Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 684

Cover Renegade Immortal 1

684. รอยร้าวตระกูลฮวน

“อารามเทพอัสนี!” ไม่ใช่ครั้งแรกที่หวังหลินได้ยินชื่อนี้ เขามองไปที่อสูรสายฟ้าอย่างครุ่นคิดก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในดาวพันมายา

หลังจากเก็บเข็มทิศดวงดาวกลับไป หวังหลินตรงเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าหวังหลินคือผืนทวีปขนาดใหญ่ หวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณออกมาและจับจ้องไปที่ทิศใต้ จากนั้นมุ่งหน้าไปราวกับอุกกาบาต

ข้างในบ้านบรรพชนตระกูลฮวนในทิศใต้ของดาวเคราะห์ ฮวนหวู่ฉิงไพล่มือด้านหลัง มองขึ้นไปบนฟ้าด้วยสีหน้ามืดมน ด้านข้างเขาเป็นลูกหลานสายตรงของตระกูลฮวน ทั้งหมดยืนเป็นสองแถวและต่างก็เงียบกริบ

อย่างไรก็ตามพวกเขาเผยสีหน้าไม่พอใจแต่ก็ต้องรั้งเอาไว้

หลิวเหมยยืนอยู่ข้างบรรพชนตระกูลฮวนเช่นกัน นางยืนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างเงียบๆ ไม่มีใครรู้ว่านางกำลังคิดสิ่งใดอยู่

ส่วนสมาชิกคนอื่นของตระกูล พวกเขาถูกจัดแจ้งไปที่ห้องอื่น สมาชิกตระกูลทั้งหมดไม่ได้อยู่ที่นี่เพราะเนื่องด้วยข้อจำกัดของเวลา

บรรพชนตระกูลฮวนมองบนท้องฟ้าและเอ่ยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ฮวนเหมย ข้าขอถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าแน่ใจใช่ไหมว่าคนผู้นี้มาจากดาราจักรพันธมิตรเซียนเหมือนกับเจ้า?”

หลิวเหมยพยักหน้าเล็กน้อยและไร้เสียงเอ่ย

“คนจากดาราจักพันธมิตรเซียนจะมีอสูรสายฟ้าได้อย่างไร…” แม้แต่ฮวนหวู่ฉิงก็งุนงงในเรื่องนี้

เขาไม่รู้ว่าผู้สร้างราชรถสังหารเทพมีสหายมากมาย การหลอมวิญญาณอสูรของราชรถสังหารเทพนั้นเขาต้องวิ่งแจ้นไปที่แดนสวรรค์อัสนีและใช้วิธีการบางอย่างเพื่อให้ได้อสูรสายฟ้ามาหลายตัวจากจักรพรรดิเทพของแดนเทพอัสนี

ขณะนั้นภายใต้สายตาของบรรพชนตระกูลฮวน ประกายสายฟ้าพุ่งออกมาจากเส้นขอบฟ้า อุกกาบาตทะลวงผ่านน่านฟ้าเข้าหาตระกูลฮวน มันคือหวังหลิน! และด้านข้างเขาคืออสูรสายฟ้า เจ้าอสูรพ่นลมหายใจและมีสายฟ้าแล่นผ่านไปทั่วร่าง มันจ้องตระกูลฮวนด้วยสายตาดุร้าย

ลำแสงเลือนหายไปเมื่อหวังหลินก้าวเท้าออกมา ด้านล่างเขาเป็นค่ายกลของบ้านบรรพชนในตระกูลฮวน

บ้านบรรพชนของตระกูลฮวนมีขนาดใหญ่มาก มองไกลๆจะดูคล้ายกับเมืองเมืองหนึ่ง มันมีสีดำราวกับเลียนแบบบ้านโบราณของอสูรดั้งเดิม

