Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 671

Cover Renegade Immortal 1

671. สายลมพัดอ่อนๆ ต้นไม้ไม่ไร้สิ้นเสียง

บางครั้งก็กล่าวว่าชีวิตและความตายคือสิ่งที่มิอาจคาดเดาได้มากที่สุดในโลก นั่นเป็นเพราะคนธรรมดาไม่รู้ว่าตนเองจะตายเมื่อไหร่ ความลี้ลับของความตายดุจมีดเหนือศีรษะที่มิอาจเดาได้และทำให้ผู้คนหวาดกลัวจากเบื้องลึกจิตวิญญาณ

ทว่าพวกเขากลับไม่รู้ว่าชีวิตและความตายเป็นแค่ส่วนเล็กๆของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า หากไล่ตามหาต้นตอก็จะพบว่ามันแค่เพียงรูปแบบหนึ่งของกรรมเท่านั้น

ไม่มีใครสามารถหนีพ้นเหตุแห่งกรรมของเมื่อวานและผลแห่งกรรมในวันนี้ไปได้

เหมือนเช่นหลิวเหมยผู้ตอนนี้กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องของดาวพันมายา ขณะที่นางสัมผัสกระเป๋า สายตาก็มองบรรยากาศด้านนอกอันแปลกประหลาดไปด้วยและจิตใจเกิดความรู้สึกแน่วแน่

ตราบใดที่นางถือสิ่งของในกระเป๋าไว้ นางจะไม่เกิดความรู้สึกโดดเดี่ยว

นางลูบกระเป๋าอย่างเบามือ สีหน้าของหลิวเมยเผยร่องรอยแห่งความเจ็บปวดขึ้นอีกคราแต่คราวนี้ความเจ็บปวดถูกแทนที่ด้วยความเฉยเมยอย่างรวดเร็ว

ราวกับสิ่งของในกระเป๋านั้นได้ส่งระลอกคลื่นออกมาหลายครั้ง

หลังสัมผัสความผันผวนในกระเป๋าได้ หลิวเหมยกัดริมฝีปากให้หยดโลหิตไหลออกมาและนางสะนัดเข้าใส่ในประเป๋า ความผันผวนค่อยๆเลือนหายไป

หลิวเหมยถอนหายใจ “สมบัติที่ข้าเตรียมไว้ใช้กับเขา ตอนนี้กลับไร้ประโยชน์…”

มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นบนดาวพันมายา บรรพชนที่จากไปหลายพันปีก่อนได้กลับมา ทั้งยังกลับมาพร้อมกับศิษย์ที่มีพรสวรรค์อย่างยิ่งหนึ่งคน สามเดือนนับจากนี้จะมีพิธีถ่ายโลหิตเกิดขึ้นกับศิษย์คนนี้เพื่อทำให้นางกลายเป็นศิษย์หลักของตระกูลฮวน

ข่าวสำคัญเช่นนี้กระจายออกไปดุจพายุไปทุกๆกลุ่มดาวที่มีความสัมพันธ์กับดาวพันมายา

ดาวรานหยุนก็เป็นดาวหนึ่งที่อยู่ในสังกัดดาวพันมายานี้ด้วย

หลังซุนไท่จากไปแล้ว หวังหลินฝึกฝนในห้องอย่างเงียบๆ ในกระเป๋าที่ซุนไท่ทิ้งไว้มีหินหยกสวรรค์มากกว่าห้าหมื่นก้อนซึ่งถือเป็นขีดจำกัดที่ซุนไท่สามารถถือครองได้

เพิ่มเติมกับหินหยกสวรรค์ก่อนหน้านี้ หวังหลินจึงมีหินหยกสวรรค์เกือบสามแสนก้อน ดวงตาส่องสว่างขึ้นและพึมพำกับตนเอง “แค่นี้น่าจะเพียงพอแล้ว!”

เขายืนขึ้นและหายตัวไปจากห้อง หวังหลินปรากฏตัวออกมาห่างจากบ้านไปมากกว่าห้าหมื่นลี้ กวาดสัมผัสวิญญาณบริเวณเบื้องหน้าก่อนจะตบกระเป๋านำหินหยกสวรรค์จำนวนมากออกมา

หวังหลินอยู่ในท่านั่งสมาธิและสร้างผนึกขึ้นส่งกฏเกณฑ์ออกไป เมื่อกฏเกณฑ์หลายสิบชุดถูกตั้งไว้เรียบร้อย หินหยกสวรรค์ตกลงไปทีละก้อนก่อเกิดเป็นค่ายกลขนาดใหญ่

