ระดับบ่มเพาะของบรรพชนโลหิตอยู่เหนือข้าไปไกล หากข้าถูกเขาไล่ล่า ด้วยระดับบ่มเพาะของข้าแล้วข้ากลัวว่าข้าจะไม่มีโอกาสรอดเสียอีก”
“แต่ว่าข้าถูกบังคับให้ต้องทำเช่นนี้ หากไม่ใช่ว่าเจ้าหลอกลวงข้า ข้าคงไม่ต้องมาคิดเพื่อย้อนรอยเจ้าหรอก ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นก็มีผลลัพธ์ หากข้าปล่อยเจ้าไปยังถือว่าไปบาดหมางกับบรรพชนโลหิต แต่หากข้าเก็บเจ้าไว้ในมือ ข้าอาจมีโอกาสรอด!”
เหยาซีเชว่รีบพูด “หากเจ้าปล่อยข้าไป ข้าสาบานว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับท่านพ่อและความบาดหมางระหว่างเราถือว่าสิ้นสุด!”
หวังหลินมองเหยาซีเชว่อย่างระมัดระวัง “ข้าไม่เชื่อเจ้า!”
“เจ้า!!” เหยาซีเชว่สูดหายใจลึก “งั้นเจ้าต้องการอะไร?!”
หวังหลินเอ่ย “ทำตามกฏของข้า ตอบคำถามข้าหนึ่งคำถามและข้าจะลดเวลาผนึกเจ้าให้ห้าสิบปี!”
เหยาซีเชว่ก้มศีรษะ ดวงตาแสดงอาการดิ้นรน
หวังหลินมองนางอย่างอดทน
หลังผ่านไปเวลาครึ่งก้านธูป นางเงยศีรษะขึ้นและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “แม้เจ้าจะผนึกข้าเอาไว้ แต่ด้วยความสามารถของท่านพ่อก็ยังหาข้าเจอ ถึงตอนนั้นข้าจะมองดูท่านพ่อทำลายร่างเจ้าอย่างสาสม แยกวิญญาณของเจ้าออกมาและขังเอาไว้ในมิติอื่น เจ้าจะรู้ดีถึงความหมายของคำว่าตายดีกว่ารอดชีวิต!”
หวังหลินถอนหายใจ “เจ้าเสียโอกาสครั้งที่สองไปแล้ว ข้าหวังว่าครั้งหน้าจะไม่เป็นแบบนี้นะ!” สิ้นคำพูด ดวงตาหวังหลินพลันส่องสว่างและก้าวออกมา เขามาถึงเบื้องหน้าเหยาซีเชว่ คว้ากรามของนางเอาไว้และบังคับให้นางอ้าปากด้วยพลังอันน้อยนิด
ใบหน้าเหยาซีเชว่ซีดเผือดอย่างสิ้นเชิง นางต้องการดิ้นรนแต่ร่างกายไม่มีแรง
หวังหลินเผยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้มขณะวางสองนิ้วเข้าไปในปากนาง เมื่อหวังหลินถอนมืออกมามีเข็มสีแดงอยู่ระหว่างนิ้วติดมาด้วย
“เจ้าใช้พลังที่เหลือในร่างเพื่อสร้างเข็มนี้ หากมีเวลาเพียงพอเจ้าอาจจะสามารถใช้เข็มนี้เพื่อขัดขวางผนึกแห่งชีวิตและตายภายในกฏเกณฑ์ได้จริงๆ!” หวังหลินบดขยี้เข็มทำให้มันแตกสลายกลายเป็นหมอกสีแดง
ร่างเหยาซีเชว่สั่นเทา สายตาของนางที่มองหวังหลินดูโหดร้ายจนไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้…
เหยาซีเชว่สูดหายใจลึก จากนั้นสายตานางปรากฎความกระจ่างใสที่หาได้ยาก นางเอ่ยอย่างนุ่มนวล “หวังหลิน หากมีวันหนึ่งที่ข้ารอดไปได้ นั่นหมายความว่าข้าจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อทรมานเจ้าด้วยวิธีการที่โหดร้ายที่สุด!”
