Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 682

Cover Renegade Immortal 1

682. หน้าที่

วิญญาณอาฆาตสามารถได้ยินคำพูดของหวังหลินอย่างชัดเจนแต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความหนาวเย็นและเศร้าโศก มันกัดนิ้วหวังหลินต่อไปราวกับต้องการให้หวังหลินรู้สึกถึงความทุกข์ทนทรมานนับร้อยปีทั้งหมดในครั้งเดียว

หวังหลินมองเด็กคนนี้อยู่นานและถอนหายใจ ความขุ่นเคืองใจที่เข้ามาในร่างเขาไม่ส่งผลกระทบอะไร สายฟ้าในหวังหลินเพียงแค่กวาดผ่านร่างกายครั้งเดียวก็ปัดออกได้หมดแล้ว

หลังขบคิดอยู่ชั่วขณะ หวังหลินใช้มือซ้ายสร้างผนึก กฏเกณฑ์นับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นล้อมรอบสาสยหมอกสีดำ เมื่อองครักษ์เทพถอนตัวออกมา กฏเกณฑ์ก็หดลงทันที

สายหมอกหดเล็กลงไปด้วยจนถูกกฏเกณฑ์ผนึกไว้อย่างสมบูรณ์

ท้ายที่สุดแล้วหวังหลินก็หยิบลูกแก้วกฏเกณฑ์ที่มีเด็กอยู่ข้างในขึ้นมาอย่างเบามือและกดต้านกับหน้าผากเพื่อเก็บไว้ข้างในลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า หวังหลินแบ่งวิญญาณดั้งเดิมของตัวเองไว้ส่วนหนึ่งใส่เข้าไปในลูกปัดเพื่อช่วยลูกของเขาปัดเป่าความแค้นใจนั้น

หวังหลินกระซิบ “เมื่อพ่อจัดการเรื่องในมือเสร็จสิ้น พ่อจะปิดด่านฝึกตนและปัดเป่าความแค้นใจของเจ้า ผิงเอ๋อ อย่ากังวลไปเลย” จากนั้นยื่นมือขวาออกมาคว้าวิญญาณดวงที่สี่ทันที หวังหลินหยิบธงวิญญาณหนึ่งพันล้านดวงออกมาและโยนวิญญาณเข้าไปข้างใน

“อาจารย์ตุ้นเทียน ศิษย์ขอรับพลังอำนาจแห่งวิญญาณดวงที่สี่ พลังที่แท้จริงของธงวิญญาณพันล้านดวงจะปรากฏอีกครั้ง!” หวังหลินหันกลับมา สายตาจับลงบนเมืองที่อยู่ห่างออกไปไกล

หวังหลินกล่าวน้ำเสียงสงบนิ่ง “จงออกมาซะ”

ซุนซื่อลอยออกมาจากเมืองอย่างสุขุม เขาร่วมเป็นสักขีพยานการต่อสู้กับตาตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นตอนที่หลิวเหมยใช้วิธีต่ำช้าหรือการมาถึงของบรรพชนตระกูลฮวน ทั้งหมดทำให้จิตใจเขายุ่งเหยิงอย่างสิ้นเชิง

เนื่องจากระดับบ่มเพาะของเขาตกลง เมื่อเผชิญหน้ากับหวังหลิน จิตใจจึงเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน

“ผ…ผู้อาวุโส…”

หวังหลินมองซุนซื่อ แสงกระบี่ใต้ผ่าเท้าของเขาไม่มั่นคง ชัดเจนว่าเขากำลังหวาดกลัว

หวังหลินถอนหายใจ “น้องซุน ไม่จำเป็นต้องทำตัวแบบนี้…”

ซุนซื่อขบคิดอย่างเงียบๆ เขาสูดหายใจลึกและคำนับฝ่ามือให้หวังหลินพร้อมกับเอ่ยอย่างขมขื่น “ซิ่ว…พี่ซิ่ว เราสามคนปกปิดร่างโคลนของตัวเองก่อนที่จะลากท่านเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้และท่านต้องกลายเป็นแพะรับบาปของเรา…ข้า…”

หวังหลินกระซิบ “ช่างมันเถอะ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ บรรพชนตระกูลรานและซานเหรินปลอดภัยดีใช่ไหม?”

