70. บ้าน
สามวันต่อมา ร่างหวังหลินเต็มไปด้วยเหงื่อได้ออกมาจากถ้ำ โจวเผิงเดินออกมาหลังเขาด้วยแววตามัวหมอง
“โจวเผิง เจ้ากลับไปที่สำนักซวนต้าวตามการชี้นำของข้าและสังหารทุกคนที่มีอันตรายต่อข้าและปกป้องครอบครัวข้าด้วย” เสียงของหวังหลินเย็นเฉียบและเต็มไปด้วยความกระหายเลือด
โจวเผิงพยักหน้าอย่างเคารพและเคลื่อนร่างตรงเข้าหาสำนักซวนต้าว
หวังหลินมองโจวเผิงที่จากไป หลังจากนั้นเป็นเวลานานหวังหลินจึงถามขึ้น “ผู้อาวุโสซือถูวิชาหุ่นเชิดนี้จริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องใช้ขั้นตอนแรกใช่ไหม?”
ซือถูตกตะลึง เขารีบพูดขึ้น “ใครบอก?! มันต้องมีขั้นตอนแรก หากไม่มีเจ้าก็ทำขั้นตอนที่สองไม่ได้”
หลังจากหวังหลินสร้างหุ่นเชิดของตัวเองเป็นการส่วนตัวเขารู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่เขาต้องการจะพูดแต่กลับถามอย่างอื่นแทน “พั่วหนานจื่อจะมองโจวเผิงออกไหม?”
ซือถูหนานลังเลเล็กน้อยจากนั้นตอบขึ้น “ข้าจะบอกความจริงให้เมื่อตอนที่เจ้ากำลังสร้างหุ่นเชิด ข้าได้ใส่จิตวิญญาณของข้าลงไปในนั้นดังนั้นหากเซียนขั้นผลิดอกไม่สังเกตอย่างละเอียดก็ไม่อาจพบอะไรผิดพลาดได้ด้วยพั่วหนานจื่อที่ใช้เวลาปิดประตูฝึกตนเป็นส่วนใหญ่แล้วโอกาสที่เขาจะค้นเจอค่อนข้างต่ำมาก”
หวังหลินลังเลชั่วครู่ เขาเคลื่อนไหวและพุ่งตรงไปราวกับสายรุ้งมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านและเหาะเข้าสู่บ้านของตัวเอง
ก่อนหน้านี้เขาอยู่ตรงประตูทางเข้า และได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังออกมาจากข้างใน
“เจ้าเด็กน้อย ทุกคนจะเป็นช่างไม้แย่ๆเช่นเจ้าได้อย่างไร? ดูมันสิ…นี่ไม่ได้ครึ่งหนึ่งที่ลูกชายข้าทำได้เลย”
“อาจารย์ ไท้จูเป็นเซียนไปแล้ว ข้าจะเปรียบกับเขาได้เช่นไร? ถ้าข้าได้ครึ่งหนึ่งของเขาก็ดี ข้าคงพอใจแล้ว”
เมื่อหวังหลินได้ยินเช่นนั้นเขาก็ตกตลึงจากนั้นส่งสัมผัสวิญญาณออกไปทันที เมื่อนั้นก็ยิ้มขึ้น เขาจดจำคนผู้นี้ได้มันเป็นเพื่อนคู่หูที่ดักฟังพ่อหวังหลินสอนช่างไม้กับหวังหลินอยู่บ่อยๆ
เขาผลักประตูเปิดเข้าไปอย่างเบามือและพูดขึ้นกับร่างสูงอายุในลานบ้าน “พ่อ ไท้จูกลับมาแล้ว”
ร่างสูงอายุคนนั้นสั่นสะท้าน เขาทำอุปกรณ์ในมือหล่นทุนที หันศีรษะกลับมาและเจอกับเด็กหนุ่มอายุราวยี่สิบดูเหมือนกับลูกชายเขาเอามากๆ
“ไท้จู?” พ่อของหวังหลินเบิกตากว้างและหยดน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย
หวังหลินเดินเข้าไปกอดพ่อของเขา เขาปาดน้ำตาบนใบหน้าพ่อของตัวเองหวังหลินถอยกลับมา คุกเข่าลงบนพื้นและพูดขึ้น “ท่านพ่อไท้จูไท้จูเป็นลูกชายที่ไม่ดี ข้าไม่ได้กลับมาเยี่ยมท่านห้าปีแล้ว”
“นี่ไท้จูจริงๆ! ภรรยาข้า ออกมาดูสิ! ลูกชายเรากลับมาแล้ว!” ท่านพ่อได้ดึงหวังหลินขึ้น เขามองหวังหลินที่มีรอยยิ้มแก้มแทบปริ
ใบหน้าพ่อของหวังหลินตื่นเต้นดีใจ “ไท้จู เจ้าสูงขึ้นเยอะ เจ้าแทบจะไล่จับพ่อได้แล้ว เจ้าทั้งยังแข็งแรงอีก ดีมากลูกพ่อ!”
