Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 660

Cover Renegade Immortal 1

660. มาถึงทุกชั้นฟ้า

ดาราจักรทุกชั้นฟ้า

แสงดวงดาวสว่างไสวกระจายออกมาทุกทิศทุกทางไม่มีที่สิ้นสุด ดาราจักรทุกชั้นฟ้ามีขนาดใหญ่มากและมีดาวเคราะห์เซียนมากเกินกว่าจะนับได้ นอกจากคนไม่กี่คนที่อยู่ในดาราจักรพันธมิตรเซียน ซึ่งเซียนส่วนใหญ่ต่างไม่รู้ถึงตัวตนของดาราจักรแห่งอื่น

แต่กับดาราจักรทุกชั้นฟ้านั้นไม่เหมือนกัน แทบทั้งหมดรู้ว่ามีดาราจักรหนึ่งแห่งอยู่ใต้แดนสวรรค์แต่ละที่ซึ่งมีทั้งแดนสวรรค์วายุ พิรุณ ฟ้าคำรามและอัสนี

นี่คือความสัมพันธ์เบื้องลึกที่พันธมิตรเซียนผู้เป็นอำนาจเพียงหนึ่งเดียวในดาราจักรพันธมิตรเซียนได้ซ่อนเอาไว้หลายอย่าง เซียนแทบทุกคนรวมถึงหวังหลินต่างคิดว่าพันธมิตรเซียนคืออำนาจหนึ่งเดียวภายใต้เหล่าดวงดาว

ดาราจักรทุกชั้นฟ้ามีอิสระกว่ามาก แต่ว่ายังมีความลับบางอย่างถูกเก็บไว้แน่นหนา

สิ่งที่แตกต่างระหว่างสองดาราจักรคือในดาราจักรทุกชั้นฟ้าไม่มีสำนัก มีเพียงแค่ตระกูลเซียนเท่านั้น ซึ่งสิ่งที่ดาราจักรแห่งนี้ให้ความสนใจก็คือสายโลหิต!

มีเพียงสายเลือดเดียวกันมารวมตัวกันเท่านั้นจึงจะสร้างกองกำลังของตนเองได้

ลำแสงหลายเส้นลอยผ่านไป ทั้งหมดมีจำนวนสี่คน สามบุรุษและหนึ่งสตรี แม้ว่ามันยากนักที่จะระบุอายุของพวกเขาแต่ละคนได้ ทว่ารูปลักษณ์ของพวกเขายังดูเยาว์วัย ระดับบ่มเพาะแต่ละคนไม่แตกต่างกันมากนัก นอกจากหญิงสาวเพียงคนเดียวที่เป็นเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับกลางแล้ว คนอื่นๆทั้งหมดต่างเป็นเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับต้น

สตรีนางนี้ดูราวกับอายุยี่สิบปี แม้ว่านางจะสวยสดงดงามแต่กลับแฝงความหนาวเย็นแทนที่จะมีบรรยากาศเย่อหยิ่งเหมือนสตรี

บุรุษสามคนทั้งหมดต่างหน้าตาหล่อเหลา ทว่าตอนนี้สีหน้าแต่ละคนมืดมัวและมักจะมองไปด้านหลัง

หนึ่งในนั้นรีบเอ่ยออกมา “โยนหินแดงพิสุทธิ์ไปซะ ไม่เช่นนั้นพวกแมลงหมอกทมิฬจะไม่หยุดตามล่าเรา เมื่อพวกมันขังเรา…”

สตรีในกลุ่มเอ่ยเสียงนุ่ม “แมลงหมอกทมิฬจะยังคงไล่ล่าพวกคนที่นำหินแดงพิสุทธิ์ไปด้วยแม้ว่าจะโยนทิ้งไปแล้ว”

