Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 612

Cover Renegade Immortal 1

612. วิญญาณดั้งเดิมดวงที่สอง

ณ​ ภายในทะเลสาบมังกรที่อยู่ด้านนอกเมืองปิศาจฟ้า!

ที่นี่มีทหารปิศาจำนวนมากปกป้องทะเลสาบมังกรไว้ตลอดทั้งปี ทั้งยังมีผู้เก่งกาจของเมืองหลวหลายคนซ่อนตัวฝึกฝนอยู่ที่นี่ พวกเขาจะไม่ปรากฏตัวออกมาไม่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะยิ่งใหญ่แค่ไหน เว้นแต่จะมีเป้าหมายมาที่ทะเลสาบมังกรแห่งนี้

ต้องขอบคุณพลังปิศาจอันทรงพลังที่นี่ แม้กระทั่งทัณฑ์สวรรค์เมื่อสิบปีก่อนก็ไม่อาจทำให้มันได้รับความเสียหายอันใด

น้ำในทะเลสาบเต็มไปด้วยพลังปราณปิศาจ มีโลกอีกใบอยู่ข้างใต้นั้นพร้อมกับม่านปราณปิศาจขัดขวางเส้นทางเพื่อเข้าสู่ถ้ำใต้ผืนดิน

ภายในถ้ำใต้ดินมีรูปปั้นอยู่แห่งหนึ่ง รูปปั้นนี้มีสีดำล้วนและดูเหมือนปิศาจโบราณจริงๆ

ในดวงตารูปปั้นตอนนี้กำลังเรืองแสงปิศาจออกมา

ด้านล่างรูปปั้นมีแอ่งน้ำแหีหนึ่งแห่ง แอ่งน้ำนี้ไม่ได้มีของเหลวมากนักแต่ของเหลวที่ว่าเหนียวหนืดอย่างยิ่ง หวังหลินกำลังนั่งสมาธิอยู่ในแอ่งน้ำนี้ เขายังสวมชุดเกราะแต่ดวงตาปิดสนิท

ชายร่างยักษ์ที่ดูคล้ายหลิงเทียนโฮวกำลังนั่งด้านหน้าหวังหลิน ถูกห่อหุ้มด้วยผลึกสีม่วงไว้อย่างสมบูรณ์และแผลกัดกร่อนบนร่างกายค่อยๆฟื้นฟูอย่างช้าๆ

แสงปิศาจหลายเส้นออกมาจากรูปปั้นและเข้าสู่ร่างกายหวังหลิน ทุกครั้งที่แสงนี้เข้าไปในร่าง หวังหลินจะเกิดอาการสั่นเทา

มีมารตนหนึ่งอยู่ในวิญญาณดั้งเดิมของเขาซึ่งได้ถูกข่มเอาไว้ด้วยการช่วยเหลือของปิศาจโบราณ

มารตนนี้ตกอยู่ในอาการร่อแร่ เป้าหมายของหวังหลินไม่ได้เพียงแค่ข่มมันแต่เพื่อกลืนกิน!

หวังหลินต้องการกลืนกินมารตนนี้เพื่อช่วยเพิ่มระดับบ่มเพาะ!

แต่ว่าเจ้าเศษมารตนนี้ตัวใหญ่เกินไปและไม่ใช่สิ่งที่เขาจะกินได้ง่ายๆ หวังหลินนั่งอยู่ในบ่ออยู่หลายเดือนพร้อมกับค่อยๆกินเจ้ามารอย่างช้าๆแต่ยังไม่อาจกลืนกินมันได้อย่างสมบูรณ์

แม้จะเป็นแบบนี้ หวังหลินก็ยังสร้างกฏเกณฑ์นับไม่ถ้วนวางเอาไว้บนมัน หลังจากผ่านไปสองสามเดือน กฏเกณฑ์นับไม่ถ้วนได้วางอยู่บนมารร้ายเสร็จสิ้น

อีกทั้งด้วยความช่วยเหลือของปิศาจโบราณ หวังหลินจึงสามารถทิ้งรอยประทับไว้บนวิญญาณมารร้ายได้ แต่ว่าเจ้ามารร้ายตนนี้ทรงพลังเกินไป ตราประทับจึงอ่อนแอมาก มีเพียงเขตแดนข้ามผ่านกาลเวลาเท่านั้นที่สามารถทำให้หวังหลินสลักตราประทับไว้บนเจ้ามารร้ายจนกระทั่งสามารถควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์!