ขณะเดียวกัน หญิงสูงอายุนางหนึ่งเดินออกมาจากบ้าน เธอมองไปที่หวังหลินด้วยน้ำตานองหน้า
หวังหลินเข้าหาและคุกเข่าก่อนที่หญิงสูงอายุนางนั้นจะเผยใบหน้าโหยหา “ท่านแม่ ไท้จูกลับมาหาท่านแล้ว”
“เจ้า…เจ้าใจร้ายเช่นนี้ได้ยังไง? เจ้าไม่ได้กลับมาเยี่ยมพวกเรามาห้าปีเจ้ายังมีหัวใจอยู่อีกหรือ? ห้าปีที่ผ่านมาพ่อเจ้ากับแม่ได้แต่คิดถึงแต่เจ้า…” เมื่อกำลังพูดก็ได้หยุดลงกอดไท้จูและเริ่มจะร้องไห้
พ่อของหวังหลินมองไปที่แม่ของเขา “ลูกของเราเป็นเซียนอมตะดังนั้นเขาต้องมุ่งเน้นเรื่องสำคัญอื่น แค่ดูสิ่งที่เจ้ากำลังทำสิข้ากำลังจะกลายเป็นตัวตลกในเมืองแล้ว หกน้อย(เด็กที่มาเรียนช่างไม้)เจ้ากลับบ้านได้ อย่ารบกวนข้าสักสองสามวันข้าจะเรียกเจ้ากลับมาเมื่อไท้จูจากไปแล้ว”
หกน้อยยิ้มแย้ม เขารีบตอบสนองอย่างรวดเร็วและออกไปหลังจากมองหวังหลินอย่างชื่นชม
คืนนั้น แม่ของหวังหลินปรุงอาหารมากมายทุกจานเป็นอาหารที่หวังหลินชื่นชอบพวกเขากินและพูดคุยเรื่องราวที่เกิดขึ้นในห้าปีที่ผ่านมาหวังหลินไม่จำเป็นต้องกินของพวกนี้มาหลายปีแล้วแต่แม่ของหวังหลินก็ปรุงอาหารจนกลิ่นน่าอร่อยเริ่มต่อต้าน
ระหว่างการพูดคุยกันคอรบครัวหวังหลินได้ถามเรื่องภูเขายักษ์ที่ปรากฎขึ้นบนสำนักเหิงยั่วหวังหลินลังเลเล็กน้อยและโกหกไปว่าสำนักเหิงยั่วเคลื่อนย้ายออกไปและเขาไม่อาจกลับมาได้บ่อยๆครอบครัวเขาไม่ได้ถามลึกเกินไปและได้แต่เพียงบอกให้หวังหลินระวังตัวเองเท่านั้น
ผ่านมาห้าปีได้เกิดเรื่องราวมากมายเหล่าญาติได้มาเยี่ยมเยียนบ่อยๆและการช่วยเหลือของอาสี่หพ่อของหวังหลินก็ได้กลับมาอยู่ในกองมรดกของครอบครัวอีกครั้ง
พ่อของหวังหลินไม่ได้ทำงานไม้ด้วยตัวเองอีกต่อไปแต่เขารับลูกศิษย์สองสามคนและส่งการค้าของเขา
หกน้อยเป็นเด็กที่ฉลาดที่สุดในเหล่าศิษย์ เขาเรียนรู้ได้ประมาณ 6 หรือ 7 ส่วนของวิชางานช่างเรียบร้อยแล้ว
เมื่อหวังหลินได้ยินเช่นนั้นเขายิ้มขึ้นและพูดว่า “ท่านพ่อ ข้าได้เห็นไม้ที่หกน้อยแกะสลักแล้ว มันดูดีมากไม่แย่เหมือนที่ท่านบอกเลย”
พ่อหวังหลินหายใจแรงและพูดขึ้น “มันก็ยังห่วยอยู่ดี! ตอนที่ข้าสอนเจ้าแกะสลัก เจ้าเพียงแค่แปดขวบ และเจ้าก็ทำได้ดีกว่าเขา!”