ตอนนี้ราวกับมีพลังล่องหนอยู่บนร่างของเหยาซีเชว่ มันควบแน่นทั้งหมดอย่างช้าๆตอนที่นางเกลียดหวังหลินและค่อยๆเปลี่ยนมันให้ทำลายมิติว่างออกมา
หวังหลินยิ้มบางและเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนจะมีกฏเกณฑ์อยู่บนร่างเจ้าสักสองสามอย่าง!” หวังหลินสะบัดแขนขวาพลันเกิดสายลมอ่อนๆ เสื้อผ้าเหยาซีเชว่พริ้วสะบัดเผยให้เห็นร่างกายอันเย้ายวนชวนหลงไหล
หวังหลินสำรวจร่างกายของนางอย่างละเอียด ดวงตาเหยาซีเชว่ยังคงกระจ่างชัดแต่หวังหลินก็ยังเห็นว่ามันกำลังเริ่มเลือนหายไป
หวังหลินยื่นมือขวาออกไปพร้อมกับดวงตาส่องสว่าง เขากระตุ้นหลายจุดบนร่างของนาง ทุกตำแหน่งที่แทงเข้าไปคือจุดสัมผัสอ่อนไหวของเหยาซีเชว่
ทุกครั้งที่นิ้วบรรจงลงมา เขาส่งร่องรอยของปราณสวรรค์เข้าไปในร่างของนาง ร่างเหยาซีเชว่ค่อยๆขึ้นสีแดงและดวงตากระจ่างชัดของนางพลันหายไป ถูกแทนที่ด้วยความอับอายและอาการต่อต้านอีกครั้ง
เจตนาร้ายของเหยาซีเชว่พุ่งขึ้นถึงขีดจำกัดและนางกรีดร้องเสียงดัง “หวังหลิน เจ้ามันคนน่ารังเกียจ เจ้าคนไร้ยางอาย! ข้าจะไม่มีวันให้อภัยเจ้า!”
หวังหลินถอนหายใจอย่างโล่งอก พรสวรรค์ของเหยาซีเชว่นับว่าอัศจรรย์จริงๆ ตอนนั้นนางกำลังเปลี่ยนความเกลียดชังที่มีต่อเขาให้กลายเป็นการรู้แจ้งเพื่อบรรลุเต๋าผ่านความเกลียดชัง นั่นเป็นจุดที่ความกระจ่างชัดออกมาจากดวงตาของนาง หากนางสำเร็จเมื่อนั้นหวังหลินคงไม่สามารถผนึกนางเพียงแค่ผนึกแห่งชีวิตได้แน่นอน!
นั่นเป็นเหตุผลที่หวังหลินถอดเสื้อผ้าของนาง กระตุ้นร่างของนางด้วยปราณสวรรค์จนกระทั่งความกระจ่างในแววตาหายไปและทำลายสภาวะที่นางพึ่งเข้าถึง
หวังหลินเอ่ยอย่างนุ่มนวล “มีผนึกอยู่บนเจ้าน้อยเกินไป!” หวังหลินขยับฝ่ามือสร้างกฏเกณฑ์นับไม่ถ้วนร่อนลงบนร่างเหยาซีเชว่
กฏเกณฑ์ของหวังหลินได้สร้างวงโคจรอันโหดร้ายบนจุดสัมผัสอ่อนไหว ทำให้เกิดรูปแบบการกระตุ้นจากครั้งก่อนเข้าบุกรุกร่างกายของนาง นี่เป็นหนทางเดียวเพื่อไม่ให้นางฟื้นคืนความสภาวะรู้แจ้งเหมือนก่อนหน้านี้
หลังจากเสร็จสิ้น หวังหลินชี้ไปที่นาง กฏเกณฑ์ที่เขาได้เปิดขึ้นมาเริ่มปิดทันที พวกมันเปลี่ยนกลับเป็นลูกแก้วอีกครั้งและหวังหลินเก็บไว้ข้างในกระเป๋า
“ลูกสาวของบรรพชนโลหิตเป็นตัวปัญหา มีเพียงทางเดียวที่จะต่อกรกับนางได้คือหาสถานที่ลับเพื่อผนึกนาง แต่ว่าข้าต้องได้ความลับทั้งหมดจากนางก่อน! หากระดับบ่มเพาะของข้าบรรลุขั้นเทวะ ข้าจึงสามารถใช้วิชาค้นวิญญาณได้ หากข้าใช้ตอนนี้และเกิดผิดความผิดพลาดไปฆ่านางเข้าจะเกิดปัญหาใหญ่ในอนาคต!”