“ส่งหลิวเหมยมา!” หวังหลินเอ่ยน้ำเสียงเย็นเยือก สายตาเย็นชานั้นตกลงบนหลิวเหมยซึ่งอยู่ถัดกับบรรพชนตระกูลฮวน

หลิวเหมยเผยสายตาที่มีอารมณ์ซับซ้อน นางหันศีรษะมาราวกับไม่ต้องการเผชิญหน้ากับหวังหลิน

“โอหัง!” ดวงตาบรรพชนตระกูลฮวนส่องสว่างขึ้นและตะโกน “เจ้าเด็กน้อย ทำลายค่ายกลตระกูลฮวนของข้าให้ได้เสียก่อนค่อยพูดคำนั้น!”

หวังหลินตบศีรษะอสูรสายฟ้าโดยที่สีหน้ายังเย็นชา อสูรสายฟ้าส่งเสียงร้องคำรามออกมาทันทีจนสร้างประกายสายฟ้าขึ้นนับไม่ถ้วน โลกทั้งใบเต็มไปด้วยลำแสงสายฟ้าโดยพลัน

ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นหนาวเย็นและก้อนเมฆสีดำจำนวนมากก่อตัวขึ้น เมื่ออสูรสายฟ้าส่งเสียงคำรามอย่างต่อเนื่อง สายฟ้าจำนวนมากก็เริ่มส่งเสียงปริแตกไปทั่วก้อนเมฆ

แขนขาทั้งสี่ของอสูรสายฟ้าเคลื่อนไหวและทั้งร่างมันเริ่มเปล่งประกายสายฟ้า มันร้องคำรามเสียงดังสนั่นจนทำให้สายฟ้าปรากฏมากขึ้นก่อนทั้งที่ทั้งหมดจะตกใส่บ้านบรรพชนตระกูลฮวน

ระเบิดดังสนั่นหลายชุดไปทั่วดวงดาว ลำแสงสายฟ้าดูเหมือนจะตกลงมาจากสรวงสวรรค์พุ่งลงไปบนค่ายกล

ค่ายกลปกป้องของตระกูลฮวนพลันเริ่มส่องแสงพร้อมกับเกิดริ้วรอยจำนวนมากทันที มันดูดซับลำแสงสายฟ้าจำนวนมากและกระจายส่วนที่เหลือ

หวังหลินมีสายตาเยือกเย็นยิ่งขึ้น เขากัดปลายนิ้ว หยดโลหิตลงเข้าใส่คิ้วของอสูรสายฟ้า

“เปิดผนึก!”

หลังได้ยินเสียงเย็นเยียบของหวังหลิน ร่างอสูรสายฟ้าพลันสั่นสะท้าน ในเวลาเดียวกันพลังของมันก็ระเบิดพุ่งพล่านออกมาจากร่างกายจนก่อเกิดเป็นพายุสายฟ้า

พายุขนาดใหญ่จนส่งผลกระทบต่อก้อนเมฆในท้องฟ้า ลำแสงสายฟ้าและประกายสายฟ้าพุ่งเข้าหาพายุจนสร้างเป็นตาข่ายไว้รอบๆมัน

“ทำลายค่ายกล!” หวังหลินร้องคำราม พลังอำนาจของอสูรสายฟ้าพวยพุ่งขึ้นถึงขีดสูงสุด ตอนนี้ก้อนกรวดและดินทรายพัดพวยพุ่งขึ้นไปกลางอากาศราวกับมีพลังลึกลับล้อมรอบดาวเคราะห์เอาไว้

แม้แต่สมาชิกตระกูลฮวนที่อยู่ในค่ายกลยังรู้สึกถึงพลังอำนาจไร้ขอบเขตของมันจนทำให้สีหน้าแต่ละคนซีดเผือดไปตามๆกัน บางคนมีความรอบรู้ดียิ่งจึงจำได้ว่ามันคืออสูรสายฟ้าและสีหน้าพลันเปลี่ยนไปมากมาย

“ท่านบรรพชน…นี่มันอสูรสายฟ้า!”

