600. ผลทะยานสวรรค์
ในขณะนี้ในหอคอยทมิฬซึ่งตั้งอยู่ในสนามรบโบราณ หมวกเกราะบนชั้นสูงสุดของหอคอยปรากฏดวงไฟสองดวงส่องสว่างขึ้น
“เขาพึ่งบรรลุขั้นเทวะ ดังนั้นพลังต้นกำเนิดจึงยังไม่ได้หลอมรวมกับร่างกายอย่างสมบูรณ์จำเป็นต้องใช้เวลาถึง 49 วันเพื่อให้หลอมรวมได้อย่างสมบูรณ์ นี่เป็นสิ่งที่ข้ารอคอยมาสิบปีเต็ม…”
แสงภายในชุดเกราะกระพริบถี่ขึ้น และเกิดเสียงคำรามราวฟ้าผ่ามาจากด้านนอกหอคอยทมิฬ ในขณะเดียวกันวังวนสีดำขนาดมหึมาก็ปรากฏตัวขึ้นกลางท้องฟ้า
วังวนนี้มีขนาดใหญ่เรื่อยๆ เมื่อมันหมุนราวกับสามารถดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกเข้าไป ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี แม้แต่ดวงวิญญาณมากมายในสนามรบก็เริ่มสั่นสะเทือน
แสงจากหอคอยส่องสว่างเจิดจ้าพร้อมกับกระจายสัมผัสวิญญาณออกไปจากหอคอยและครอบคลุมทั้งสนามรบโบราณทั้งหมดอย่างรวดเร็ว พื้นบางส่วนของสนามรบยุบตัวลงและในไม่ช้ากระดูกสีดำหลายชิ้นลอยขึ้นมาจากใต้ดินเข้าไปบนท้องฟ้า
กระดูกเล็กๆเหล่านี้ผสานกันกลางท้องฟ้าอย่างรวดเร็วก่อเกิดเป็นกระดูกแขนสีดำท่อนหนึ่ง
แขนกระดูกสีดำลอยไปทางหอคอยและหยุดลงใต้กระแสวังวน
“ข้าไม่ได้รวมพลังไว้มากดังนั้นจึงไม่ควรลงมืออย่างลวกๆ อีกทั้งที่ที่เขาอยู่ตอนนี้ก็เป็นสถานที่ที่ข้าไม่ต้องการไป!” แสงน่ากลัวจากชุดเกราะส่องประกายอีกครั้งและแขนข้างหนึ่งหลุดออกมา มันปลดปล่อยเพลิงปิศาจก่อนจะลอยออกจากหอคอยตรงเข้าหาแขนกระดูก
ขณะที่เกราะสัมผัสแขนเหี่ยวแห้ง มันผสานตัวเองเข้าด้วยทันที เมื่อผสานกับแขนอย่างสมบูรณ์ แขนข้างนั้นแตกต่างจากก้อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง มันเต็มไปด้วยปราณปิศาจ
“ไปนำพลังดั้งเดิมกลับมา!” แขนสั่นสะท้านก่อนที่จะหายตัวไปในกระแสวังวน
“มีเพียงเซียนขั้นเทวะเท่านั้นที่มีพลังดั้งเดิมอยู่ในร่างกาย แย่นักที่ข้าบาดเจ็บสาหัส การดึงพลังดั้งเดิมออกจากเซียนขั้นเทวะถือว่ายังห่างไกล ข้าจึงเลือกโจมตีคนที่พึ่งทะลวงระดับและขโมยพลังดั้งเดิมมาได้เท่านั้น” แสงน่ากลัวจากชุดเกราะซึ่งแขนหายไปข้างหนึ่งค่อยๆแสงสลัวลงจนหายไปในที่สุด
หวังหลินนั่งสมาธิอยู่ในถ้ำ เขาพ่นลมหายใจเหม็นๆออกมาและลุกขึ้นยืน หวังหลินนั่งอยู่ที่นี่มาสิบปี ดังนั้นจึงมีเสียงปะทุออกมาจำนวนมากก่อนที่ร่างจะกลับมาเป็นปกติ
หลังผ่อนคลายร่างกายแล้วสีหน้าหวังหลินเปลี่ยนไปและก็มองขึ้นไปบนผนังถ้ำ ตอนนี้วังวนสีดำปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ!
“นี่มัน…” สายตาหวังหลินหดแคบลง เขาอยู่ในถ้ำแห่งนี้มานานและไม่เคยเห็นวังวนนี้มาก่อน วังวนนี้ปรากฏออกมาได้จังหวะดีเกินไป มันปรากฏตัวขึ้นมาหลังจากที่เขาบรรลุขั้นเทวะ!
