Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 655

Cover Renegade Immortal 1

655. ความสามารถที่สาม

พลังดึงดูดทรงพลังจากข้างนอกกำลังดึงไปที่ร่างหวังหลิน รอยแตกที่กำลังเปิดขึ้นดุจปากอสูรที่อยากเขมือบหวังหลินในบัดดล

มันทรงพลังจนกเสื้อผ้าและเส้นผมหวังหลินถูกดึงเข้าหารอยแตก ภายใต้ผิวหนังหวังหลินมีแต่รอยแตกไม่สม่ำเสมอกัน แม้แต่เลือดเนื้อยังไดรับผลกระทบจากแรงดึงดูด

หวังหลินนั่งสมาธิอยู่เจ็ดวัน ในช่วงเจ็ดวันหวังหลินเคยชินระดับแรงดึงดูดจนมาถึงระดับหนึ่ง วันต่อมาหวังหลินลืมตาขึ้นและก้าวเท้าอีกครา

หวังหลินก้าวเข้าไปในพื้นที่ระยะสิบฟุตของรอยร้าวที่กำลังเปิดอยู่ตรงๆ

แรงดึงดูดแข็งแกร่งล้อมรอบเขาทันที ร่างหวังหลินเอนเอียงเล็กน้อยราวกับเจอมือล่องหนกำลังลากเขาเข้าไป

หวังหลินนั่งลงอย่างช้าๆด้วยใบหน้ามืดมน เขาจัดแจงตัวเองให้ต่อต้านกับแรงดึงดูด

การลำเลียงโลหิตในร่างแทบหยุดชะงัก หากไม่ใช่ว่าปราณสวรรค์อยู่ในร่างกาย อวัยวะหลายส่วนของหวังหลินก็คงบาดเจ็บไปแล้วตอนนี้

“ยังไม่พอ!” หวังหลินครุ่นคิดในชั่วขณะก่อนจะหยุดปราณสวรรค์ในร่างกาย จากนั้นเขาก็ถูกดึงออกไปที่รอยร้าว

ในจังหวะที่ร่างกายอยู่ที่ขอบของมัน หวังหลินตบกระเป๋านำกระบี่เจ็ดเล่มออกมาสร้างเป็นค่ายกล กระบี่ทั้งเจ็ดเล่มดุจลูกธนูออกจากแล่งแทงเข้าใส่พื้นรอบตัวหวังหลิน

เส้นแสงสายฟ้าเชื่อมต่อกับกระบี่เจ็ดเล่มและตรึงหวังหลินไว้กับที่ สายฟ้าจำนวนมากระหว่างกระบี่ได้เพิ่มขึ้นจนกระทั่งมันสร้างเป็นตาข่ายห่อหุ้มหวังหลินเอาไว้

หวังหลินนั่งช้าๆอยู่ข้างในค่ายกลกระบี่เจ็ดดารา เมื่อนั่งเสร็จเรียบร้อย กลิ่นอายเย็นเยียบเต็มไปทั่วบริเวณและเสียงหวีดหวิวของพลังดึงดูดก็ดังก้องในหูเขา

วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินถูกพลังดึงดูดจับเอาไว้เรียบร้อยและดูเหมือนกำลังถูกดูดออกไป แต่ว่าในจังหวะนั้นเองม่านพลังก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าอีกครั้ง กักขังวิญญาณหวังหลินไว้ข้างในร่าง

นอกจากวิญญาณดั้งเดิมกำลังถูกดึงออกไป แม้แต่เจตนจำนงฆ่าฟันก็ค่อยๆถูกดึงออกมาด้วย เจตนำนงฆ่าฟันนี้มาจากจิตใจแห่งการฆ่าฟัน มันก่อตัวเป็นแสงสีแดงและสามารถเห็นอยู่ภายใต้ผิวหนังหวังหลิน

