Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 711

Cover Renegade Immortal 1

711. ขับถ่าย

หมอกหนาแน่นจนป้องกันสัมผัสวิญญาณของเขาไม่ให้กระจายออกมาไกลเกินไป อสูรสายฟ้าร้องคำรามและพุ่งเข้าไปในหมอก สายฟ้าปกคลุมร่างของมันพร้อมกับพุ่งผ่านหมอกเข้าไป

สายฟ้าละลายหมอกจำนวนมากระหว่างทาง หวังหลินนั่งอยู่บนอสูรสายฟ้าด้วยแววตาส่องสว่าง เขาพลันตบกระเป๋านำค่ายกลกระบี่เจ็ดดาราออกมาและหมุนวงกลมอย่างรวดเร็วเพื่อเคลียร์เส้นทาง

ด้วยประสบการณ์จากครั้งก่อน หวังหลินจึงเข้าใจดาวหยุนเซียดวงนี้ดี ความเร็วของเขาไม่ได้เร็วมากและยังถือว่าช้าเสียด้วยซ้ำ เมื่อไหร่ก็ตามที่เจ้าอสูรสายฟ้าร้องคำรามและต้องการเข้าไปให้เร็วขึ้น หวังหลินจะยับยั้งมัน

แม้ความเร็วจะเชื่องช้าแต่กลับมั่นคงอย่างยิ่ง ด้วยค่ายกลกระบี่เจ็ดดารา พวกเขาสามารถเคลียร์เส้นทางได้ชัดเจนและเข้าไปใกล้ผิวดวงดาวขึ้นเรื่อยๆ

หวังหลินคำนวณระยะทางที่พาให้เขาผ่านสายหมอกครั้งล่าสุดและเมื่อเหลือน้อยกว่าหนึ่งพันฟุต จึงพลันสัมผัสความวิกฤตในใจได้ทันที

อสูรสายฟ้าตรวจจับอันตรายนี้ได้ก่อนหน้านี้แล้ว มันไม่รอรับคำสั่งของหวังหลิน พลันเปลี่ยนทิศทางและพุ่งออกไปทันที

หนวดเพรียวบางหนึ่งเส้นปรากฏขึ้นมาดุจภาพติดตาและกวาดผ่านตำแหน่งที่หวังหลินพึ่งอยู่เมื่อครู่ มันเร็วมากเกินไปและทำให้เกิดหลุมเล็กๆบนสายหมอก

โชคดีที่อสูรสายฟ้าหลบได้เร็วพอ หนวดเส้นนั้นเพียงแค่ยืดออกมาสะบัดไปรอบๆก่อนจะถอนกลับไป ทว่าขณะที่มันถอนกลับไปมันก็รัดหุ้มรอบค่ายกลกระบี่เจ็ดดารา ใช้พลังอำนาจที่แข็งแกร่งดึงค่ายกลกระบี่ลงไป

ใบหน้าหวังหลินมืดมัว ถ้าหากเขาไม่ทราบอันตรายและพุ่งลงไป เขาคงไม่สามารถหลบหนวดเส้นนั้นได้

โชคดีนักที่หวังหลินไม่ได้เคลื่อนที่เร็วเกินไปดังนั้นอสูรสายฟ้าจึงสามารถหลบมันได้ หนวดเส้นนั้นมีความสามารถอันแข็งแกร่ง เมื่อสัมผัสกับค่ายกลกระบี่เจ็ดดารากลับทำให้หวังหลินไม่สามารถควบคุมกระบี่ได้

“หนวดนี่ดูคุ้นๆ…” หวังหลินครุ่นคิดเงียบๆก่อนที่ดวงตาส่องสว่างและนึกถึงที่มาของหนวด

หวังหลินอ้าปากค้าง “นี่มันคล้ายกับอสรพิษพิฆาตจันทร์ร่างที่สาม!”

