645. แตกหัก!
หมอกม่วงหดลงและเกิดชั้นหมอกสีม่วงหน้ารอบปลายขอบ ไม่ว่าเหล่าศิษย์สำนักกระบี่ต้าหลัวพยายามอย่างหนักแค่ไหนก็ไม่สามารถทะลวงหมอกม่วงออกมาได้ หมอกม่วงนี้ดูเหมือนจะมีความสามารถในการทนทานต่อความสึกกร่อนดังนั้นพวกเขาจึงดูท้อแท้และสิ้นหวัง
หนึ่งในศิษย์สำนักกระบี่พลันใช้ปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวออกมา แต่มันกลับไร้ผลประถูกหมอกหม่วงดูดซับไปอย่างรวดเร็ว
สีหน้าเฉินหลงเปลี่ยนอาการหนัก เขาหันกลับมาหาหวังหลินที่กำลังถอยกลับและตะโกนทันที “น้องหวัง ตอนนี้เรากำลังเผชิญวิกฤต ให้เพื่อนท่านมาช่วยได้ไหม?!”
“หวังหลิน ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้ต้องการสังหารเจ้า แต่เมื่อเจ้าวิ่งมาหาเอง ไม่มีใครจะช่วยเจ้าได้!” เสียงของกรีดค่อยๆเข้ามาในหมอกม่วง
ดวงตาหวังหลินส่องประกาย เขารีบล่าถอยและไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ขณะนั้นหมอกหดตัวอย่างรวดเร็ว หากเขาถอยตัวช้าเกินไปและถูกหมอกม่วงรุกล้ำเข้ามา อาจจะเจออันตรายอื่น
ศิษย์สำนักกระบี่ต้าหลัวต่างรีบล่าถอยและเฉินหลงร้องตะโกนทันที “สหายเซียนหวัง!”
“สหายเซียนเฉินหลง ท่านไม่มีแม้แต่ความสามารถในการช่วยตัวเอง โปรดอย่ากล่าวถึงเรื่องนี้!” หวังหลินส่ายศีรษะและหายตัวเข้าไปในหมอกม่วงทันที กระบี่สวรรค์ของโจวยี่หมุนวนรอบร่างเขาไว้ด้วย
“เจ้า!” เฉินหลงถอนหายใจและมีใบหน้ามืดมน สำนักชะตาสวรรค์และสำนักกระบี่ต้าหลัวเสมือนน้ำกับไฟ เขาเข้าใจว่าทำไมหวังหลินถึงปฏิเสธให้ช่วยเหลือ
“ข้าต้องตำหนิตัวเองที่ลังเลมากไป หากตัดสินใจต่อต้านกรีดก่อนหน้านี้ หากใช้ปราณกระบี่ของอาจารย์เราคงไม่ต้องมาจบแบบนี้!” ในสายตาเฉินหลงเกิดความเสียใจ
อย่างไรก็ตาม กรีดเป็นผู้อาวุโสจากรุ่นอาจารย์เขา ดังนั้นเขาจึงรู้จักปราณกระบี่ดี เฉินหลงเข้าใจว่าแม้จะใช้ปราณกระบี่ของอาจารย์ แต่ก็กลัวว่ากรีดจะเตรียมการรับมือไว้อยู่แล้ว ทำให้ชัยชนะเป็นเรื่องไม่แน่นอนและเสี่ยงที่จะทำให้ศิษย์น้องของเขาตายทั้งหมดได้
เขาไม่ต้องการจ่ายราคาค่าความสงสัยของตัวเอง ดังนั้นจึงไม่ได้ตัดสินใจและรอคอยมาถึงร้อยปี!
