Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 687

Cover Renegade Immortal 1

687. กลืนกิน

ไม่ใช่ครั้งแรกที่หวังหลินเห็นวิชาแยกวิญญาณ ตอนที่อยู่ในดินแดนวิญญาณปิศาจ หวังหลินเป็นกรีดใช้วิชาแยกวิญญาณออกมาจากภูเขาเทพด้วยเช่นกัน

เหตุการณ์ตอนนั้นทำให้เขาตกตะลึงอย่างมาก วิชารูปแบบนี้ทรงพลังอย่างยิ่งและไม่ใช่สิ่งที่เซียนทั่วไปจะสามารถควบคุมและเชี่ยวชาญได้

ตอนนี้เมื่อมารับรู้ประสบการณ์เป็นการส่วนตัวจากเจ้าเศษมารที่ควบคุมร่างกายและดึงวิญญาณของดาวเคราะห์ออกมา หวังหลินจึงเห็นได้ว่าวิชานี้ลึกล้ำกว่าวิชาของกรีดเป็นล้านเท่า

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกแม้แต่ใบไม้ใบหญ้าต่างมีชีวิต และนั่นหมายความว่าพวกมันต่างมีวิญญาณ วิญญาณเหล่านี้เข้าใจยากและมิอาจมองเห็นได้ด้วยตาแต่กลับรู้สึกได้ชัดเจน

ตัวอย่างเช่นหากเป็นคนธรรมดามองไปที่ยอดภูเขา เขาจะรู้สึกถึงแรงกดดันและความตกใจ แรงกดดันนั้นมาจากวิญญาณของภูเขา ดวงตาของคนธรรมดาสามารถมองเห็นภูเขาได้เท่านั้นแต่แรงกดดันทางวิญญาณทำได้เพียงแค่รู้สึก

แม้แต่ภูเขาและแม่น้ำก็ยังมีดวงวิญญาณ แน่นอนว่าในดาวเคราะห์เซียนก็เต็มไปด้วยพลังปราณเช่นกัน

สิ่งที่แตกต่างจากการดึงพลังปราณออกไปก็คือคราวนี้อย่างน้อยดาวเคราะห์ก็ไม่ได้สั่นเทาแต่กลับเผยกลิ่นอายโบราณยิ่งและค่อยๆกระจายออกมาราวกับดวงดาวได้ตื่นขึ้นมา

กลิ่นอายนี้ไม่ใช่สิ่งที่สามารถสร้างขึ้นมาในช่วงเวลาไม่กี่แสนปีได้ แต่เป็นสิ่งที่ค่อยๆก่อเกิดขึ้นผ่านกาลเวลาอันยาวนานโดยไร้ซึ่งความทุกข์หรือความสุข

กลิ่นอายนี้บรรจุสัมผัสแห่งการหลอมรวมกันตลอดกาลเวลายาวนานเท่านั้น รวมไปถึงทุกสิ่งทุกอย่างบนดาวเคราะห์ด้วย

เจ้าเศษมารควบคุมร่างหวังหลินและยื่นแขนขวาออกมา กลิ่นอายเริ่มรวบรวมกันในฝ่ามืออย่างบ้าคลั่งและพริบตาต่อจากนั้นมันก็เปลี่ยนไปเป็นหมอกสีเทา กลิ่นอายโบราณดำเนินการผสานเข้ากับหมอกสีเทาและควบแน่นเข้าด้วยกัน พลันเกิดเสียงระเบิดดุจสายฟ้าผ่าออกมาจากภายในหมอกสีเทา

บางทีมันก็เป็นภาพมายา แต่หวังหลินรู้สึกว่าดาวพันมายาได้สูญเสียพลังชีวิตของมันไปชั่วจังหวะ ต้นไม้ใบหญ้าแห้งเหี่ยว แม่น้ำหายไปและยอดเขาแตกร้าว…

