Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 725

Cover Renegade Immortal 1

725. คนแรกให้คำสัตย์

ในสายตาของชายผมดำ หวังหลินนั้นยิ่งใหญ่มาก เขาเชื่อว่าไม่มีผู้ใดในดาราจักรทุกชั้นฟ้าแห่งนี้นี้ไม่เป็นอันตรายภายใต้การจ้องมองของเขา ไม่เว้นแม้แต่ผู้นำของอารามเทพอัสนี!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเมินเฉยในสายตานั้นดุจทั้งโลกเป็นเพียงมดปลวก สัมผัสนี้ทำให้เขาตัวสั่นเทา ด้วยความหยิงยโสเขาไม่เคยรู้สึกเคารพใครเช่นนี้มาก่อน!

เมื่อไหร่ที่ระดับพลังไม่ต่างกันมากนัก เขามีความคิดเต็มไปด้วยการต่อต้าน อย่างไรก็ตามเมื่อเขารู้สึกว่าพลังของอีกฝ่ายมิอาจท้าทายและไม่มีใครที่จะเทียบเคียงได้ ดังนั้นมีเพียงความคิดที่จะยอมจำนนเท่านั้น!

“สายตาแห่งเต๋า! การจ้องมองที่ต้องเป็นสายตาแห่งเต๋าในตำนาน!” ความหวาดกลัวถูกแทนที่ด้วยความคลั่งไคล้ ในใจตื่นตระหนก ร่างกายสั่นสะท้าน เมื่อเขาคิดถึงคำว่า “สายตาแห่งเต๋า” เขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและหวาดกลัว

มนุษย์มีความฝัน เหล่าเซียนมีสายตาแห่งเต๋า

ทว่าสายตาแห่งเต๋านี้เป็นเพียงแค่ตำนานเท่านั้น ชายผมดำเคยได้ยินข่าวลือว่ามีเซียนผู้หนึ่งปรากฏตัวในจักรวาลทุกชั้นฟ้าเมื่อนานมาแล้ว เขาผู้นี้ใช้ความแข็งแกร่งของตนเองและวิชาเซียนเพียงวิชาเดียว เซียนระดับสองทุกคนในจักรวาลทุกชั้นฟ้าต่างพ่ายแพ้ทั้งหมด!

แม้ในหมู่เซียนขั้นสอง ส่วนใหญ่ยังไม่ทันได้ใช้วิชาเซียนหรือสมบัติวิเศษก่อนที่เขาพ่ายแพ้ไป!

คนผู้นั้นรู้สึกผิดหวังมากและหันตัวจากไป มีคนผู้หนึ่งรวบรวมความกล้าเอ่ยถามชื่อของวิชาเซียนและสิ่งที่ได้กลับมาเป็นเพียงคำตอบที่แสนธรรมดา

“วิชานี้มีชื่อว่า ‘สายตาแห่งเต๋า’ มันไม่ได้ถูกข้าสร้างขึ้นมาและทุกคนก็สามารถฝึกมันได้…”

ชายผมดำสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นลงจากอสูรสายฟ้าและยืนแสดงความเคารพอยู่ ตอนนี้เขาไม่ได้ถูกหวังหลินจ้องมองแล้วจึงตระหนักว่ามีอีกคนนั่งอยู่บนดาวเคราะห์น้อยใกล้ๆ

ชายผมดำตกใจเมื่อเห็นคนผู้นั้น เขารู้ได้ทันทีว่ามันเป็นหุ่นเชิดจากนั้นเขาก็เห็นอสูรสายฟ้าเขาเงินที่ปลายขอบทะเลสาปสายฟ้า

ตอนที่เขามาถึง เขาถูกสายตาหวังหลินจ้องมาทันที ดังนั้นจึงไม่ได้เห็นอะไรอย่างอื่น ตอนนี้เมื่อสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวจึงตื่นตระหนกมากขึ้น!

“อสูรสายฟ้าเขาเงิน! หุ่นเชิดมายาหยิน! เขา…เขาก็เป็นผู้ส่งสาส์นของอารามเทพอัสนีด้วย!!” ชายผมดำไม่อยากเชื่อเรื่องทั้งหมดนี้ เขาไม่ได้ตัวตนของหวังหลินแต่ก็ไม่ได้คิดว่าคนแข็งแกร่งเช่นนี้จะเป็นผู้ส่งสาส์นของอารามเทพอัสนีด้วย

ก่อนที่เขาจะคิดไปไกล หวังหลินลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตากลับมาเป็นปกติ ก่อนหน้านี้ไม่เพียงแต่ชายผมดำที่ตกใจ หวังหลินก็ยังตกใจเช่นเดียวกัน

.

