Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 681

Cover Renegade Immortal 1

681. หวังผิง

ปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวนั้นไร้ที่เปรียบ ขณะที่มันปรากฏขึ้น ปราณกระบี่เต็มไปด้วยพลังแห่งฟ้าดิน มันพุ่งออกไปดุจลำแสงสายฟ้าและเข้าไปในวังวน

ทั้งยังไล่ตามหลังบรรชนตระกูลฮวน

เมื่อปราณกระบี่เข้าไป วังวนพลันพังทลายในทันที จากนั้นบรรพชนตระกูลฮวนก็ส่งเสียงอยู่ในลำคอ

ในช่วงเวลานั้นภายในบ้านของตระกูลฮวนบนดาวพันมายา บรรพชนตระกูลฮวนกำลังนั่งอยู่ในห้องพร้อมกับวังวนขนาดใหญ่อยู่เบื้องหน้า วังวนเปลี่ยนรูปร่างและแตกสลายทีละนิ้ว

ขณะที่มันแตกสลายอย่างสิ้นเชิง แสงสีขาวห่อหุ้มรอบหลิวเหมยและพานางกลับมาผ่านวังวน หลังจากเข้ามาในห้อง แสงนั้นก็โยนหลิวเหมยมาด้านข้างโดยไม่มีเวลามาใส่ใจนางตอนนี้ ภายในแสงมีร่องรอยแห่งความกังวลออกมาด้วย มันพุ่งกลับเข้าร่างบรรพชนตระกูลฮวนอย่างรวดเร็ว

เขาลืมตาขึ้นทันทีและเผยร่องรอยความหวาดกลัวอยู่ภายใน จากนั้นยกแขนขวาขึ้นโดยไม่ลังเล กระแทกลงใส่วังวนอย่างรุนแรงและกล่าวเสียงเบา “แตกสลาย!”

ก่อนหน้านี้เขาได้นำวิญญาณดั้งเดิมออกจากร่างกายและใช้วิชาข้ามผ่านอวกาศ ตอนแรกเขาไม่ได้สนใจเรื่องหวังหลินเลย ทว่าตอนที่เขาหยุดการโจมตีของหวังหลิน เขาตั้งใจว่าจะปลิดชีวิตไปด้วย

แต่ตอนที่หยุดดัชนีนั้น เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าพลังของตัวเองที่เข้าไปในวิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินกลับถูกทำลาย จึงทำได้เพียงแค่ให้หวังหลินบาดเจ็บและไม่อาจสังหารเขาได้

เหตุการณ์นี้ทำให้เขาประหลาดใจและในชั่วจังหวะถัดมาเขาก็เห็นหุ่นเชิดองครักษ์เทพ ระดับบ่มเพาะขั้นหยินหยางของหุ่นเชิดได้ทำให้บรรพชนตระกูลฮวนตกใจอย่างมาก เขารู้ว่าเขาอยู่ในสภาวะอ่อนแออย่างยิ่งดังนั้นระดับบ่มเพาะจึงตกลงมาที่ขั้นหยินหยาง แม้เขาจะสามารถเอาชนะหุ่นเชิดได้แต่การต่อสู้กันจะทำให้ระดับบ่มเพาะตกลงไปมากขึ้นอีก

อีกทั้งวิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินก็ประหลาดมาก จึงทำให้เขากังวล หากระดับบ่มเพาะของเขาไม่ตกลงมาก็คงไม่กังวลนักและสังหารหวังหลินได้ตรงๆ

ถึงกระนั้นก็ตามที เขาก็ไม่ได้นำคำพูดของหวังหลินมาใส่ใจ แม้หวังหลินจะมีหุ่นเชิดองครักษ์เทพ เขาก็มีที่สนับสนุนของตัวเองเช่นกัน

เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงรับหลิวเหมยและรีบจากมาอย่างรวดเร็วโดยทิ้งคำพูดโหดเหี้ยมไว้เบื้องหลัง

หลิวเหมยคือคนที่เขาลงทุนลงแรงไปมากมาย นอกจากสิ่งที่เขากล่าวกับสาธารณะชนแล้วยังมีเหตุผลส่วนตัวอีก เขาไม่ยอมให้ใครสังหารนางก่อนที่นางจะบรรลุขั้นที่สองได้

แต่ว่าบรรพชนตระกูลฮวนไม่อาจเดาได้ว่าหวังหลินจะส่งปราณกระบี่ออกมาด้วย คราแรกเขาไม่ถือว่ามันเป็นภัยคุกคาม แต่ตอนที่มันเข้ามาใกล้ ปราณกระบี่กลับทำให้วังวนวิญญาณดั้งเดิมของเขาพังทลาย สิ่งนี้ทำให้เขาตกใจอย่างยิ่งและอ้าปากค้าง

