Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 712

Cover Renegade Immortal 1

712. สมบัติเล็กๆของกรีด

หวังหลินตบกระเป๋านำผลทะยานสวรรค์จำนวนมากออกมา เขาใจเย็นมองอสูรสายฟ้าที่กำลังดิ้นรนต่อต้านหนวดจำนวนมากแต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงดังอีก

หวังหลินสะบัดแขนขวาเปลี่ยนผลไม้ทั้งหมดให้กลายเป็นของเหลว หลังจากใช้พลังดั้งเดิมปรับแต่งเข้าไป น้ำผลไม้ก็กลายเป็นหมอกสีแดง หวังหลินพุ่งตัวมาพร้อมกับสายหมอกแดงและปรากฏตัวข้างอสูรสายฟ้าที่ถูกขังเอาไว้ พลันกดลงไปอย่างรุนแรง

เสียงดังแตกร้าวขึ้นมาพร้อมกับหมอกแพร่กระจายไปรอบๆอสูรสายฟ้า หนวดที่รัดอยู่คลายตัวเล็กน้อยและสีของมันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเถือก

เจ้าอสูรสายฟ้าใช้โอกาสที่หนวดอ่อนแรงลัง ปกคลุมร่างด้วยสายฟ้าจากนั้นหดตัวกลับเข้าไปในราชรถสังหารเทพและออกมาในที่สุด

หวังหลินยื่นมืออกมาเก็บราชรถสังหารเทพเข้าไปในกระเป๋า

เห็นได้ชัดว่าอสูรสายฟ้าหวาดกลัว เดิมทีมันไม่ยอมกลับเข้าไปในกระเป๋าแต่ตอนนี้จำเป็นต้องยอมไปก่อน

หลังเก็บอสูรสายฟ้า หวังหลินเคลื่อนตัวไปตามทาง ใช้หมอกสีแดงเพื่อให้หนวดอ่อนแรงลงชั่วคราวก่อนจะผนึกหยดของเหลวไปที่โคนหนวก

หวังหลินทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โชคดีที่เขามีผลทะยานสวรรค์เพียงพอต่อความต้องการ ไม่เช่นนั้นมันคงหมดไปนานแล้ว

ระหว่างทางหวังหลินระมัดระวังตัวอย่างยิ่งและเคลื่อนไหวอย่างรอบคอบ ไม่กี่วันถัดมาในที่สุดเขาก็ใส่น้ำผลทะยานสวรรค์เข้าไปในหนวดส่วนใหญ่บนดาวเคราะห์ได้

“หนวดราวๆเจ็ดถึงแปดในสิบส่วนของอสรพิษพิฆาตจันทร์ได้มีผลทะยานสวรรค์ผนีกอยู่ข้างใน เมื่อข้ากระตุ้นกฏเกณฑ์ออกไป ผนึกนั้นจะแตกสลาย น่าเสียดายที่ผลทะยานสวรรค์หมดไปแล้ว หากมีผลต่อหนวดทุกเส้นมันคงจะสมบูรณ์แบบ”

หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและยอมแพ้ความคิดในการค้นหาผลทะยานสวรรค์อีก สถานที่แห่งนี้ประหลาดเกินไปและหวังหลินกลัวว่าครั้งหน้าที่เขาเข้ามามันจะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆอีก

เมื่อเจ้าอสรพิษตัวนี้ตื่นขึ้นมาจริๆง ผลทะยานสวรรค์คงไร้ประโยชน์ที่จะต่อต้านมัน

หวังหลินดวงตาส่องสว่าง ร่างกายจมลงไปในพื้นดิน พื้นดินเต็มไปด้วยของเหลวหนืดดังนั้นเขาจึงกระตุ้นปราณสวรรค์ในร่างกายเพื่อบังคับให้มันออกห่างไป

หวังหลินมุ่งหน้าไปที่สายแร่โหะใต้พื้นดินอย่างระมัดระวังและไม่หยุดพัก ทว่าหลังจากลงไปได้ชั่วครู่ หวังหลินก็มองไปรอบๆอย่างรัดกุม

หวังหลินพบแรงผันผวนปราณสวรรค์บางๆภายในฝุ่นดินรอบๆที่นี่ พลังปราณสวรรค์นี้ถูกขังอยู่ข้างในของเหลวหนืด

หวังหลินจำได้ว่าของเหลวหนืดพวกนั้นมืดทึบและไม่มีร่องรอยของปราณสวรรค์ครั้งล่าสุดที่เขามาที่นี่