หมอกสีเทาขนาดใหญ่กลุ่มหนึ่งกำลังไล่ล่าด้านหลังพวกเขา หากมองใกล้ๆแล้วจะเห็นได้ว่าแมลงในสายหมอกต่างมีขนาดเท่าเล็บมือซึ่งมีอยู่นับไม่ถ้วน หมอกที่ออกมานั้นมาจากบางอย่างที่อยู่ในร่างกายพวกมัน

แต่ละคนต่างมีเข็มทิศดวงดาวใต้ฝ่าเท้า ดังนั้นจึงเคลื่อนที่ได้เร็วยิ่ง อย่างไรก็ตามหากไม่ใช่เพราะหญิงสาวที่มักจะใช้ผลึกจำนวนมากขัดขวางหมอกสีเทาอยู่เป็นพักๆ เหล่าแมลงอาจจะถึงพวกเขาได้นานแล้ว

แม้กระนั้นนางยิ่งเหนื่อยและเหนื่อยมากขึ้น ขณะที่เหล่าแมลงเข้ามาใกล้และใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดสายหมอกนั้นก็พุ่งออกมาและล้อมรอบคนทั้งสี่

มองไกลๆจะเห็นแต่เพียงหมอกขนาดยักษ์และไม่เห็นว่าทั้งสี่คนถูกขังอยู่ข้างใน

สี่คนนี้มาจากดาวรานหยุน สตรีคนเดียวในนั้นชื่อว่ารานเยว่ บุรุษสามคนมีชื่อว่า รานเฉิน รานเฟิง และซุนเชว่ชาน

สี่คนเดิมทีออกมาเพื่อฝึกฝนแต่ด้วยเหตุการณ์บางอย่างพวกเขาได้รับหินแดงพิสุทธิ์มา ซึ่งนำพาให้พวกเขาถูกพวกแมลงจำนวนมากไล่ล่าและท้ายที่สุดก็ถูกล้อมเอาไว้

หมอกของแมลงหมอกทมิฬที่ปลดปล่อยออกมานั้นเป็นพิษต่อเหล่าเซียน แค่สัมผัสมันก็สามารถทำให้วิญญาณดั้งเดิมได้รับความเสียหายและหยุดวิชาทุกอย่างได้ ดังนั้นมันจึงน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง ทั้งสี่คนถูกกักขังไว้ข้างในสายหมอก หากไม่ใช่เพราะกำไลหยกของหญิงสาวซึ่งปลดปล่อยลำแสงสายฟ้าจางๆออกมาได้และรักษาระยะห่างเอาไว้ ทั้งสี่คนคงถูกสายหมอกกลืนกินไปนานแล้วและวิญญาณดั้งเดิมแต่ละคนจะถูกทำลาย

คนที่เหลือสามคนทั้งหมดต่างใช้วิชาและสมบัติหลายอย่างเพื่อพยายามทะลวงหมอกออกไปให้ได้ แต่ว่าหมอกนี้หนาเกินไปและสุดท้ายพวกเขายังไม่สามารถทะลวงไปได้

เมื่อเวลาผ่านไป ปราณสวรรค์ในร่างกายทั้งสี่คนค่อยๆลดน้อยลงและเม็ดยาเหลืออยู่อีกไม่มากนัก

รานเยว่ขมวดคิ้วและกล่าวเสียงเบา “แมลงหมอกทมิฬกลัววิชาสายฟ้ามากที่สุดและข้าได้ขอความช่วยเหลือจากตระกูลแล้ว ที่นี่อยู่ไกลจากตระกูลเล็กน้อย พวกเราต้องต่อต้านจนกว่าผู้อาวุโสที่มีวิชาสายฟ้าจะมาช่วยพวกเรา!”