ค่ายกลนี้ไม่มีชื่อเพราะหวังหลินได้รับมาด้วยตัวเองจากความสามารถที่สามของแม่น้ำอเวจี มันสามารถดูดซับหินหยกสวรรค์จำนวนมากและใช้พลังนั้นส่งผลกระทบเพื่อเพิ่มระดับฝึกตนได้

หินหยกสวรรค์มากกว่าสามแสนก้อนตกลงไป หวังหลินสัมผัสกระเป๋าอีกครั้งนำค่ายกลกระบี่เจ็ดดาราออกมากวัดแกว่งรอบหวังหลินเพื่อปกป้องตนเอง องครักษ์เทพออกมาจากเงาด้วยและรวมตัวเข้ากับความว่างเปล่า หากใครกล้าขัดขวางเขา องครักษ์เทพจะฆ่าโดยไม่มีความลังเล

หวังหลินสูดหายใจลึกและหลับตาลง สร้างฝึกบนฝ่ามือและวางลงบนเข่า จากนั้นกล่าวเสียงเบา “กระจาย!”

เสียงหวังหลินกลายเป็นวิชาและกระจายออกเสียงดังสนั่น หินหยกสวรรค์รอบๆด้านพลันระเบิดและกลายเป็นฝุ่นทันที ชั่วจังหวะนั้นราวกับฟ้าดินปกคลุมไปด้วยฝุ่นของหินหยกสวรรค์ พลังเหนือจินตนาการของหินหยกสวรรค์ระเบิดพุ่งพล่านออกมาทันใด

พลังปราณสวรรค์แข็งแกร่งอย่างยิ่งจนถึงจุดที่น่าหวาดกลัว มันเปลี่ยนกลายเป็นพายุปราณสวรรค์โดยมีหวังหลินเป็นจุดศูนย์กลางและพุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า

ระลอกคลื่นทรงพลังสายหนึ่งกระจายออกมาทำให้ฟ้าคำรามลั่นไปทั่วดาว

ทอร์นาโดปราณสวรรค์รุนแรงขึ้นและรุนแรงยิ่งขึ้นเมื่อมีหินหยกสวรรค์ระเบิดมากขึ้น พลังปราณสวรรค์จากหินหยกเป็นเชื้อเพลิงให้กับทอร์นาโด ทำให้มันทรงพลังยิ่งขึ้นจนราวกับพร้อมจะพุ่งออกจากดาวรานหยุนได้ตลอดเวลา

มีเพียงสามคนบนดาวรานหยุนที่สัมผัสพายุทรงพลังของปราณสวรรค์นี้ได้อย่างชัดเจน คนแรกคือซุนซื่อที่อยู่ใกล้ที่สุด

ซุนซื่อที่กำลังบ่มเพาะอยู่พลันลืมตาขึ้นและเต็มไปด้วยอาการตกใจ

คนที่สองคือชายวัยกลางคนอยู่ในธารน้ำแข็งอีกด้านหนึ่งของดาวรานหยุน เขาอยู่ในเศษน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลายและกำลังดูดซับพลังความเย็นภายใน ขณะที่เกิดปราณสวรรค์ระเบิดขึ้น เขาลืมตาออกมามองไปทิศทางที่เกิดพายุปราณสวรรค์ลึกลับด้วยแววตาเรืองแสงเย็นๆ

“หรือว่าเป็นคำเตือน…” ชายวัยกลางคนลังเลชั่วขณะจากนั้นก็ไม่สนใจอีก

คนที่สามอยู่ใจกลางของดาวรานหยุนที่ซึ่งตระกูลรานตั้งอยู่

ณ บ้านบรรพชนของดาวรานหยุน ชายชราผมขาวโพลนขมวดคิ้วเมื่อฟังรายงานการประมูลจากสมาชิกของตระกูล หลังจากได้ยินว่าเม็ดยาระดับแปดถูกขายออกไปด้วยราคาหนึ่งหินหยกสวรรค์ เขาพ่นลมหายใจและสายตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

ขณะที่กำลังจะพูดออกมา เขาตรวจพบการปรากฏตัวของพายุปราณสวรรค์ได้ พลันยืนขึ้นทันทีและมองไปตำแหน่งนั้นด้วยสีหน้ามืดมน

หลังผ่านไปสักพักจึงพึมพำกับตนเอง “เขาจะสื่ออะไร…”

ภายในทอร์นาโดนั้น หวังหลินสร้างผนึกขึ้นในฝ่ามือ ลืมตาตื่นและตะโกน “ดูดซับ!”