“ดูเหมือนจะมีคนมาที่นี่ในเวลาร้อยปีที่ผ่านมา พวกเขาเข้ามาในส่วนลึกถึงอสรพิษพิฆาตจันทร์และใช้วิชาทรงพลัง นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีปราณสวรรค์ถูกขังอยู่ในดินโคลนและทำไมอสรพิษถึงค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นร่างที่สาม”

หวังหลินขบคิดขณะจมลงไป หลังผ่านไปไม่รู้เวลาเขาก็มาถึงตำแหน่งที่สายแร่โลหะตั้งอยู่ซึ่งเป็นจุดที่มีกระดูกของอสรพิษพิฆาตจันทร์ด้วย

เพลิงปรากฏขึ้นมาและจุดแสงไล่ความมืดมิดรอบกระดูก ดวงตาหวังหลินเริ่มส่องแสง เป้าหมายของการมาที่นี่ของเขาอยู่ตรงนี้!

หวังหลินวางมือขวาลงบนกระดูกและกำลังดูดซับมัน ทว่าเขาพลันหยุดและเริ่มขบคิดทันที

“การจะสามารถทำให้อสรพิษพิฆาตจันทร์เปลี่ยนสภาวะได้หมายความว่าระดับบ่มเพาะของคนผู้นี้สูงล้ำ หากคนเช่นนี้ตายไปแล้วเช่นนั้นจะไม่เป็นปัญหา ทว่าหากเขายังซ่อนตัวหรือถูกขังอยู่ที่นี่ เมื่อข้ารับกระดูกและปลดปล่อยผลทะยานสวรรค์ มีโอกาสมากที่คนผู้นั้นจะปรากฏตัว! ปากเป็นกรณีนั้นจะมีตัวแปรเพิ่มขึ้นมาก!”

หวังหลินถอนฝ่ามือออกมา หลังขบคิดเล็กน้อยจึงเหาะเหินไปตามกระดูก เขาตัดสินใจค้นหาพื้นที่บริเวณนี้อย่างละเอียดเพื่อดูว่ามีเซียนคนอื่นอยู่รอบๆหรือไม่

ตอนที่หวังหลินจำเป็นต้องระมัดระวังตัว เขาก็ต้องรอบคอบอยู่เสมอ โดยเฉพาะตอนนี้ที่เขาสามารถตายได้ง่ายๆหากไม่ระวังตัว หวังหลินไม่สามารถยอมให้เกิดเรื่องผิดพลาดได้

“การนำกระดูกออกไปจากร่างอสรพิษพิฆาตจันทร์ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสามอย่างที่อันตรายที่สุดในชีวิตข้า” ดวงตาส่องสว่างขึ้นและระมัดระวังตัวขึ้นไปอีก

ตอนที่อยู่ในดินแดนเทพโบราณ เขาอาศัยปัญญาของตนเอง ในแดนสวรรค์เขาอาศัยความระมัดรวังตัว ตอนที่อยู่ในดินแดนวิญญาณปิศาจ เขาก็อาศัยความมุ่งมั่น

หวังหลินสำรวจตามกระดูกและเคลื่อนหน้าต่อไป หลังจากนั้นอีกสักพักพลันหยุดลง ดวงตาส่องประกายเจิดจ้าจ้องไปที่กระดูกเบื้องหน้า

มีรอยแยกขนาดใหญ่อยู่บนกระดูกและมีชั้นเมือกแห้งปกคลุมอยู่ เห็นได้ชัดว่ามันผ่านมานานแล้ว

รอยแยกนี้ลึกมาก แม้ว่าจะไม่เพียงพอที่จะตัดครึ่งกระดูกได้แต่หวังหลินจดจำได้ชัดเจนว่ารอยแยกนี้ไม่มีอยู่ตอนที่เขามาครั้งล่าสุด

หลังเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง หวังหลินตรวจสอบมันและสายตาเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด

“ไม่สงสัยเลยว่าอสรพิษพิฆาตจันทร์จะเปลี่ยนไปเป็นร่างที่สาม ความเจ็บปวดแบบนี้เพียงพอให้มันโกรธได้ เห็นได้ชัดว่าคนที่ทำร้ายมันไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับอสรพิษพิฆาตจันทร์ ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้าทำแบบนี้”