ก่อนหน้านี้ข้อความของเฉียนกุ้ยซื่อส่งให้แค่บรรพชนตระกูลฮวนเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้เรื่องตัวตนของอสูรสายฟ้า

“ท่านบรรพชน อสูรสายฟ้าเป็นตัวแทนของอารามเทพอัสนี ท่านบรรพชนคิดอีกครั้งเถอะ!”

“ท่านบรรพชน สร้างหายนะให้กับตระกูลฮวนของเราเพียงคนนอกคนเดียวถือว่าเป็นเรื่องผิดมหันต์!”

ในที่สุดลูกหลานสายตรงก็อดทนไม่ได้อีกต่อไปหลังจากได้ยินเสียงคำรามอสูรสายฟ้า แต่ละคนส่งเสียงคร่ำครวญขึ้นมา พวกเขาต่างอดทนไว้ตอนที่หลิวเหมยมาถึง จากนั้นมันก็พุ่งขึ้นถึงขีดสุดในระหว่างพิธีถ่ายโอนโลหิตและตอนนี้มันจึงระเบิดออกมา

“ทั้งหมด หุบปาก!” สายตาของบรรพชนตระกูลฮวนขมวดเข้าด้วยกันและมองไปที่เหล่าลูกหลานสายตรงโดยรอบ

ขณะนั้นพายุสายฟ้าก็ลงมาถึงและกระแทกลงบนค่ายกล ก่อนหน้านี้มันเพียงแค่สายฟ้าที่ตกลงมาจากท้องฟ้าเท่านั้นและเพียงทำให้ค่ายกลส่องสว่างขึ้นมา ตอนนี้เมื่ออสูรสายฟ้าพุ่งออกไปจึงราวกับสายฟ้าสวรรค์ทั้งหมดหลอมรวมเป็นหนึ่งและกระแทกเข้าใส่

ผลกระทบนั้นทรงพลังยิ่งนัก ตอนนี้ก้อนเมฆสีดำยิ่งหนาแน่นขึ้น ก้อนกรวดและดินทรายพัดขึ้นู่ท้องฟ้าราวกับว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่คงอยู่บนนั้นคืออสูรสายฟ้าและพายุสายฟ้าที่พาไปพร้อมกัน

เสียงคำรามของอสูรสายฟ้าดังสนั่นกึกก้องไปทั่วฟ้าดิน ทันใดนั้นมันก็กระแทกลงบนค่ายกลทันที

เสียงดังสนั่นสะท้อนไปทั่วทั้งดวงดาวและระเบิดพุ่งขึ้นมาในชั่วจังหวะ!

ตู้มมมมมมมมมมม!

พายุสายฟ้าเปลี่ยนกลายเป็นประกายสายฟ้านับไม่ถ้วนได้กระแทกเข้าใส่ค่ายกลของตระกูลฮวนอย่างต่อเนื่อง ตรงกลางพายุนั้นมีอสุรสายฟ้าเสมือนกับหนามที่แทงเข้าไปจนส่งผลกระทบให้เกิดรอยแหว่ง

เสียงสายฟ้าดังสนั่นและฟ้าผ่าได้ดังสะท้อนฟ้าดิน ราวกับสวรรค์กำลังพิโรธ ณ บ้านของตระกูลเฉียน เฉียนกุ้ยซื่อกำลังเยาะเย้ย

สมาชิกตระกูลฮวนทั้งหมดซีดเผือด นอกจากบรรพชนตระกูลฮวนแล้ว ทุกคนต่างก็ตื่นตระหนก

ผู้คนแห่งดาราจักรทุกชั้นฟ้าต่างเติบโตขึ้นภายใต้อารามเทพอัสนี ดังนั้นจึงหวาดกลัวและเคารพต่อวิชาสายฟ้าไว้เหนือจินตนาการ ตอนนี้เมื่อเผชิญกับการโจมตีของอสูรสายฟ้าที่เป็นตัวแทนของอารามเทพอัสนี สิ่งที่เริ่มกังวลไม่ใช่ระดับบ่มเพาะแต่เป็นจิตใจของแต่ละคน

