604. สิบปีแห่งการรู้แจ้ง เต๋าเปลี่ยนเป็นอเวจี
ไม่ใช่ว่าทหารปิศาจทั้งแสนนายจะไม่สามารถจัดการกับเซียนขั้นเทวะได้ แต่ต้องเป็นเซียนขั้นเทวะที่ไม่ใช่หวังหลินเท่านั้น เมื่อเซียนขั้นเทวะทั่วไปเจอกับทหารปิศาจแสนคน แม้ว่าเขาจะสามารถใช้วิชาเซียนฆ่าพวกทหารได้แต่ทหารปิศาจแสนนายก็สามารถต่อสู้กับเซียนขั้นเทวะได้เช่นกันโดยการผสานปราณปิศาจให้เป็นหนึ่งเดียวและก่อตั้งค่ายกล
แต่ในตอนนี้หวังหลินบ้าคลั่งมากเกินไปจนไม่กลัวความตาย เช่นนั้นเขาจะมาคิดเรื่องทหารปิศาจพวกนี้ด้วยหรือ?
ศาสตร์สังหารเทพของเขาจำเป็นต้องฆ่าให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มพลังขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินถูกกระตุ้นโดยพลังของผลทะยานสวรรค์และเขามีปราณสวรรค์มากมายในร่าง เช่นนั้นเขาจะถูกทหารปิศาจแสนนายหยุดไว้ได้หรือ?
ถ้ามีทหารปิศาจมากกว่านี้สักห้าเท่า หวังหลินจะต้องแพ้อย่างแน่นอน แต่เขาจะไม่แพ้เมื่อเผชิญหน้ากับพวกมันเพียงแสนคน!
พลังงานสังหารพุ่งผ่านทหารปิศาจอย่างบ้าคลั่ง เสียงโหยหวนกรีดร้องออกมาจากทหารปิศาจ ปราณปิศาจที่รวมตัวกันกลายเป็นรูปแมงป่อง!
แมงป่องที่สร้างจากปราณปิศาจมีร่างกายขนาดใหญ่มาก หางแมงป่องราวกับสามารถทำให้พื้นที่แตกกระจายได้ตอนที่มันโจมตี
ชายกลางคนยืนอยู่บนกำแพงกล่าวด้วยสีหน้ามืดมน “ไปฆ่ามัน!”
แม่ทัพปิศาจรอบตัวเขาทั้งหมดพุ่งออกไปหาหวังหลิน
หวังหลินรับรู้ถึงจิตสังหารที่ส่งมาถึงเขามากกว่าสิบสาย เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและชี้นิ้วก้อยเข้าหา
ดัชนีนรก!
ดัชนีนรกที่ถูกใช้ด้วยพลังขั้นเทวะ หนึ่งดัชนีสามารถอัญเชิญนรกอเวจีขึ้นมาได้ หลังจากที่เขตแดนและวิญญาณดั้งเดิมของเขาผสานเข้าด้วยกัน ดัชนีนี้จึงเป็นตัวแทนของการเปลี่ยนชีวิตและความตาย ในขณะที่พลังดัชนีปรากฎขึ้น สายฟ้านับไม่ถ้วนปรากฏไปทั่วท้องฟ้า สายน้ำขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
สายน้ำนี้คือก้อนเมฆที่มีเศษแขนขานับไม่ถ้วนไหลอยู่ภายใน นอกจากนี้ยังมีวิญญาณมากมายที่เวียนว่ายอยู่ ใบหน้าของมนุษย์มากมายสามารถมองเห็นได้ภายในน้ำ!
เพียงหวังหลินสะบัดนิ้วก้อย คลื่นยักษ์พลันเกิดขึ้นภายในสายน้ำและตกมาจากฟากฟ้า มันไหลลงมาเหมือนน้ำท่วมพร้อมด้วยสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่ภายใน
เมื่อสายน้ำจากนรกตกลงมาจากฟากฟ้า ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม เขตแดนแห่งชีวิตและความตายได้ถูกกระตุ้น!