นางใช้ปราณสวรรค์ไปมากที่สุด ส่วนใหญ่ถูกสร้อยข้อมือดูดซับไป หากไม่มีสร้อยข้อมือนี้พวกเขาคงถูกเหล่าแมลงกลืนกินในพริบตา

มีบุรุษเพียงคนเดียวที่ไม่ได้อยู่ในตระกูลคือ ซุนเชว่ชาน เขาเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา มองไปที่เหล่าแมลงในสายหมอกนับไม่ถ้วนและจิตใจปรากฏความสิ้นหวัง

“เราต้องตำหนิตัวเองที่โลภมาก หากเราไม่ได้แกะหินแดงพิสุทธิ์ออกมา เราคงไม่เจอวิกฤตในตอนนี้”

ในขณะนั้นมีลำแสงสีเงินเส้นหนึ่งลอยผ่านหมอกไป ลำแสงสีเงินนี้ดุจมังกรที่แหวกว่ายผ่านธารธาราและมีชายหนุ่มผู้หนึ่งนั่งอยู่บนนั้น เขาสวมชุดคลุมสีขาวหิมะ เส้นผมมัดขึ้นด้านหลัง แม้ว่าจะดูธรรมดาแต่ผิวกายเปล่งปลั่งและสายตาภูมิใจ ดวงตาเขามีสายฟ้ากระพริบอยู่เป็นพักๆทำให้ดูดุร้ายยิ่งขึ้นไปอีก

เขาคือหวังหลิน!

หลังจากหวังหลินเข้ามาในวังวนได้ ซึ่งราวกับเขาเข้ามาในค่ายกลเคลื่อนย้าย ตอนที่หวังหลินออกมาเขาก็อยู่ท่ามกลางหมู่ดาว มีกลุ่มก๊าซส่องสว่างอยู่รอบตัวด้วย

ที่นี่คือดาราจักรต่างแดนสำหรับหวังหลิน ไม่ใช่บ้านเขาที่อยู่ดาราจักรพันธมิตรเซียน ที่นี่คือดาราจักรทุกชั้นฟ้าด้านล่างแดนสวรรค์ฟ้าคำราม

หลังขบคิดเล็กน้อย หวังหลินนำเข็มทิศดวงดาวออกมา จากนั้นด้วยความสับสนเขาจึงเริ่มตระเวณในดาราจักรแห่งนี้

หมอกสีเทาที่อยู่ห่างออกไปไกลได้ทำให้หวังหลินสนใจ แสงสีเงินกระพริบเบื้องล่างเขาและหวังหลินมาถึงข้างสายหมอกในทันที ดวงตากระพริบเป็นประกายสายฟ้าทำให้หวังหลินมองเห็นความประหลาดของหมอกนี้และจุดที่คนทั้งสี่ถูกขังอยู่ข้างใน

เหล่าแมลงหมอกทมิฬสั่นสะท้านภายใต้สายตาของหวังหลินในทันทีราวกับสายตาของเขาได้กลายเป็นรูปร่างบางอย่าง พวกมันทั้งหมดต่างหลบสายตาหวังหลินและเปิดรูขึ้นมา

คนทั้งสี่ที่ถูกขังอยู่ข้างในพลันตกตะลึงทันที รานเยว่ดวงตาส่องสว่างขึ้นและนางลอบตกใจ เพียงแค่สายตานั้นก็เพียงพอบังคับให้แมลงหมอกทมิฬถอยกลับไปได้ วิชาเช่นนี้ทำให้นางตกตะลึงในใจอย่างยิ่ง

ดวงตาคู่สวยของนางเคลื่อนไหวและเห็นหวังหลินอยู่บนแสงสีเงินด้านนอกสายหมอก

ดวงตาสิ้นหวังของซุนเชว่ชานพลันหายไปทันที เขาคำนับฝ่ามือและตะโกนขึ้น “ผู้อาวุโส ผู้น้อยมาจากตระกูลซุนบนดาวรานหยุน หากผู้อาวุโสช่วยเรา ผู้น้อยจักขอบคุณท่านเป็นอย่างยิ่ง!”