“เป็นไปได้ว่าความรู้สึกก่อนหน้านี้คือขั้นที่สาม…” หวังหลินขบคิดอยู่เงียบๆ ความรู้สึกนั้นเป็นสิ่งที่ได้รับมาจากโอกาสเท่านั้นและไม่ได้ร้องขอ อย่างไรก็ตาม ระดับบ่มเพาะของเขาต่ำเกินไป ความรู้สึกนี้เป็นสิ่งที่เขาสามารถเก็บไว้ในใจแต่เขายังไม่เข้าใจมันอย่างถ่องแท้

ฉากเหตุการณ์เสมือนจริงในความฝันที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงนี้กลับเปิดประตูให้หวังหลินสู่ขั้นที่สาม หากใครในดาราจักรทุกชั้นฟ้าหรือดาราจักรพันธมิตรเซียนรู้เรื่องนี้ ทั้งหมดคงจะออกตามหาลูกปัดอย่างบ้าคลั่ง!

เป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดของผู้คนเช่นเทียนหยุนคือเซียนขั้นที่สาม พวกเขายินดีที่จะทำทุกอย่างเพื่อไปถึงเซียนขั้นที่สาม! เซียนขั้นที่สามนี้ไม่สามารถหาจากที่ไหนได้ พวกเขายังคงจมอยู่ในความมืดมนและค้นหาอย่างเจ็บปวด

อย่างไรก็ตาม หวังหลินกลับได้รับโอกาสเหนือจินตนาการเนื่องจากลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า บางครั้งโชคชะตาก็เป็นเช่นนี้

หลังจากมองเห็นเต๋าจากขั้นที่สาม ความสำเร็จในอนาคตของหวังหลินไม่สามารถคาดเดาและเหนือจินตนาการ

“ผู้น้อยเป็นผู้ส่งสาส์นระดับสองของอารามเทพอัสนี นามว่าเฉินกงฮู่ เฉินกงฮู่ขอคารวะผู้อาวุโส!” ชายผมดำคุกเข่าบนพื้นในตำแหน่งที่เขาอยู่ ใช้ความรู้เรื่องอาจารย์เพื่อแสดงความเคารพ

ถ้าคนนอกได้เห็นสิ่งนี้พวกเขาต้องจะตกตะลึงอย่างมากเนื่องจากเฉินกงฮู่เป็นคนเย่อหยิ่งและโหดเหี้ยมอย่างมาก แม้แต่ในกลุ่มผู้ส่งสาส์นของอารามเทพอัสนีเขาก็เป็นคนที่ยากจะต่อกรและตระกูลเซียนส่วนใหญ่ไม่กล้ายั่วยุเขา

สิ่งสำคัญที่สุดคือพรสวรรค์ของเขาดีเยี่ยมมาก แม้กระทั่งผู้นำของอารามเทพอัสนียังเคยบอกว่าพรสวรรค์ของเฉินกงฮู่ถือได้ว่าเป็นสามสิบคนแรกในดาราจักรทุกชั้นฟ้า

เขาบ่มเพาะได้ไม่นานเพียงพันปีเท่านั้น เวลาเพียงพันปีเขาสามารถทะลวงถึงขั้นรูปธรรมหยางและบรรลุจุดสูงสุด พรสวรรค์ของเขาทำให้ผู้คนหวาดกลัวมากกว่าความโหดร้ายของเขาเสียอีก

ไม่มีใครคาดเดาถึงขีดจำกัดของเขาได้ บางทีเขาอาจจะกลายเป็นเซียนขั้นที่สองได้อย่างแท้จริง

หวังหลินไม่ได้เคลื่อนไหว เขายังคงมองเฉินกงฮู่อย่างเย็นชา หลังจากเหลือบไปเห็นเต๋าของเซียนขั้นที่สาม แม้ว่าระดับการบ่มเพาะของเขาไม่ได้เพิ่มขึ้น ความแข็งแกร่งของจิตใจของเขาเปลี่ยนแปลงรุนแรง ลักษณะวิญญาณเขาแตกต่างไปจากเดิม ตอนนี้แม้เขาจะยืนต่อหน้าเทียนหยุนเขาก็จะไม่รู้สึกตึงเครียดอะไรเลย

มันเหมือนกับคนทั่วไปที่ได้เห็นเหล่าเซียนและวิชาเซียน เมื่อมองมายังราชาในหมู่มนุษย์ พวกเขาก็ไม่รู้สึกเกรงกลัวอีกต่อไป!

