Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 642

Cover Renegade Immortal 1

642. อสูรยุงหมอกม่วง

สายลมอ่อนพัดพาให้ต้นหญ้าบนพื้นพริ้วไสว เสื้อผ้าของชายหนุ่มและหญิงสาวต่างก็แกว่งไกวไปตามกันด้วย

ในแววตาชายหนุ่มได้หันมองพื้นด้วยความชื่นชมและยิ้มขึ้นมา “กฏเกณฑ์นี้รวมเอาเคล็ดกฏเกณฑ์โบราณไว้ด้วย…เอ๋…แฝงกฏเกณฑ์สวรรค์อีก ไม่ธรรมดาทีเดียว!”

หญิงสาวด้านข้างเล่นผมตัวเองข้างหู นางมอบนพื้นและพยักหน้าเบาๆ “เคล็ดกฏเกณฑ์โบราณมีฝีมือมาก แต่กฏเกณฑ์สวรรค์ยังอ่อนเล็กน้อย ดูเหมือนคนคนนี้พึ่งศึกษากฏเกณฑ์สวรรค์มา”

ชายหนุ่มพยักหน้าในเชิงเห็นด้วย “เขาต้องเป็นเซียนที่ได้รับมรดกจากเซียนโบราณแน่ คนที่มีฝีมือกฏเกณฑ์โบราณเช่นนี้ต้องฝึกฝนมาไม่น้อยกว่าหมื่นปี”

หญิงสาวข้างๆส่ายศีรษะและกล่าวอ่อนโยน “อาจจะไม่เป็นแบบนั้น ท่านยังไม่ได้เจอคนที่วางกฏเกณฑ์เลย”

ชายหนุ่มหัวเราะ “จวนเอ๋อ เจ้าพยายามทดสอบสามีใช่ไหม? เจ้าและข้ามาพนันกันจะว่าอย่างไร? หากคนที่วางกฏเกณฑ์ไม่ได้ฝึกฝนมาหมื่นปี นั่นถือว่าข้าแพ้ เอาไหม?”

หญิงสาวพยักหน้าและมองชายหนุ่มด้วยสายตาอ่อนละมุน “เพียงกฏเกณฑ์แค่เล็กๆนี้จะมาทำให้เทพเมฆาหวังเว่ยผู้สามารถมองทะลุกฏเกณฑ์สวรรค์ได้หมดมีท่าทีสนใจได้อย่างไร?”

ชายหนุ่มยิ้มและส่ายศีรษะ “เจ้ากำลังหลีกเลี่ยงปัญหา ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะมองกฏเกณฑ์พวกนี้ไม่ออก แม้มันจะอ่อนด้อยแต่คิดมาอย่างดีแล้ว พวกมันซ่อนไว้อย่างแยบยล ดูกฏเกณฑ์พวกนี้สิ หากใครคนอื่นที่ไม่ใช่เราสองคนและประมาทไปเล็กน้อยก็คงไม่รับรู้ถึงกฏเกณฑ์นี้”

“กฏเกณฑ์นี้ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อสังหารดังนั้นมันจึงไม่มีจิตสังหาร แต่มันเชื่อมต่อกับสัมผัสวิญญาณ หากใครที่เข้ามาบริเวณนี้จะถูกคนที่วางกฏเกณฑ์ตรวจพบทันที”

“นั่นไม่ใช่จุดสำคัญหลัก หากเป็นเช่นนั้นมันนคงไม่ทำให้ข้าสนใจ มองดูตรงนี้สิ!” จากนั้นชี้ไปที่ใบหน้าบางส่วน สายลมพัดและใบหญ้าเคลื่อนไปตามสายลม ดูไม่เหมือนมีสิ่งใดผิดปกติ

ชายหนุ่มเผยประกายแสงอันลึกลับในแววตาและเอ่ยขึ้น “หากข้าเดาไม่ผิด ที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่กฏเกณฑ์เดียว! มันเป็นกฏเกณฑ์เชื่อมต่อกันเป็นห่วงโซ่ ตราบใดที่ทั้งหมดไม่ได้ถูกทำลายในครั้งเดียว คนที่วางกฏเกณฑ์จะรู้ทันทีว่ามีคนกระตุ้นกฏเกณฑ์” เขากล่าวพลางยื่นมือออกไป ใบหญ้าทั้งหมดถูกกดทับยกเว้นต้นหนึ่งที่ยังเคลื่อนไหวไปตามลม

“การวางกฏเกณฑ์ในอากาศถือว่าเป็นวิธีการระดับต่ำ วางในสิ่งของถือว่าเป็นวิธีการระดับกลาง แต่มองดูต้นหญ้านี่สิ จวนเอ๋อจงดูให้ดีดี เจ้าเห็นความแตกต่างระหว่างต้นหญ้านี่ไหม?”

