Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 685

Cover Renegade Immortal 1

685. ตัดสวรรค์

กระบี่มั่งคั่ง เป็นกระบี่เล่มแรกที่หวังหลินได้มาตอนอยู่สำนักเหิงยั่ว ราวกับชั่วจังหวะที่เด็กหนุ่มถือกระบี่เล่มนั้นไว้ในมือ ทุกอย่างในอนาคตถูกตัดสินไว้แล้ว

บ่วงกรรมหลายร้อยปีกระผ่านนับตั้งแต่ตอนที่เขาเสียมันไปจนถึงตอนที่เขาได้มันกลับมา

กระบี่มั่งคั่งมีวิชาวิญญาณของวิญญาณกระบี่สวรรค์พิรุณรุ่นก่อนเก็บเอาไว้ วิชาวิญญาณนี้ไม่ใช่วิชาเทพ ไม่ใช่วิชาแห่งเต๋าหรือความสามารถอันใด มันคือเคล็ดกระบี่!

เคล็ดกระบี่อันทรงพลังได้สืบทอดผ่านเจตนารมของกระบี่โบราณ!

หวังหลินถือกระบี่สวรรค์และมองไปที่ค่ายกลซึ่งอสูรสายฟ้าและองครักษ์เทพกำลังโจมตี ตอนที่ค่ายกลดูเหมือนไม่สามารถทนอีกการโจมตีได้ หวังหลินยกกระบี่สวรรค์ขึ้นมา ดวงตาสงบนิ่งหายไปและถูกแทนที่ด้วยลำแสงกระบี่!

ในชั่วจังหวะนี้ ร่างกายทั้งร่างพลันผสานเข้ากับกระบี่ในมือ

กระบี่สวรรค์พวยพุ่งขึ้น!

และตกลงไป!

ท่าร่างธรรมดาตกลงไปจนทำให้สวรรค์และปฐพีต้องมืดลง แม้แต่องครักษ์เทพและอสูรสายฟ้าดูเหมือนจะเลือนหายไปในจังหวะเดียวกัน

ทั้งโลกเหลือเพียงแต่การฟันที่ดูธรรมดาครั้งนี้!

กระบี่ดูคล้ายว่ามันกำลังเปิดโลกขึ้นทั้งใบ ราวกับกำลังฉีกกระชากโลกอันโกลาหล กระบี่เล่มนี้ไร้พลังปราณหรือพลังปราณสวรรค์ แต่ก็เป็นกระบี่ที่ดูธรรมดานี้เองที่ทำให้วิญญาณทุกผู้คนที่มองมาต้องสั่นไหว

เป็นครั้งแรกที่บรรพชนตระกูลฮวนต้องตอบสนองครั้งใหญ่ ดวงตาเบิกกว้างเผยอาการตกใจและอุทานขึ้น “นี่…นี่มันเป็นกฏ!”

ฟ้าดินกำลังถูกฉีกออกจากกัน เสียงฉีกกระชากดังสะท้อนในใจเขา! ฟ้าดินมัวหมองราวกับมันกำลังฉีกออกมาจริงๆ!

ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น แต่ฮวนเฟิงเฉินยังสูดหายใจอันหนาวเหน็บเข้าปอด

จิตสังหารข้นคลั่งมหาศาลออกมาจากกระบี่ตอนที่มันตกลงไป จิตสังหารนั้นกระจายออกมาอย่างบ้าคลั่งดึงสายตาของฮวนเฟิงเฉินและประทับลงในจิตใจ

ร่างกายฮวนเฟิงเฉินตัวแข็งทื่อทันที

“นี่…นี่มัน…” จิตใจฮวนเฟิงเฉินสั่นสะท้านราวกับกระบี่พึ่งแทงทะลุผ่านระหว่างคิ้วและโผล่ออกไปเหนือศีรษะ เขาก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ด้วย ด้วยระดับบ่มเพาะขั้นเทวะระดับปลายของเขาแล้วยังไม่อาจมองเห็นกฏแห่งกระบี่เล่มนี้ได้ ทว่าเขาพลันรู้สึกได้ชัดเจนตอนที่กระบี่ตกลงมา มันบรรจุกฏแห่งสวรรค์ แต่ยิ่งไปกว่านั้นมันก็มีพลังอำนาจในการฉีกกระชากสวรรค์ได้ด้วย