หลังผ่านไปพักใหญ่ ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นและเคลื่อนไปข้างหน้าสามฟุต แม้แต่กระบี่เจ็ดเล่มก็เคลื่อนไปกับเขาด้วย พลังดึงดูดเพิ่มขึ้นอีกครั้งและเส้นสีแดงปรากฏภายใต้ผิวหนังหวังหลินอีกเส้น

ด้วยพลังของกระบี่เจ็ดเล่มจึงทำให้พวกมันส่งเสียงหึ่งๆออกมา วิญญาณข้างในกระบี่โผล่ขึ้นและรวมตัวเข้าด้วยกัน พวกมันไม่ได้คงสภาพเป็นรูปร่างเดียวแต่เปลี่ยนเป็นรูปร่างที่ต่อต้านพลังดึงดูดอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนั้นสายฟ้าที่กำลังเชื่อมกระบี่เจ็ดเล่มต่างก็เกิดเสียงปะทุขึ้นพร้อมกับเหล่ากระบี่เข้ามาใกล้กัน กระบี่เจ็ดเล่มดูเหมือนจะผสานเข้ากับพื้นดินตอนที่พวกมันเคลื่อนไปข้างหน้า

ยิ่งหวังหลินเคลื่อนไปข้างหน้าก็ยิ่งมีเส้นสีแดงปรากฏใต้ผิวหนังมากขึ้น พวกมันหนาแน่นและเกิดขึ้นทุกที่บนร่างกายจนทำให้ทั้งร่างหวังหลินแดงเถือก

มีเส้นสีแดงมากมายซึ่งหากได้นับท้ังหมดแล้วมันจะมีถึงล้านเส้น!

ซึ่งเท่ากับจำนวนพลังสังหาร!

เส้นสีแดงภายใต้ผิวหนังหวังหลินกระพริบวาบแต่ความคิดหวังหลินสงบนิ่งและสูดหายใจลึก ตอนนี้หวังหลินมาถึงปลายขอบรอยร้าวแล้วและมันยังไม่พอที่จะทำให้เจตจำนงฆ่าฟันออกจากร่างกายไปได้ มันพอให้เปิดเผยออกมาเท่านั้น

เมื่อมองโลกด้านนอกอันมืดมิดที่อยู่นอกรอยร้าว ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้น แสงนี้ทำให้เขาได้เห็นก้อนหินหนึ่งที่ติดอยู่กับผนังด้านล่างลงไปอีกสองร้อยฟุต บนหินก้อนนั้นมีค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณอยู่ด้วย

หลังจากคำนวณอยู่เล็กน้อยหวังหลินจึงกระโดดออกจากรอยร้าว ร่างกายเคลื่อนไหวดุจสายฟ้าพุ่งตรงเข้าหาก้อนหินใหญ่ที่ห่างออกไปสองรอ้ยฟุต

ค่ายกลกระบี่เจ็ดดาราพลันตามหวังหลินออกจากรอยร้าว พลังดึงดูดทรงพลังที่ออกมาจากก้นหลุมกลับเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง

พลังดึงดูดเพิ่มขึ้นรุนแรงหลายเท่าและพริบตาเดียวเส้นสีแดงบางส่วนก็ถูกดึงออกจากร่างหวังหลิน เมื่อเส้นสีแดงหลุดออกไปพวกมันก็เริ่มเลื้อยไปมาราวกับกำลังดิ้นรน แต่ว่าพวกมันกลับเปลี่ยนเป็นควันสีแดงทันทีและเลือนหายเข้าไปในก้นหลุม

ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ค่ายกลเจ็ดกระบี่หมุนอย่างรวดเร็วรอบตัวหวังหลิน พวกมันเร่งความเร็วการหมุนอย่างสุดขั้วสร้างเป็นวังวนอันทรงพลัง วังวนได้สร้างแรงผลักและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