แม่น้ำอเวจีนี้เป็นสิ่งที่เขารู้แจ้งในช่วงสิบปีที่ใช้เวลาหลอมรวมวิญญาณดั้งเดิมและเขตแดนเข้าด้วยกัน แม่น้ำสายนี้ไม่ได้เป็นของฟ้าดิน มันถูกหวังหลินสร้างขึ้นมาและมีเพียงเขาเท่านั้นที่ควบคุมมันได้ เขาได้เข้าใจวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ของสวรรค์ ช่วงเวลาสิบปีในการรู้แจ้งนั้นหวังหลินจึงใช้ดัชนีนรกในการสร้างแม่น้ำอเวจีอันไร้ขอบเขตแห่งนี้ขึ้นมา!
ในจังหวะที่ขุนพลปิศาจพุ่งออกไป พวกเขาถูกชำระล้างโดยแม่น้ำอเวจีที่ไหลลงมาจากฟากฟ้าและถูกกักขังอยู่ภายใน
ขุนพลปิศาจระเบิดเสียงอุทานออกมา ไม่อาจเชื่อได้ว่าเด็กหนุ่มด้านหน้านั้นแข็งแกร่งขนาดนี้!
หนึ่งวิชาก็สามารถขังแม่ทัพปิศาจส่วนใหญ่ได้! แม้ว่าพวกเขาไม่อาจมองทะลุวิชานี้ได้อย่างสมบูรณ์ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่พอจะพบร่องรอยอะไรบางอย่างได้!
ชายวัยกลางคนบนกำแพงเปลี่ยนสีหน้าไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวและเผยใบหน้าไม่เชื่อสายตา
“นี่ … นี่มันเป็นไปไม่ได้ … เขาเป็นเพียงขั้นเทวะเท่านั้นแต่กลับมีเต๋าที่น่ากลัวจนสามารถสร้างแม่น้ำอเวจีด้วยพลังตัวเองได้ขนาดนี้!”
“ระดับการบ่มเพาะรูปแบบนี้ได้บรรลุขอบเขตเต๋าแห่งสวรรค์ของขั้นที่สองไปแล้ว!”
การสร้างวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ของตัวเองด้วยแม่น้ำอเวจีที่เกิดขึ้นจากเต๋าคือเป็นความก้าวหน้าที่ใหญ่ที่สุดในช่วงสิบปีที่ผ่านมาในการฝืนลิขิตสวรรค์! แต่เต๋านี้ยังแค่เลือนลางในใจหวังหลินเท่านั้น นอกจากนั้นเวลาสิบปีของความรู้แจ้งในเต๋ายังคงน้อยเกินไป
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขากำลังถูกกระตุ้นด้วยพลังของผลทะยานสวรรค์ ดังนั้นขอบเขตของจิตใจจึงบรรลุถึงระดับใหม่ เพิ่มกับพลังปราณสวรรค์ภายในร่างของเขา ผลก็คือทั้งสองสิ่งสามารถทำให้รูปแบบความคิดอันเลือนลางให้สมบูรณ์และทำให้มันกลายเป็นจริงขึ้นมา!
นี่คือก้าวที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาในฐานะผู้ฝึกตน! เมื่อเขาก้าวมาขั้นนี้แล้วจะมีเต๋าที่เป็นของตัวเองจริงๆ! ในช่วงเวลานั้นเขาจะไม่ใช่เซียนที่ฝึกฝนภายใต้ฟ้าดิน ความอมตะหรือเหล่าเทพอีกต่อไป เขาจะกลายเป็นผู้ใช้เต๋า! เป็นคนที่ฝึกฝนเต๋า!
แม่น้ำอเวจีได้กวาดผ่านกลุ่มคนและยกแม่ทัพปิศาจมากกว่าสิบกลับมาด้วย! แม่ทัพปิศาจที่ติดอยู่ในแม่น้ำอเวจีพยายามดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง การต่อสู้ดิ้นรนของแต่ละคนทรงพลังมากแต่ทำให้แม่น้ำอเวจีลดลงเพียงน้อยนิด!