อสรพิษพิฆาตจันทร์มีอยู่สามร่าง ร่างแรกอยู่เฉยๆไม่มีความสามารถในการต่อสู้ ตอนที่หวังหลินมาที่นี่ครั้งแรก อสรพิษตัวนี้อยู่ในสภาวะร่างแรก

ร่างที่สองคือตอนที่หนวดทั้งหมดถูกถอนกลับและอสรพิษพิฆาตจันทร์เปลี่ยนเป็นรูปทรงหลายแบบ ตอนนี้อสรพิษพิฆาตนันทร์อยู่ในสภาวะนี้

ร่างที่สามเป็นร่างโจมตี หนวดทั้งหมดจะยื่นออกและยืดยาวได้เท่าตัวอสรพิษเอง หากอสรพิษอยู่ในร่างนี้ พวกเขาต้องหลบหนีหรือไม่ก็จะถูกโจมตี

เมื่อคิดแบบนี้ใบหน้าหวังหลินยิ่งมืดมนมากขึ้น เขามองระยะทางที่เหลือหนึ่งพันฟุตและเริ่มลังเล

“ตอนที่ข้ามาที่นี่ครั้งล่าสุด มีอสรพิษสองตัวอยู่ที่นี่ หนึ่งนั้นอยู่ในร่างแรกและอีกตัวกำลังหลับอยู่ ทำไมตอนนี้พวกมันถึงเปลี่ยนไป? ข้าไม่รู้ว่าหนวดนั่นเป็นของอสรพิษตัวไหน” หวังหลินครุ่นคิดชั่วครู่ หากเขาจากไปตอนนี้ไม่เพียงแต่จะเสียเวลารวบรวมผลทะยานสวรรค์ เขาก็เสียค่ายกลกระบี่เจ็ดดาราไปด้วย

“ข้าสูญเสียสมบัติไปหนึ่งชิ้นก่อนที่จะได้เข้าใกล้เสียอีก!” ดวงตาส่องสว่างขึ้นและปลดปล่อยแววตามุ่งมั่น เขาไม่ยอมจากไปแบบนี้จริงๆ หวังหลินตบศีรษะเจ้าอสูรสายฟ้าและพุ่งผ่านสายหมอกแต่มันไม่ได้ร้องเสียงคำรามอันใด

หลังจากออกมาจากสายหมอก สัมผัสวิญญาณจึงไม่ถูกขัดขวางอีกต่อไป ฉากที่ปรากฏเบื้องหน้าได้ทำให้เขาสูดหายใจหนาวเหน็บ

พื้นดินแตกต่างจากครั้งก่อนอย่างสิ้นเชิง ต้นไม้ที่พัดส่ายไปมาก่อนหน้าหายไปแล้วและถูกแทนที่ด้วยหนวดยาวเหยียด หนวดพวกนี้สีแดงเข้มและปลดปล่อยพลังอำนาจลึกลับออกมา สิ่งนี้ทำให้หนังศีรษะเสียวซ่าน

หวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณและตรวจสอบพื้นที่อย่างระมัดระวังก่อนจะปล่อยลมหายใจออก

“ยาวหนึ่งหมื่นฟุตเท่านั้น นี่หมายความว่ามันกำลังเปลี่ยนเป็นร่างที่สามแต่ไม่ได้ตื่นเต็มที่ อย่างไรก็ตามหากไม่มีอะไรกระตุ้นมัน เป็นไปไม่ได้ที่อสรพิษพิฆาตจันทร์จะเป็นแบบนี้…ต้องมีคนมาที่นี่เมื่อร้อยปีที่ผ่านมาแน่!” หวังหลินขมวดคิ้ว

“อย่างไรก็ตาม แม้จะมีคนมา ดูไม่เหมือนว่าพวกเขาจะไปกระตุ้นให้มันเปลี่ยนร่างเป็นร่างที่สาม…เรื่องนี้ช่างประหลาด!” หวังหลินกระโดดออกมาจากอสูรสายฟ้าและขบคิด เขามองไปที่อสูรสายฟ้าราวกับกำลังพูดคุยกับอีกคน “ด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าสามารถตรวจจับอันตรายที่นี่ได้ หากเจ้ายังไม่ต้องการกลับเข้าไปในราชรถสังหารเทพ มันจะเพิ่มอันตรายให้กับพวกเรา!”

อสูรสายฟ้าส่ายศีรษะใหญ่โตของมันและเริ่มคิด มันชำเลืองมองหนวดหลายเส้นที่โผล่ออกมาจากพื้นดินและเผยสายตาดูถูก

หวังหลินขมวดคิ้วและตัดสินใจเมินเฉยมัน เขาเคลื่อนตัวไปข้างหน้าโดยไม่ทำให้เกิดสัญญาณรบกวน หวังหลินเคลื่อนตัวอย่างช้าๆและลงไปในเส้นทางระหว่างหนวดอย่างระมัดระวัง