ปังปัง ปังปัง ปังปัง! ฮวนเฟิงเฉินรู้สึกได้ว่าหัวใจตัวเองเต้นเร็วขึ้น เขาตกอยู่ในภาพมายาที่ตัวเองกำลังแตกสลายภายในโลกใบนั้น

เหล่าลูกหลานสายตรงของตระกูลฮวนทั้งหมดที่เดิมทีมองไปบนท้องฟ้าก็ต่างเต็มไปด้วยอาการตกใจ ท่าร่างอันง่ายดายนั้นทำให้พวกเขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในนั้น ราวกับกระบี่ได้ตัดดาวให้เป็นชิ้นๆซึ่งฉีกกระชากพวกเขาไปด้วย ทั้งหมดชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นเฉียบในทันที

ด้วยระดับบ่มเพาะของแต่ละคน พวกเขาต่างไม่มีความคิดว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมถึงเกิดความรู้สึกเช่นนี้แม้จะมีค่ายกลปกป้องเอาไว้ กลุ่มอื่นๆต่างวางกระบี่ของตัวเอง ร่องรอยความหวาดกลัวความตายได้เริ่มกระจายออกไปในวินาทีนี้

ไม่เพียงแค่พวกเขาเท่านั้น แม้แต่สายตาของเฉียนกุ้ยซื่อผู้กำลังเฝ้ามองด้วยสัมผัสวิญญาณต่างก็มีแววตาเจิดจ้าขึ้น เขาอยู่ในห้องลับของบ้านตระกูลเฉียนและพลันยืนขึ้นทันที

“กฏ! การโจมตีของกระบี่เล่มนั้นบรรจุกฏเข้าไปด้วย! เป้าหมายของขั้นที่สองคือการแสวงหากฏ! ขั้นแรกคือการเข้าใจสวรรค์ ส่วนขั้นที่สองคือการแปลงความเข้าใจนั้นให้กลายเป็นอำนาจแห่งกฏ หากเด็กคนนี้ไม่ใช่คนจากอารามเทพอัสนี เขาจะสามารถแสดงฝีมือการโจมตีของกระบี่ได้อย่างไร?!”

ในเวลาเดียวกัน ตระกูลซิ่วคนหนึ่งได้เห็นเหตุการณ์นี้ ชายชราผู้หนึ่งจากตระกูลซิ่วต่างก็เฝ้าดูการต่อสู้ซึ่งเกิดขึ้นที่บ้านตระกูลฮวนไปด้วย ก่อนหน้านี้มีข้อตกลงกับตระกูลฮวนเพื่อไปช่วยเหลือ ขณะที่กำลังยกเท้าเพื่อจะออกไปนั้น ในเสี้ยววินาทีเขาก็วางเท้าลงอย่างแผ่วเบา

“เคล็ดกระบี่ของเด็กคนนี้แข็งแกร่งมาก แม้ข้าจะไม่กลัวมัน แต่เมื่อไหร่ที่เขากล้าท้าทายตระกูลฮวน เขาต้องเตรียมการไว้มากมายแน่!”

กระบี่ตกลงไปและในจังหวะนี้เสียงทั้งหมดในโลกพลันหายไป ค่ายกลตระกูลฮวนพังทลายโดยไม่มีการผสานต่อ

หลังจากวาดกระบี่ สีหน้าหวังหลินก็ซีดเผือด ทว่าสายตายังคงจ้องไปที่ตระกูลฮวนเบื้องล่างด้วยความหนาวเย็นยิ่งขึ้น

ผลกระทบของตัดสวรรค์ได้ส่งผลต่อร่างกายมหาศาล ไม่มีอะไรเกี่ยวกับระดับบ่มเพาะ มันอาศัยพลังดั้งเดิมจากการรวมวิญญาณดั้งเดิมและร่างกาย!