ขณะที่หมอกม่วงหดตัวอย่างรวดเร็ว เพียงกระพริบตามันก็หดลงน้อยกว่าเดิมสิบเท่า เมื่อหมอกม่วงหดลง ควันสีม่วงที่ปลายขอบก็ยิ่งเข้มข้นมากขึ้น ผู้คนของสำนักกระบี่ต้าหลัวต่างล่าถอยอย่างต่อเนื่อง
“หวังหลิน หากเราไม่ออกไปตอนนี้มันจะยิ่งยากขึ้นแม้จะมีความสามารถของข้าก็ตาม!” น้ำเสียงกระวนกระวายของโจวยี่ดังก้องในความคิดหวังหลิน
“รออีกเล็กน้อย!” ดวงตาหวังหลินส่องสว่าง เขายังคงอยู่ในสายหมอก มองไปที่เหล่าศิษยืสำนักกระบี่ต้าหลัวที่อยู่ห่างออกไป ดวงตาเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น
“ห้าคน…ปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวสี่เส้น สมบัติกระบี่ห้าเล่ม…” สายตาหวังหลินยิ่งเย็นเยียบยิ่งกว่าเดิม
เฉินหลงเผยสายตาแห่งความเศร้ามองไปที่ศิษย์น้องข้างๆตนเอง เขาหลับตาจากนั้นลืมตาขึ้นอีกครั้งด้วยความมุ่งมั่น!
“เหล่าศิษย์น้อง…ข้าขอโทษ! ข้าไร้ประโยชน์จริงๆ…” เฉินหลงกัดฟันแน่นและรีบชี้ไปที่ระหว่างคิ้วตนเอง ลำแสงสีแดงเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วเปลี่ยนเป็นปราณกระบี่
นี่คือปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวแต่ว่ามันแข็งแกร่งมากกว่าที่หวังหลินเคยเห็นหลายเท่า มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ
ปราณกระบี่นี้เกิดขึ้นมาตอนที่หลิงเทียนโฮวปรับแต่งโลกทั้งสี่ใบให้กลายเป็นกระบี่สี่เล่ม นี่คือหนึ่งในปราณกระบี่ชีวิตที่เขาได้ปรับแต่งภายในวิญญาณ! ปราณกระบี่ที่เขาส่งให้ศิษย์คนอื่นๆเป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้นด้วยการสะบัดมือง่ายๆ แต่ปราณกระบี่นี้แตกต่างกันอย่างใหญ่หลวง!
เป็นเพราะปราณกระบี่นี้เขาได้เสียใจกับการที่ไม่ตัดสินใจให้เร็วกว่านี้!
ในชั่วขณะที่ปราณกระบี่ปรากฏ หมอกสีม่วงที่กำลังหดตัวลงได้พลันชะลอตัวในชั่วขณะ ดวงตากรีดที่อยู่ภายนอกเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น เขารับรู้ได้อย่างรวดเร็วว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเฉินหลงและเดาถูกทันที
เฉินหลงถอนหายใจจากนั้นใช้ปราณกระบี่ล้อมรอบร่างกายตัวเองพุ่งไปที่หมอกม่วงตรงๆ ในขณะที่เขาปะทะกับหมอกม่วงนั้นเกิดเสียงดังปังราวกับมีแรงเสียดทานหนาแน่นพร้อมกับเกิดประกายไฟลุกขึ้นรอบเฉินหลง
ท้ายที่สุดแล้วเกิดรูเล็กๆหนึ่งในหมอกม่วงและเฉินหลงพุ่งออกมาพร้อมปราณกระบี่ เขาไม่ได้ต้องการพาศิษย์น้องมาด้วยซึ่งคำนวณดูแล้วหากเขาพามาอีกคนก็คงไม่สามารถทะลวงผ่านออกมาได้!
ในขณะที่เฉินหลงพุ่งออกมา หมอกม่วงพลันหนาแน่นยิ่งกว่าเดิมทันที หมอกม่วงหนาแน่นจนไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในได้อีกต่อไป แม้แต่เสียงก็ไม่อาจเล็ดลอดออกมาได้
ดวงตาของศิษย์สำนักกระบี่ต้าหลัวทั้งสี่คนเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง หวู่ม่าร้องอย่างโกรธแค้น “ศิษย์พี่ทั้งสามคน เมื่อหลายอย่างเป็นเช่นนี้ไปแล้วทำไมต้องมาสิ้นหวังเล่า? ข้ารู้ว่าหวังหลินยังอยู่ที่นี่ ช่วยกันฆ่ามันเพื่อที่ข้าจะไม่มีความเสียใจกันเถอะ!”