หวังหลินยังอยู่ข้างในค่ายกลกระบี่ เขาก้าวเท้าไปเข้าหาก้อนหิน เพ่งสมาธิทั้งหมดและไม่ต้องการให้มีอะไรรบกวน หากเขาทำผิดพลาดเพียงจุดเดียว หวังหลินจะถูกดูดเข้าไปในหลุมลึกทันที

พื้นที่รอบด้านมีลิ่นอายเย็นเยียบหนาแน่นและพลังดึงดูดมากขึ้นอีก ราวกับมีมือขนาดยักษ์กำลังกดลงจากด้านบนและมีอีกข้างกำลังดึงจากด้านล่างในเวลาเดียวกัน เกิดเสียงหวีดหวิวดุจเสียงคำรามออกมาด้วย

ค่ายกลกระบี่เจ็ดดาราได้เพิ่มความเร็วจนถึงขีดจำกัด แต่พลังที่มันสร้างขึ้นมากลับต่อต้านแรงดึงดูดได้ไม่ดีพอ ร่างหวังหลินจึงถูกดึงลงไปพร้อมกับค่ายกลกระบี่

ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นมาและร่างสีดำหนึ่งปรากฏอยู่ภายใต้ฝ่าเทา ร่างนี้แนบชิดกับหวังหลินเป็นอย่างดีและมันเริ่มพึมพำพร้อมกับสร้างผนึกในฝ่ามือไปด้วย

ในพริบตานั้นเองร่างสีดำก็สร้างพายุทอร์นาโดที่ทรงพลังเพียงพอให้หยุดพลังดึงดูดได้ชั่วขณะ มันจับหวังหลินและค่ายกลกระบี่เข้าหาก้อนหินยักษ์

หลังจากก้าวเท้าไปบนก้อนหินหวังหลินจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก การใช้ค่ายกลกระบี่กับหุ่นเชิดเข้าด้วยกันจึงจะสามารถต้านทานพลังดึงดูดได้แต่มันเป็นช่วงเวลาที่ไม่นานนัก

หวังหลินนั่งอยู่บนก้อนหิน เขาไม่มีเวลาศึกษาค่ายกลเคลื่อนย้ายดังนั้นจึงเพ่งสมาธิไปที่การบังคับเส้นสีแดงให้ออกจากร่างกาย

ดวงตาส่องสว่างขึ้นและโบกมือ ทอร์นาโดพลันเลือนหายเข้าไปในหุ่นเชิดที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในเงาหวังหลิน

เมื่อไร้ทอร์นาโด หวังหลินจึงรู้สึกถึงพลังดึงดูดน่าเหลือเชื่อนั่นอีกครั้ง เขากัดฟันแน่นและเส้นโลหิตบนใบหน้าปูดพองออกมา ตอนนี้เขาค่อนข้างดูชั่วร้าย

เส้นสีแดงอีกหลายเส้นในร่างกายถูกดึงออกไป พวกมันดูเหมือนจะมีสติปัญญา พวกมันดิ้นรนแต่ทั้งหมดก็ยังถูกดึงออกไปจากร่างหวังหลิน เส้นสีแดงเหล่านี้ระเบิดออกมากลายเป็นหมอกสีแดงและเลือนหายไป

ราวกับหวังหลินค่อยๆมีขนสีแดงดึงออกมา พวกเส้นสีแดงนับไม่ถ้วนกำลังส่ายไปมาเมื่อถูกดึงออกจากร่างกาย เหตุการณ์นี้ช่างดูน่าประหลาดอย่างยิ่ง

เมื่อเส้นสีแดงถูกดึงออกมาทีละเส้น หมอกโลหิตเบื้องหน้าหวังหลินก็ไม่เคยหยุดหายไปเลย ขณะที่เมฆหมอกแดงกำลังถูกดึงออกไป อันใหม่ก็ปรากฏ