พลังดั้งเดิมและวิญญาณดั้งเดิมของเซียนขั้นเทวะคือการผสานกลายเป็นหนึ่ง ทว่าตัดสวรรค์สามารถแยกส่วนพลังดั้งเดิมนั้นออกมาได้ เซียนขั้นเทวะนั้นมีพลังดั้งเดิมจำนวนคงที่และเมื่อสูญเสียมากเกินไป ระดับบ่มเพาะจะถดถอยลง โชคดีที่หวังหลินมีผลึกเทวะของโจวยี่ ดังนั้นเขาจึงมีพลังดั้งเดิมมากกว่าเซียนขั้นเทวะส่วนใหญ่

ตระกูลฮวนเงียบกริบโดยสิ้นเชิง สายตาของฮวนหวู่ฉิงยิ่งมืดมนมากขึ้นและเอ่ยอย่างเย็นเยียบ “ข้าประเมินเจ้าต่ำไป การมีเคล็ดกระบี่ที่ขั้นเทวะถือว่าเจ้าแข็งแกร่งมากจริงๆ!”

“แต่ช่องว่างระหว่างขั้นแรกและขั้นที่สองนับว่าใหญ่หลวงเกินไป หากเจ้าแสดงเคล็ดกระบี่นั้นด้วยระดับบ่มเพาะขั้นสอง มันอาจจะเป็นที่สนใจ แต่ตอนนี้นับว่าไร้ประโยชน์! วันนี้เจ้าทำลายค่ายกลตระกูลฮวนของข้า เจ้าจะต้องตายโดยไม่ต้องสงสัย!”

“หินหยกบรรพบุรุษ!” บรรพชนตระกูลฮวนส่งเสียงตะโกนออกมา พลังสายหนึ่งพลันออกมาจากบ้านบรรพชนตระกูลฮวน พลังสายตายนี้เต็มไปด้วยสัมผัสอันกลมเกลียว มันกระจายสายลมสวรรค์และล้อมรอบตระกูลฮวนเอาไว้

หินหยกสีทองก้อนหนึ่งลอยคว้างขึ้นไปกลางอากาศ พลังกลมเกลียวกำลังออกมาจากหินหยกก้อนนี้

ขณะที่หินหยกปรากฏ ราวกับว่าหากโลกใบนี้แยกเป็นชิ้นส่วนจากดวงดาว มันจะยอมให้บ้านบรรพชนตระกูลฮวนกลายเป็นดินแดนของตัวเอง

บรรพชนตระกูลฮวนจ้องหวังหลินและเผยแววเยาะเย้ย เขาจะไม่ลงมือด้วยตัวเองเว้นแต่จะต้องทำเท่านั้นเพราะเขากลัวปราณกระบี่ของหวังหลินมากเกินไป ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาขอร้องให้เฉียนกุ้ยซื่อช่วยเหลือ มันคือการกำจัดปราณกระบี่ของหวังหลิน

ค่ายกลตระกูลฮวนก็มีเป้าหมายเช่นเดียวกัน

ทว่าเขาไม่เคยคิดว่าเฉียนกุ้ยซื่อจะล่าถอยแทนที่จะต่อสู้ ค่ายกลของตระกูลก็พังเสียหายไปไม่ได้เพราะปราณกระบี่แต่กลับเป็นการรวมกันของอสูรสายฟ้า หุ่นเชิดและกฏจากกระบี่

ตอนนี้เขาทำได้แค่กัดฟันแน่นและเรียกหาหินหยกที่บรรพชนเทพแต่ละคนทิ้งไว้ให้ หินหยกนี้บรรจุวิชาของท่านบรรพชนเทพจากแดนสวรรค์อัสนี ตระกูลฮวนสามารถดำรงสถานะมาจนถึงวันนี้ได้เพราะหินหยกก้อนนี้และสมบัติชิ้นหนึ่งที่ท่านบรรพชนเทพทิ้งไว้ให้

ฮวนหวู่ฉิงคิด ‘โชคร้ายนักที่สมบัติเทพหายไปพร้อมกับฮวนหวู่เซียงเมื่อหลายพันปีก่อน ไม่เช่นนั้นด้วยสมบัตินั่น คงไม่จำเป็นต้องเรียกขานหินหยกออกมา!’