หลังกล่าวเช่นนั้น ศิษย์สำนักกระบี่อีกสามคนต่างปลดปล่อยจิตสังหารทันที แทนที่จะรอความตาย พวกเขาไปฆ่าคนของสำนักชะตาสวรรค์เสียดีกว่า หากไม่ใช่ว่าคนคนนั้นปรากฏตัวขึ้นมา พวกเขาคงมีโอกาสรอด
“หวังหลิน หากเจ้ายังไม่ออกไป แล้วจะรออะไรกัน?” โจวยี่ร้องคำรามอยู่ในความคิดหวังหลิน
“ผู้อาวุโสช่วยข้าจับขังอีกสี่คนด้วยสัมผัสวิญญาณกระบี่ของท่านถ้วย!” แววตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นและเคลื่อนที่ออกไปดุจสายฟ้า ในหมอกม่วงนั้นเป็นสถานที่ที่สัมผัสวิญญาณถูกขังขวาง เขาจึงเสมือนกับเป็นภูติพราย
“หวังหลิน อีกภายในสิบลมหายใจ แม้เจ้าจะต่อต้านข้าก็จะพาเจ้าออกไปให้ได้!” หลังโจวยี่ส่งข้อความออกมา เขากระจายสัมผัสวิญญาณผ่านหมอกม่วงที่กำลังหดลงและจับไปที่ศิษย์สำนักกระบี่ต้าหลัวทั้งสี่คน
หวังหลินเคลื่อนไหวดุจสายฟ้าเข้าหาหนึ่งในนั้น คนผู้นี้ระดับบ่มเพาะต่ำสุดในทั้งสี่คนซึ่งเป็นเพียงแค่ขั้นแปลงวิญญาณระดับกลาง สัมผัสวิญญาณของเขาไร้ค่าเมื่ออยู่ในหมอกม่วง ในสถานการณ์เช่นนี้ราวกับเขาตาบอดและหูหนวก
ในชณะที่หวังหลินเข้าใกล้ คนผู้นี้เพียงแค่รู้สึกถึงลมพัดเท่านั้น ทว่าลมพัดนี้กลับเยือกเย็นและทำให้ศีรษะเขาหลุดออกมา!
หวังหลินถือศีรษะที่มีปราณกระบี่อยู่ภายใน หลังจากเก็บสมบัติกระบี่ไปแล้วเขาก็พุ่งเข้าหาเป้าหมายคนถัดไป
ซื่อฉีควบคุมกระบี่สมบัติของตัวเองแต่เขาสิ้นท่าและสายตามีแต่ความสิ้นหวัง พลันเบิกตากว้าง เขาสามารถมองเห็นเพียงระยะเจ็ดฟุตเบื้องหน้าเท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างหลังจากนั้นเป็นเพียงแค่หมอกสีม่วง
ดวงตาพลันพร่ามัวราวกับเห็นร่างคนหนึ่งกระพริบไปด้านหน้า
“ใคร?!” หัวใจซื่อฉีสั่นเทาและโยนกระบี่ตัวเองเข้าไปในสายหมอกทันที ทว่าขณะที่โยนกระบี่นั้นเขากลับสัมผัสฝ่ามือเย็นเยียบกดเข้าที่หลังคอ ดวงวิญญาณดั้งเดิมสั่นสะท้านและพลังชีวิตในร่างหลุดออกไปทันที หลังจากส่งเสียงโหยหวนออกมา ร่างกายก็เปลี่ยนเป็นซากศพ
ทว่าในขณะที่เขาตาย ปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวในร่างกายพลันปะทุขึ้นและแตกสลายไปพร้อมกับกายหยาบ
สายตาของหวู่ม่าแดงฉาน หลังจากสูญเสียสมบัติกระบี่เขาจึงเกลียดหวังหลินเข้ากระดูกดำ ตอนนี้กระตุ้นปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวเอาไว้ หากรู้สึกถึงสายลมพัดเขาจะปลดปล่อยมันทันที
ในชั่วขณะที่หมอกม่วงด้านหน้าหมุนปั่นราวกับมีคนกำลังเข้ามาหา ดวงตาหวู่ม่าเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดและตะโกน “หวังหลิน ตายซะ!”