หากแค่ทำให้วังวนแตกสลายนั่นก็คงดี แต่ปราณกระบี่ไม่มีความเสียหายอันใดเลยและยังพุ่งตรงใส่วิญญาณดั้งเดิมของเขาอีก พลังอำนาจของปราณกระบี่นี้ทำให้หนังศีรษะเขาด้านชาไปชั่วขณะ

ตอนที่สัมผัสถึงพลังอำนาจของมัน เขารู้สึกถึงพลังอำนาจของเซียนชั้นชำระสวรรค์ได้อย่างคลุมเครือ กลิ่นอายน่าหวาดกลัวนี้ทำให้เขาตกตะลึงในใจ เขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับมันและวิ่งหนีด้วยความตื่นตระหนก

เขาใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดพาหลิวเหมยกลับมาผ่านวังวน จากนั้นก็กลับเข้าร่างทันทีและพยายามทำลายวังวนเพื่อให้ปราณกระบี่นั้นถูกขังในมิติว่าง

วังวนแตกสลายกลายเป็นฝุ่นในเสี้ยวพริบตา บรรพชนตระกูลฮวนถอนหายใจอย่างโล่งอกแต่สีหน้าพลันเปลี่ยนไปและสาปแช่งในใจ เขาลุกขึ้นคว้าหลิวเหมยและรีบล่าถอยอย่างรวดเร็ว

ลำแสงสีแดงพุ่งออกมาจากวังวนตอนที่มันแตกสลาย

เมื่อมันปรากฏขึ้น ปราณกระบี่หลายเส้นสายนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่ในห้องลับ พลันเกิดการระเบิดจนสั่นสะเทือนไปทั้งดวงดาวและดังก้องทั่วดินแดน

ห้องลับของตระกูลฮวนระเบิดออกมาจากแรงกดดันของปราณกระบี่จนสร้างคลื่นกระแทกขึ้น คลื่นกระแทกได้ทำลายสิ่งก่อสร้างตามรายทางและเตะฝุ่นขึ้นจนตลบอบอวล บรรพชนตระกูลฮวนพุ่งออกมาจากฝุ่น เขาอยู่ในอาการตกใจและอยู่ในภาวะย่ำแย่ทั้งยังคว้าหลิวเหมยและรีบหนีออกมา

“บัดซบ เจ้าเด็กที่รู้จักหลิวเหมยคนนั้นทำไมถึงมีปราณกระบี่แบบนี้ได้!?! ผู้อาวุโสขั้นชำระสวรรค์ต้องเป็นคนบ้าแบบไหนถึงยกปราณกระบี่ให้เจ้าหนุ่มขั้นแรก? นี่มันกลั่นแกล้งกันชัดๆ!!!” บรรพชนตระกูลฮวนสาปแช่งในใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถทนรับได้แต่เขาอยู่ในสภาวะอ่อนแอและระดับบ่มเพาะลดลง เขากลัวว่าระดับบ่มเพาะจะไม่เสถียรขึ้นอีกหากพยายามทนรับปราณกระบี่นั้น

หลังจากห้องลับแตกสลาย ปราณกระบี่ก็พุ่งออกมาและตรงเข้าใส่บรรพชนตระกูลฮวน ปราณกระบี่สายนี้บรรจุเขตแดนทรราชย์ของหลิงเทียนโฮวเอาไว้ ในขณะนั้นราวกับทั้งฟ้าดินเต็มไปด้วยกลิ่นอายอำนาจกดขี่แห่งนี้

ปราณกระบี่ทรงพลังมากยิ่งขึ้นจนเกือบบรรลุขีดสูงสุดของมัน เมื่อปราณกระบี่ปรากฏ ทั้งโลกดูเหมือนจะหยุดนิ่ง!

การหยุดที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะทำให้เวลาหยุดนิ่งอย่างสมบูรณ์ ก้อนเมฆเปลี่ยนไปและสายลมหวนคืน ก่อเกิดเหตุการณ์อันหายากที่ที่ก้อนเมฆดูเหมือนจะถดถอย เหล่าเซียนทรงพลังทั้งหมดบนดาวพันมายาสัมผัสปราณกระบี่นี้ได้และท้องฟ้าพลันมืดมิดลง!

ขณะปราณกระบี่ปรากฏขึ้น ฟ้าดินเต็มไปด้วยปราณกระบี่ เขตแดนที่ออกมามีแรงกดขี่มากเกินไปราวกับทุกวิชาใดในโลกหลีกทางให้และไม่สามารถขโมยจังหวะของมันไปได้!