เวลาได้ผ่านไปและอีกสองเดือนให้หลังก็ผ่านอย่างรวดเร็ว เหลืออีกเพียงไม่กี่วันจะถึงคำสัญญาที่เขาให้ต่อแม่ทัพปิศาจ วันนี้หวังหลินเดินออกมาจาหุบเขาพร้อมกับโอวหยางฮัวเดินตามจากด้านหลัง
หวังหลินเอ่ยเบาๆ “หลังจากข้าจากไปแล้ว ให้ส่งคนหลายร้อยคนไปที่เผ่าข้างเถียงตามขนาดของเผ่าพวกนั้น ใช้วิธีไหนก็ได้เพื่อเข้าร่วมกับเผ่าอื่น!”
“ใช้ดวงวิญญาณเพื่อต่อต้านการล้างความทรงจำ เมื่ออยู่ข้างในให้เริ่มสอนวิชาหลอมวิญญาณให้คนเรียนรู้มากๆ ส่วนรายละเอียดนั้นข้าจะให้เจ้าเตรียมการด้วยตัวเอง!”
โอวหยางฮัวตอบรับเบาๆ
หวังหลินนำหินหยกออกมาก้อนหนึ่งและส่งมันให้โอวหยางฮัว “วิชาหลอมวิญญาณจริงๆแล้วมีสองส่วน ส่วนแรกคือการหลอมวิญญาณและส่วนที่สองคือการแยกวิญญาณ ห้ามสามารถสอนให้ใครก็ตามที่ไม่ใช่ศิษย์หลัก จำเรื่องนี้ไว้ให้ดี!”
โอวหยางฮัววสูดหายใจลึกรับหินหยกด้วยความระมัดระวัง หลังจากอ่านมันเขาบดขยี้และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ท่านบรรพชน ข้าจดจำมันแล้วแลจะไม่ลืมเลือนคำพูดของท่าน วิชานี้จะถูกสอนให้แก่ศิษย์หลักของเผ่าหลอมวิญญาณเท่านั้น!”
หวังหลินพยักหน้าและยื่นฝ่ามือขึ้นสู่ท้องฟ้า หมอกสีดำทั้งหมดที่ครอบคลุมเหนือเผ่าได้รวบรวมเข้ามาในฝ่ามือหวังหลินทันทีก่อเกิดเป็นธงยาวสามสิบฟุต จากนั้นเขากลืนกินมันเข้าไปในวิญญาณต้นกำเนิด
จากนั้นหวังหลินนำธงวิญญาณธรรมดาออกมาหลายผืนและโยนพวกมันขึ้นสู่ท้องฟ้า สร้างหมอกสีดำเพื่อปกคลุมท้องฟ้าอีกครั้ง
หลังทำเรื่องทั้งหมดนี้ หวังหลินก้าวไปข้างหน้าและเลือนหายไปทันที
เสียงหนึ่งดังออกมาเข้าสู่โสตประสาทของโอวหยางฮัว
“ตอนที่ข้ากลับมา ข้าหวังว่าเผ่าของเราจะมีคนมากกว่าล้านคน!”
โอวหยางฮัวคุกเข่าลงบนพื้นและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ข้าจะไม่ทำให้ท่านบรรพชนผิดหวัง!” แม้คำพูดนี้จะส่งไปถึงหวังหลินที่อยู่ห่างออกไปไกลแล้ว มันก็ยังเป็นคำมั่นสัญญาให้กับตัวเองอีกด้วย!