การหมุนวนนี้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เวลาผ่านไปไม่รู้เวลา ผิวหนังหวังหลินก็ไม่มีสีแดงอีกต่อไปและค่อยๆคืนกลับผิวหนังดังเดิม หวังหลินถอนหายใจลึกและลืมตาขึ้นทันที หุ่นเชิดปรากฏออกมาจากเงาและสร้างทอร์นาโดอีกครั้ง พาหวังหลินกลับไปที่รอยร้าว

หลังจากฝ่าฟันเข้ามาที่รอยร้าว หวังหลินก็มาถึงตำแหน่งข้างในโดยไร้พลังดึงดูดอันใด เขาอ่อนแอลงราวกับพึ่งต่อสู้กับเซียนขั้นเทวะระดับปลายมาสิบวันสิบคืน

หลายวันที่ผ่านมา หวังหลินได้ทำการต่อต้านพลังดึงดูด จัดการค่ายกลกระบี่เจ็ดดารา บังคับเส้นสีแดงให้ออกจากร่างกายและยังโคจรปราณสวรรค์ในร่างให้ตัวเองมั่นคงอีกด้วย

การทำทั้งหมดนี้ในครั้งเดียวทำให้หวังหลินเหนื่อยอ่อนอย่างยิ่ง เขารู้ตัวว่าหากดำเนินต่อไปอาจทำผิดพลาดขึ้นมาและเป็นการจบชีวิตตัวเอง หวังหลินจึงตัดสินใจพักผ่อนก่อนและเมื่อเขาพร้อมดีอีกครั้งก็จะดำเนินหน้าต่อไป

หลังจากจัดแจงตัวเองอีกเล็กน้อย หวังหลินก็ควบคุมค่ายกลกระบี่เจ็ดดาราและเดินออกไปจากรอยร้าวอีกครั้ง

ดำเนินเช่นนี้ต่อไปอีกหลายเดือน จนมาถึงวันนี้หวังหลินก็ถูกขังที่นี่มาได้สี่ปีแล้ว เขานั่งอยู่บนก้อนหินใหญ่ที่ใต้หลุม ภายใต้ผิวหนังในฝ่ามือขวามีเส้นสีแดงอยู่หนึ่งเส้น เส้นสีแดงสั่นเทาภายใต้แรงดึงดูด ดูเหมือนมันจะส่งเสียงร้องอย่างไม่ยินยอมเมื่อถูกดึงออกไปผ่านปลายนิ้วและเปลี่ยนเป็นหมอกสีแดง

นี่คือเส้นสีแดงเส้นสุดท้ายที่อยู่ในร่างกายหวังหลิน ขณะที่มันถูกบังคับให้ออกไป หวังหลินพลันลืมตาขึ้น ดวงตาเผยความเหน็ดเหนื่อยที่มีอยู่แต่ก็กระพริบความเย็นเยียบเป็นอย่างดี

“ศาสตร์สังหารเทพ!!”

หวังหลินขบคิดอยู่พักใหญ่และความเย็นเยียบในแววตาก็ค่อยๆซ่อนตัวเองอย่างช้าๆ จากนั้นก้มศีรษะลงมองค่ายกลเคลื่อนย้าย หลังจากมองครั้งเดียวเขาก็ไม่ให้ความสนใจมันอีกและค่อยๆสัมผัสพลังดึงดูดรอบด้าน

มีเพียงหลังการรวมตัวกับพลังดึงดูดเท่านั้นจึงจะทำให้เขาสัมผัสการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในพลังดึงดูดได้ หากเขาต้องการเรียนรู้เรื่องพลังดึงดูด เขาจะต้องเปิดความคิดและไม่ต่อต้านมัน หวังหลินต้องโปร่งใสจนทำให้พลังดึงดูดสามารถผ่านร่างกายเขาไปได้

วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า…หวังหลินนั่งอยู่ที่นี่อีกสามปี!