เขากำลังจะปลดปล่อยปราณกระบี่ในมือออกมาทว่าน้ำเสียงของศิษย์น้องซิ่วกั๋วพลันดังขึ้นในตอนนั้น
“ศิษย์พี่ ข้าเอง!”
หวู่ม่าตกตะลึงและถอนฝ่ามือ อย่างไรก็ตามในขณะที่กำลังจะเอ่ยออกมานั้น ฝ่ามือหนึ่งปรากฏจากสายหมอกด้านขวาอย่างเงียบงัน นิ้วชี้หนึ่งแตะเข้ากับจุดระหว่างคิ้วของหวู่ม่า
ดวงตาหวู่ม่าปูดพองและพ่นโลหิตคำโตออกจากปาก สายตาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมและต้องการกระตุ้นปราณกระบี่อีกครั้งแต่ทว่าไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว
หลังผ่านเวลาสามลมหายใจ โจวยี่บังคับไปนำตัวหวังหลินและพุ่งออกจากสายหมอกสีม่วง!
“น่าเสียดาย ยังเหลืออีกหนึ่งกระบี่!” หวังหลินถอนหายใจ
ศิษย์สำนักกระบี่ต้าหลัวสี่คน เขาสามารถเอาปราณกระบี่ออกมาเพิ่มได้อีกสองเท่านั้น เพิ่มกับหนึ่งที่มีอยู่ก่อน ตอนนี้หวังหลินมีปราณกระบี่สามเส้นแล้ว
สี่คนนั้นถูกขังในหมอกม่วงมาร้อยปี ดังนั้นพวกเขาจึงกระวนกระวายอย่างยิ่งและรู้สึกสิ้นหวังเมื่อถึงจุดที่เฉินหลงจากไป หากไม่ได้มีพวกเขาและมีคนอื่นๆอยู่ด้ว ยแม้แต่หวังหลินก็ไม่สามารถเอาปราณกระบี่ออกมาในเวลาเพียงแค่สิบลมหายใจได้ ถึงเช่นนั้นหนึ่งในสี่คนก็ยังสามารถกระตุ้นปราณกระบี่ได้สำเร็จ โชคดีที่หวังหลินเตรียมตัวไว้เขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ
หากมันเป็นสถานที่อื่นและเงื่อนไขอื่นที่แตกต่างกัน หวังหลินคงทำได้เพียงล่าถอยเมื่อเผชิญกับศิษย์สี่คนที่มีปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮว! เขาไม่ได้กลัวคนทั้งสี่แต่เขาระมัดระวังปราณกระบี่อย่างยิ่ง
โจวยี่ร่วมรู้เห็นเหตุการณ์ไปด้วยและชื่นชมหวังหลินมากขึ้น หวังหลินกระทำการอย่างกล้าหาญและมุ่งมั่น หากเป็นคนอื่นคงคิดแต่จะหลบหนีอย่างเดียวและไม่คิดอะไรอื่นอีก
เขาไม่รู้ว่าเมื่อเทียบกับตอนที่หวังหลินอยู่ในทะเลปิศาจ หวังหลินมีโอกาสตายสูงมากตอนที่เจ้ามังกรในสุสานดาราหลุดจากร่างออกมาก่อนที่จะตกลงในหลุม เทียบกับตอนนั้นแล้วช่วงเวลานี้ถือว่าไม่มากมายนัก
หมอกหดตัวลงอย่างบ้าคลั่ง จนตอนนี้มันหดลงเหลือน้อยกว่าร้อยฟุตแล้ว
ภายนอกหมอกม่วง สีหน้าเฉินหลงกลับมืดมนยิ่งขึ้น ปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวในมือกำลังปลดปล่อยแสงอันรุนแรง อสูรยุงนับไม่ถ้วนล้อมรอบเขาและกำลังต่อสู้กับเขาไปด้วย
“กรีด ข้าต้องการเห็นว่าท่านจะอธิบายเรื่องนี้ต่ออาจารย์ข้าในอนาคตได้อย่างไร!”