หวังหลินเผยท่าทีเยาะเย้ยจากนั้นเคลื่อนตัวไปรอบๆ ทว่าเขาพลันหยุดลงหันศีรษะกลับมามองรอยแยกนั้นอีกครั้ง เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

หลังขบคิดจึงกลับมาที่รอยแยก ดวงตามองตามเมือกแห้งเข้าไป จากนั้นสักพักสายตาเรืองแสงทันที ฝ่ามือขวาโบกไปที่เมือกแห้ง

ปราณสวรรค์ปรากฏขึ้นทันทีและเกิดสายลมสวรรค์พัดผ่าน เมือกแห้งละลายทันทีเผยรอยแยกลึกข้างใต้

ในรอยแยกลึกกลับมีภูเขาใหญ่ตั้งอยู่!

เมือกเดิมได้ขัดขวางเส้นทางไว้ก่อนหน้านี้ดังนั้นหวังหลินจึงไม่สามารถมองเห็นมัน อีกทั้งภูเขาแทบจะเหมือนกับกระดูกโดยสิ้นเชิงจนแทบไม่มีความแตกต่างระหว่างสองอย่าง

ตอนที่หวังหลินเคลื่อนไหวเมื่อวินาทีก่อน เขาพบว่าตรงนี้มีพลังปราณสวรรค์หนาแน่นมากกว่าตรงอื่น ต้นตอของพลังปราณสวรรค์คือตรงรอยแยกนั้น

ขณะที่จ้องภูเขาซึ่งเลือนลางไปกับกระดูกของอสรพิษ แสงในแววตาหวังหลินหายไปและถูกแทนที่ด้วยแสงลึกลับ

“กรีด!” หวังหลินเผยท่าทางเคร่งขรึม

หวังหลินเคยเห็นภูเขานี้มาก่อน มันเป็นสมบัติที่กรีดนำออกมาและแยกวิญญาณออกมาจากภูเขาด้วย

“พวกมันไล่ล่าข้าจริงๆ!” ดวงตาส่องสว่าง ตอนนี้เขาไม่ห่วงเรื่องนำกระดูกของอสรพิษไปซะแล้ว

“ข้าเพียงไม่รู้ว่าพวกเขามาทั้งหมดหรือมาเพียงไม่กี่คน หรือจะเพียงแค่กรีดคนเดียว!” หวังหลินลูบคางพลางจ้องภูเขา เขาเคลื่อนตัวตรงเข้าไปในรอยแยก

ผนังกระดูกไม่สม่ำเสมอกันและมีแร่โลหะอยู่จำนวนมากกำลังส่องแสงสีแดง มันดูงดงามมาก

“ค่ายกลกระบี่เจ็ดดาราก็ถูกหนวดเอาไปและข้าไม่มีความคิดว่ามันไปอยู่ที่ไหน อย่างไรข้าก็ไม่สามารถปล่อยภูเขานี้ไปได้ ด้วยสถานะและนิสัยของกรีด สมบัติของมันไม่ใช่ของธรรมดา!” แววตาหวังหลินเผยแสงประหลาด เขามองไปรอบๆอย่างละเอียดก่อนจะมาถึงข้างภูเขา

ปลายขอบภูเขาคล้ายกับกระดูกไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะบอกความแตกต่างระหว่างสองอย่าง จากนั้นเห็นเปลวเพลิงโลหะปรากฏภายในภูเขา

“การดูดซึมช่างสมบูรณ์แบบมากดังนั้นมันจึงยากขึ้นเล็กน้อย ข้าไม่สามารถใช้ผลทะยานสวรรค์ได้ตอนนี้” หวังหลินขบคิดเล็กๆก่อนจะใช้สองนิ้วเป็นกระบี่ทดสอบความเหนียวของภูเขา ภูเขาลูกนี้แข็งมาก นิ้วของเขาเต็มไปด้วยปราณสวรรค์แต่กลับไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ได้เลย ดวงตาส่องสว่างและโอนย้ายปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวบางส่วนเข้าไปในนิ้ว หวังหลินยอมแพ้ที่จะทดสอบทั้งภูเขา แต่เดินทางไปรอบๆส่วนที่ดูดซึมและตวัดนิ้วลงมา

ปรากฏรอยแตกร้าวขึ้นอย่างเงียบๆบนภูเขาและกระจายตัวอย่างช้าๆ เกิดเสียงปะทุเบาๆเท่านั้นขณะที่ภูเขาที่อยู่ใกล้กับกระดูกได้แยกตัวออกมา