หญิงสาวด้านข้างประหลาดใจมาก นางรู้จักหวังเว่ยเป็นอย่างดี แม้เขาจะชอบสบายแต่เมื่อไหร่ที่เขาเผชิญกับกฏเกณฑ์จะเปลี่ยนเป็นคนละคนในพริบตา อย่างไรก็ตามมันก็เป็นไปไม่ได้ที่กฏเกณฑ์ธรรมดาจะจับสายตาเขา ประกายแสงในแววตาเขาตอนนี้หาได้ยากมาก

นางมองอย่างละเอียดจากนั้นเผยสีหน้าประหลาดใจ พลางกล่าวเบาๆ “ต้นหญ้าบรรจุความผิดพลาดในความจริง!”

สายตาหวังเว่ยเผยร่องรอยแห่งความสุขและสะบัดแขนขวา ใบหญ้าถูกดึงขึ้นมาจากรากและตกลงในแขน เขาพยักหน้า “ใช่แล้ว ใบหญ้านี้เป็นของจริง แต่หยดของเหลวข้างในเป็นของปลอม!”

ขณะเอ่ยขึ้นมา เขาลูบใบหญ้าด้วยสองนิ้ว ควันสีขาวพลันปรากฏเป็นวงกลมรอบใบหญ้าและมีของเหลวข้างในผุดออกมา

เมื่อของเหลวผุดออกมา ใบหญ้าก็ไม่ได้เป็นสีเขียวอีกต่อไปแต่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ในไม่นานนักของเหลวสีฟ้าผลึกใสหยดลงบนฝ่ามือชายหนุ่ม

ของเหลวสีฟ้าหยดนี้เป็นผลึกสีใส หลังจากนั้นกฏเกณฑ์ข้างในกระพริบวาบ มันมีกฏเกณฑ์ข้างในอยู่นับไม่ถ้วนอย่างหนาแน่น

ชายหนุ่มเผยสีหน้าชื่นชมอีกครั้ง เขามองของเหลวบนฝ่ามือและกระซิบ “มีกฏเกณฑ์มากกว่าหนึ่งพันแบบในนี้และเชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์แบบ กฏเกณฑ์ที่สามารถสร้างหยดของเหลวได้เช่นนี้บ่งบอกได้ว่าโครงสร้างมันมั่นคงแค่ไหน แม้กฏเกณฑ์จะธรรมดามาก แต่ยิ่งมันธรรมดาก็ยิ่งยากจะทำให้มันเชื่อมต่อกันสมบูรณ์แบบเช่นนี้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีเพียงคนที่ฝึกฝนมากมากกว่าหมื่นปีเท่านั้นจึงจะสามารถสร้างกฏเกณฑ์แบบนี้ขึ้นมาได้ มีเพียงเซียนที่มีประสบการณ์หลากหลายอย่างในชีวิต ผ่านความเป็นความตายมานับไม่ถ้วนและเป็นคนที่ค้นพบเต๋าของตนเองจึงจะมีไหวพริบอนุมานกฏเกณฑ์ได้!”

“หากไม่มีเวลาถึงหมื่นปี คนหนึ่งคนจะพบเจอประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงในชีวิตทั้งหมดได้อย่างไร? จะมองทะลุความเป็นความตายได้อย่างไร? จะวางแผนการอันละเอียดได้อย่างไร?”

“การสร้างกฏเกณฑ์ไม่ต้องมีพรสวรรค์มากมายนัก มันสัมพันธ์กับความคิดและความสามารถในการวางแผน!” ดวงตาหวังเว่ยเผยสายตาหวนรำลึก

ดวงตาหญิงสาวเต็มไปด้วยความอ่อนละมุน นางยืนด้านข้างชายหนุ่มและเอ่ยออกมา “ไม่ต้องคิดมากไป ท่านต้องการพนันกับข้าไม่ใช่หรือ? ข้าพนันว่าคนที่วางกฏเกณฑ์นี้ไม่ได้ฝึกฝนมาถึงหมื่นปี”

ชายหนุ่มยิ้มและแววตารำลึกเลือนหายไป เขามองหญิงสาวข้างๆและยิ้มออกมา “ก็ได้! เราเพียงแค่รอที่นี่เพื่อดูผลลัพธ์ขณะที่เราก็รอให้กรีดปรากฏตัวไปด้วย!”

หญิงสาวยิ้มแย้ม “ข้าสงสัยจริงว่ากรีดจะทำอะไรตอนที่เขาเห็นเรา เขาจะต่อต้านไหมหรือส่งป้ายสิทธิ์มาอย่างเชื่อฟัง?”