หวังหลินมีความระมัดระวังตัวตามธรรมชาติอยู่แล้ว เมื่อเขาเห็นกระแสวังวนปรากฏขึ้น เขารีบพุ่งเข้าหาประตูถ้ำทันที
ขณะที่พึ่งเคลื่อนไหว กระแสวังวนหมุนอย่างรวดเร็วขยายขนาด หวังหลินเปลี่ยนเป็นสายตาเย็นชาพลันตบกระเป๋าและนำป้ายสิทธิ์ออกมาโดยไม่ลังเล ฝ่ามือสร้างผนึกและในไม่ช้าร่างกายก็เลือนลางและหายวับไป
ชั่วพริบตา แขนกระดูกสีดำสวมเกราะออกมาจากกระแสวังวนและกวาดใส่หวังหลินอย่างรุนแรง!
การตวัดเข้ามานี้ทำให้ร่างที่กำลังหายไปของหวังหลินถึงกับสั่นสะเทือนแต่แล้วเขาก็หายตัวไปทันที
แขนกระดูกสีดำหยุดหนึ่งจังหวะก่อนจะกลับเข้าสู่กระแสวังวน และวังวนก็หายไป
ท้องฟ้าเหนือที่ราบกว้างไร้ขอบเขตแห่งแคว้นปิศาจอัคคีเกิดการบิดเบือนและหวังหลินก้าวเดินออกมา!
ใบหน้าหวังหลินมืดมน ใครก็ตามที่เจอสถานการณ์ประหลาดเช่นนี้ตอนที่บรรลุขั้นเทวะคงไม่รู้สึกยินดี
ในจังหวะที่เขาใช้ป้ายสิทธิ์เคลื่อนที่ออกไป แขนข้างนั้นแทรกแทรงการเคลื่อนที่ของเขาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณออกมาและพบว่าที่นี่แปลกหน้ากับเขาโดยสิ้นเชิง
ทันใดนั้นเองจุดสีดำปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้า จุดสีดำนี้หมุนวนเร็วขึ้นด้วยความเร็วเหนือจินตนาการและกลายเป็นวังวนยักษ์แทบในทันที
วังวนปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ แม้กระทั่งสัมผัสวิญญาณก็มิอาจตรวจจับการปรากฏตัวของมันได้ราวกับตำแหน่งที่มันเกิดขึ้นมาไม่มีอยู่จริง
หวังหลินจ้องจ้องกระแสวังวนด้วยใบหน้ามืดมน แต่คราวนี้เขาไม่ได้หลบหนี หวังหลินต้องการที่จะเห็นว่าแขนภายในวังวนนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน!
ในเสี้ยวพริบตาที่วังวนปรากฏขึ้น แขนหุ้มเกราะก็พุ่งออกมาและยื่นมือเข้าหาหวังหลิน!
การคว้านี้ไม่มีสายลมหรือก้อนเมฆไปด้วย ไม่มีความผันผวนจากวิชาที่แสดงให้เห็นออกมาราวกับคนธรรมดาแค่สะบัดแขน
หวังหลินขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ยกมือขวาขึ้นและเป็นครั้งแรกที่เขาใช้ดัชนีแห่งความตายในขั้นเทวะ แสงสีดำขนาดใหญ่กว่าของเดิมนับสิบเท่าพร้อมกับเกลียวคลื่นพลังอยู่ภายใน!
แสงสีดำพุ่งดุจสายฟ้าเข้าปะทะกับแขนกระดูก ในขณะเดียวกันปราณปิศาจมหาศาลก็ออกมาจากเกราะของมัน ปราณปิศาจนี้ยังเป็นรูปร่างและขัดขวางดัชนีแห่งความตายในทันที
ทว่าปราณปิศาจประเมินดัชนีแห่งความตายหวังหลินน้อยเกินไป บางทีหากหวังหลิน ยังไม่บรรลุขั้นเทวะ ดัชนีแห่งความตายจะถูกทำลายทันทีเมื่อปะทะกับปราณปิศาจ แต่ตอนนี้หวังหลินอยู่ในขั้นเทวะตอนที่ใช้ดัชนีแห่งความตาย แม้ว่าแสงสีดำจะหยุดลงแต่พลังงานความตายภายในไม่สามารถหยุดได้ ในขณะที่พลังปราณปิศาจปะทะกับพลังแห่งความตาย พลังปราณปิศาจเลือนหายไปราวกับว่ามันถูกฝ่ายตรงข้ามดูดซับ
ทั้งหมดเกิดขึ้นในเสี้ยวพริบตา
ขณะที่หวังหลินใช้ดัชนีแห่งความตายออกไป เขารับรู้ถึงพลังล่องหนสายหนึ่งที่กำลังเข้ามาหาได้ทันที พลังนี้ดุจสายลมอ่อนโยนแต่ในขณะที่กระทบเข้าสู่ร่างกาย สีหน้าหวังหลินเปลี่ยนไปอย่างมาก!