ซุนซื่อรีบเอ่ย “บรรพชนตระกูลรานสร้างร่างโคลนไว้เมื่อหลายร้อยปีก่อนและพาออกไปจากดาวรานหยุนไปแล้ว ข้าไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนแต่ข้าเชื่อว่าเขาไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ส่วนจ้าวซานเหริน แม้เขาจะไม่สามารถสร้างร่างโคลนขึ้นได้แต่เขามีวิชาลึกลับบางอย่างที่สามารถแบ่งวิญญาณดั้งเดิมออกมาได้ ข้าเดาว่าเขาก็ออกไปจากดาวรานหยุนนานแล้ว”

หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและเอ่ยขึ้น “เมื่อข้ารับหินหยกสวรรค์จากพวกเจ้าสามคนมาแล้ว ข้าจะทำให้ดีที่สุด ข้าไม่รู้ว่าอีกสองคนอยู่ที่ไหน ข้าจะปกป้องตระกูลพวกเจ้าให้เป็นเวลาร้อยปีเพื่อให้มั่นใจว่าตระกูลยังรอดอยู่ อย่างน้อยนั่นก็เป็นการทำหน้าที่ของข้าให้เสร็จสิ้น”

ซุนซื่อเผยใบหน้าขอบคุณ “พี่ซิ่ว ข้าขอเป็นตัวแทนขอบคุณท่าน” เขาลังเลและกล่าวต่อ “แต่ว่า ตระกูลฮวน…”

หวังหลินเงยศีรษะขึ้นและมองไปบนท้องฟ้า ราวกับสายตาเขาสามารถแทงทะลุดวงดาวและมองเห็นดาวพันมายาได้ หวังหลินเอ่ยยืนยัน “ตระกูลฮวนจะไม่มีอยู่อีกต่อไป!”

หวังหลินไม่ได้เย่อหยิ่งโอหังหรือคิดเอาเอง มีความคิดบ้าๆหนึ่งปรากฏขึ้นในใจ ใครก็ตามที่กล้าหยุดเขาไม่ให้สังหารหลิวเหมยจะต้องตายสถานเดียว

ร่างซุนซื่อสั่นสะท้าน เขารู้สึกถึงจิตสังหารก่อข้างข้างในร่างหวังหลิน จิตสังหารนี้ทรงพลังมากเกินไปและเมื่อมันระเบิดขึ้น ฟ้าดินจะเต็มไปด้วยภูเขาโลหิต

ระดับบ่มเพาะของซุนซื่อต่ำเกินไป ขณะที่จิตใจเขากำลังสั่นสะท้านจึงพลันก้มหน้าลงและไม่กล้ามองหวังหลิน

หวังหลินก้มลงมองซุนซื่อ “การฝึกฝนต่ำกว่าขั้นตัดวิญญาณไม่จำเป็นต้องใช้ความเข้าใจรู้แจ้ง แค่มีพลังปราณเพียงพอก็สามารถยกระดับบ่มเพาะของเจ้าได้แล้ว เจ้าผ่านประสบการณ์ฝึกฝนมานานหลายปีจากร่างเดิม ดังนั้นเจ้าจึงมีความเข้าใจของตนเอง ข้าสามารถช่วยเจ้าบรรลุขั้นวิญญาณแรกกำเนิดระดับปลายสูงสุดได้ ส่วนขั้นตัดวิญญาณและสูงกว่านั้นขึ้นอยู่กับการทะลวงด่านของเจ้าแล้ว ด้วยวิธีนั้นเจ้ายังมีโอกาสบรรลุขั้นเทวะและกระทั่งอาจก้าวข้ามผ่านขั้นที่สูงขึ้นไปได้”

ซุนซื่อขบคิดและยิ้มบิดเบี้ยว “ตอนที่ข้าบรรลุขั้นเทวะ ข้าผ่านมาด้วยความโชคดี ข้าไม่กล้าผ่านบททดสอบแห่งชีวิตและความตายอีกครั้งจริงๆ…”