แม่ไท้จูมองหน้าลูกชายตัวเองและสายตาเต็มไปด้วยความรัก “ใช่แล้วไท้จูของเราฉลาดกว่าใครๆเสมอ ขอพูดสักหน่อยไท้จูไม่ได้เป็นเด็กอีกต่อไปแล้ว ในห้าปีที่ผ่านมามีหลายครอบครัวต่างถามไถ่เรื่องแต่งงานแม่ได้ยินมาว่าพวกเซียนต่างก็สามารถมีครอบครัวได้ ตั้งแต่ที่เจ้ากลับมาขณะที่พักอยู่ที่นี้เจ้าออกไปกับแม่เถอะ เมื่อพบเจอคนดีดีเราจะตัดสินใจด้วยกันได้”
หวังหลินตกตะลึงและยิ้มขึ้น “ท่านแม่ ข้าแก่ขนาดไหนกัน? ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลย”
แม่ของหวังหลินกลายเป็นเศร้าซึมทันทีและจ้องไปที่หวังหลิน “เด็กน้อยเด็กอายุรุ่นคราวเดียวกันกับเจ้าในหมู่บ้านต่างมีลูกวิ่งเล่นกันไปหมดแล้ว”
หวังหลินลูบจมูกตัวเอง “ท่านแม่ สร้างครอบครัวเป็นเรื่องใหญ่ รอข้าสักสองสามปี ข้าจะนำสักคนกลับมา แบบนี้จะว่าอย่างไร?”
พ่อของหวังหลินเห็นภรรยาตัวเองอยากจะพูดต่อ เขาไอขึ้น “ภรรยาเอ๋ยทำไมต้องกังวลเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้? ลูกชายเราเป็นเซียนเจ้าเข้าใจเซียนไหม? แล้วจะมาแต่งกับมนุษย์ธรรมดาได้ยังไง? ไท้จูกำลังพูดว่าเขาจะหาภรรยาที่เป็นเซียนกลับมา เจ้าเข้าใจไหม?”
แม่ของหวังหลินหยุดกึกและพึมพำ “เซียนมันมีดีอะไรเล่า? เซียนออกจากบ้านไปและไม่กลับมาห้าปี ถ้าข้ามีหลานเป็นเซียนหลานข้าอาจจะไม่กลับมาเป็นสิบปีหรือไงเล่า”
หวังหลินยิ้มขึ้น ในขณะที่เขากำลังจะพูดแม่ของหวังหลินจ้องเขาและพูดขึ้น “ก็ดี ข้าจะฟังที่พ่อเจ้าว่าข้าเดาว่าสายตาของเจ้ามองหาแต่สิ่งที่สูงกว่าและหญิงสาวในหมู่บ้านก็ไม่เตะตาเจ้าแม่จะรอและดูว่าหญิงสาวแบบไหนที่เจ้าจะนำกลับมา”
เมื่อหวังหลินเห็นแม่ตัวเองเต็มไปด้วยความโกรธ จึงรีบพูดขึ้นทันที “ท่านแม่ อย่าห่วงเลยน่า ลูกชายท่านจะนำหลานกลับมาให้ท่านอย่างแน่นอน”
หลังจากมื้ออาหารค่ำ ครอบครัวของหวังหลินต่างถามคำถามเขาไม่รู้จักจบสิ้นจนเกือบเที่ยงคืน ก่อนที่ทั้งหมดจะหลับไหลอย่างมีความสุข