ภายใต้สายตาของหวังหลิน แม้ว่าเฉินกงฮู่ไม่รู้สึกหวาดกลัวเหมือนก่อนหน้านี้ แต่เขายังคงสั่นสะท้านอยู่ ความทรงจำน่ากลัวประทับตราตรึงภายในจิตใจและไม่หายไปจนกว่าจะตาย

ความจริงแล้วนี่คือโอกาสที่ยิ่งใหญ่สำหรับเฉินกงฮู่ หากเทียนหยุนและพรรคพวกไม่มีโอกาสได้รับลูกปัด พวกเขาคงเลือกรับรู้ประสบการณ์นั้นเองโดยไม่ลังเล

แม้แต่อสูรสายฟ้าข้างๆเขายังก้มหัวลงและไม่ได้มีความทรนงตนใดอยู่บนใบหน้าอีกเลย

หวังหลินถอนสายตาออกมาและถามอย่างเย็นชา “อะไรกัน?” สภาวะความคิดของหวังหลินตอนนี้ยังอยู่ในความฝันที่ไม่เกิดขึ้นจริง แม้แต่น้ำเสียงยังสะท้อนไปด้วย

แม้ว่าระดับบ่มเพาะของเฉินกงฮู่จะอยู่ขั้นขั้นรูปธรรมหยาง ตอนนี้จิตใจเขาได้รับความเสียหายมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวใจที่หวาดกลัวของเขา จึงแทบไม่สามารถใช้พลังของเซียนขั้นมายาหยินได้เลย

ส่วนเจ้าอสูรสายฟ้า มันไม่กล้าแม้แต่เงยหน้าขึ้นเพราะก่อนหน้านี้มันสูญเสียความกล้าหาญไปหมดแล้ว

เพียงคำพูดง่ายๆของหวังหลินก็ทำให้เฉินกงฮู่ตกตะลึง เขารีบกล่าว “ผู้น้อย…”

ก่อนที่จะพูดจบ หวังหลินโบกมือขึ้นมา “ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบออกไป!”

หวังหลินตัดสินใจที่จะศึกษาการเปลี่ยนแปลงในลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า พลังของลูกปัดเกินกว่าจินตนาการของเขาไปไกล เพียงแค่ช่องว่างในประตูก็ทำให้เขาได้เห็นระดับสามแล้ว หากเปิดมันได้อย่างสมบูรณ์หล่ะก็…

หัวใจของหวังหลินเต้นอย่างรวดเร็ว เขาไม่อาจจินตนาการว่าอะไรจะเกิดขึ้น

นอกจากนั้น ความฝันนี้ทำให้เขตแดนของเขาก้าวหน้าขึ้น หวังหลินห่างไม่ไกลจากขั้นเทวะระดับปลายสูงสุดแล้วซึ่งมันคือจุดสุดท้ายในการเป็นเซียนขั้นแรก

เฉินกงฮู่รู้สึกว่าทัศนคติของหวังหลินเป็นปกติมาก ผู้ที่มีพลังอำนาจควรจะเป็นเช่นนี้ เป็นเขาเองที่ไปขัดจังหวะการบ่มเพาะของผู้อาวุโส ผู้อาวุโสคนนี้ใจดีมากแล้วที่ไม่ฆ่าเขา

เมื่อคิดถึงสายตาก่อนหน้านี้ เฉินกงฮู่ไม่นึกสงสัยที่ผู้อาวุโสละเว้นเขา ไม่เช่นนั้นเขาคงจะตายไปแล้วแน่นอน!

จิตใจที่สั่นสะเทือนและตกตะลึงของเขาเปลี่ยนไปเป็นความคลั่งไคล้และนับถือ หลังจากสูดหายใจลึกจึงกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ผู้น้อยคือเฉินกงฮู่ สมาชิกของตระกูลเฉินกงในฝั่งแดนใต้ ข้าเป็นผู้ส่งสาส์นระดับสองของอารามเทพอัสนีและเป็นเซียนขั้นรูปธรรมหยาง ข้าขอให้ผู้อาวุโสยอมให้ข้ากล่าวคำสัตย์ต่อท่าน!”

มันไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถที่จะมองทtลุระดับการบ่มเพาะหวังหลินได้ แต่ที่สายตาที่น่าหวาดกลัวนั้นทำให้เขาลืมเลือนเรื่องทั้งหมด เขายังเชื่อว่านี่คือเซียนที่มีพลังอำนาจอย่างแท้จริง! หากเซียนแข็งแกร่งทรงพลังกำลังซ่อนระดับบ่มเพาะเอาไว้ พวกเขาคงทำให้คนอื่นเชื่อว่าตนเองเป็นเซียนขั้นเทวะ