เมื่อคิดถึงบททดสอบแห่งชีวิตและความตายในการบรรลุขั้นเทวะ หวังหลินถอนหายใจและเอ่ยขึ้น “ข้าไม่สามารถช่วยเจ้าบรรลุขั้นเทวะได้ อย่างมากที่สุดเพราะเจ้ามีความเข้าใจเดิมอยู่ ข้าจึงสามารถช่วยเจ้าบรรลุขั้นแปลงวิญญาณได้ แต่ว่านี่ยังต้องใช้เม็ดยาเซียนระดับแปดและระดับบ่มเพาะของเจ้าจะหยุดลงตลอดกาลโดยไม่มีโอกาสเพิ่มขึ้นอีกเลย”

ตอนที่อยู่บนดาวซูซาคุ ผีเสื้อสีชาดเป็นจุดสนใจของแคว้นซูซาคุ ดังนั้นแคว้นเซว่ยี่จึงถูกเลื่อนขั้นให้เป็นแคว้นเซียนระดับห้า จ้าวสำนักถูกยกระดับขึ้นโดยตรงจากขั้นตัดวิญญาณให้เป็นขั้นแปลงวิญญาณโดยใช้วิธีที่คล้ายกันแต่เขาจะไม่มีความก้าวหน้าอีกเลยตลอดชีวิต

ในชั่วจังหวะนี้หวังหลินก็ถือเม็ดยาระดับแปดขึ้นมา ภายใต้การควบคุมของเขาจึงสามารถทำให้ซุนซื่อทนต่อผลกระทบของเม็ดยาได้

ซุนซื่อกัดฟันแน่นและเอ่ยด้วยความมุ่งมั่น “พี่ซิ่ว ข้าขอเลือกตัวเลือกหลัง!”

หวังหลินไม่ได้กล่าวอะไรอีก เขายกแขนขึ้นและชี้ไปบนท้องฟ้า ท้องฟ้าพลันมืดมิดและแม่น้ำอเวจีปรากฏออกมาห่อหุ้มล้อมรอบดาวเอาไว้

การเพิ่มระดับบ่มเพาะของซุนซื่อจำเป็นต้องใช้พลังปราณอย่างมาก หวังหลินไม่สามารถทำมันด้วยตัวเองเขาจึงต้องใช้เต๋าของตนเป็นหนทางในการควบคุมพลังปราณแห่งฟ้าดิน

แม่น้ำอเวจีขยายตัวออกและเจตนาแห่งเต๋าของหวังหลินเข้าไปข้างใน ทั้งดวงดาวดูเหมือนสั่นเทา สายแร่วิญญาณที่แตกหักใต้ผืนดินทั้งหมดเริ่มรวบรวมเข้ามา

หวังหลินกล่าวขึ้น “ความสามารถที่สามของแม่น้ำอเวจี อำนาจแห่งอเวจี!” เสียงดังสนั่นออกมาจากแม่น้ำอเวจี ในเวลาเดียวกันก็เกิดพลังดึงดูดทรงพลังออกมาด้วย

ทั้งดวงดาวสั่นไหวเนื่องจากสายแร่วิญญาณที่แตกหักถูกดึงออกมา มันไหลออกมาจากใต้ผืนดินราวกับมังกรและถูกแม่น้ำอเวจีดูดซับไป

ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นพร้อมกับคว้าร่างซุนซื่อโยนเข้าไปในแม่น้ำ “หลับตาและบ่มเพาะ!”