การกดขี่นี้คืออำนาจแห่งสวรรค์!

ปราณกระบี่ลอยข้ามผ่านท้องฟ้าในลำแสงสว่างเจิดจ้า มันเปลี่ยนกลายเป็นจุดที่คมที่สุดในโลกพร้อมกับไล่ตามบรรพชนตระกูลฮวน

ปราณกระบี่เร็วเกินไป ท่านสามารถหลบได้ ท่านสามารถหนีได้ แต่เขตแดนบนปราณกระบี่กลับรุนแรงมากขึ้น เขตแดนทรราชย์แข็งแกร่งขึ้นในขณะที่ท่านอ่อนแอลง

บรรชนตระกูลฮวนโยนหลิวเหมยไปข้างหน้าด้วยใบหน้ามืดมน ฝ่ามือสร้างผนึกและเกิดแสงสีขาวกระพริบวาบ เต๋าของเขาคือเต๋าเอกลักษณ์พันมายา มันสามารถใส่ทุกสิ่งอยู่ในโลกของมายาได้ แต่ในมือเขามีสิ่งพิเศษมากกว่านั้น

แสงสีขาวส่องสว่างเจิดจ้าบนนิ้วมือพร้อมกับเจตนาแห่งเต๋าเพิ่มพูนขึ้นอย่างบ้าคลั่ง บรรพชนตระกูลฮวนกระตุ้นพลังดั้งเดิมทั้งหมดในร่างกายรวบรวมในดัชนีและชี้ไปข้างหน้าอย่างโหดเหี้ยม

แสงระเบิดสีขาวพุ่งออกมาปะทะเข้ากับปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮว แรงระเบิดสั่นสะเทือนผืนปฐพีกระจายไปทั่วดาวพันมายา แสงสีขาวแตกสลายและปราณกระบี่พุ่งออกมา เคลื่อนไหวดุจสายฟ้าเข้าไปในร่างบรรพชนผ่านนิ้วมือ

ร่างบรรพชนตระกูลฮวนสั่นเทาและสีหน้าซีดเผือดทันที แววตาหวาดกลัวยิ่งมากขึ้นและตอนนี้เขาคิดถึงคำที่เจ้าเด็กคนนั้นพูดไว้ก่อนหน้านี้

“เจ้าช่วยนาง ตระกูลฮวนจะต้องถูกกวาดล้าง!”

ก่อนหน้านี้เขาเมินเฉยคำพูดนี้อย่างสิ้นเชิง แต่ตอนนี้กลับเหมือนฟ้าผ่าลงกลางสองหู หากเจ้าเด็กนั่นมีปราณกระบี่เช่นนี้ ไม่สงสัยคำพูดที่ว่าจะกวาดล้างตระกูลฮวนของเขาเลย

สิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัวมากขึ้นก็คือเจ้าเด็กคนนั้นมีปราณกระบี่แบบนี้มากขนาดไหนกัน

“หากเจ้าเด็กคนนั้นมีปราณกระบี่มากกว่าหกเส้น ข้าจะตายแน่นอนเว้นแต่จะฟื้นฟูระดับบ่มเพาะมาถึงขั้นส่องสวรรค์ได้! นี่ยังไม่ใช่ส่วนที่น่ากลัวที่สุด ที่น่ากลัวจริงๆคือเจ้าของปราณกระบี่…การที่จะยกปราณกระบี่เช่นนี้ให้กับคนอื่น นั่นต้องหมายความว่ามันต้องเป็นคนที่ใกล้ชิดมาก อาจจะเป็นลูกหลานสายตรง…” บรรพชนตระกูลฮวนรู้สึกหนังศีรษะด้านชา แม้เขาจะมีจิตใจแข็งแกร่งก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว

แม้เขาจะเป็นบรรพชนของตระกูลฮวนและบ่มเพาะบรรลุขั้นส่องสวรรค์ ซึ่งนั่นหมายความว่าเขายิ่งตระหนักถึงความน่ากลัวของขั้นชำระสวรรค์ การฝึกเซียนขั้นที่สองนั้นแตกต่างจากขั้นแรกมากนัก

ในขั้นแรกแม้จะมีสมบัติฝืนลิขิตสวรรค์หรือวิชาทรงพลัง มันก็ยังสามารถต่อสู้กับคนที่มีระดับบ่มเพาะเหนือกว่าได้ แม้จะหาได้ยากแต่ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ ความจริงแล้ววิชาเซียนหรือสมบัติวิเศษต่างใช้ได้ดีเยี่ยม แม้แต่การฆ่าคนที่มีระดับบ่มเพาะสูงกว่าก็ยังทำได้