เสียงคำรามดังสนั่นของพายุสายฟ้าไม่ได้หยุดลงเลยและดำเนินส่งสายฟ้าออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อพยายามทำลายค่ายกล ทว่านี่คือค่ายกลอันยิ่งใหญ่ของตระกูลฮวน ดังนั้นพลังของมันจึงมีมากล้น แม้จะตกอยู่ภายใต้การโจมตีเช่นนี้มันก็ยังอยู่ดีไร้ร่องรอยการแตกร้าวใดๆ

บรรพชนตระกูลฮวนจ้องหวังหลินที่อยู่นอกค่ายกลด้วยสีหน้ามืดมนและคิดขึ้นมา ‘ใช้ปราณกระบี่สิ! ไม่เช่นนั้นค่ายกลนี้จะไม่ถูกทำลายได้ง่ายๆ หลังจากเจ้าใช้ปราณกระบี่นั่นเท่านั้นข้าจะโจมตีและฆ่าเจ้าซะ!’

ขณะที่พายุสายฟ้าโจมตีอย่างต่อเนื่อง เงาข้างใต้หวังหลินพลันกระพริบวาบ องครักษ์เทพปรากฏตัว ก้าวเท้าไปข้างหน้าและโยนกำปั้นออกไป

กำปั้นนี้แทนที่แสงทั้งหมดในดวงดาว ขณะที่มันเรืองแสงสีทองแพรวพราวนั้น แม้แต่สายฟ้าก็ยังหมองลง

ตู้มมม!

กำปั้นขององครักษ์เทพตกลงใส่ค่ายกลและเกิดเสียงทึบ พายุสายฟ้าและองครักษ์เทพดำเนินการโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทว่าระลอกคลื่นนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนค่ายกลและสลายพลังทั้งหมดนั้นไป

องครักษ์เทพถอนกำปั้นและชกออกไปรัวอีกโดยไม่หยุดชะงัก หลังจากนั้นไม่นานองครักษ์เทพก็สร้างภาพติดตาส่งกำปั้นออกไปมากมาย กำปั้นตกลงใส่ค่ายกลดุจสายฝนกระหน่ำ ส่วนเจ้าอสูรสายฟ้าส่งเสียงร้องคำราม สายฟ้าเต็มไปทั่วร่างกายก่อนจะแสดงดำนาจของมันออกมาอีกครั้ง

เสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่วฟ้าดิน ใบหน้าของเหล่าสมาชิกตระกูลฮวนยิ่งมืดมัวขึ้น

“ท่านบรรพชน!” เสียงต่ำหนึ่งดังออกมาจากด้านหน้าลูกหลานสายตรงของตระกูลฮวน

บรรพชนตระกูลฮวนขมวดคิ้ว หากเป็นสมาชิกทั่วไปของตระกูลเขาสามารถเมินเฉยไปได้ แต่ตัวตนของคนผู้นี้พิเศษเล็กน้อย บรรพชนตระกูลฮวนหันกลับมามองคนที่พึ่งพูดขึ้น

คนที่กล่าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าของตระกูลฮวน ฮวนเฟิงเฉิน!

ฮวนหวู่ฉิงผู้เป็นบรรพชนกล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำ “เฟิงเฉิน เจ้าก็ต่อต้านข้าด้วยหรือ?”

“เฟิงเฉินไม่สนใจ ท่านบรรพชน ไม่ว่าคนผู้นี้จะมาจากอารามเทพอัสนีหรือไม่ เขาก็ครอบครองอสูรสายฟ้าและหุ่นเชิดมายาหยิน ข้าอยากจะถามท่านว่าเขาเป็นคนที่เราควรสร้างมิตรสหายด้วยหรือเราควรจะต่อสู้เป็นตายกับเขา?”