หนึ่งคำพูดทำให้ทอร์นาโดแตกกระจายดุจสายฟ้าคำราม หวังหลินอ้าปากและทอร์นาโดนั้นถูกดูดเข้าไปในปากอย่างรวดเร็ว

แม่น้ำอเวจีปรากฏรอบหวังหลินอย่างคลุมเครือ มันโคจรรอบตัวหวังหลินและสร้างพลังที่มองไม่เห็นซึ่งควบแน่นทอร์นาโดปราณสวรรค์ได้

ทอร์นาโดปราณสวรรค์กำลังถูกหวังหลินสูดเข้าไปราวกับเขากำลังกลืนกินสวรรค์ หินหยกสวรรค์จำนวนมากรายล้อมหวังหลินและเส้นชีพจรเขาพองขึ้นหลายเท่าตัวทันที ปราณสวรรค์ที่ถูกกลืนกินนั้นได้เข้าสู่วิญญาณดั้งเดิมหวังหลินไปด้วย

ตอนนี้ร่างกายหวังหลินราวกับเหวนรก และวิญญาณดั้งเดิมราวกับเป็นหลุมดำในเหวนรกที่ดูดกลืนทุกสิ่งอย่าง

พายุทอร์นาโดปราณสวรรค์หดเล็กลงอย่างรวดเร็วจนถูกกลืนกินได้สมบูรณ์ ผิวกายหวังหลินแดงขึ้นเล็กน้อย ดวงตาส่างไสวและมีแสงกำลังแตกร้าวออกมาทั่วร่างกาย

ทอร์นาโดยักษ์เลือนหายไปและโลกกลับคืนสู่ปกติ นอกจากเรื่องที่ใกล้ๆนี้ไม่มีก้อนเมฆสักก้อนเลย ทุกสิ่งกลับมาเหมือนเดิมราวกับทุกสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ภาพมายาเท่านั้น

แม่น้ำอเวจีค่อยๆเลือนหายไปจนกระทั่งหายวับอย่างไร้ร่องรอย

หวังหลินสูดหายใจลึก ยืนขึ้นมาและดวงตาส่องสว่างราวกับคบไฟในเวลากลางคืน

“ข้าเพียงแค่ทำความเข้าใจเขตแดนของข้าเท่านั้นเพื่อบรรลุขั้นเทวะระดับกลาง ข้าไม่สามารถเร่งรีบทำความเข้าใจได้…มันอาจจะเกิดขึ้นในวินาทีถัดไป หรือในอีกสิบปีหรืออาจจะร้อยปี…”

“ตอนนี้ถึงเวลาสะสางเรื่องราว…ข้าอยากฝึกฝนอย่างสงบบนดาวรานหยุนแต่มีคนบางส่วนไม่ต้องการให้ความสงบสุขนี้ดำเนินต่อไป เมื่อเขาต้องการให้ข้าเกี่ยวโยงเรื่องนี้ได้เช่นนั้นเขาต้องแสดงความจริงใจให้เพียงพอ! ข้าเข้าใจว่าทั้งสามคนจะรู้ความคิดข้าในตอนนี้แล้ว” หวังหลินเผยอาการยิ้มเยาะและสะบัดแขน ค่ายกลกระบี่เจ็ดดาราลอยกลับเข้าไปในกระเป๋า ส่วนองครักษ์เทพก็กลับเข้าไปในเงาเขาเช่นกัน

หวังหลินใช้เคลื่อนย้ายพริบตาขั้นสูงและในเวลาเดียวกันก็กระจายสัมผัสวิญญาณออกไปปกคลุมทั้งดาว เมื่อจับเซียนขั้นเทวะระดับกลางได้หวังหลินก็หายตัวไป

ในบ้านบรรพชนตระกูลราน ชายชราเปลี่ยนสีหน้าและดวงตาส่องสว่างลุกโขน ร่างกายกระพริบวาบและเคลื่อนที่พริบตาออกไป เขาปรากฏตัวห่างจากบ้านบรรพชนมาได้ไกลห้าพันลี้และจากนั้นสร้างผนึกในฝ่ามือขึ้น ลำแสงสายฟ้าหนึ่งปรากฏออกมาและเขาโยนใส่ความว่างเปล่าโดยไม่ลังเล

ชายชราสะบัดแขนอีกครั้ง ลำแสงสายฟ้าอีกเส้นปรากฏกลางอากาศพร้อมเสียงดังสนั่น

หนึ่งในวิชาของบรรพชนตระกูลราน ฝ่ามืออัสนี!

