Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 657

Cover Renegade Immortal 1

657. เซียนเฒ่าลงมา 1

“ดาราจักรทุกชั้นฟ้า!” รูม่านตาหวังหลินหดลง ในความทรงจำของเขาไม่มีข้อมูลเรื่องดาราจักรทุกชั้นฟ้า แม้แต่ในความทรงจำของตู่ซือก็ไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับดาราจักรนี้เลย

สตรีในม้วนคัมภีร์สั่นเทา ดูเหมือนนางต้องการหันกลับมาแต่ก็มีพลังล่องหนที่ขัดขวางนางเอาไว้

“บ้าน…”

หวังหลินจ้องมองม้วนคัมภีร์อย่างครุ่นคิดและเอ่ยออกมา “ข้ามาเจ้ามาที่นี่แล้ว ตอนนี้เจ้าก็บอกมา!”

นางถอนหายใจและเอ่ยน้ำเสียงดุจสรวงสวรรค์

“เจ้าต้องการฟังเรื่อง…”

หวังหลินขมวดคิ้ว เอ่ยน้ำเสียงเย็นเยียบพร้อมกับใบหน้ามืดมน “ไม่สนใจ!”

นางตกตะลึง พลันเผยรอยยิ้มขมขื่นและเอ่ยขึ้น “นานมาแล้ว ดินแดนลึกลับแห่งหนึ่ง สถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าผู้ฝึกตนจากทั่วทุกสารทิศ…ไม่สิ ทั้งจักรวาล มันถูกเรียกกันว่าอาณาจักรเทพ…”

“ข่าวลือหลายอย่างเกี่ยวกับอาณาจักรเทพได้เลือนหายไปตามกระแสธารแห่งกาลเวลา ไม่มีใครมั่นใจว่าอาณาจักรเทพแห่งนี้จะมีอยู่หรือไม่”

“แต่อย่างไรข่าวลือหนึ่งก็ได้ส่งผ่านลงมา ข่าวลือนั้นก็คืออาณาจักรเทพได้ทอดทิ้งเหล่าผู้ฝึกตนและทิ้งจักรวาลแห่งนี้ไป สิ่งเดียวที่เหลือไว้คืออุโมงค์สี่แห่งที่เคยเชื่อมต่อกับอาณาจักรเทพ หลังจากนั้นผ่านไปอีกนานหลายปี อุโมงค์สี่แห่งกลายเป็นสถานที่ที่เหล่าผู้ฝึกตนระดับสูงต้องไปและมันกลายเป็นแดนสวรรค์ แดนสวรรค์ทั้งสี่นั้นมีชื่อเรียกตามลำดับว่า…วายุ พิรุณ ฟ้าคำราม อัสนี…”

“เบื้องล่างแดนสวรรค์แต่ละแห่งคือดาราจักรที่ขึ้นตรงต่อกัน เหนือดาราจักรทุกชั้นฟ้าของข้าคือแดนสวรรค์ฟ้าคำราม…”

“ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าไม่ได้เป็นของดาราจักรพันธมิตรเซียน มันปรากฏตัวครั้งแรกในดาราจักรทุกชั้นฟ้าของข้า ไม่มีใครรู้ว่ามันปรากฏตัวขึ้นมาได้อย่างไร แต่เมื่อมันปรากฏขึ้นเช่นนั้น เหล่าผู้ฝึกตนชั้นยอดของดาราจักรทั่วชั้นฟ้าต่างรับรู้ถึงตัวตนของอาณาจักรเทพโบราณ…”

หวังหลินมองม้วนคัมภีร์ด้วยดวงตาหรี่แคบ แต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

“จินตนาการง่ายๆว่าเมื่อมีร่องรอยของอาณาจักรเทพโบราณเกิดขึ้นมาต่างก็ทำให้เหล่าผู้ฝึกคนทุกคนบ้าคลั่ง แต่ว่าในท้ายที่สุดแล้วลูกปัดนี้ก็หายไปอย่างลึกลับ…”

“นานหลายปีต่อมา เราได้รับเบาะแสบางอย่างที่เชื่อว่าลูกปัดนี้ไปปรากฏในแดนสวรรค์พิรุณของดาราจักรพันธมิตรเซียน…”

แววตาหวังหลินกระพริบเยือกเย็นพลันชี้ขึ้นไปด้านบนและเอ่ยขึ้น “เจ้าเองที่เป็นคนวางค่ายกลเคลื่อนย้าย!”