กรีดยังคงยืนห่างออกไปไกลและถูกล้อมรอบด้วยอสูรยุง พวกอสูรยุงเป็นสัตว์ดุร้ายอย่างยิ่ง ดวงตาพวกมันเต็มไปด้วยแสงอันชั่วร้าย หากไม่ใช่ว่ามีเสียงคำรามออกมาจากภายในกลุ่มนั้น พวกมันคงกระโจนออกมาแล้วแม้จะเป็นกรีดก็ตาม!
แม้จะควบคุมอสูรราชาซึ่งทำให้เขาจัดการฝูงพวกมันทางอ้อมได้ กรีดยังคงไม่กล้าเข้าไปใกล้พวกมันมากนัก ธรรมชาติของอสูรยุงเป็นสัตว์ดุร้ายและไม่สามารถเลี้ยงให้เชื่องได้เลย หากเขาลดความระมัดระวังลงเล็กน้อยเขาได้รับการโจมตีจากพวกมันแน่
หากมีเพียงไม่กี่สิบตัว เขาคงไม่สนใจนัก หากมีเป็นร้อยยังคงไม่ใช่เรื่องใหญ่ หากมีเป็นพัน อย่างมากสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป แต่นี่มีเป็นหมื่นตัว!
หนังศีรษะเขาจะไม่ด้านช้าได้อย่างไร? แม้จะคิดว่าเขาควบคุมมันได้ เขาก็ยังคงระมัดระวังมากอยู่ดี!
“ตอนที่อาจารย์เจ้ารู้เรื่องนี้ ข้าจะอธิบายเรื่องนี้เอง ไม่รู้ว่าเขาจะคิดว่าเรื่องนี้สำคัญแค่ไหนนะ”
ในชั่วขณะนั้นเอง ร่างหวังหลินปรากฏตัวออกมาจากหมอกม่วง เขายืนอยู่บนกระบี่สวรรค์ปลดปล่อยปราณกระบี่อันทรงพลัง
การปรากฏตัวของหวังหลินทำให้สายตากรีดเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ เขาเยาะเย้ยและส่งคำสั่งในใจ อสูรยุงกลุ่มใหญ่ส่งเสียงคำรามออกมาทันทีและพุ่งเข้าหาหวังหลิน
กรีดพ่นลมหายใจเย็น เขาไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าหวังหลินทันทีแต่ต้องการแยกวิญญาณดั้งเดิมออกมาเพื่อค้นหาว่าซือถูหนานอยู่ที่ไหน ตอนที่เขาเห็นหวังหลินอยู่นอกทะเลวิญญาณปิศาจตะวันออกนั้นเขาสัมผัสกลิ่นอายของซือถูหนานบนร่างหวังหลินได้!
หวังหลินมองเหล่าอสูรยุงที่กำลังเข้ามาหาและเผยสีหน้าประหลาดใจ
ในชั่วขณะนั้นเกิดเสียงร้องแหลมดังขึ้นจากข้างในฝูงแทนที่เสียงคำรามก่อนหน้านี้ได้อย่างสิ้นเชิง ในเวลาเดียวกันร่างสีม่วงหนึ่งพุ่งออกมาหาหวังหลิน ร่างตัวนี้คืออสูรยุงของหวังหลิน!