ในวันนี้หวังหลินพลันลืมตาตื่นขึ้น แสงชั่วร้ายภายในดวงตาเกิดการกระพริบวาบ

“ด้วยระดับบ่มเพาะของข้าตอนนี้จึงไม่สามารถกลืนกินมารตนนี้ได้ ข้าสามารถทำได้แค่สลักตราประทับไว้บนวิญญาณของมันไปเรื่อยๆ วันใดวันหนึ่งข้าจะสามารถควบคุมมันได้ในที่สุด ตอนที่เวลานั้นมาถึงค่อยกลืนกินมัน อีกตัวเลือกหนึ่งก็คือการหลอมมันให้กลายเป็นวิญญาณดั้งเดิมดวงที่สอง!”

วิญญาณดั้งเดิมดวงที่สองเป็นวิชาพิเศษที่มีแต่เซียนที่บรรลุขั้นเทวะเท่านั้นจึงจะสามารถใช้ได้ แต่ว่านี่ไม่ใช่วิชาที่คนทุกคนใช้แล้วจะสำเร็จไปหมด เหตุผลหลักก็คือตัวอ่อนที่ใช้สำหรับวิญญาณดั้งเดิมดวงที่สอง!

ความแข็งแกร่งของตัวอ่อนเป็นตัวกำหนดอัตราสำเร็จของการสร้างวิญญาณดั้งเดิมดวงที่สอง เมื่อเซียนคนนั้นสร้างวิญญาณดั้งเดิมดวงที่สองล้มเหลว พวกเขาจะเกิดพลังตีกลับ!

อีกทั้งวิญญาณดั้งเดิมดวงที่สองได้ทำให้เซียนโดนความเสียหายหนักกว่าเดิมซึ่งเป็นเหตุผลว่าเซียนขั้นเทวะส่วนใหญ่จึงเลือกจะไม่สร้างวิญญาณดั้งเดิมดวงที่สอง เซียนขั้นเทวะที่หวังหลินเจอมาไม่มีใครที่มีวิญญาณดั้งเดิมดวงที่สองและมีน้อยคนที่อยู่เหนือขั้นเทวะขึ้นไปจะมีสักคน

หวังหลินคิดขึ้น ‘นี่เป็นหนึ่งในเศษมารที่กระจัดกระจายของมารโบราณ ไม่มีตัวอ่อนใดที่จะเหมาะสมไปกว่าการสร้างวิญญาณดั้งเดิมดวงที่สองอีกแล้ว ข้ามั่นใจร้อยส่วนว่าข้าสามารถสร้างวิญญาณดั้งเดิมดวงที่สองได้สำเร็จ!’

“ตอนนี้วิญญาณดั้งเดิมและร่างกายข้าได้หลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์ ระดับบ่มเพาะขั้นเทวะของข้าเป็นรูปร่างจนไม่มีสิ่งใดสามารถทำอันตรายได้ มีอยู่ไม่กี่อย่างที่ข้าต้องทำทันที! ข้าต้องไปรับเศษปราณกระบี่ที่หลงเหลืออยู่ของหลิงเทียนโฮว การอยู่ในมือของเขาถือเป็นสิ่งไร้ค่า!” หวังหลินยืนขึ้นในแอ่งน้ำและดวงตาส่องสว่าง

เกราะบนร่างกายทำให้เขาดูคล้ายกับแม่ทัพปิศาจ เส้นผมยาวไสวสองข้างทำให้เขามีกลิ่นอายชั่วร้าย

หลังจากสัมผัสชุดเกราะ ดวงตาหวังหลินพลันเกิดร่องรอยความตื่นเต้น เกราะขุดนี้ทรงพลังมาก! มีพลังชั่วร้ายหนาแน่นออกมาจากชุดเกราะ ทว่าน่าเสียดายที่หวังหลินไม่สามารถดูดซับมันได้