นางในม้วนคัมภีร์ครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะส่ายศีรษะ “ข้าไม่ได้เข้าดาราจักรทุกชั้นฟ้าจากที่นี่ แต่ค่ายกลเคลื่อนย้ายถูกสร้างขึ้นจากผู้ฝึกตนของดาราจักรทุกชั้นฟ้าจริงๆ ค่ายกลนั้นไม่ทำงานอีกต่อไปแล้วเว้นแต่จะมีหินทุกชั้นฟ้า แม้แต่หินหยกสวรรค์ก็ไม่สามารถกระตุ้นมันได้”

“ข้าบอกเจ้าทุกอย่างที่ข้ารู้เกี่ยวกับลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าไปแล้ว ส่วนวิญญาณข้างในนั้น บรรพชนของข้าสามารถช่วยเจ้าได้แน่นอน ตราบใดที่เจ้าพาข้ากลับไปดาราจักรทุกชั้นฟ้าและส่งข้ากลับบ้าน ข้าจะขอให้ท่านบรรพชนช่วยเจ้าฟื้นคืนชีพวิญญาณข้างในแน่นอน!”

หวังหลินจ้องนางด้วยสายตาเยือกเย็นอยู่นานก่อนจะถอนสายตาออกมา ขณะที่มองดาราจักรทุกชั้นฟ้า หวังหลินก็คืนความสงบกลับมาได้ สิ่งที่นางพูดเห็นได้ชัดว่าเป็นการล่อลวงเขาให้ไปดาราจักรทุกชั้นฟ้าแห่งนั้น

หวังหลินเอ่ยถาม “เจ้าอยู่สำนักไหนในดาราจักรทุกชั้นฟ้า?”

“ดาราจักรทุกชั้นฟ้าไม่เหมือนกับดาราจักรพันธมิตรเซียนของเจ้า ที่นั่นไม่มีสำนัก มีเพียงตระกูลเซียน ตระกูลของข้าคือตระกูลเซียงบนดาวตงหลิน”

หวังหลินขบคิดแล้วเอ่ยมาหลังจากนั้น “ข้ากลัวว่าข้าไม่สามารถผ่านวังวนนี้ด้วยระดับบ่มเพาะของข้าได้…”

นางส่ายศีรษะและเอ่ยเสียงเบา “เจ้ามีลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าอยู่แล้ว เจ้าจะผ่านไปได้แน่นอน”

ในสายตานางมีแสงกระพริบวาบเลือนลาง เมื่อนางบอกว่าแน่นอน นั่นแปลว่านางต้องซ่อนงำอะไรไว้อีกเยอะ

หวังหลินไม่เสียเวลากับนางอีกต่อไป มือขวายื่นออกคว้าม้วนคัมภีร์และเดินทาง เขาไม่ได้ไปหาวังวนแต่เหาะเหินขึ้นไปแทน

นางในม้วนคัมภีร์เอ่ยทันที “เจ้า…เจ้าไม่ต้องการฟื้นคืนชีพดวงวิญญาณข้างในลูกปัดหรือ?”

หวังหลินพุ่งตัวขณะขบคิดอย่างเงียบๆ หวังหลินกระจายวิญญาณดั้งเดิมออกมาทำให้ตัวเองผสานกับพลังดึงดูดและเหาะเหินขึ้นไป

ระหว่างทาง ไม่ว่านางจะพูดอะไร หวังหลินก็ไม่ตอบนางเลย ผ่านไปไม่รู้เวลาหวังหลินก็มาถึงก้อนหินใหญ่ ซึ่งข้ามผ่านก้อนหินนี้ก็จะพบรอยร้าว