“เขาจะไม่กล้าต่อต้าน!” ชายหนุ่มยิ้ม น้ำเสียงนิ่งเรียบไร้ร่องรอยโกรธใดๆ

ตอนที่กรีดเข้ามาในดินแดนวิญญาณปิศาจนั้น คู่รักเมฆาสวรรค์ต่างรับรู้ถึงเขาได้แล้ว นอกจากนั้นทั้งสองคนยังใช้เวลาอยู่ที่นี่ถึงหมื่นปี พวกเขาค้นคว้าหนึ่งในถ้ำปลอมอย่างถี่ถ้วนและได้รับสมบัติมามากมายนับไม่ถ้วน

นอกจากมีฝีมือด้านกฏเกณฑ์แล้ว หวังเว่ยยังมีฝีมือด้านการทำนายที่ดีอีกด้วย แม้จะไม่ได้ดีเท่าเทียนหยุนแต่มันก็ยังพอคำนวณตำแหน่งของกรีดและการเปลี่ยนแปลงอื่นๆไว้ได้

ส่วนป้ายสิทธิ์นั้น ทั้งสองคนได้คำนวณตำแหน่งของมันไว้เช่นกัน ทว่าป้ายสิทธิ์นี้ประหลาดอย่างยิ่ง การจะได้มันมาทั้งสองคนจะต้องลงมือในเวลาที่กำหนด ซึ่งเป็นเหตุผลว่าพวกเขาไม่ได้ทำมันให้เสร็จก่อนหน้านี้และรอคอยอยู่ตรงทางออกในแคว้นปิศาจอัคคี

ลืมเรื่องสองคนนี้ไปก่อน ณ ข้างในเหวนรก หวังหลินกำลังขับขี่กระบี่สวรรค์ของโจวยี่มุ่งตรงไปหาทางออกดุจประกายสายฟ้า

ความเร็วของโจวยี่ถือว่าเร็วอย่างยิ่ง หลังผ่านไปหลายวันพวกเขาก็ผ่านมาถึงทางเดินสู่รอยร้าวใต้แคว้นปิศาจอัคคีแล้ว สิ่งที่พวกเขาต้องทำตอนนี้คือการเหาะออกไปจากตรงนี้เพื่อออกจากเหวนรก

ทางออกของแคว้นปิศาจอัคคีคือสถานที่เดียวที่ไม่มีการต่อต้านการขึ้นไป แต่มันมีการต่อต้านการลงไปแทน

ที่นี่จะถูกแรงผลักไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดทำให้เร็วได้ยิ่งกว่าเดิม!

ขณะเหาะเหินอยู่ในรอยร้าวเข้าหาแคว้นปิศาจอัคคี ดวงตาหวังหลินกลับสงบนิ่งอย่างมาก เขายืนอยู่บนกระบี่เหิน ศีรษะตั้งตรงและทุกสิ่งทุกอย่างนอกจากเขาได้เปลี่ยนเป็นภาพเบลอ

ชั่วขณะนั้นกระบี่สวรรค์ใต้ฝ่าเท้าพลันชะลอตัวลง กระบี่หมุนเป็นวงกลมสองสามครั้งก่อนจะหยุดตัวลงและโจวยี่ส่งข้อความสัมผัสวิญญาณออกมา

“หวังหลิน มีบางอย่างผิดปกติ ข้าใช้สัมผัสวิญญาณกระบี่ของข้าเพื่อตรวจสอบด้านหน้าพวกเราแล้วและพบว่ามีหมอกม่วงอยู่ข้างหน้า ดูเหมือนจะมีเซียนบางส่วนถูกขังอยู่ที่นี่ แต่สิ่งประหลาดก็คือสัมผัสวิญญาณกระบี่ของข้าไม่สามารถเจาะทะลุหมอกม่วงไปได้”

“เซียนที่ถูกกักขัง?” ระหว่างทางนั้นหวังหลินไม่เห็นมู่หรงโจวและสตรีสองคนเลย ดวงตาหวังหลินหรี่แคบและเขาสงสัยว่ามันจะเป็นสามคนนั้น

ขณะที่หวังหลินและโจวยี่หยุดชะงัก ฝูงอสูรยุงหนาแน่นกระจายตัวออกมาอีกด้านของหมอกม่วง ดวงตาแต่ละตัวจ้องไปที่หมอกม่วงด้วยความดุร้าย

อสูรยุงมีรูปลักษณ์ดุร้ายอยู่แล้ว เพิ่มเติมสายตาเช่นนั้นจึงทำให้มันน่ากลัวมากยิ่งขึ้น!