หวังหลินเคลื่อนร่างผ่านท้องฟ้าสร้างเป็นริ้วแสงพุ่งตรงไปทางเมืองปิศาจโบราณ
“ข้าสงสัยเหลือเกินว่าเหล่าพยัคฆ์และมังกรแบบไหนที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองหลวงของแคว้นปิศาจฟ้า มีคนมาจากดาวเทียนหยุนมากมายเช่นกัน ข้าจะได้เจอใครในการเดินทางครั้งนี้…”
“มีทั้งคนจากสำนักกระบี่ต้าหลัวกว่าสิบคน หากข้าเจอสักคนข้าต้องจับเขาและถามเรื่องราวของโจวยี่!” หวังหลินขบคิดแต่ความเร็วไม่ได้ลดลงเลยและร่างกายเลือนหายไปเหนือเส้นขอบฟ้า
แม่ทัพปิศาจหยุนลี่ไฮ่สวมชุดสีเขียวยืนอยู่เหนือประตูตะวันออกของเมืองปิศาจโบราณ ด้านหลังเขาคือหัวหน้าผู้บัญชาการและผู้บัญชาการหลายคน
หยุนลี่ไฮ่มองออกไปไกลและไม่ได้กล่าวคำพูดอะไรสักคำ
หลังผ่านไปพักใหญ่ หยุนลี่ไฮ่ถอนสายตาและหันกลับมามองเมืองปิศาจโบราณ ในแวบเดียวกันนั้นเขาเห็นซากปรักหักพักที่อยู่ตรงกลางของเมือง
หยุนลี่ไฮ่คิด ‘หลังข้าจากไปครั้งนี้แล้ว ข้าจะไม่กลับมาอีกและจะมีแม่ทัพปิศาจอีกคนมาครอบครองที่นี่แทน ซากปรักหักพังนี้ไม่มีสิ่งใดที่ข้าต้องทำแล้ว!’
“น่าเสียดายที่ฉือซานถูกหวังหลินเอาไป ข้าจึงหลอมวิชาร่างปิศาจได้สิบเจ็ดตนเท่านั้น…แต่หากหวังหลินช่วยข้าครั้งนี้จริงๆ ข้ามั่นใจว่าข้าจะสามารถเข้าไปอยู่ในสามอันดับแรกของการแข่งขันแม่ทัพปิศาจได้! จากนั้นข้าจะได้คุณสมบัติในการเข้าไปอารามปิศาจเพื่อฝึกฝนและเมื่อข้าออกมาข้าจะเป็นรองผู้บัญชาการสูงสุด!” หยุนลี่ไฮ่สูดหายใจลึก สายตาเพ่งพินิจออกไปไกลและเผยรอยยิ้ม
“คนคนนี้เป็นคนไม่กลับคำพูดจริงๆ!”
หยุนลี่ไฮหัวเราะและส่งเสียงตะโกนออกมา “น้องหวัง ข้าอยู่นี่!”
หวังหลินปรากฏตัวกลางท้องฟ้าเหนือประตูตะวันออก สายตามองไปที่กลุ่มหนึ่งก่อนจะร่อนลงมาหาหยุนลี่ไฮ่ “ข้าทำให้พี่โม่ต้องรอเสียแล้ว!” หวังหลินยิ้ม
“ไม่มีปัญหา การเดินทางครั้งนี้สำคัญอย่างมากสำหรับข้า ข้าต่างหากต้องพึ่งน้องหวัง!” หยุนลี่ไฮ่ก้าวหนึ่งครั้งและปรากฏตัวเบื้องหน้าหวังหลิน
หวังหลินหัวเราะ “ไม่มีปัญหา!”
“ข้าจะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายสามจุดเพื่อไปถึงเมืองหลวง น้องหวัง เราไปกันเถอะ!” แสงสีแดงสองเส้นข้ามผ่านเมืองปิศาจโบราณออกไปไกล ทิ้งไว้แต่เพียงเสียงดังสนั่นเท่านั้น