ตำแหน่งที่หวังหลินเลือกเอาไว้นับว่าแยบยลยิ่งนัก เขาหลีกเลี่ยงส่วนที่กลมกลืนดังนั้นจึงไม่ได้กระตุ้นอสรพิษพิฆาตจันทร์

หลังจากมาถึงอีกด้านหนึ่ง หวังหลินมองอย่างระมัดระวังและสะบัดนิ้วอีกครั้ง คราวนี้เขาระวังมากกว่าเดิมเพราะด้านนี้ของภูเขาได้กลมกลืนมากกว่าอีกฝั่ง

สองนิ้วหวังหลินเคลื่อนไปรอบภูเขาอย่างรอบคอบและค่อยๆหลีกเลี่ยงส่วนที่กลมกลืน ขณะที่เขากำลังถอดภูเขาออกมาได้อย่างสมบูรณ์นั้น หวังหลินพลันสัมผัสความหนาวเย็นจากด้านหลังทำให้ศีรษะเสียวซ่าน

หวังหลินไม่กล้ากระจายสัมผัสวิญญาณออกมา ภายในกลิ่นอายเย็นเยียบนี้ราวกับว่าหากเขาหลับตาลงจะมีกระบี่แทงเข้าระหว่างคิ้วทันที

สัมผัสเช่นนี้เคลื่อนไปตามแผ่นหลัง

สัมผัสเคลื่อนต่อเนื่องและชัดเจนยิ่งขึ้น ดวงตาหวังหลินเปลี่ยนมาเย็นเยียบพลันใช้มือขวาคว้าภูเขาที่ถูกแยกออกมา หวังหลินพุ่งตัวขึ้นไปและใช้มืออีกข้างชี้มาด้านหลัง

วิชายับยั้ง!

ทั้งหมดเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที ไม่มีความลังเลใดๆ ขณะหวังหลินเคลื่อนไหวก็เกิดเสียงคำรามดังออกมาจากด้านหลัง

หวังหลินเหาะเหินออกมาอย่างรวดเร็วหลังจากคว้าภูเขา เขาเก็บภูเขาเข้าไปข้างในกระเป๋าและพุ่งตัวออกมาจากพื้นดิน ใช้วิชาหลบหนีที่เรียนรู้จากชายชราโดยไม่ลังเล เกิดเสียงร้องคำรามกึกก้องด้านหลังและเมื่อหวังหลินลอยออกมาจึงส่งสัมผัสวิญญาณออกมาด้วย หวังหลินเห็นอสรพิษพิฆาตจันทร์ตัวเล็ก ร่างกายยาวร้อยฟุตอยู่นอกดินโคลน ส่วนที่เหลือยังคงซ่อนอยู่ใต้ผืนดิน

อสรพิษพิฆาตจันทร์ตัวนี้ถูกวิชายับยั้งเอาไว้ได้ทันซึ่งให้โอกาสหลบหนีหวังหลินอย่างเหมาะเจาะ หลังจากหวังหลินหายตัวไป มันจึงควบคุมตัวเองได้แต่ดวงตาแดงฉาน ร้องคำรามออกมาก่อนจะหายตัวกลับเข้าไปในพื้นดิน

หวังหลินเคลื่อนไหวรวดเร็วมากผ่านพื้นดินและออกมาห่างไกล เหตุการณ์นี้ทำให้เขารู้ตัวดีว่าสถานที่แห่งนี้อันตรายแค่ไหน

“ที่นี่มีอสรพิษพิฆาตจันทร์กี่ตัวกัน!?” หวังหลินใบหน้าท่าทางมืดมน

สิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัวที่สุดคือรูปลักษณ์ของอสรพิษที่ประหลาดอย่างยิ่ง เขาไม่รู้ตัวเลยตอนที่มันกำลังเข้ามาใกล้ เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเขามานานแล้ว

“อสรพิษพิฆาตจันทร์ตัวนั้นอยู่ในร่างที่สาม เจ้ากรีดบัดซบ มันรู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป? หากที่มันทำลงไปแค่การแทงภูเขาเข้าไปในกระดูกของอสรพิษ มันคงไม่เป็นแบบนี้แน่นอน!”

ขณะที่กำลังหลบหนี หวังหลินพลันหยุดชะงัก ดูเหมือนว่าจะคิดบางอย่างขึ้นมาได้และใบหน้ามืดมนยิ่งขึ้นไปอีก

“หรือจะเป็น…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!