เมื่อมีสายหมอกสีเทาในมือ เจ้าเศษมารหัวเราะและพุ่งตรงเข้าหาร่างเทพทันที เคลื่อนร่างดุจประกายสายฟ้าและเข้าใกล้ร่างเทพพร้อมกับวิญญาณของดาวพันมายา

หวังหลินกำลังรู้สึกว่าร่างกายเขาได้ผสานเข้ากับวิญญาณของดาวพันมายา การโจมตีนี้ไม่ใช่ด้วยพลังของตนเองแต่เป็นพลังของโลกทั้งใบ

ร่างเทพก้าวออกมาข้างหน้าเช่นกันพร้อมกับพลังปราณสวรรค์ที่แปลงจากพลังปราณทั้งหมดบนดาวพันมายา มันสะบัดแขนและพุ่งตรงเข้าใส่เจ้าเศษมาร

วิชาเหนือล้ำจินตนาการสองวิชาเข้ามาใกล้กันและใกล้กันจนกระทั่งเกิดการปะทะ

ตูมมม! ตูมมม! ตูมมม!

เสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่วทั้งดาวเคราะห์ สายแร่วิญญาณของดาวพันมายาล่มสลายไปสามถึงสี่ในสิบส่วน ทั้งยังสร้างคลื่นกระแทกอันทรงพลังกระจายออกไปทั่วทิศทาง

ผลกระทบรุนแรงนี้ทำให้สมาชิกตระกูลฮวนทั้งหมดต้องล่าถอยทันที พวกเขาเริ่มกระตุ้นพลังปราณหรือพลังปราณสวรรค์ในร่างกายเนื่องจากรู้สึกว่าหากไม่ทำเช่นนี้จะเกิดผลกระทบทำให้ร่างกายแตกสลาย

ร่างเทพที่เกิดการปะทะพลันแตกสลายกลายเป็นควันและเริ่มเลือนหายทันที ในจังหวะที่มันหายไปอย่างสิ้นเชิง เศษหินหยกก็ปรากฏขึ้น

หินหยกปรากฏออกมาพร้อมกับเสียงแตกร้าวดังขึ้น หินหยกแตกกระจายและเปลี่ยนเป็นฝุ่นผงท่ามกลางสายตาของสมาชิกตระกูลฮวนทุกคน

ทว่าในชั่วจังหวะนั้นพลันเกิดลำแสงสีขาวออกมาจากหินหยกก่อเกิดเป็นม่านแสงปกคลุมทุกสิ่งอย่างภายในระยะห้าลี้

ใบหน้าบรรพชนตระกูลฮวนซีดเผือด ในตระกูลได้มีข้อความส่งต่อกันมาว่าเมื่อหินหยกแตกสลายจะมีวิชาป้องกันอีกหนึ่งวิชาทิ้งไว้ให้ ทว่าวิชานี้อ่อนแออย่างมาก มันมีค่าพอให้ซื้อเวลาตระกูลฮวนในช่วงวิกฤตเพียงชั่วครู่เพื่อหลบหนี ยอมแพ้ ฆ่าตัวตายหรือทิ้งคำพูดสุดท้ายเอาไว้

ฝ่ามือขวาของเจ้าเศษมารสั่นสะท้านและจากนั้นวิญญาณของดาวพันมายาก็เลือนหายไป

กลิ่นอายโบราณกลับคืนสู่ผืนปฐพีดังเดิมและค่อยๆจางหาย

คนที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดในการต่อสู้ครั้งนี้คือหวังหลิน การต่อสู้ที่ใช้วิชาระดับนี้ถือเป็นสิ่งที่คนที่มีระดับบ่มเพาะแบบเขาไม่เคยหวังว่าจะได้พบเจอ มันเหนือกว่าเขาอย่างสิ้นเชิง

ไม่ว่าจะเป็นร่างเทพหรือเศษมาร ทั้งคู่ต่างมีพลังอำนาจของเซียนที่ก้าวผ่านขั้นสองไปแล้ว สำหรับหวังหลิน ราวกับการต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดประตูสู่โลกใบใหม่ให้กับเขา