หวังหลินร่อนลงบนก้อนหินและสำรวจค่ายกลเคลื่อนย้ายอย่างละเอียด ดวงวิญญาณดั้งเดิมส่งพลังสายฟ้าออกไปผ่านฝ่าเท้าและเข้าไปในก้อนหินนั้น

เมื่อสายฟ้าทะลุผ่านเข้าไปก้อนกินก็เกิดเสียงแตกร้าวออกมาทันที จากนั้นก็เกิดเสียงดังปัง ก้อนหินแตกเป็นเศษเล็กเศษน้อยและถูกดูดเข้าไปในพลังดึงดูด

เมื่อไร้ก้อนหิน พื้นที่ตรงนี้ก็เหมือนกับทุกแห่งในหลุม หวังหลินจับม้วนคัมภีร์และเข้าไปในรอยร้าวที่ห่างออกไปสองร้อยฟุต

หลังเข้ามาแล้ว เขาพลันโบกมือ ม้วนคัมภีร์ถูกส่งเข้าไปในกำแพงส่วนลึก หวังหลินสร้างผนึกหลายชั้นด้วยดวงตาเย็นเยียบ กฏเกณฑ์นับไม่ถ้วนวางลงรอบม้วนคัมภีร์ด้วย

“ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้…เมื่อไม่มีข้าช่วย วิญญาณข้างในลูกปัดของเจ้าก็ไม่สามารถฟื้นคืนชีพ…” นางเอ่ยออกมาจากคัมภีร์ด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย

“ผนึกสำเนียง!” ฝ่ามือเคลื่อนไหวเร็วขึ้นและเร็วขึ้นพร้อมกับดวงตาส่องประกาย ผนึกนับไม่ถ้วนปกคลุมเกือบไปทั้งรอยร้าว

หวังหลินตรวจสอบม้วนคัมภีร์พร้อมกับเหาะเหินขึ้นไปและเขารู้ตัวว่าไม่สามารถทำลายมันได้ อย่างไรก็ตามนั้นสตรีข้างในกลับรู้ความลับของเขามากเกินไป เมื่อเขาไม่สามารถฆ่านางได้ เช่นนั้นก็ผนึกนางไว้ตรงนี้ตลอดไปดีกว่า!

“หวังหลิน! เมื่อไม่มีข้า วิญญาณในลูกปัดของเจ้าจะไม่สามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้!” เสียงในคัมภีร์ดุจเสียงภูติผีกำลังคร่ำครวญ

หวังหลินใบหน้ามืดมัวและฝ่ามือเคลื่อนไหวเร็วขึ้น น้ำเสียงที่เปล่งออกมาของนางค่อยๆเบาลงจนกระทั่งหายไปในที่สุด

กระบวนการผนึกนี้กินเวลาหลายเดือน ในช่วงระหว่างเวลานี้หวังหลินไม่เคยหยุดลงเลย ผนึกนับไม่ถ้วนทำงานด้วยกันจนก่อเกิดเป็นผนึกอันน่าหวาดหวั่น

หลังผ่านไปหลายเดือนหวังหลินก็กลับหลังและเหาะเหินขึ้นไป ฝ่ามือขวาแตะเข้ากับรอยร้าวด้านบนด้วยดวงตาเย็นเยียบ รอยร้าวแตกสลายทันที ฝังม้วนคัมภีร์ไว้ในส่วนลึกของถ้ำ

จากด้านนอกไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ไม่มีใครรู้ว่ามีหญิงสาวนางหนึ่งในคัมภีร์จะถูกผนึกไว้ตรงนี้

แม้จะมีสักคนมาที่นี่ พวกเขาก็คงวุ่นกับการต่อต้านพลังดึงดูดเกินกว่าจะมาสำรวจกำแพงตรงนี้ซึ่งดูเหมือนกับกำแพงอื่นทั่วไป

หลังจากเสร็จสิ้นการผนึก หวังหลินไม่ได้ออกไปในทันทีแต่พักอยู่ไกลๆและรอคอยอย่างเงียบเชียบ