รานเฉินและรานเฟิงต่างคำนับฝ่ามือ พวกเขาเคารพและเอ่ยขอให้ช่วยเหลืออย่างจริงใจ

รานเยว่มองชายหนุ่มบนแสงสีเงินและคิ้วของนางคลายออก นางคำนับฝ่ามือและเอ่ยอย่างนุ่มนวล “ผู้อาวุโส ผู้น้อยมาจากตระกูลรานแห่งดาวรานหยุน เราถูกแมลงหมอกทมิฬกักขังเอาไว้ หากผู้อาวุโสช่วยเรา ตระกูลรานจะตอบแทนรางวัลผู้อาวุโสแน่นอน”

หวังหลินกวาดสายตาผ่านทั้งสี่คนด้วยความเยือกเย็น เขาถอนสายตาออกมา สายหมอกพลันหมุนเปิดทางให้กว้างขึ้น

เสียงอุทานออกมาจากข้างในสายหมอก สีหน้าของคนข้างในพลันเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด ซุนเชว่ชานรีบตะโกน “ผู้อาวุโส เรามีหินแดงพิสุทธิ์ หากผู้อาวุโสช่วยเรา เช่นนั้นเราจะยกหินก้อนนี้ให้ผู้อาวุโสเป็นการขอบคุณ”

หวังหลินไม่รู้ว่าหินแดงพิสุทธิ์คืออะไรดังนั้นเขาจึงไม่ได้ถูกล่อลวง หวังหลินมองสายหมอกและเริ่มขบคิด เขาไม่คุ้นเคยกับดาราจักรทุกชั้นฟ้า ดังนั้นจึงต้องหาข้อมูลให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้แล้วค่อยไปตระกูลเซียงของหญิงสาวในม้วนคัมภีร์

คนทั้งสี่ถูกขังไว้ในสายหมอกไม่สามารถมองเห็นข้างนอกได้ ขณะนั้นนอกจากรานเยว่แล้ว คนอื่นๆทั้งสามคนต่างเต็มไปด้วยความเครียดและความกังวล

คิ้วของรานเยว่เริ่มย่นเข้าหากัน ในกระเป๋านางไม่มีเม็ดยาเหลืออยู่มากนักและหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ผลลัพธ์ที่ได้จะเกินกว่าที่คาดคิดไว้ นางกัดฟันแน่นและเอ่ยขึ้น “ผู้อาวุโส ข้า…”

ก่อนที่นางจะเอ่ยจบ เสียงของหวังหลินดังเข้ามาในสายหมอก

“ดาวรานหยุนอยู่ที่ไหน?”

ทั้งสี่คนตกตะลึง ซุนเชว่ชานรีบเอ่ยตอบ “เดินทางจากที่นี่ไปทางทิศเหนือราวเจ็ดวัน! หากผู้อาวุโสต้องการ ผู้น้อยสามารถนำทางไปได้เพื่อตอบแทนผู้อาวุโสที่ช่วยเหลือเรา”

ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้น พลันยกแขนขวาและชี้ไปที่ความว่างเปล่า ทันใดนั้นลำแสงสายฟ้าเส้นหนึ่งออกมาจากวิญญาณดั้งเดิมและหวังหลินสะบัดออกไป

เมื่อสายหมอกแตกกระเจิงด้วยสายตาหวังหลิน หวังหลินจึงเดาได้ว่าพวกแมลงเหล่านี้หวาดกลัววิชาสายฟ้า

ขณะที่สายฟ้าเส้นหนึ่งพุ่งออกจากปลายนิ้ว มันพุ่งผ่านอวกาศด้วยเสียงดังสนั่นราวกับมังกรสายฟ้า ปลดปล่อยแรงกดดันทรงพลังพร้อมกับพุ่งเข้าไปในสายหมอกทันที

เหล่าแมลงหมอกทมิฬเริ่มกรีดร้องและล่าถอยทันที สายหมอกจำนวนมากที่ออกมาจากเหล่าแมลงได้ปะทะเข้ากับสายฟ้า หากมันเป็นวิชาสายฟ้าธรรมดา มันคงอ่อนแอลงเมื่อเผชิญกับสายหมอก อีกทั้งแม้พวกแมลงจะอ่อนแอต่อสายฟ้า พิษในร่างกายพวกมันยังทรงพลังอีกด้วย

อย่างไรก็ตามสายฟ้านี้ไม่ใช่สายฟ้าที่สร้างขึ้นจากวิชาธรรมดา แต่เป็นสายฟ้าสวรรค์ของจริง มันคือความสามารถที่หวังหลินได้รับมาตอนที่วิญญาณดั้งเดิมผสานเข้ากับมังกรสายฟ้าโบราณ!