พลังอำนาจอันทรงพลังออกมาจากหินหยกดุจสายลมฤดูใบไม้ผลิอันอ่อนโยน มันยังปลดปล่อยแสงส่องสว่างออกมาด้วย หลังจากนั้นในพริบตาหินหยกก็หลอมละลายกลายเป็นร่างคนผู้หนึ่ง แม้จะไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ที่ชัดเจนได้แต่กลับปลดปล่อยความรู้สึกแห่งอำนาจออกมา

“พลังอำนาจของหินหยกสวรรค์แห่งตระกูลฮวนนับว่าคาดเดาไม่ได้ ลือกันว่าบรรพชนเทพของตระกูลฮวนมีระดับบ่มเพาะเทียบเท่ากับขั้นส่องสวรรค์ ข้าอยากรู้เสียจริงว่าผู้ส่งสาส์นอารามเทพอัสนีจะต่อกรกับเรื่องนี้ยังไง แต่เรื่องนี้น่าแปลกนัก ทำไมเขาไม่เอาสมบัติที่บรรพชนทิ้งไว้ให้ออกมาแทนที่จะเรียกหินหยก” เฉียนกุ้ยซื่อเฝ้าดูด้วยสัมผัสวิญญาณของตนเองพร้อมกับดวงตาเปล่งประกาย

ข้างในบ้านตระกูลซิ่ว ชายชรายิ้มแย้มและพึมพำ “สมบัติเทพของตระกูลฮวนถูกบรรพชนคนอื่นในตระกูลเอาไป บรรพชนเทพของตระกูลได้ทิ้งสมบัติเหมาะสมไว้ให้ แต่เขาคงไม่คิดว่าคนที่เอาสมบัติไปจะถูกสังหาร”

ภายในบ้านบรรพชนตระกูลฮวน ในชั่วจังหวะที่หินหยกปรากฏ ฮวนเฟิงเฉินจ้องไปที่หวังหลิน เขาไม่อาจเห็นร่องรอยตื่นตระหนกบนใบหน้าหวังหลินได้เลย

เมื่อเห็นว่าฮวนหวู่ฉิงกำลังกระตุ้นวิชาบนหินหยก ฮวนเฟิงเฉินเผยสีหน้าแน่วแน่ เขาก้าวไปข้างหน้าและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ท่านบรรพชน ข้าจะไม่ปล่อยให้ตระกูลฮวนยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เด็ดขาด ข้าจะพาตระกูลฮวนออกไป หากท่านบรรพชนต้องการปกป้องฮวนเหมย เช่นนั้นนี่ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน โปรดอย่าลากทั้งตระกูลลงไปด้วย!”

ขณะที่เอ่ยขึ้นมา เขาเงยศีรษะไปหาหวังหลินและคำนับฝ่ามือ “สหายเซียน ข้าเป็นหัวหน้าตระกูลฮวน ฮวนเฟิงเฉิน เมื่อข้าได้กล่าวเรื่องนี้ ตระกูลฮวนจะไม่ขอยุ่งเกี่ยว มันเป็นความบาดหมางระหว่างท่านกับฮวนหวู่ฉิง ข้าหวังว่าสหายเซียนจะเข้าใจว่าเราไม่ใช่พวกเดียวกัน!”

บรรพชนตระกูลฮวนมองฮวนเฟิงเฉินอย่างเย็นเยียบ มุมปากถมึงทึงพร้อมกับมองไปที่ลูกหลานสายตรง “แล้วพวกเจ้าหล่ะ?”