เวลาเคลื่อนผ่านไปอีกหลายวัน เกิดความผันผวนออกมาจากตำแหน่งที่ผนึกคัมภีร์ ขณะความผันผวนปรากฏขึ้น หวังหลินที่อยู่ห่างออกไปจึงลืมตาและเผยรอยยิ้มเย็นเยียบ

เขาสร้างผนึกและเงาสีดำด้านหลังปรากฏออกมาทันที เงานี้ตรงไปเข้าไปหารอยร้าวนั้น

“ผนึก!” หวังหลินส่งเสียงคำรามและฝ่ามือขององครักษ์เทพก็สร้างผนึกขึ้น พนึกอันทรงพลังปรากฏทันทีและประทับลงบนความผันผวน

หวังหลินได้ยินเสียงร้องโอดครวญอย่างเลือนลาง จากนั้นดวงตาส่องสว่างขึ้น เมื่อมีองครักษ์เทพ ทั้งคู่ก็ได้วางกฏเกณฑ์นับไม่ถ้วนลงไปในส่วนลึกของรอยร้าวเพิ่มอีก

หลังเสร็จสิ้นหวังหลินพลันถอนองครักษ์เทพออกมาและรอคอยอย่างเงียบๆ

อีกหลายเดือนถัดมา ความผันผวนนั้นได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งและที่รอนางอยู่คือการผนึกอีกชั้น หลังผ่านครั้งที่สามไป หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและไม่รอคอยอีกแต่เหาะเหินขึ้นตรงๆ

“สตรีในม้วนคัมภีร์อาจจะทรงพลังอย่างมาก แต่นางกลับถูกผนึกไว้ในคัมภีร์นั้น ข้ากลัวว่านางคงไม่เคยมีโอกาสหนีรอดออกมาได้เลย แต่กระนั้นตอนที่นางดูดซับวิชาของบรรพชนลำดับสามไป(ตอนที่ 434)นางคงได้รับพลังมาบางส่วนแล้ว”

“ข้าไม่ได้ตรวจสอบมัน ดังนั้นหลายปีที่ผ่านมานางได้รู้ความลับของข้าไปมาก หากไม่ได้อยู่ในสถานการณ์พิเศษของเหวนรก ข้ากลัวว่านางคงไม่พูดออกมาอีกเลย นางคงรอคอยอย่างเงียบๆจนกว่าจะฟื้นฟูขึ้นมาได้”

“หากข้าเก็บอันตรายไว้ข้างกาย มันจะส่งผลกระทบข้าในอนาคตแน่นอน! นางต้องมีแรงจูงใจซ่อนเร้น!”

หวังหลินคิดขึ้นมาขณะเหาะเหินไปด้วย

“มีเพียงแค่สามส่วนเท่านั้นที่นางพูดเรื่องีน้ แต่ดาราจักรทุกชั้นฟ้าไม่น่าเป็นเรื่องโกหก ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ขอให้ข้าพานางไปที่นั่น”

พลังดึงดูดที่นี่ทรงพลัง แม้หวังหลินจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของพลังดึงดูด เขายังรู้สึกถึงแรงกดดันที่ต้านเขาไม่ให้ลอยขึ้นไปได้

หวังหลินสูดหายใจลึกและตบกระเป๋า ค่ายกลกระบี่เจ็ดดาราลอยออกมาและล้อมรอบร่างกายเอาไว้ ค่ายกลสร้างแรงพลักดันรุนแรงส่งให้หวังหลินลอยขึ้นไป

“ตระกูลเซียงแห่งดาวตงหลิน หากตระกูลนี้ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวกับนาง ข้าน่าจะพอหาเบาะแสบางอย่างจากตัวตนของนางได้ เมื่อนางพูดว่าบรรพชนของนางสามารถชุบชีวิตหวานเอ๋อได้ เช่นนั้นก็คุ้มค่าที่จะตรวจสอบดูว่ามันจริงหรือไม่ เมื่อไม่มีคัมภีร์ติดตามข้าไปด้วย แม้ข้าจะไปดาราจักรทุกชั้นฟ้าก็ไม่มีใครรู้ว่าข้ามีลูกปัด”