หวังหลินเปลี่ยนเป็นเงาพร้อมกับดวงตาแดงฉานมุ่งหน้าเข้าสู่แม่น้ำอเวจี เมื่อเขามาถึง แม่น้ำอเวจีกลับมั่นคงราวภูเขาไท่!
“ใครก็ตามที่คิดจะฆ่าจะข้าจะถูกขังอยู่ในแม่น้ำอเวจีของข้า นี่คือวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ที่ไม่ได้ถูกสวรรค์ควบคุม! ” เสียงของหวังหลินกระจายออกจากเต๋า ผสานเข้ากับแม่น้ำอเวจีจึงกลายเป็นพลังแห่งการเกิดใหม่!
แม่น้ำอเวจีหมุนตัวกลับและเลือนหายไปจากโลกใบนี้ ขุนพลปิศาจมากกว่าสิบก็หายไปพร้อมกับมันด้วย!
แมงป่องที่สร้างขึ้นจากทหารปิศาจพลันสลายไปด้วยเช่นกัน ขณะที่พลังสังหารกว่าสามหมื่นเส้นเคลื่อนผ่านพวกเขาจึงถูกควันสีเทาลากไปด้วย
เส้นสายทั้งหมดพุ่งตรงเข้าหาหวังหลินที่เดินไปหาเมืองอย่างเชื่องช้า คล้ายกับควันสีเทาเป็นเสื้อคลุมขนาดยักษ์บนหลังหวังหลิน ทว่าเสื้อคลุมนี้ใหญ่จนอาจปกคลุมทั้งผืนปฐพี
สีหน้าของชายกลางคนบนกำแพงกลายเป็นซีดเผือด ลำคอรู้สึกแห้งผาก เขาถอยกลับราวกับไม่มีพลังอำนาจพอที่จะต่อต้านชายเบื้องหน้าได้
“ระดับการบ่มเพาะของข้าเท่าเทียมกับมัน เราทั้งคู่ต่างเป็นขั้นเทวะระดับต้น ทั้งมันยังได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นเดิมทีข้ามั่นใจถึงสิบส่วนที่สามารถฆ่ามันได้แต่ตอนนี้ความมั่นใจของข้าเหลือไม่ถึงหนึ่งส่วน…คนผู้นี้มีเต๋าของตัวเองแล้วและแม่น้ำอเวจีนั้นก็น่ากลัวเกินไป! จักรพรรดิปิศาจยังบอกให้รออยู่ที่นี่…”
ชายกลางคนกัดฟันแน่นและเริ่มหนีถอยราวคนบ้า เขาหยิบกระดูกสีดำขนาดเท่ากำปั้นออกมาและบดขยี้โดยไม่ลังเลทันที ขณะที่กระดูกแตกออกพลันปรากฏเส้นควันสีดำโผล่ออกมาล้อมรอบเขาและเคลื่อนพาหนีออกไปทันที
กระดูกสีดำนี้เป็นของที่มีค่ามาก มันสามารถพาคนเคลื่อนที่พริบตาไปที่เมืองหลวงได้โดยตรง ซึ่งมีเพียงหัวหน้าผู้บัญชาการสูงสุดและรองผู้บัญชาการเท่านั้นที่มี!
หวังหลินดวงตาแดงก่ำสีเลือด เพียงสะบัดแขนคราเดียวทหารปิศาจทั้งหนึ่งแสนคนกลายเป็นพลังสังหารหนึ่งแสนเส้นในทันที เพิ่มกับสามหมื่นเส้นก่อนหน้านี้ทำให้พลังสังหารหนึ่งแสนสามหมื่นเส้นพุ่งออกไป!
ขณะที่ชายกลางคนเลือนหายไป เส้นใยพลังสังหารหนึ่งแสนสามหมื่นไล่ตามได้ทันอย่างรวดเร็ว!