ข้างในแม่น้ำอเวจี ซุนซื่อได้ยินเสียงร้องโศกเศร้าระเบิดออกมาจนทำให้จิตใจสั่นไหว เขารีบหลับตาลงและเพ่งสมาธิไปที่การฝึกฝน พลังปราณมหาศาลเข้าสู่ร่างกายอย่างบ้าคลั่ง

หลังจากนั้นไม่นานหวังหลินก็ตบกระเป๋านำเม็ดยาระดับแปดออกมา เขาทำลายขี้ผึ้งรอบขวดยาพลันเกิดกลิ่นสมุนไพรออกมาจากมัน หวังหลินโยนเม็ดยาเข้าไปในแม่น้ำอเวจี เพียงมันลงไปได้ครึ่งทาง เม็ดยาก็เปลี่ยนเป็นควันสีเขียวผสานเข้ากับแม่น้ำ

สามวันถัดมาเกิดเสียงหัวเราะหนึ่งดังออกมาจากข้างในแม่น้ำอเวจีของหวังหลิน ซุนซื่อลืมตาขึ้นและเกิดแสงกระพริบวาบ ร่างกายกระพริบแวววับขณะก้าวออกมาจากแม่น้ำอเวจี

เขาจ้องแขนตัวเองและใช้สัมผัสวิญญาณตรวจสอบร่างกาย ใบหน้าเผยอาการตื่นเต้นจนปิดไว้ไม่มิด พลันสูดหายใจลึกและเผยสัมผัสแห่งความสุขเต็มไปทั้งร่างกาย

เขาโค้งคำนับให้กับหวังหลินอย่างสุดซึ้งและเอ่ยขึ้น “ข้าจะไม่มีวันลืมการช่วยเหลือของพี่ซิ่วไปตลอดชีวิต!”

ในระหว่างหลายวันนี้ หวังหลินได้ทำการใช้แม่น้ำอเวจีอย่างต่อเนื่อง ตอนที่ซุนซื่อก้าวเท้าออกมา แม่น้ำอเวจีก็เลือนหายไป หวังหลินเอ่ยอย่างสงบ “เจ้าฟื้นฟูระดับบ่มเพาะขึ้นมาได้ที่ขั้นแปลงวิญญาณระดับกลาง แต่นี่ถือเป็นขีดจำกัดแล้ว เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก มันเป็นหน้าที่”

หลังเอ่ยจบ หวังหลินเงยศีรษะขึ้นมองไปบนท้องฟ้าและเอ่ยเสียงเบา “ข้าจะทิ้งเรื่องที่นี่ไว้ให้เจ้า ดูแลลูกหลานของทั้งสามตระกูลและรอข้ากลับมา” หวังหลินก้าวเท้าและพุ่งขึ้นไปกลางท้องฟ้า

ชั้นบรรยากาศไม่สามารถหยุดหวังหลินได้ เขาเสมือนกับอุกกาบาตที่พุ่งผ่านและแทงทะลุค่ายกลผนึกดวงดาวออกไป เข็มทิศดวงดาวเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงสีเงินและนำทางเขาไปหาดาวพันมายา

ดาวพันมายาเป็นจุดที่เห็นได้ชัดบนหินหยกที่ซุนซื่อให้เขาเมื่อครั้งก่อน

ริ้วแสงสีเงินข้ามผ่านดวงดาวนำพาจิตสังหารทรงพลังมุ่งหน้าไปที่ดาวพันมายา

หวังหลินนั่งสมาธิอยู่ข้างในแสงสีเงิน ในช่วงเวลาสามวันที่ซุนซื่อกำลังฝึกฝน หวังหลินวางแผนการกระทำอันบ้าคลั่งของตัวเองเอาไว้ ดวงตาเย็นเยียบที่สุดขณะมองไปตรงหน้า

“ตระกูลฮวนอยู่บนดาวพันมายามานานหลายปี พลังอำนาจของมันซับซ้อนและหยั่งรากลงไปลึกมาก แต่ข้าไม่เชื่อว่าจะมีคนมากมายในตระกูลที่บรรลุขั้นที่สอง ข้ากลัวว่าจะเหลือแค่เพียงคนเดียวในตอนนี้ เซียนขั้นที่สองถือว่าหายากมาก”

“หากบรรพชนตระกูลฮวนคนนี้เอาชีวิตปกป้องหลิวเหมย เขาจะต้องขอความช่วยเหลือแน่นอน นอกจากนั้นแล้วตระกูลฮวนเป็นหนึ่งในอำนาจบนดาวพันมายาเท่านั้น”