หวังหลินสังเกตเห็นได้ทันทีว่าวิญญาณดั้งเดิมขั้นเทวะเกิดใหม่ของเขากำลังจะถูกดูดออกไปพร้อมพลังที่มองไม่เห็นดุจสายลมนี้!
แม้แต่จิตใจหวังหลินก็ไม่มิอาจต้านทานได้เลย แขนขวาก็ค่อยๆหมดเรี่ยวแรง วิญญาณดั้งเดิมกำลังเคลื่อนออกจากร่างกาย
แต่เมื่อเกิดความรู้สึกง่วงนอนขึ้น สายตาหวังหลินเริ่มเย็นลง เพราะวิญญาณดั้งเดิมกำลังจะออกจากร่าง หวังหลินจึงตัวแข็งทื่อและสูญเสียสติอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เขาไม่ได้ตื่นตระหนกแต่ทว่าเต็มไปด้วยจิตสังหารแทน!
เขาคือหวังหลิน ผู้ที่กล้าฝืนลิขิตสวรรค์ กล้าแม้กระทั่งต้องการฆ่าสวรรค์ เขาจะมาถูกสะกดด้วยวิชาแค่นี้น่ะหรือ? หวังหลินมีจิตใจแห่งการฆ่าฟันและจิตใจแห่งการฆ่าฟันและจิตสังหารเข้าปะทะกันจนก่อเกิดเป็นกลิ่นอายฆ่าฟันอันแข็งแกร่ง!
เสียงคำรามต่ำออกมาจากปากและกลิ่นอายฆ่าฟันมหึมาออกมาจากแววตา!
ภายใต้อำนาจของกลิ่นอายนี้ วิญญาณดั้งเดิมที่ออกไปได้ครึ่งทางนั้นถูกบังคับให้กลับมาทันที หลังวิญญาณดั้งเดิมกลับมาหวังหลินมองไปที่แขนข้างนั้นด้วยท่าทีเย็นชา
“ไม่ว่าเจ้าเป็นใคร อย่ามาก่อกวนข้า…” หวังหลินก้าวถอยและในเวลาเดียวกัน เขาใช้เคลื่อนที่พริบตาหลายรอบในครั้งเดียว ทันใดนั้นเขาก็หายวับไปทันที
แขนกระดูกไม่ได้น่ากลัวเลย สิ่งที่น่ากลัวก็คือปลอกแขนที่หุ้มไว้ตรงนั้น ดัชนีแห่งความตายของหวังหลินใช้หยั่งเชิงสถานการณ์เพื่อให้เขามองทะลุปลอกแขนได้ มีคนลึกลับมากมายในดินแดนวิญญาณปิศาจ หวังหลินพึ่งบรรลุขั้นเทวะและจำเป็นต้องใช้เวลาอีกหลายวันเพื่อให้วิญญาณดั้งเดิมหลอมรวมได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการสร้างปัญหามากมายในตอนนี้
ในขณะที่หวังหลินจากไป เกิดเสียงอุทานออกมาจากหอคอยทมิฬในสนามรบโบราณ
“ไม่สงสัยเลยว่าเขาคือเซียนฝืนลิขิตสวรรค์ เขาสามารถต่อต้านสายลมปิศาจสวรรค์ของข้าได้ด้วยจิตใจแห่งการฆ่าฟัน! แต่ยิ่งมันทำได้ดีเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งสนใจในพลังดั้งเดิมของมัน! ในดินแดนวิญญาณปิศาจ ผู้ฝึกฝนวิถีแห่งปิศาจโบราณไม่สามารถสร้างพลังดั้งเดิมได้ พลังดั้งเดิมปรากฏเฉพาะตอนที่เซียนบรรลุขั้นเทวะแล้วเท่านั้น ในหลายปีที่ผ่านมา เซียนเกือบทุกคนที่บรรลุขั้นเทวะในดินแดนวิญญาณปิศาจถูกข้ากลืนกินพลังดั้งเดิมแทบทั้งสิ้น…เจ้าไม่ใช่ข้อยกเว้น!
หวังหลินปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งหลังเคลื่อนที่พริบตา สถานที่แห่งนี้เป็นที่ราบลุ่มไร้ภูเขาและแม่น้ำ มีเพียงต้นไม้เหี่ยวแห้งทั่วบริเวณนี้ ทว่าสายตาพลันหรี่แคบทันทีเมื่อสังเกตเห็นกฏเกณท์บางอย่างในระยะไกล
“แขนนั่นมันคือตัวอะไรกัน?” หวังหลินขมวดคิ้วพลางลอยเข้าหากฏเกณฑ์
เมื่อเขามาถึงสถานที่ที่มีกฏเกณฑ์ตั้งอยู่ยิ่งเป็นสถานที่ที่แห้งแล้งมากกว่าก่อนหน้านี้ พื้นดินเต็มไปด้วยรอยร้าวเนื่องจากความแห้งแล้งและที่นี่ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ
กฏเกณฑ์ที่ปกป้องสถานที่แห่งนี้ไม่ได้ซับซ้อนมากนัก แต่กลับชนะในเรื่องของคุณภาพ ที่นี่มีกฏเกณฑ์น้อยกว่าหนึ่งพันจุดและพวกมันทั้งหมดเชื่อมโยงกัน เมื่อกระตุ้นหนึ่งกฏเกณฑ์นั่นหมายถึงกระตุ้นพวกมันทั้งหมด
แม้ว่าจะไม่ทรงพลังแต่ก็ยังคงมีประสิทธิภาพ แม่ทัพปิศาจทั่วไปก็ต้องคิดหนักหากจะทำลายกฏเกณฑ์พวกนี้เข้าไป ซึ่งแม้ว่าพวกเขาจะทำได้ก็ต้องใช้เวลามากในการทำแบบนั้น
หวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณออกมา ด้วยระดับการบ่มเพาะขั้นเทวะและความรู้เกี่ยวกับกฏเกณฑ์ กฏเกณฑ์เหล่านี้ไม่ได้ทำให้เขาสนใจ ที่เขาไม่สนใจก็คือสิ่งที่อยู่ข้างในและกำลังจะจากไป ทว่าวังวนสีดำพลันปรากฏขึ้นทำให้ดวงตาหวังหลินหรี่แคบอีกครั้ง
“ดูเหมือนจะมีวิญญาณบางอย่างตามล่าข้าอยู่!” หวังหลินขมวดคิ้ว สายตายิ่งเย็นชาลง วังวนสีดำนี้ก่อตัวเบื้องหน้าเขาและทำให้มีจิตสังหารปรากฏอีกครั้งในใจหวังหลิน เขาพ่นลมหายใจเย็นและตรงเข้าไปในกฏเกณฑ์นับไม่ถ้วนพวกนั้นอย่างรวดเร็ว
ด้วยความเข้าใจในกฏเกณฑ์ของหวังหลิน เขาสามารถทำลายกฏเกณฑ์ที่มีระดับเดียวกับถ้ำของเทพได้ ดังนั้นกฏเกณฑ์เบื้องหน้าเขาจึงไม่มีอะไรท้าทาย เพียงแค่ชำเลืองมอง กฏเกณฑ์นับไม่ถ้วนกระพริบผ่านดวงตา จากนั้นร่างกายเลือนหายเข้าไปในกฏเกณฑ์
ความสามารถของกเกณฑ์นี้ นอกจากป้องกันบุคคลภายนอกไม่ให้เข้ามา มันยังสร้างภาพลวงตาเพื่อซ่อนสิ่งที่อยู่ข้างในได้อีกด้วย ทว่าหวังหลินเคยทำลายกฏเกณฑ์นับไม่ถ้วนดังนั้นเขาจึงสามารถเคลื่อนผ่านพวกมันโดยไม่ให้กระตุ้นออกมาได้ง่ายๆ หลังจากผ่านกฏเกณท์มาแล้ว ฉากเบื้องหน้าเขาแตกต่างจากสิ่งที่เห็นภายนอกอย่างสิ้นเชิง
สถานที่แห่งนี้ยังคงเป็นที่ราบ แต่พื้นดินถูกแบ่งออกเป็นหลายแปลงและปลดปล่อยกลิ่นหอมประหลาด
“เอ๊ะ?” หวังหลินประหลาดใจเนื่องจากไม่คาดคิดว่าจะพบกับอะไรเช่นนี้ สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งขึ้นก็คือมีสิ่งเดียวที่เติบโตอยู่ที่นี่!
“ผลไม้ทะยานสวรรค์…” ท่าทีของหวังหลินเริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ตอนนี้กฏเกณฑ์โดยรอบเริ่มพังทลายไปเนื่องจากกระดูกสีดำฝืนทำลายกฏเกณฑ์นับไม่ถ้วนเข้ามา