ณ ขณะนั้นเกิดช่องว่างเล็กปรากฏในประตูทำให้หวังหลินสามารถมองเห็นระดับถัดไป ทำให้เขาได้สัมผัสพลังอำนาจของขั้นถัดไปเป็นการส่วนตัว

“นี่…คือพลังของขั้นที่สอง…เทียบกับกรีด บรรพชนตระกูลฮวน เฉียนกุ้ยซื่อที่ต่างเป็นขั้นที่สองทั้งหมด ชัดเจนแล้วว่าพวกเขาต่างพึ่งก้าวเข้าสู่ขั้นที่สอง”

“ระดับบ่มเพาะขั้นที่สองนับว่าน่าหวาดกลัวเกินไป!” จิตใจหวังหลินถูกเขย่าไปมา

ในระหว่างการต่อสู้ครั้งนี้ เจ้าเศษมารนำพาให้เขาได้รับประโยชน์เหนือจินตนาการ มันใช้เพียงวิชาเดียวเท่านั้นแต่วิชานี้ถูกกระตุ้นผ่านร่างกายหวังหลิน ทุกสิ่งที่ถูกซ่อนไว้ตอนที่มองจากภายนอกกลับแสดงออกมาชัดเจนต่อหน้าหวังหลิน นั่นรวมถึงวิธีการไหลผ่านปราณสวรรค์ในร่างและสั่งการกลิ่นอายออกมาตอนที่แยกวิญญาณด้วย

ทั้งหมดนี้ได้เปิดประตูที่ขัดขวางเส้นทางของหวังหลินสู่ขั้นที่สองให้มีช่องว่างใหญ่ขึ้น

หวังหลินไม่เคยอยากต้องการบรรลุขั้นที่สองมากขนาดนี้มาก่อน!

“แม้แต่องครักษ์เทพของข้าก็ไม่อาจทนรับวิชานี้ได้สักครั้ง การบ่มเพาะขั้นที่สองนับว่าแข็งแกร่งจริงๆ! แต่ละการต่อสู้สามารถทำลายดาวเคราะห์เซียนได้ง่ายๆ ช่างใกล้เคียงกับเหตุการณ์ที่ข้าเห็นตอนที่ได้รับสืบทอดมรดกของเทพโบราณขึ้นมาบ้างแล้ว”

ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น แม้แต่สมาชิกตระกูลฮวนทั้งหมดก็คล้ายเข้าใจอะไรบางอย่างหลังการต่อสู้ ราวกับพวกเขาได้เปิดโลกทัศน์ขึ้นมาใหม่ ทว่าเมื่อเทียบกับหวังหลินแล้ว สิ่งที่แต่ละคนได้รับถือว่าเล็กน้อยไปเลย

โอกาสเช่นนี้ถือได้ว่าหายากมาก ในโลกนี้จะมีสักกี่คนที่แข็งแกร่งเท่ากับหลิงเทียนโฮวและต่อสู้กับคนที่อยู่ในขั้นที่สองเช่นกัน?

หากเซียนขั้นที่สองต้องการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายจริงๆ พวกเขาเพียงแค่ออกมาต่อสู้กันเองซึ่งหายากที่จะต่อสู้ผ่านการควบคุมร่างกายคนอื่น

เจ้าเศษมารควบคุมหวังหลินให้มองไปที่ม่านปราณสวรรค์และพ่นลมหายใจเบาๆออกมา ฝ่ามือขวาสร้างกำปั้นและโยนออกไป เพียงแค่กำปั้นลวกๆก็สร้างคลื่นกระแทกได้ กำปั้นบรรจุปราณมารอันหนาแน่นตกลงกระทบใส่ม่านแสง

ตึงตัง ตึงตัง ตึงตัง!