ณ ดาวพันมายา บรรพชนตระกูลฮวนได้ส่งคำสั่งออกไปให้กับเหล่าสมาชิกของตระกูลทุกคนรวมตัวกันที่ทิศใต้ของดวงดาวทั้งยังไม่ยอมให้ใครออกไปไหน นอกจากนั้นเขายังเปิดค่ายกลปกป้องตระกูลจนเกิดเป็นม่านแสงปกป้องอีกชั้น

แต่อย่างไรก็ตามมีสมาชิกตระกูลฮวนมากมายเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถถูกเรียกกลับมาในช่วงเวลาอันสั้นได้ บรรพชนตระกูลฮวนเคร่งเครียดอย่างยิ่ง ดังนั้นเขาจึงส่งเซียนผู้อาวุโสจำนวนมากออกไปจากตระกูลเพื่อนำพวกเขากลับมาที่สาขาหลัก

ดาวพันมายามีตระกูลเซียนที่ทรงอำนาจอยู่ทั้งหมดสามตระกูล นั่นคือตระกูลเฉียน ฮวนและซิ่ว

ในหมู่สามตระกูลนี้ ตระกูลเฉียนมีขนาดใหญ่ที่สุด ตระกูลฮวนเป็นอันดับสองและตระกูลซิ่วเป็นอันดับสุดท้าย

ตระกูลเฉียนมีเซียนที่บรรลุขั้นที่สองอยู่ทั้งหมดสามคน ด้วยพลังอำนาจมหาศาลนี้พวกเขาจึงถือครองในส่วนทิศเหนือและทิศตะวันออก

ส่วนตระกูลฮวนมีเซียนที่บรรลุขั้นที่สองอยู่จำนวนสองคน หนึ่งในนั้นตายไปเมื่อหลายพันปีก่อนระหว่างการเปิดดินแดนสวรรค์อัสนี อีกหนึ่งคือบรรพชนคนปัจจุบัน

ในแง่ของความแข็งแกร่ง ตระกูลฮวนไม่แข็งแกร่งพอที่จะติดอันดับสองในดาวพันมายาเลยด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามเชื้อสายของแต่ละตระกูลสามารถย้อนกลับไปเป็นเทพของแดนสวรรค์อัสนีได้

มีข่าวลือว่าในอดีตกาลก่อนที่แดนสวรรค์อัสนีจะล่มสลาย มีเทพได้ทิ้งสมบัติมรดกเทพและหินหยกปกป้องตระกูลไว้ในตระกูลหลัก

หินหยกนั้นบรรจุวิชาหนึ่งจากเทพคนนั้น

ซึ่งทำให้ตระกูลฮวนยังรักษาตำแหน่งของตัวเองเอาไว้ได้แม้บรรพชนคนหนึ่งจะหายสาปสูญไปเมื่อหลายพันปีก่อน

ส่วนตระกูลซิ่วต่างมีความลึกลับของตนเองที่เก็บรักษาเอาไว้ไม่ให้อีกสองตระกูลรู้ ซึ่งเป็นเบาะแสที่นำไปสู่เรื่องตระกูลซิ่วมีความสัมพันธ์กับตระกูลซิ่วที่โด่งดังบนดาวตงหลิน

เกียรติภูมิของดาวตงหลินถือว่ายิ่งใหญ่มหาศาล ดังนั้นตระกูลซิ่วจึงกลายเป็นอำนาจแห่งที่สามบนดาวพันมายา โชคดีที่ตระกูลซิ่วบนดาวนี้มีสถานะต่ำจริงๆและปกติจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวบนดาวเคราะห์ จึงทำให้ทั้งสามขุมกำลังยังคงอยู่กันอย่างสามัคคีและหายากนักที่จะขัดแย้งกัน

ณ วันนี้หนึ่งในสามบรรพชนผู้บรรลุขั้นที่สองของตระกูลเฉียน เป็นชายชราเฒ่าคนหนึ่งในขั้นหยินหยาง เขาละตัวจากตระกูลสาขาหลักและตรงไปที่ดวงดาว

เป้าหมายของเขาคือหวังหลิน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!