ณ เมืองหลวงแห่งแคว้นปิศาจอัคคีมีค่ายกลเคลื่อนย้ายอันหรูหราอยู่แห่งหนึ่งซึ่งมีเพียงหัวหน้าผู้บัญชาการและรองผู้บัญชาการเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ ตอนนี้หัวหน้าผู้ดูแลของแคว้นปิศาจอัคคีกำลังฝึกฝนอยู่ถัดจากค่ายกลอย่างเงียบๆ
เขาพลันลืมตาขึ้นและเผยยิ้มออกมาเมื่อค่ายกลเคลื่อนย้ายเปิดใช้งาน เขารู้ได้ว่าท่านหัวหน้าผู้บัญชาการหรือรองผู้บัญชาการได้กลับมาแล้ว
“ใครกลับมากันนะ…” เขาลุกยืนขึ้นและหันไปมองค่ายกล ทว่าสีหน้าความรู้สึกพลันเปลี่ยนไปทันที เขาจ้องค่ายกลและตะลึงงันอย่างสิ้นเชิง
ขณะที่ค่ายกลส่องสว่างขึ้นมา มีเพียงร่างที่แห้งเหี่ยวตกลงจากอากาศ สายตายังคงเปิดกว้างและเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ
การตายของรองผู้บัญชาการเป็นเรื่องใหญ่โตในดินแดนวิญญาณปิศาจ เสียงคำรามอย่างโกรธแค้นของจักรพรรดิปิศาจแห่งแคว้นปิศาจอัคคีดังสะท้อนไปทั่วทั้งเมืองหลวง
“หามันให้เจอ! หาว่าเซียนคนนั้นเป็นใครและฆ่ามันซะ ข้าไม่สนใจว่ามันจะมีสถานะอะไร ข้าต้องการให้มันตาย!”
เมื่อวังหลินออกจากเมืองชายแดนระหว่างแคว้นปิศาจอัคคีและแคว้นปิศาจฟ้า เขานำพลังสังหารหนึ่งแสนเส้นไปด้วย
พลังจากผลทะยานสวรรค์ในร่างของเขายังคงรุนแรง ไม่เพียงแค่เจตนาแห่งการต่อสู้ของเขาไม่ลดลงเท่านั้นแต่มันยิ่งเพิ่มมากขึ้นด้วย! จิตสังหารก็เช่นกัน!
หวังหลินพุ่งไปที่ตำแหน่งที่เขาสัมผัสถึงต้นตอของการโจมตีโดยเปลี่ยนเป็นอุกกาบาตอันรุนแรง!
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ลมหายใจเย็นเฉียบนั้นไม่เคยปรากฏขึ้นอีกเลย ร่างหวังหลินได้ฟื้นตัวขึ้นมาแล้วด้วยพลังชีวิตทั้งหมดที่เขาดูดซับมาระหว่างทาง ความจริงแล้วร่างหวังหลินกำลังถึงจุดสูงสุดก็ด้วยความช่วยเหลือจากพลังสังหาร
ณ หอคอยทมิฬซึ่งอยู่ในสนามรบโบราณ แสงไฟดวงหนึ่งกำลังกระพริบภายในชุดเกราะที่ปลอกแขนข้างหนึ่งหายไป ชายชราผู้หนึ่งกำลังนั่งคุกเข่าอยู่หน้าชุดเกราะ!
ชายชราคนนี้สวมชุดสีดำทั้งหมด เขาเป็นคนที่ช่วยฮัวเป่าเอาไว้!
“ข้าจะยกชิ้นส่วนชุดเกราะปิศาจจำนวนสามชิ้นให้ จงหยุดมันซะ ห้ามไม่ให้มันก้าวเท้าเข้ามาในสนามรบโบราณแห่งนี้ได้! ” สัมผัสวิญญาณส่งถ้อยคำสะท้อนในหอคอย ปลอกแขน เกราะอกและเกราะไหล่หลุดออกจากชุดเกราะทันที!
ขณะที่ชุดเกราะทั้งสามชิ้นหลุดลอยออกมา พวกมันเปลี่ยนเป็นเส้นใยสีดำที่เจาะเข้าไปในเสื้อผ้าของชายชรา เส้นใยสีดำเคลื่อนผ่านผิวหนังและปกคลุมทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว มันขยับไปเรื่อยๆและเมื่อมันหยุด ชุดเกราะสีดำหนึ่งชุดปรากฏทับบนร่างของเขา!