ในสายตาเขา หนวดแต่เส้นพวกนี้มีพลังโจมตีที่น่าหวาดกลัวยิ่ง

ขณะที่หวังหลินเหาะเหิน หนึ่งในหนวดเบื้องหน้าพลันฟาดเข้ามาหา พลังที่แข็งแกร่งพุ่งเข้ามาในทันที

สายลมรุนแรงที่เกิดจากพลังสายนี้พัดเส้นผมหวังหลินให้ปลิวว่อน สายลมราวกับใบมีดเข้าปะทะใบหน้า หวังหลินระมัดระวังตัวมาและสังเกตการณ์หนวดพวกนี้อย่างละเอียด ตอนที่พวกมันโจมตี เขาเห็นรากของหนวดเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

หวังหลินเคลื่อนที่พริบตาในเสี้ยววินาที เร็วจนเกิดเป็นภาพติดตา หนวดเส้นนั้นฟาดเข้าใส่ภาพติดตาก่อนจะหดลงและกลับคืนเป็นปกติ

ร่างหวังหลินปรากฏตัวกลางอากาศ จ้องไปที่หนวดบนพื้น คิ้วขมวดหนักแน่น

“การจะทำให้อสรพิษพิฆาตจันทร์ตกอยู่ในสภาวะของผลทะยานสวรรค์จะต้องใช้ตรงจุดที่อ่อนไหวของมัน แต่ว่าการทำแบบนั้นจะสร้างปัญหาให้กับหนวดพวกนี้”

หลังขบคิด หวังหลินตบกระเป๋านำผลทะยานสวรรค์จำนวนมากออกมาไว้รอบตัว ดวงตาส่องสว่างขึ้น ยื่นฝ่ามือขวาออกมาและเอ่ย “หลอม!”

เสียงระเบิดดังกรอบขึ้นมาพร้อมกับผลทะยานสวรรค์ทั้งหมดแตกกระจายเปลี่ยนเป็นของเหลวสีแดงควบแน่นเข้าด้วยกัน

หวังหลินใช้ฝ่ามือสร้างผนึก พ่นพลังดั้งเดิมออกมาจากปากไปล้อมรอบของเหลว พลังดั้งเดิมเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงและเกิดหมอกสีแดงระเหยขึ้นมา

หวังหลินคว้าหมอกนั้นด้วยดวงตาเย็นเหยียบ และพุ่งเข้าไปบนพื้น ผลักแขนลงไปใช้หมอกสีแดงเข้าหาหนวด

พริบตาเดียวสายหมอกก็กระจายไปมากกว่าพันฟุต หมอกสีแดงล้อมรอบหนวดอย่างแน่นหนา ซึ่งทำให้หนวกดูดซับผลไม้ในสายหมอกได้ง่ายมาก

หนวดหลายเส้นเส้นในบริเวณค่อยๆส่ายไปมาช้าลงราวกับคนกำลังเมา หนวดสีแดงเข้มเปลี่ยนเป็นแดงเข้มยิ่งกว่าเดิม

หวังหลินลดตัวลงอย่างระมัดระวังและเคลื่อนไประหว่างหนวด พวกมันดูเหมือนจะเมินเฉยหวังหลินอย่างสิ้นเชิงซึ่งทำให้เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก หลังจากนั้นไม่นานหวังหลินก็ร่อนลงถึงพื้นในที่สุด

มีฉากเหตุการณ์หนึ่งในความทรงจำของเทพโบราณเกี่ยวกับจุดสัมผัสอ่อนไหวของอสรพิษพิฆาตจันทร์ นั่นก็คือตรงโคนหนวด เพียงแค่กระตุ้นจุดเล็กๆก็ทำให้เกิดการกระตุ้นไปทั่วร่างได้แล้ว

หวังหลินนำผลทะยานสวรรค์ออกมาอย่างระวังตัว ใช้อีกหลายสิบผลในคราเดียวหลอมมันให้กลายเป็นของเหลวสีแดงหนึ่งหยด หลังจากใส่กฏเกณฑ์เข้าไปหวังหลินจึงทำให้หยดสีแดงผสานเข้ากับโคนของหนวด

ขณะที่กำลังทำเช่นนี้หวังหลินระมัดระวังตัวอย่างยิ่ง เขาทั้งกระจายสัมผัสวิญญาณออกมาด้วย

สีแดงจากหนวดเลือนหายไปอย่างรวดเร็วและหวังหลินรู้ว่าเขามีเวลาไม่มากนัก หลังจากวางหยดสีแดงไปที่โคนหนวด เขาก็รีบเหาะเหินออกมาอย่างรวดเร็ว