“แม้จะเป็นแบบนี้ หากข้าใช้ดัชนีมารด้วยเกราะนี้ ข้ากลัวว่ามันกระทั่งทรงพลังมากกว่าแม่น้ำอเวจีของข้าเสียอีก! ระดับบ่มเพาะของข้าไม่ได้สูงเพียงพอจนสามารถทำให้เกราะตัวนี้ยอมรับข้าเป็นเจ้านาย แต่ข้าสามารถใช้ความสามารถบางอย่างของมันได้ อย่างไรก็ตามเมื่อข้าหลอมเจ้ามารร้ายเข้าไปในวิญญาณดั้งเดิมดวงที่สอง ข้าจะสามารถใช้พลังของชุดเกราะนี้ได้เต็มที่!” หวังหลินสัมผัสชุดเกราะก่อนจะนำสร้อยข้อมืออกมาจากกระเป๋า

ชั่วขณะที่สร้อยนี้ปรากฏขึ้นมันเปลี่ยนเป็นลำแสงสีดำห่อหุ้มรอบแขนหวังหลินและก่อร่างขึ้นมา

“เจ้าจะไปแล้วใช่ไหม…” เสียงปิศาจโบราณดังออกมาจากรูปปั้น

หวังหลินหันศีรษะกลับมา คำนับฝ่ามือให้กับรูปปั้นและกล่าวขึ้น “ผู้อาวุโสปิศาจโบราณช่วยข้าไว้สามครั้งแล้ว ข้าจะจดจำเรื่องนี้ไว้ในใจ! คราวนี้ข้าจะทำตามข้อตกลงของเรา! แต่ก่อนที่จะทำเช่นนั้นข้ามีเรื่องสองสามอย่างที่จำเป็นต้องทำและข้าจำเป็นต้องขอให้ผู้อาวุโสปิศาจโบราณช่วยเหลือ”

ปิศาจโบราณขบคิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “เรื่องอะไร?“

หวังหลินครุ่นคิดก่อนจะตบกระเป๋านำเจดีย์ที่โจวยี่ให้ออกมา

“ข้าต้องการค้นหาวิญญาณกระบี่ตนหนึ่ง หอคอยนี้มีสัมผัสวิญญาณของเขา ข้าขอให้ผู้อาวุโสปิศาจโบราณช่วยตามหามัน!”

ปิศาจโบราณกระจายสัมผัสวิญญาณออกมาและกล่าวขึ้น “ไม่มีตัวตนของวิญญาณกระบี่ตนนี้ในแคว้นปิศาจฟ้าของข้า ส่วนที่อื่นข้าไม่รู้ ดินแดนวิญญาณปิศาจกว้างใหญ่เกินกว่าข้าจำสำรวจหมด หากเจ้าสามารถช่วยข้านำมารโบราณมาได้สักตน ข้าจะสามารถเพิ่มระยะวิชาค้นหาออกไปได้หลังจากดูดซับมันแล้ว ตอนนี้ข้าไม่สามารถทำมันได้ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบัน หากเจ้ามีหอคอยมารโบราณ เจ้าก็สามารถกระจายสัมผัสวิญญาณออกมาได้เช่นกัน”

หวังหลินเก็บเจดีย์และพยักหน้า จากนั้นชี้ชายร่างยักษ์ที่ถูกห่อหุ้มด้วยผลึกสีม่วง “ข้าต้องการเขา!”

ครั้งนี้ปิศาจโบราณครุ่นคิดอยู่นานและจึงเอ่ยออกมา “ข้าจะยกให้เจ้า แต่เจ้าต้องนำมารโบราณมาให้ข้าภายในร้อยปี!”

สายตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นและพยักหน้า “ข้าต้องการเข้าไปในการสืบทอดมารโบราณและรู้แจ้งขอบเขตลึกลับนั่น! ข้าจะใช้มันเพื่อปรับแต่งวิชาของข้า!”

“เรื่องนี้ไม่ยาก แต่ข้าช่วยเจ้าหลายครั้งและเสร็จสิ้นสัญญาที่ข้าให้เจ้าไปแล้ว อีกนัยหนึ่งเจ้ายังทำเรื่องของข้ายังไม่เสร็จ ดังนั้นเราจะคุยเรื่องนี้อีกครั้งเมื่อเจ้าเอาปิศาจโบราณมา!”