เกราะชุดนี้เรียบง่ายแต่กลับมีพลังชั่วร้ายมหาศาลออกมา มีภาพลวงตาขนาดเท่าท่อนแขนปรากฏออกมาจากพลังชั่วร้าย ภาพลวงตาคือเงาที่มีหนึ่งเขาซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตตัวเดียวกับที่หวังหลินทำลายไป
เมื่อมันปรากฏจึงพลันเข้าไปในหน้าผากของชายชราทันที ชายชราดูเหมือนอดทนกับความทรมานมาก เส้นเลือดทั่วร่างโป่งพองขึ้น เสียงร้องโหยหวนทรมานดังก้องออกไปไกล
หลังผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ร่างชายชราตัวสั่นเทา ดวงตาปรากฏลำแสงชั่วร้ายและกล่าวอย่างน้อบน้อม “ปิศาจตนนี้พร้อมรับคำสั่ง!”
“ไป!” ลำแสงน่ากลัวจากชุดเกราะมืดสลัวอย่างมาก สัมผัสวิญญาณที่ส่งคำสั่งออกมาเผยท่าทางอ่อนล้า
ชายชราไม่พูดมาก เขาลุกขึ้นยืนและเดินออกไปจากหอคอย จากนั้นทอดสายตาออกไปไกล ครุ่นคิดสักครู่และตะโกนขึ้น “ผู้พิทักษ์ปิศาจ ออกมา!”
หลังกล่าวเช่นนั้น พลันเกิดสายลมกรรโชกขึ้นเหนือทั้งสนามรบโบราณ สายลมนี้หนาวเย็นราวกับว่าหากพัดผ่านพื้นดินจะสามารถแช่แข็งได้
สายลมปิศาจนี้หมุนวนรอบชายชราเป็นวงกลมและกลายเป็นหญิงสาวสวมเกราะ มีรอยสักบนใบหน้านางและยังปกคลุมทั่วร่างกาย อย่างไรก็ตามเนื่องจากเกราะของเธอ รอยสักบางส่วนจึงถูกปิดบังเอาไว้
หลังปรากฎตัว นางคุกเข่าลงหนึ่งข้างและเอ่ยขึ้นเบาๆ “ผู้พิทักษ์ปิศาจสำเนียงสายลม มาแล้ว!” หากหวังหลินอยู่ที่นี่ เขาจะสังเกตนางได้ทันทีว่ามีความคล้ายคลึงกับแม่ทัพปิศาจเซี่ยเหลียน
หลังจากนั้นไม่นานแผ่นดินเกิดสั่นสะเทือนและเกิดการระเบิดมากมาย พื้นดินหนึ่งร้อยฟุตเบื้องหน้าชายชราระเบิดอย่างรุนแรง และแขนสีดำสนิทโผล่ยื่นขึ้น
ชายชราร่างผอมบางปีนขึ้นมาจากพื้น มือเท้าทั้งสี่ดุจสัตว์ป่า เขาหันศีรษะไปมองชายชราและยิ้มขึ้นมา “ผู้พิทักษ์ปิศาจ มารปฐพี มาแล้ว!”
ในขณะนั้นเอง เส้นขอบฟ้าเต็มไปด้วยเศษเสี้ยววิญญาณและคลื่นเสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมา เศษเสี้ยวดวงวิญญาณเหล่านี้ก่อเป็นเมฆดำยักษ์ปกคลุมท้องฟ้า ก้อนเมฆนี้มีเศษเสี้ยวดวงวิญญาณไม่น้อยกว่าร้อยล้านดวงอยู่ภายใน!
ก้อนเมฆดำก่อตัวเป็นรูปทรงกรวย ด้านล่างปรากฏชายหนุ่มสีหน้าเบื่อหน่ายกำลังเดินเข้ามาอย่างช้าๆ เสียงคำรามจำนวนมากของเศษเสี้ยววิญญาณด้านหลังได้สะท้อนไปทั่วบริเวณ
“ผู้พิทักษ์ปิศาจฮัวเป่า มาแล้ว!”