ดวงตาฮวนเฟิงเฉินส่องสว่างเจิดจ้า เขามองบรรพชนตระกูลฮวนโดยไม่มีอาการหัวหดและกล่าวอีก “สร้างสัมพันธ์อันดีต่อเขาจะทำให้ตระกูลเรามีสหายเพิ่ม แต่เราจะได้รับประโยชน์อะไรจากการสู้เป็นตายกับเขาเล่า? เพียงเพื่อปกป้องสมาชิกนอกตระกูลน่ะหรือ? ระดับบ่มเพาะของนางถูกบังคับให้เพิ่มขึ้นขั้นเทวะระดับปลายและเขตแดนของนางยังตามขึ้นไม่ทันด้วยซ้ำ แม้นางจะทะลวงผ่านขึ้นไปในชีวิตได้ นางจะไปหยุดที่ขั้นหยินหยาง ข้าเข้าใจความคิดของท่านบรรพชน แต่เพียงแค่ความต้องการส่วนตัวของท่าน ความเสี่ยงนี้บางทีมันก็ใหญ่เกินไป!”

หลิวเหมยไม่แสดงสีหน้าต่อเรื่องทั้งหมด นางเพียงแค่มองออกไปอย่างเงียบๆด้วยดวงตาหมองคล้ำ

บรรพชนตระกูลฮวนมองฮวนเฟิงเฉินด้วยใบหน้ามืดมน หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะจึงเอ่ยน้ำเสียงเรียบ “ข้ารู้ว่าจะจัดการสถานการณ์นี้ยังไง!”

ฮวนเฟิงเฉินถอนหายใจและคำนับฝ่ามือ “เมื่อท่านยืนกรานเช่นนั้น เฟิงเฉินก็ไม่กล้าขัดขืน หากเขาไม่สามารถทำลายค่ายกลได้นั่นถือว่าดี แต่เมื่อเขาทำลายมาได้ ข้าจะล่าถอยทันที! ที่ข้าต้องการคือความมั่นคง ไม่ใช่ความเสี่ยง!”

ค่ายกลตระกูลฮวนส่องแสงขึ้นอย่างต่อเนื่องและเกิดระลอกคลื่นปรากฏไปทั่วทุกที่ ภายใต้การกระหน่ำโจมตีนี้มันก็ค่อยๆเริ่มแสดงอาการทรุดโทรม แสงที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะถึงขีดจำกัดและระลอกคลื่นปกคลุมไปทั้งค่ายกลจนคนข้างในไม่สามารถมองเห็นด้านนอกค่ายกลได้อย่างชัดเจนอีก ราวกับมีชั้นม่านวารีกำลังแยกตัวข้างในและข้างนอก

สายฟ้าจากอสูรสายฟ้าและกำปั้นจากองครักษ์เทพได้บรรลุขึ้นถึงขีดสูงสุด ตอนนี้ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นมาและตบกระเป๋านำกระบี่เล่มใหญ่ถือไว้ในกำมือ

กระบี่เล่มนี้คือกระบี่สวรรค์พิรุณ โจวยี่แยกมันออกมาจากกระบี่สวรรค์พิรุณเล่มอื่น ดังนั้นมันจึงเป็นของหวังหลินที่จะตกทอดให้กับเขาตลอดกาล!

ปราณกระบี่แหลมคมยื่นออกมาสามนิ้วจากกระบี่และมันเหมือนกับคันธนูโค้งออกมา คลื่นแรงกดดันออกมาหลายคลื่นด้วย ในฝ่ามือหวังหลินดูเหมือนมันจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับโลกใบนี้เพราะหวังหลินคือเจ้าของที่แท้จริง!

หวังหลินถือกระบี่สวรรค์ด้วยสายตาสงบนิ่งและโน้มตัวไปข้างหน้า

“ตัดสวรรค์!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!