ลูกหลานสายตรงของตระกูลที่อยู่รอบๆต่างเงียบสนิท พวกเขาคิดเล็กน้อยก่อนจะเดินไปหาฮวนเฟิงเฉิน

บรรพชนตระกูลฮวนเผยรอยยิ้มขนลุก มองไปที่ฝูงชนและเอ่ยขึ้น “พวกเศษขยะ!” สิ้นคำพูดเขาก็มองหวังหลิน ฝ่ามือขวาสร้างผนึกและส่งเสียงตะโกน “หยกโชคดี ฆ่ามันซะ!”

รูปร่างที่สร้างขึ้นจากหินหยกพลันเริ่มเดินเข้าหาหวังหลินทีละก้าว ขณะที่เดินไป พลังปราณสวรรค์จำนวนมหาศาลเหนือจินตนาการได้ระเบิดออกมาจากเขา พลังปราณสวรรค์หนาแน่นยิ่งและเหนือล้ำเกินกว่าพลังปราณบนดาวพันมายา แรงระเบิดโผล่ขึ้นไปทุกที่ไม่ใช่แค่เกิดขึ้นที่นี่ แต่เกิดขึ้นไปทั่วทั้งดาว

องครักษ์เทพปรากฏข้างกายหวังหลินในพริบตา อสูรสายฟ้าก็เช่นเดียวกัน

หวังหลินมองร่างที่กำลังเดินเข้ามาหาเขา เขารู้สึกเหมือนกับเป็นภาพมายาปรากฏอยู่เบื้องหน้าพร้อมกับใบหน้าคนที่เดินเข้ามาหากำลังชัดเจนยิ่งขึ้น เขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายเทพดุจแม่ทัพเทพตัวจริง

ร่างคนตรงหน้าเต็มไปด้วยปราณสวรรค์ในร่างและสัมผัสแห่งอำนาจประทับลงมา มันมองไปที่โลกราวกับทุกคนเป็นเพียงมดแมลง ผู้คนแม้กระทั่งได้ยินเสียงสะท้อนของเพลงสวรรค์ไปรอบตัวเขา

บรรพชนตระกูลฮวนเยาะเย้ย “เจ้าเด็กน้อย ข้าอยากเห็นว่าเจ้ามีวิธีอื่นอะไรอีกนอกจากปราณสวรรค์”

ในชั่วจังหวะเดียวกันหลิวเหมยก็ยกศีรษะขึ้นมองหวังหลิน ดวงตายังเต็มไปด้วยอารมณ์อันซับซ้อน นางสัมผัสกระเป๋าและลดมือลง

ดวงตาหวังหลินสงบนิ่งโดยสิ้นเชิง เขากล้ามาที่นี่คนเดียว กล้าวางเท้าลงบนดาวพันมายา กล้าเข่นฆ่าตามทางไปตระกูลฮวน ทั้งหมดเป็นเพราะเขามีความคิดที่บ้าคลั่ง ตอนนี้แล้วที่เป็นกระบวนท่าสังหารที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา

เมื่อคิดถึงวิญญาณอาฆาตในลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า หัวใจหวังหลินรู้สึกถึงคลื่นความเจ็บปวด

“สิ่งใดในโลกนี้ไม่สามารถหลบพ้นชะตากรรมไปได้ เหตุจากเมื่อวานจะส่งผลกระทบในวันนี้ โดยเฉพาะการชำระเวรกรรมและปล่อยให้ฝุ่นกลับคืนเป็นฝุ่น ปล่อยให้ละอองกลับคืนเป็นละออง วัฏจักรจึงจะสมบูรณ์” หวังหลินค่อยๆหลับตา

ในวิญญาณดั้งเดิมของเขา เสียงเรียกอันเด็ดเดี่ยวสะท้อนออกมา

“การต่อสู้นี้จบลงแล้ว ข้าจะปล่อยเจ้าให้เป็นอิสระ!”

เสียงหัวเราะบ้าคลั่งดังออกมาจากวิญญาณดั้งเดิมของหวังหลิน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!