“คำสัตย์?” หวังหลินถึงกับตกตะลึงและมองไปที่เฉินกงฮู่

เฉินกงฮู่กล่าวอย่างรวดเร็ว “ระดับการบ่มเพาะของผู้น้อยยังไม่เพียงพอและข้ารู้ตัวว่ายังไม่มีคุณสมบัติที่จะให้คำมั่นสัญญากับผู้อาวุโส อย่างไรก็ตามผู้น้อยเป็นคนที่ซื่อสัตย์มาก ยิ่งไปกว่านั้นยังมีตระกูลเซียนมากมายที่ให้คำสัตย์ปฏิญาณต่อข้า ดังนั้นข้าอาจสามารถช่วยตอบสนองความพอใจของผู้อาวุโสได้ ข้ารู้ดีว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญในสายตาของท่านแต่ข้าก็ยังหวังว่าผู้อาวุโสจะรับคำสัตย์เพื่อแสดงความจริงใจของข้า…”

หวังหลินขมวดคิ้ว หลังจากครุ่นคิดสักพัก เขาส่ายศีรษะ เขาไม่อาจใช้วิชาเซียนนี้ได้อีกครั้ง และจากการมองครั้งเดียว หวังหลินก็สามารถบอกได้ว่าคนผู้นี้มีความหยิ่งยโสเป็นอันมาก ถ้าคนผู้นี้สังเกตุเห็นอะไรบางอย่างมันจะก่อให้เกิดปัญหาขึ้นโดยไม่จำเป็น

เมื่อเฉินกงฮู่เห็นหวังหลินส่ายศีรษะจึงกล่าวขึ้นทันที “ผู้อาวุโส ผู้น้อยมีความจริงใจมากและจะไม่เสียใจเลยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม ตราบใดที่ท่านยินดีที่จะให้คำชี้แนะสักเล็กน้อยในระหว่างการทะลวงด่านของข้า ผู้น้อยยินดีที่จะให้วิญญาณแห่งเต๋าส่วนหนึ่งเพื่อเป็นหลักประกันให้ผู้อาวุโสเป็นเวลาพันปี!”

ในขณะที่เขาพูด ฝ่ามือก็เริ่มสร้างผนึกแล้วชี้ไปที่หน้าผาก ลำแสงสีดำบรรจุด้วยพลังเขตแดนของเขาและเต๋าก็พุ่งออกมาจากศีรษะ

ในดาราจักรทุกชั้นฟ้า เซียนที่ให้คำสัตย์ปฏิญาณสามารถเลือกสิ่งของสำหรับหลักประกันได้ ซึ่งวิญญาณแห่งเต๋าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะมอบให้ผู้อื่น

เมื่อวิญญาณแห่งเต๋าถูกผู้อื่นควบคุมเอาไว้ แม้จะไม่ถึงกับตาย วิญญาณของคนผู้นั้นจะได้รับผลกระทบ ผลที่ตามมากินเวลายาวนานมาก

การส่งมอบเสี้ยวจิตวิญญาณของเขาแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของเฉินกงฮู่!

เขาหวาดกลัวสายตาหวังหลินอย่างแท้จริง เขามีความรู้สึกคลุมเครือว่าถ้าหากพลาดโอกาสในวันนี้ เขาจะเสียใจไปตลอดชีวิต

เฉินกงฮู่เชื่อในความรู้สึกของเขาอย่างมาก การตัดสินใจที่สำคัญมากมายในชีวิตเกิดขึ้นจากความรู้สึกของเขาและตอนนี้ความรู้สึกนี้ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นซึ่งทำให้ความเชื่อของเขาแข็งแกร่งขึ้น

เมื่อมองเฉินกงฮู่กำลังแสดงเศษเสี้ยวจิตวิญญาณ แววตาของหวังหลินก็หดแคบลง แม้หวังหลินจะไม่ทราบว่ามันคืออะไรแต่ก็เข้าใจว่ามันเป็นตัวแทน หลังจากขบคิดอยู่นานหวังหลินก็ค่อยๆถามว่า “เจ้าไม่เสียใจหรือ?”

“ผู้น้อยจะไม่เสียใจแน่นอน!” เฉินกงฮู่ตอบอย่างฉับพลันด้วยความเคารพ

หวังหลินไม่ต้องการเสียเวลาอีกต่อไป เขาโบกมือและจิตวิญญาณเต๋าของเฉินกงฮู่ พุ่งลอยเข้ามา หวังหลินดูดกลืนมันเข้าไปในวิญญาณดั้งเดิมของเขา

หลังจากได้รับเศษเสี้ยวจิตวิญญาณ หวังหลินถามอย่างใจเย็น “ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่?”

เฉินกงฮู่ยิ้มอย่างขมขื่น “แดนสวรรค์อัสนีกำลังจะเปิด ดังนั้นผู้น้อยจึงต้องการใช้สถานที่แห่งนี้เพื่อบ่มเพาะพลังงานดั้งเดิม…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!