ม่านแสงปรากฏรอยร้าวขึ้นแต่ไม่ได้แตกสลายลงไป

ภายใต้ม่านแสง สีหน้าบรรพชนตระกูลฮวนซีดขาวราวกับคนตาย

ฮวนเฟิงเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ท่านบรรพชน ส่งหลิวเหมยไป…” เขาถอนหายใจ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพียงขั้นเทวะเท่านั้น แต่สมบัติและวิชาของเขาแข็งแกร่งเกินไป โดยเฉพาะหลังจากเจ้ามารปรากฏตัว แม้ระดับบ่มเพาะของท่านบรรพชนไม่ตกลง เขาก็ไม่อาจเทียบได้อยู่ดี

บรรพชนตระกูลฮวนมองฮวนเฟิงเฉินที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลและถอนสายตา จากนั้นมองหลิวเหมยอย่างมืดมน

บรรพชนตระกูลฮวนลังเลเล็กน้อยและเอ่ยขึ้น “หลิวเหมย…”

ทว่าก่อนที่เขาจะเอ่ยจบ หลิวเหมยมองไปที่เขาด้วยสายตาเรียวงาม นางปัดผมที่แตกกระจายด้านหลังและเอ่ยบางเบา “อาจารย์ หากหลิวเหมยออกไปจะต้องตายแน่นอน!”

ตู้มมมม!

ม่านแสงปราณสวรรค์รับการโจมตีของเจ้าเศษมารอีกครั้งและเกิดรอยร้าวขึ้นอีก ตอนที่ม่านแสงกำลังแตกสลาย เจ้าเศษมารส่งเสียงหัวเราะโอหังออกมาดังยิ่งขึ้นจากข้างหน้า

สีหน้าบรรพชนตระกูลฮวนยังหมองหม่น เขาไม่ยอมปล่อยหลิวเหมยไปเช่นนี้ ทว่าหากเขาไม่ยอม เมื่อเจ้าเศษมารนั่นลงมาคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะต่อต้านด้วยพลังอำนาจของตนเอง ตระกูลเฉียนไม่ช่วยเขาและตระกูลซิ่วที่สัญญาจะช่วยไว้ก็ยังไม่ปรากฏตัว เช่นได้ชัดว่าเป็นเรื่องผิดปกติ ตอนนี้เขาต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น

แววตาเย็นเฉียบจ้องหลิวเหมยและเอ่ยขึ้นมา “หลิวเหมย หากเจ้าออกไปแล้วเจ้าจะตาย ทำไมไม่ยกเขตแดนของเจ้าให้ข้าเสีย? ด้วยการใช้เขตแดนของเจ้าช่วยเหลือ ข้าสามารถทำให้เต๋าปิศาจสวรรค์ไร้ลักษณ์ของข้าเสร็จสมบูรณ์และข้าอาจจะมีโอกาส!”

เขารับหลิวเหมยเป็นศิษย์เพราะนางแสดงร่องรอยของเต๋าปิศาจสวรรค์หมื่นมายา!

บรรพชนเทพของตระกูลฮวนได้ทิ้งวิชาเขตแดนไว้สองวิชา พวกเขาต่างเคารพเต๋าไร้ลักษณ์และเต๋าปิศาจสวรรค์อย่างยิ่ง ทว่าเต๋าปิศาจสวรรค์ถือว่ายากเกินไปจนแม้กระทั่งวันนี้ยังไม่มีใครในตระกูลฮวนเรียนรู้มันได้สำเร็จ

สองวิชานี้ความจริงถูกแบ่งออกมาจากหนึ่งเขตแดน เขตแดนนั้นคือเต๋าปิศาจสวรรค์ไร้ลักษณ์ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาก่อนที่ดินแดนสวรรค์จะล่มสลาย บรรพชนเทพของตระกูลฮวนได้รับสืบทอดมาพร้อมกับปิศาจสวรรค์ตนหนึ่ง หลังจากรวมเข้ากับมันเขาจึงรู้แจ้งเขตแดนนี้ ทว่าเหล่าเทพไม่ได้ฝึกฝนเขตแดน ดังนั้นจึงใช้ความเข้าใจนี้ยกให้กับทายาทของตน