หวังหลินยิ้มบาง “ก็ดี แต่ยากหน่อยที่ข้าจะทำเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเพียงคนเดียว”

“ตั้งแต่วันนี้ต่อไป เจ้าคือผู้งส่งสาส์นของข้า สถานะของเจ้าตอนนี้อยู่เหนือจักรพรรดิปิศาจ แคว้นปิศาจฟ้าของข้าจะเริ่มสงครามกับแคว้นปิศาจอัคคีอย่างเป็นทางการเพื่อเป็นการช่วยเจ้า เมื่อเจ้าเข้าไปในเมืองหลวงของแคว้นปิศาจอัคคี อย่าลืมวิชาที่ข้าให้ไว้กับเจ้าเสียเล่า!”

หวังหลินคำนับและยื่นมือเข้าหาชายร่างยักษ์ที่ถูกผลึกสีม่วงห่อหุ้ม จากนั้นก้าวเท้าและออกไปจากทะเลสาบมังกรตรงๆ พริบตาเดียวเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

เหตุผลที่เขาขอให้ปิศาจโบราณค้นหาโจวยี่และยอมให้เขาเข้าไปในการสืบทอดมรดกก็เพราะปิศาจโบราณช่วยเขาไว้มากแล้ว หากเขาช่วยอีกก็เหมือนว่าเขาไม่คิดว่ามันสำเร็จ ปิศาจโบราณอาจจะสงสัยในความจริงใจของเขา

การขอร้องทั้งสองอย่างนี้เป็นสิ่งที่หวังหลินต้องการให้ปิศาจโบราณช่วยจริงๆและไม่ใช่สิ่งที่เขาใช้ยืนกรานกับปิศาจโบราณ ด้วยวิธีนี้ปิศาจโบราณจะยิ่งต้องอดทนมากขึ้นไปอีก!

หวังหลินปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่าห่างจากเมืองปิศาจฟ้าไปห้าพันลี้ เขามองผลึกในมือก่อนจะเก็บมันไว้ในกระเป๋า

“คนคนนี้ต้องเกี่ยวข้องอะไรบางอย่างกับเซียนกระบี่หลิงเทียนโฮว ไม่แน่อาจจะมีวิธีใช้เขาในอนาคต!” หวังหลินเผยใบหน้าครุ่นคิด จากนั้นก้าวเท้าอีกครั้งและใช้วิชาเคลื่อนย้ายขั้นสูง

หวังหลินเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่อง เป้าหมายของเขาคือจุดที่ซื่อจูตาย หวังหลินไม่ยอมแพ้ง่ายๆดังนั้นจึงต้องไปตรวจสอบ นอกจากนั้นปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวนับว่าทรงคุณค่าเกินไป!

วิชาเคลื่อนย้ายขั้นสูงเป็นวิชาทรงพลัง หลังจากเรียกใช้งานมันหลายครั้งหวังหลินจึงเข้าสู่แคว้นปิศาจอัคคี

ซื่อจูตายอยู่ในป่าและพืชพันธุ์ส่วนใหญ่ที่นี่แห้งเหี่ยว มีเศษซากศพเน่าเปื่อยกองอยู่เต็มพื้นซึ่งพวกมันอยู่ที่นี่มาหลายเดือน

ทว่าศพของซื่อจูยังอยู่ที่นี่!

แสงสีทองอ่อนเรืองแสงออกมาจากซากศพ นกและสัตว์จำนวนมากตายอยู่รอบร่างศพนั้น ครั้งแรกที่พวกมันมาที่นี่ก็เพื่อรุมกินซากศพแต่ขณะที่พวกมันเข้าใกล้ศพของซื่อจูในไม่นาน พวกมันตายลงทันที

ณ วันนี้มีลำแสงสีฟ้าเส้นหนึ่งโผล่ออกมาจากพื้นที่ห่างไกล มันคือชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมสีฟ้า หลังจากกระจายสัมผัสวิญญาณออกมาเขาจึงพบซากศพของซื่อจูอยู่บนพื้น จากนั้นร่อนลงและมาถึงซากศพซื่อจูห่างออกไปร้อยฟุตทันที