ลำแสงสายฟ้าพุ่งตรงไปที่ความว่างเปล่า ซึ่งในชั่วจังหวะนั้นลมหายใจเย็นก็ออกมาจากช่องว่างและร่างหวังหลินปรากฏตัว เขาไม่ได้ขยับเคลื่อนไหวแต่เงาด้านล่างหวังหลินกระพริบวาบ องครักษ์เทพกระพริบอยู่เบื้องหน้าหวังหลิน ปะทะเข้ากับฝ่ามืออัสนีทันที

ในเวลาเดียวกัน เงาขององครักษ์เทพก็ปรากฏอยู่ข้างหน้าบรรพชนตระกูลรานและผลักใส่เขาอย่างเบามือ บรรพชนตระกูลรานกระอักโลหิตทันทีและลอยกลับหลังดุจอุกกาบาต เขากระอักโลหิตออกมามากขึ้นและใบหน้าซีดขาว รีบนำเม็ดยาจำนวนมากออกมาจากกระเป๋าและกลืนลงไป

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตา เร็วเกินจนบรรพชนตระกูลรานรู้สึกตกใจและหวาดกลัวอยู่ส่วนลึกในใจ

“เขาระดับบ่มเพาะอะไรกันแน่…นี่มันน่าหวาดกลัวเกินไป!! เขาไม่ได้ต้องการฆ่าข้า ไม่เช่นนั้นข้าคงตายหลังการโจมตีนั้นไปแล้ว! เขาคนนี้ หรือจะเป็นขั้นเทวะระดับปลายสูงสุด?!” ชายชราอ้าปากค้าง

เงาขององครักษ์เทพหายไปเบื้องหลังหวังหลิน จากนั้นหวังหลินมองบรรพชนตระกูลรานด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าใช่ไหมที่เป็นคนต้องการลากข้าเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องเมื่อสี่ปีก่อน?”

จิตใจของชายชราสั่นเทา หลังขบคิดเล็กน้อยจึงพลันกัดฟันแน่น “สหายเซียน เรื่องนี้เป็นความผิดของข้า ข้าทำเพียงเพราะว่า…”

“ข้าไม่ได้มาฟังคำขอโทษของเจ้า หากเจ้าต้องการรับความคุ้มครองของข้า เจ้าต้องแสดงความจริงใจของเจ้าออกมา! ความจริงใจที่เจ้าแสดงออกมาตอนนี้มันยังไม่พอ!” หวังหลินไพล่แขนไว้ด้านหลังและมองอย่างสงบนิ่ง

ชายชราสูดหายใจลึก มีความคิดหลายร้อยอย่างอยู่ในหัว จากนั้นถามขึ้นทันที “สหายเซียนหมายความว่า?”

หวังหลินเอ่ยช้าๆ “ส่งหินหยกสวรรค์จำนวนเก้าในสิบส่วนที่ตระกูลของเจ้ามีทั้งหมดมาให้ข้า!”

ชายชราขบคิดและเริ่มลังเลในใจ

หวังหลินมองตรงไปและเอ่ยอย่างเย็นเยียบ “พวกเจ้าสองคน ออกมาก็ดีแล้ว!”

เงามายาสองร่างปรากฏตรงตำแหน่งที่หวังหลินมองไป มันคือซุนซื่อและชายวัยกลางคนในธารน้ำแข็ง สายตาแต่ละคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ฉากเหตุการณ์ของบรรพชนตระกูลหรานที่เกือบเสียชีวิตเพียงสะบัดมือครั้งเดียวนั้นได้สั่นสะท้านหัวใจพวกเขาอย่างมหาศาล

“การคุ้มครองของเจ้า จงนำหินหยกสวรรค์ของตระกูลจำนวนเจ็ดในสิบส่วนมา!” หวังหลินชี้ไปที่ซุนซื่อ

ดวงตาซุนซื่อเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดและพยักหน้าทันที “สหายเซียนซิ่ว เรื่องนี้ข้าตกลง! ตราบใดที่ข้าสามารถเดินออกมาจากเงาเมื่อสี่ปีก่อนได้ ข้ายอมรับเงื่อนไข!”

“ส่วนเจ้า ส่งหินหยกสวรรค์ของตระกูลมาให้ข้าจำนวนเก้าในสิบส่วน!” หวังหลินจรดสายตาลงบนชายวัยกลางคนที่อยู่ในธารน้ำแข็ง

“นอกจากนี้ ยังมีเม็ดยาที่เหลืออยู่และกระเป๋าจากคนตระกูลฮวนเมื่อสี่ปีก่อน จงนำมันทั้งหมดมาให้ข้าโดยไม่ให้ขาดแม้แต่เพียงชิ้นเดียว!”

“หากข้ามีหินหยกสวรรค์ไม่พอ เจ้าทั้งหมดจะต้องเอามาให้ข้าเพิ่มอีก หากมีไม่พอต่อระดับบ่มเพาะของข้า เช่นนั้นข้าจะไม่ขอยุ่งกับเรื่องนี้!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!