หลังจากตระกูลฮวนสูญเสียการป้องกันตอนแดนสวรรค์ล่มสลาย พวกเขาสามารถรักษาที่มั่นได้เพราะเต๋าปิศาจสวรรค์ไร้ลักษณ์ ทว่าความรุ่งโรจน์นั้นไม่มีอีกแล้ว

เป็นเพราะเขตแดนปิศาจสวรรค์หมื่นมายาของหลิวเหมยที่ล่อตาล่อใจฮวนหวู่ฉิง เพื่อให้ง่ายในการกลืนกินนางหลังจากนั้น เขาถึงกับลดระดับบ่มเพาะของตัวเองเพื่อเปลี่ยนสายเลือกของนาง

ทั้งยังช่วยเพิ่มระดับบ่มเพาะของนางขึ้นอีกด้วย ทำให้นางสามารถบรรลุขั้นไปได้ถึงขั้นหยินหยางซึ่งนางจะตกอยู่ในการควบคุมของเขาอย่างสมบูรณ์และจะไม่เกิดปัญหาใดขึ้นเมื่อเขากลืนกินนางในอนาคต

เขาคำนวณทั้งหมดแล้วและเพียงแค่รอให้หลิวเหมยบรรลุขั้นหยินหยาง จากนั้นหลังจากเขตแดนของนางเปลี่ยนแปลงและกลายเป็นเต๋าปิศาจสวรรค์หมื่นมายาของจริง เขาจะกลืนกินมันและฝึกฝนเขตแดนที่แท้จริงของตระกูลฮวน เต๋าปิสาจสวรรค์ไร้ลักษณ์

ทว่าทั้งหมดกลับถูกหวังหลินทำลายอย่างสิ้นเชิง เป็นคนที่ออกมาจากความว่างเปล่า แทนที่จะส่งหลิวเหมยไป เขาอาจจะกลืนกินนางเสียตอนนี้และยังได้รับร่องรอยเต๋าปิศาจสวรรค์หมื่นมายาซะดีกว่า ในอนาคตเขาเพียงต้องขยันทำความเข้าใจเต๋าและบรรลุผลสำเร็จเข้าสักวัน

ด้วยความคิดนี้ ฮวนหวู่ฉิงจึงจ้องหลิวเหมยและดวงตาเผยสายตาประหลาด

ดวงตาหลิวเหมยสงบนิ่ง ด้วยความฉลาดหลักแหลมของนางจึงเห็นเบาะแสบางอย่างตอนที่ทั้งคู่อยู่ในดาราจักรพันธมิตรเซียนแล้ว นางรู้ว่าไม่มีใครแสดงความเมตตาเว้นแต่จะเป็นคนรัก ซึ่งอีกฝ่ายจะต้องมีเป้าหมายเบื้องหลังแน่นอน

ทว่าพลังอำนาจของฮวนหวู่ฉิงไม่ใช่สิ่งที่นางจะต่อต้านได้ นางทำได้เพียงแกล้งทำเป็นไม่รู้และถูกพามาดาราจักทุกชั้นฟ้าและรับพิธีถ่ายโอนโลหิต

ตั้งแต่ตอนที่ฮวนหวู่ฉิงยอมลดระดับบ่มเพาะเพื่อช่วยนางบรรลุขั้นเทวะระดับปลายสูงสุด นางจึงมั่นใจว่าฮวนหวู่ฉิงคนนี้มีแรงจูงใจซ่อนเร้นเบื้องหลังเรื่องทั้งหมด

ทว่านางกลับไร้พลังอำนาจต่อต้าน

ด้วยสถานะเดิมเป็นศิษย์ของซูซาคุ นางจะไม่รู้เรื่องความเสียหายในการฝืนเพิ่มระดับบ่มเพาะไปได้อย่างไร?

หลิวเหมยกล่าวบางเบา “ท่านต้องสัญญากับข้าสองอย่าง…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!