แต่ในขั้นที่สองกลับเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชนะคนที่มีระดับบ่มเพาะสูงกว่า แต่ละขั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงความแตกต่างระหว่างขั้นส่องสวรรค์และชำระสวรรค์ เพียงแค่ความแตกต่างระหว่างขั้นส่องสวรรค์ระดับต้นและระดับกลางก็เป็นช่องว่างที่ไม่อาจก้าวข้ามได้แล้ว ปราณกระบี่ของเซียนขั้นชำระสวรรค์สามารถทำให้เขาหวาดกลัวได้อย่างยิ่งจนไม่สามารถมองเป็นเรื่องเล็กน้อยไปได้

ตอนนี้ตัวเลือกที่ดีที่สุดคือการมอบหลิวเหมยออกไป บรรพชนตระกูลฮวนมองหลิวเหมยที่เต็มไปด้วยความสูญเสียย่อยยับและล้มเลิกความคิดนี้ทันที

“มันรู้จักหลิวเหมย ดังนั้นต้องมาจากดาราจักรพันธมิตรเซียน ไม่ว่าอาจารย์ของมันจะแข็งแกร่งแค่ไหน หากไร้หินทุกชั้นฟ้าก็ไม่สามารถเข้ามาดาราจักรนี้ได้เว้นแต่จะมีค่ายกลเคลื่อนย้ายของตัวเอง แต่ว่าเมื่อถึงตอนที่อาจารย์ของมันมาที่นี่ เรื่องนี้จะไม่เป็นเรื่องระหว่างข้าและมันอีกต่อไป มันจะเป็นสงครามระหว่างสองดาราจักร ถึงตอนนั้นผู้เชี่ยวชาญทรงพลังจากหอสวรรค์อัสนีจะออกมาด้วย”

“นอกจากนี้เมื่อแผนของข้าสำหรับหลิวเหมยสำเร็จลุล่วง บางทีระดับบ่มเพาะของข้าจะบรรลุขั้นชำระสวรรค์ด้วยเช่นกัน หากไม่เป็นเช่นนั้นข้ายังสามารถบรรลุระดับปลายสูงสุดของขั้นส่องสวรรค์ได้”

หลังคิดขึ้นมาในใจ บรรพชนตระกูลฮวนกระจายสัมผัสวิญญาณออกมาไปทั่วทั้งดวงดาวทันที

“สหายเก่าตระกูลเฉียน พี่ซิ่ว ข้ามีเรื่องขอร้อง…”

ณ ดาวรานหยุน หวังหลินจ้องวังวนที่แตกสลายไปและถอนสายตาออกมา สายตาจับจ้องไปบนหมอกสีดำที่ถูกองครักษ์เทพล้อมรอบ เสียงร้องไห้ดังออกมาจากข้างในนั้นอย่างต่อเนื่อง

เสียงร้องทุกครั้งราวกับคมกระบี่ที่แทงเข้าไปในใจของหวังหลิน

หวังหลินมองสายหมอกสีดำด้วยแววตาแฝงความเจ็บปวด ตอนที่ดวงตาเลือนลางคู่นั้นมองตาหวังหลิน มันปลดปล่อยความขุ่นข้องใจอย่างหนาแน่น

“เขาคือลูกของข้า…เป็นลูกสายตรงของข้าในโลกใบนี้…”

หวังหลินค่อยๆเดินเข้าไปในเงาที่องครักษ์เทพสร้างขึ้น เขามีสายตาอ่อนโยนก่อนจะยกแขนขวาและยื่นเข้าไปในสายหมอก

วิญญาณอาฆาตกัดลงบนนิ้วหวังหลินโดยไม่ลังเล ฟันแหลมคมฉีกกระชากผ่านผิวหนังและกลิ่นอายอาฆาตเย็นเฉียบเข้าสู่ร่างหวังหลินผ่านบาดแผลนั้นทันที

หวังหลินไม่ได้ถอนมือออก เขามองเด็กคนนั้นด้วยสายตาอ่อนโยนโดยที่ยังดูดเลือดเขาอย่างต่อเนื่อง

“ไม่เป็นไรหรอก เจ้าชื่อลี่เอ๋อ…ลี่ไม่ใช่คำที่ดี งั้นเปลี่ยนมันเป็น…ผิง ตั้งแต่วันนี้ไปเจ้าจะชื่อว่าหวังผิง…ข้าหวังว่าชีวิตเจ้าจะสงบสุขและปลอดภัย ไม่เหมือนกับข้า…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!