“นอกจากนั้น ดินแดนวิญญาณปิศาจแห่งนี้เต็มไปด้วยอันตราย เทียนหยุนและคนอื่นๆจะมาถึงเมื่อไหร่ก็ได้ เมื่อพวกเขามาถึงก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่เจอคนเหล่านั้น การเผชิญหน้ากับเซียนพวกนี้ด้วยระดับบ่มเพาะที่ข้ามีตอนนี้ถือว่าข้าไร้การต่อต้านอย่างสิ้นเชิง”

หวังหลินเหาะเหินขึ้น ดวงตาเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก

“แต่เมื่อข้ามีป้ายสิทธิ์ส่วนสุดท้ายในมือ พวกเขาไม่สามารถเข้าไปในถ้ำของจริงหากไม่มีข้าได้ แม้พวกเขาจะมาดินแดนวิญญาณปิศาจมันก็ถือว่าไร้ประโยชน์ แม้จะรู้จากกรีดว่าข้ามีกุญแจ มันก็สายเกินไปแล้ว ข้าได้ออกไปดาราจักรทุกชั้นฟ้าแล้ว!”

“เมื่อระดับบ่มเพาะของข้าเพิ่มขึ้นมาถึงจุดที่เทียบเท่ากับเทียนหยุนและคนอื่นๆ ข้าจะกลับมาสำรวจความลับของถ้ำนี้อีกครั้ง!”

ดวงตาหวังหลินเป็นประกาย

“แต่ก่อนที่จะถึงเรื่องนั้น มีเรื่องสำคัญที่ข้าต้องจัดการ หลังจากข้าออกไป ข้าไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะกลับมาได้อีก…” หวังหลินถอนหายใจ

ค่ายกลกระบี่เจ็ดดาราค่อยๆสูญเสียความสามารถ เงาด้านหลังหวังหลินปรากฏขึ้นมาและองครักษ์เทพสร้างพายุทอร์นาโดจนเพิ่มความเร็วของหวังหลินขึ้นอีกครั้ง

หวังหลินกำลังเข้าไปใกล้และใกล้กับทางเข้าของหลุมแห่งนี้มากขึ้น…

ฝูงอสูรยุงขนาดใหญ่ร้องคำรามอยู่ด้านนอกทางเข้าหลุม เดิมทีเจ้ายุงสีม่วงมีสายตาท้อแท้ไปแล้วแต่กลับส่องสว่างออกมา จากนั้นมันพุ่งตัวออกและผลักพรรคพวกของมันให้หลีกทาง มันจ้องไปในหลุมและระเบิดเสียงร้องแหลม

ในเสียงร้องของมันได้แฝงความสุขที่มิอาจอธิบายออกมาได้ ร่างเจ้ายุงสั่นเทาพร้อมกับกระพือปีกพุ่งดุจสายฟ้าเข้าไปในหลุมโดยไม่ลังเล

ในชั่วขณะนั้นแม้แต่อสูรยุงทั้งหมดจะร้องออกมาในเวลาเดียวกัน พวกมันก็ไม่สามารถป้องกันยุงตัวนี้ไม่ให้พุ่งไปลงหานรกได้

ขณะที่หวังหลินลอยขึ้นมา เขารับรู้เสียงร้องจากเบื้องบนได้ทันที พลันมองขึ้นไปและเห็นอสูรยุงที่ไม่ได้เจอกันมามากกว่าสิบปี ตอนที่เจ้ายุงเห็นหวังหลิน สายตามันเต็มไปด้วยความสุข มันบินวนเป็นวงกลมรอบหวังหลิน ส่งเสียงร้องราวกับเด็กที่จากพ่อแม่มานาน

มันบินอย่างตื่นเต้นอยู่ใต้หวังหลินและจับหวังหลินขึ้นไป ด้วยการช่วยเหลือจากทอร์นาโดขององครักษ์เทพ หวังหลินจึงเหาะเหินตรงออกไปจากหลุมได้ ในขณะที่ออกมานั้นเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!