“เป็นที่นี่ตามที่ข้าคาดการณ์ เขาต้องมีสมบัติอยู่บนร่างอยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นไม่มีทางที่ปราณกระบี่จะถูกปลดปล่อยออกไปได้!” ดวงตาของชายวัยกลางคนเต็มไปด้วยความสุขพร้อมกับจ้องซากศพของซื่อจู

ซื่อจูตายอยู่ไกลมาก หากไม่สำรวจดีดีก็คงยากที่จะหาศพร่างนี้พบ ด้วยวิธีการฝึกฝนของชายกลางคนจึงทำให้เขาควบคุมนกและพวกสัตว์ได้ แม้ว่าสัมผัสวิญญาณจะไม่แข็งแกร่งแต่ตอนที่เขากำลังบ่มเพาะอยู่นั้น นกที่เขาครอบครองร่างได้พบร่างศพนี้

เขาตกตะลึงและรับรู้สิ่งผิดปกติได้จึงรีบมาดูศพด้วยตัวเองทันที

เขามองร่างซื่อจูและสูดหายใจลึก จากนั้นสัมผัสกระเป๋านำด้วงสีดำตัวใหญ่ออกมาหลายตัว พวกมันลอยเข้าหาซากศพทันที

แต่ว่าเมื่อดวงดำเข้าใกล้ภายในระยะร้อยฟุต ร่างพวกมันเกิดแสงสีทองเจิดจ้า แสงสีทองกระพริบไม่กี่ครั้ง ดวงสีดำทั้งหมดระเบิดทันที

ชายกลางคนไม่ได้ตกใจแต่กลับมีความสุข เขามองร่างซื่อจูและพึมพำ “ต้องมีสมบัติอยู่แน่!” พลันสูดหายใจลึกแต่เพียงกำลังจะร่ายวิชาต่อไป สายลมเย็นโผล่ออกมาจากด้านหลัง

ชายคนนี้ตกใจ เขาหันกลับมาทันทีและสะบัดแขน ก้อนเมฆสีดำจำนวนมากลอยออกมาจากแขนเสื้อ ก้อนเมฆเหลานี้คือเหล่าแมลงจำนวนนับไม่ถ้วนขนาดเท่าเมล็ดข้าว พวกมันกระโจนเข้าใส่คนที่อยู่ด้านหลังเขา

เขาใช้โอกาสนี้ถอยกลับหลายก้าวและมองดู แต่ก็ต้องสูดลมหายใจเย็นเข้าปอด

มีคนผู้หนึ่งสวมเกราะดำยืนอยู่ตรงนี้และล้อมรอบไปด้วยคลื่นพลังชั่วร้ายมหึมา เหล่าแมลงที่เขาส่งออกไปพลันตายทันทีหลังจากเข้าใกล้เขา

สีหน้าชายกลางคนเปลี่ยนไปและก้าวถอยหลังอีก จากนั้นคำนับฝ่ามือและเอ่ยถาม “ทำไมสหายถึงมาขัดขวางข้าไม่ให้มารับร่างของศิษย์น้องร่วมสำนัก?”

“ศิษย์น้องร่วมสำนักของเจ้า?” คนที่อยู่ในชุดเกราะคือหวังหลิน หลังจากผ่านการเคลื่อนที่พริบตาระดับสูงมา หวังหลินมองเห็นคนผู้นี้มองร่างซื่อจูโดยที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข

“เขาคือศิษย์น้องของข้าแน่นอน เราเป็นศิษย์ของสำนักเฮหยุน คนผู้นี้นามว่าโจวคิ่ว และข้าชื่อถงหยุน เราสองคนมาดินแดนวิญญาณปิศาจด้วยกัน หนึ่งเดือนก่อนน้องโจวและข้าแยกทาง ข้าไม่คิดว่าเข้าจะมาถูกฆ่า! หากไม่ใช่ว่าศิษย์น้องมีสิ่งของติดตามตัวจากสำนักที่เรืองแสงสีทอง วันนี้ข้าก็คงไม่สามารถหาเขาเจอได้” ถงหยุนกล่าวอย่างเศร้าใจและวางท่าทางโศกเศร้า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!