พวกมันกระพือปีกและปลดปล่อยเสียงซี่ๆดังสะท้อนทั่วบริเวณ อย่างไรก็ตามเนื่องจากแรงกดดันลึกลับเป็นการผลักขึ้นไปหาทางออก เสียงจึงไม่ได้เดินทางได้ไกล

อสูรยุงเหล่านี้มีขนาดใหญ่โตแต่น่าท้องแบนราบ เห็นได้ชัดว่าพวกมันหิวโหยมานาน อย่างไรก็ตามนั้นปากยาวๆแต่ละตัวต่างส่องแสงเยือกเย็นราวกับกระบี่แหลมคม

พวกมันไม่ได้มีสีดำกันทั้งหมด บางตัวเป็นสีเทา เส้นขนบนร่างเหมือนหนามยิ่งทำให้พวกมันดูน่ากลัวขึ้นไปอีก

พวกมันล้อมรอบหมอกสีม่วงแต่ไม่ได้เข้าไปลึก ต่างพากันบินวนรอบหมอกม่วงเป็นวงกลมและบรรยากาศกดดันยิ่งรุนแรงมากขึ้น

มีเสื้อผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยและคราบเลือดแห้งอยู่บนผนัง ทั้งยังมีกระบี่เล่มใหญ่ที่มีแสงดับไปแล้ว

ภายในฝูงยุงหนาแน่นเหล่านี้ บางครั้งปากแต่ละตัวก็ชนกันและเกิดเป็นประกายเสียดสี ซึ่งงได้ทำให้พวกยุงร้องเสียงซี่ๆราวกับกำลังฆ่ากันเอง

ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นจะเกิดเสียงซี่ๆดังกว่าออกมาจากส่วนลึกของฝูงยุง เมื่อเสียงนี้ปรากฏ แรงกระตุ้นการเข่นฆ่ากันเองจะถูกระงับทันที

อย่างไรก็ตามอาจจะเพราะการอยู่ที่นี่มานานเกินไป ความดุร้ายตามธรรมชาติของพวกมันจึงยากที่จะระงับได้ ในตอนนี้เมื่อปากอสูรยุงสองตัวเข้าชนกัน ทั้งคู่ต่างแผดเสียงออกมาและเริ่มฆ่ากันเอง

เสียงร้องหนึ่งดังจากส่วนลึกของฝูงยุง ยุงสองตัวที่กำลังต่อสู้กันได้หยุดสู้ชั่วขณะแต่ความดุร้ายก็เข้ามายึดครองอีกครา พวกมันไม่สนใจเสียงคำรามและต่อสู้อย่างต่อเนื่อง

เสียงร้องแหลมดังออกมาอีกครั้ง คราวนี้ฝูงยุงแยกตัวเปิดทางออกมา อสูรยุงขนาดยาวกว่าร้อยฟุตแต่งแต้มสีม่วงเล็กๆได้ลอยออกมาอย่างเชื่องช้า

แม้ว่าอสูรยุงตัวนี้จะเป็นสีม่วง แต่มันเป็นสีม่วงที่เจือจางมาก

มีเข็มเจ็ดเล่มแทงเข้าไปในหัวเจ้าอสูรยุงตัวนี้ ตัวเข็มปลดปล่อยแสงและสายตาของมันบางครั้งก็เผยอาการเจ็บปวด มันปรากฏตัวขึ้นมาทำให้อสูรยุงสองตัวที่กำลังต่อสู้กันหยุดลง สายตาทั้งสองเต็มไปด้วยความดุร้าย

เจ้ายุงสีม่วงร้องอีกครั้ง คราวนี้บรรจุวิชาเข้าไปด้วยทำให้ร่างอสูรยุงทั้งหมดสั่นสะท้านทันที เจ้ายุงสีม่วงใช้โอกาสนี้กระพือปีกและเคลื่อนที่ดุจสายฟ้ามาถึงอสูรยุงทั้งสองตัว จากนั้นเอาปากใหญ่ของมันแทงใส่สองตัว หลังจากสูดเข้าไปแล้วยุงสองตัวแห้งเหี่ยวและร่างกายตกลงจากอากาศ

อสูรยุงสีม่วงหันกลับมาและมองยุงรอบๆด้านอย่างเย็นเยียบ พวกยุงที่เหลือต่างส่งเสียงอ่อนน้อมว่าง่ายและไม่กล้าต่อสู้กันอีก เจ้ายุงสีม่วงหันกลับมาและกลับไปในกลางฝูงอย่างช้าๆ ร่างกายของมันแสดงอาการบ่งบอกถึงอายุมากแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!