แทบในเสี้ยววินาทีที่หวังหลินลอยออกมา หมอกสีแดงก็หายไป สีของหนวดเปลี่ยนจากแดงเถือกเป็นแดงดำ ทว่ามันมีปุ่มนูนๆบนหนวดจึ้นมาเคลื่อนไหวลงไปใต้ดิน

เมื่อหวังหลินเห็นเขาจึงจำฉากเหตุการณ์นี้ได้ทันที มันคือการที่อสรพิษขับไล่พิษออกไปจากร่างกายเหมือนกับคนธรรมดาขับถ่าย

อสูรสายฟ้ากำลังมองหวังหลินจากบนน่านฟ้าและเบื่อหน่ายเล็กน้อย เมื่อมันมองไปที่หนวดบนพื้น แววตาดูถูกยิ่งมากมายขึ้น มันเคลื่อนไหวมาข้างหน้าและพุ่งตรงไปที่พื้น ประกายสายฟ้าหลายเส้นพุ่งออกมาจากร่างกายและเกิดเสียงดังส่องไปทั่วทั้งดวดงาว

หวังหลินพลันหันกลับมาและตะโกน “เจ้าอสูรบัดซบ รีบกลับมาเร็ว!”

เพียงชั่วขณะนั้น พื้นดินก็สั่นเทาราวกับทั้งโลกกลายมามีชีวิต หนวดทั้งหมดหยุดส่ายไปมาและยื่นเข้าหาอสูรสายฟ้าทันที

มีหนวดหลายเส้นมากเกินไปออกมาจากพื้น ครั้งแรกเจ้าอสุรสายฟ้าเต็มไปด้วยความดูถูกขณะที่ลำแสงสายฟ้าหลายเส้นเคลื่อนผ่านหนวดพวกมันและลงไปที่พื้นดิน

ทว่าในวินาทีถัดมา พลังลึกลับออกมาจากหนวดและปลดปล่อยแสงสีแดง แสงสีแดงนี้ทำให้พร่าเลือนและทำให้ทั้งโลกทั้งใบกลายเป็นสีแดงทันที

หนวดพวกนั้นเคลื่อนไหวเร็วขึ้นและพริบตานั้นพวกมันก็ห่อหุ้มรอบอสูรสายฟ้า ไม่ว่าเจ้าอสูรสายฟ้าจะพยายามดิ้นรนแค่ไหนหรือปลดปล่อยสายฟ้ามากเพียงใด มันก็ไม่มีผลกระทบกับหนวดเลย มันไม่สามารถทำลายได้แม้แต่เพียงหนวดเส้นเดียว!

หวังหลินอยู่ห่างออกไปไกลและใบหน้ามืดมนยิ่ง อสรพิษพิฆาตจันทร์ในร่างที่สามมีสัมผัสว่องไวต่อเสียงมาก ดังนั้นยิ่งอสูรสายฟ้าคำรามก็ยิ่งทำให้หนวดห่อหุ้มมันแน่นขึ้น แววตาดูถูกในสายตาเจ้าอสูรสายฟ้าหายไปและถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัว

หวังหลินสื่อสารด้วยวิชาออกไป “หยุดเห่าได้แล้ว!” ใบหน้าหวังหลินเย็นเยียบขณะนำผลทะยานสวรรค์ออกมา

ตอนนี้ในแกนของดาวหยุนเซีย ร่างผอมบางกำลังนั่งอยู่ในถ้ำกว้างใหญ่ ถัดมาเป็นเตาหลอมขนาดใหญ่

หนวดหลายเส้นหนาเท่าแขนกำลังห่อหุ้มรอบเตาหลอมนี้เอาไว้ พวกหนวดกระดิกอย่างต่อเนื่องราวกับกำลังดูดซับอะไรบางอย่าง

ชายชราใบหน้ามืดมนพลันลืมตาขึ้น กำแพงถ้ำเริ่มสั่นไหวและหมอกสีแดงจำนวนมากเข้ามาข้างใน ทั้งยังมีกลิ่นเหม็นเขียวบรรจุสายฟ้าเอาไว้ซึ่งทำให้กลิ่นแย่ขึ้นไปอีก

ชายชราคนนี้คือกรีด หากหวังหลินอยู่ที่นี่ก็คงจดจำได้ทันทีว่าที่นี่คือตำแหน่งที่อสรพิษพิฆาตจันทร์ดูดซับสารอาหารและขับถ่ายของเสีย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!