ค่ายกลกระบี่เจ็ดดาราไม่หมุนวนอีกต่อไปและแทงเข้าไปในพื้นรอบตัวเขา ดูเหมือนหวังหลินจะเป็นหนึ่งเดียวกับก้อนหิน คราแรกพลังดึงดูดทำให้เขาขยับเล็กน้อย แต่ราวกับว่าหวังหลินค่อยๆโปร่งใสขึ้นมา พลังดึวดูดจึงแค่ผ่านร่างหวังหลินไป

เวลาไหลผ่านไปอีกสามปี

พลังดึงดูดไหลผ่านหวังหลินโดยไม่มีการหยุดชะงักและพุ่งเข้าหาก้นหลุมด้านล่าง แม้กระทั่งเสื้อผ้าและเส้นผมก็ยังไม่ขยับเคลื่อนไหวจากแรงดึงดูดเสมือนตอนที่อยู่ที่นี่เมื่อสามปีก่อน

ไม่เพียงแต่ร่างกายไม่เคลื่อนไหวแต่จิตใจก็ไม่ขยับไปด้วยเลย ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาหกปี หวังหลินนั่งอยู่ที่นี่และสัมผัสถึงพลังดึงดูดที่กำลังผ่านทุกส่วนของร่างกาย เขาค่อยๆเข้าสู่สภาวะอันลึกลับ

หวังหลินมีความรู้สึกว่าเขาได้เลือนหายไปอย่างสมบูรณ์ ซึ่งเป็นเพราะว่าเขาหายไปนั้น พลังดึงดูดจึงไม่มีผลกระทบต่อเขาเลย

แต่ว่าพลังดึงดูดยังไม่สามารถผ่านวิญญาณดั้งเดิมหวังหลินไปได้ ซึ่งเพราะเรื่องนี้เองหวังหลินจึงยังรู้สึกว่ามันยังไม่สมบูรณ์ขณะที่ยังอยู่ในสภาวะลึกลับนี้

เขาสามารถทำให้พลังดึงดูดเคลื่อนผ่านร่างกายและทำให้ร่างกายเป็นหนึ่งเดียวกับพลังดึงดูดได้ แต่ว่าหวังหลินไม่สามารถทำให้มันผ่านวิญญาณดั้งเดิมของเขาไปได้ทั้งที่ยังมีสติอยู่ นั่นคือการเป็นหนึ่งเดียวกับพลังดึงดูดอย่างแท้จริง

แต่ว่าหวังหลินไม่ได้เร่งรีบ เขาทำความเข้าใจพลังดึงดูดอย่างสงบนิ่งต่อไป ภายใต้สภาวะลึกลับนี้หวังหลินค่อยๆทำให้วิญญาณดั้งเดิมของเขากระจายกันออกไป

เพียงกระพริบตาก็ผ่านไปอีกห้าปี หวังหลินถูกขังอยู่ที่นี่มาได้สิบห้าปีแล้ว…เขานั่งอยู่บนก้อนหินใหญ่มาสิบเอ็ดปี

วิญญาณดั้งเดิมยังกระจัดกระจายกันอย่างสมบูรณ์และเป็นหนึ่งเดียวกับพลังดึงดูดเรียบร้อย

ในปีที่สิบเจ็ดตั้งแต่ที่หวังหลินถูกกักขังอยู่ที่นี่ เขาพลันลืมตาขึ้น แววตาแฝงร่องรอยแห่งความผันผวนและมองไปที่ความมืดมิดเบื้องหน้าอย่างสงบนิ่ง

“ผสานความคิดของข้าและพลังดึงดูด…สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยหากมีความคิดปฏิเสธเพียงเล็กน้อย เพื่อเข้าใจพลังดึงดูดและผสานกับมันอย่างแท้จริงข้าต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของพลังดึงดูด…”

“เมื่อข้ากลายเป็นพลังดึงดูด ข้าจะหลอมรวมกับมันได้…”

หวังหลินครุ่นคิด เขาพิจารณาเรื่องนี้ไว้แล้วเมื่อหลายปีก่อน มันฟังดูง่ายดายแต่ทำได้ยากอย่างยิ่ง เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มพาตัวเองให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของพลังดึงดูดจากตรงไหน

หวังหลินคุ้นเคยกับเสียงหวีดหวิวตลอดสิบเจ็ดปีที่ผ่านมา เสียงที่กำลังหวีดหวิวคือเสียงของการดึงดูด หวังหลินสูดหายใจยาวออกมาและหลับตาลง

“ลงไป…” เสียงสตรีดังก้องภายในวิญญาณดั้งเดิมหวังหลินอีกครั้ง

หวังหลินลืมตาขึ้นมาทันทีและเปล่งประกายสายฟ้า เขาก้มศีรษะลงและมองไปในความมืดมิดเบื้องล่าง แสงจากดวงตายิ่งส่องสว่างขึ้นและส่องสว่างขึ้น ขณะที่แสงสว่างเปล่งประกายถึงขีดสุดมันก็พลันสลายหายไปทันที หวังหลินยืนขึ้นอย่างช้าๆหลังจากไม่ได้เคลื่อนไหวมาสิบสามปีและก้าวเท้าไปข้างหน้า

การก้าวนี้หวังหลินไม่ได้ใช้วิชาอันใด ดุจคนธรรมดาที่ก้าวออกจากหน้าผาและลงไปในความว่างเปล่า ร่างกายตกลงเข้าหาก้นหลุมทันทีราวกับกำลังถูกความมืดกลืนกิน

ร่างหวังหลินตกลงไปอย่างรวดเร็วและเขาหลับตาไปด้วย พลังดึงดูดเสมือนกับมือขนาดใหญ่หลายข้างลากเขาลงอย่างโหดร้าย

ขณะที่ตกลงไปก็ยิ่งหนาวเย็นยิ่งขึ้น ตรงกำแพงมีแม้แต่น้ำแข็ง

หวังหลินเปลี่ยนสายตาราวกับคนตาบอด จิตใจจมดิ่งไปในสภาวะลึกลับ มีความคิดเดียวในใจคือเป็นหนึ่งเดียวกับพลังดึงดูดอย่างสมบูรณ์

รวมเข้ากับพลังดึงดูด…แปรเปลี่ยนเป็นพลังดึงดูด…กลายเป็นพลังดึงดูด…

ชั่วจังหวะนั้นวิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินก็ระเบิดเสียงดังนับไม่ถ้วนออกมา พลังดึงดูดผ่านร่างกายเขาอย่างบ้าคลั่งและเคลื่อนผ่านวิญญาณดั้งเดิม

หวังหลินลืมตาในทันที แม้ว่าร่างกายกำลังจมดิ่งแต่เขากลับเผยรอยยิ้มเบาบาง หวังหลินสูดหายใจลึกและในจังหวะนั้นร่างกายก็หยุดตกลงไป

พลังดึงดูดทะลุผ่านร่างกายเขาและไม่เป็นอุปสรรคสำหรับหวังหลินอีกต่อไป วิญญาณดั้งเดิม เลือดเนื้อ ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับหวังหลินได้ผสานเข้ากับพลังดึงดูด เขาเป็นส่วนหนึ่งของพลังดึงดูด!

หวังหลินมองลงไปและเห็นว่าไม่มีก้นหลุม มีแต่เพียงเหวไร้ที่สิ้นสุดที่ดูเหมือนจะสามารถกลืนกินทุกอย่างในโลกไว้ได้

“ถึงเวลาที่จะออก…ความสามารถที่สามของเต๋าข้า…คือพลังอำนาจแห่งอเวจี…” หวังหลินเงยศีรษะขึ้นจนกระทั่งมองขึ้นไปและค่อยๆเริ่มลอยสูงขึ้น

“ลงไป…ข้าขอร้องเจ้า…ลงไป…” เป็นครั้งแรกที่ในน้ำเสียงของสตรีได้มีอารมณ์ความรู้สึกอยู่ด้วย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!