เสียงคำรามดุจมังกรสายฟ้าและจากนั้นหมอกจำนวนมากก็เลือนหายไป สายฟ้าเคลื่อนทะลุผ่านสายหมอกทำให้เหล่าแมลงจำนวนมากล่าถอย พวกมันสัมผัสถึงแรงกดดันจากสายฟ้าได้ชัดเจน พวกมันหวาดกลัวสายฟ้าอยู่แล้วและยิ่งเป็นสายฟ้าสวรรค์ซึ่งเป็นเหมือนศัตรูตามธรรมชาติ พวกมันยิ่งรีบถอนตัวให้เร็ว

ในพริบตาที่สายฟ้ากระจายไป เหล่าแมลงหมอกทมิฬทั้งหมดก็ลอยห่างออกไปไกล ทั้งสี่คนลอยออกมาถึงข้างหวังหลินในทันที พวกเขารู้สึกเหมือนพึ่งหนีรอดมาจากปากเหวแห่งความตายแต่ที่ยิ่งรู้สึกมากกว่านั้นคืออาการตกตะลึง

สายตาของซุนเชว่ชานที่มองหวังหลินเต็มไปด้วยความตกใจ สำหรับคนที่มาจากดาราจักรทุกชั้นฟ้านั้น เขาไม่ใช่ไม่คุ้นเคยกับวิชาสายฟ้า แม้ว่าจะไม่สามารถใช้ได้ด้วยตัวเองแต่ดาราจักรแห่งนี้เชื่อมต่อกับแดนสวรรค์ฟ้าคำราม ที่นี่ วิชาสายฟ้าคือวิชาที่ทรงพลังที่สุด

ความตกใจของเขามาจากอำนาจที่ออกมาจากลำแสงสายฟ้านั่น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีวิชาอะไรที่ทำให้ลำแสงสายฟ้ามายาได้แฝงร่องรอยอำนาจสายฟ้าของจริงได้! นี่มันไม่ใช่สิ่งที่แม้แต่ผู้อาวุโสหรือท่านบรรพชนของตระกูลสามารถทำได้!

รานเยว่และบุรุษตระกูลรานอีกสองคนต่างตกตะลึงเช่นกัน โดยเฉพาะรานเยว่ที่สูดหายใจอันหนาวเหน็บเข้าปอด ดวงตาของนางส่องสว่างขึ้นเมื่อมองไปที่หวังหลิน

นางบรรลุขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายแล้วดังนั้นตำแหน่งในตระกูลของนางจึงสูงมากกว่าคนทั้งสาม นั่นหมายความว่านางรู้ความลับหลายอย่าง จิตใจนางตกอยู่ในอาการตกตะลึงพร้อมกับนึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น นางสูดหายใจลึกและกล่าวอย่างเคารพ “ผู้น้อยเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลรานรุ่นที่เก้า หรือผู้อาวุโสคือผู้ส่งสาส์นเทพสายฟ้าใช่หรือไม่?”

หลังนางกล่าวคำนั้น ใบหน้าของซุนเชว่ชานก็เปลี่ยนไป เขาคิดกับตัวเอง ‘แน่แล้ว เขาต้องเป็นผู้ส่งสาส์นเทพสายฟ้า! แต่ว่า…ทำไมผู้ส่งสาส์นเทพสายฟ้าต้องการไปที่ดาวรานหยุน…’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!