779. ขอบเขตจวี่ปรากฏอีกครั้ง!
หวังหลินหยุดกึก จ้องมองดวงตาที่ปรากฏในวังวนด้วยความเงียบเชียบ
“ให้สหายเจ้าปลดปล่อยกฏเกณฑ์สวรรค์นั่นและข้าจะสอนวิชาเทพให้!”
หวังหลินขบคิดชั่วครู่และเอ่ยถาม “เจ้าเป็นใคร?”
ดวงตานั้นไม่ได้ตอบคำถามหวังหลิน “เจ้าต้องการเรียนรู้หรือไม่?”
หวังหลินคว้าร่างลี่หยวนและรีบล่าถอยอย่างรวดเร็ว หวังหลินไม่ได้เลือกทำตามข้อเสนอนั้นแต่เขาเป็นคนระมัดระวัง เรื่องแบบนี้ไม่เคยเป็นเรื่องง่ายดาย
ยิ่งไปกว่านั้นแม้เขาจะเขาจะเรียนรู้วิชาเทพได้จริงๆ ด้วยนิสัยของหวังหลินแล้วเขาจะไม่ทำผิดพลาดแบบเดียวกับที่เจ็บช้ำจากศาสตร์สังหารเทพอีก
“มีเพียงวิชาเทพที่ข้าเจอด้วยตัวเองถึงจะศึกษาได้ ข้าจะไม่มีวันเรียนรู้จากสิ่งที่คนอื่นให้ข้า!” สายตาหวังหลินเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น พลังดั้งเดิมเติมเต็มร่างกาย จากไปพร้อมกับลี่หยวนขณะเดียวกันก็เฝ้ามองดวงตานั้นไปด้วย
หลังหวังหลินจากไปไม่นาน วังวนก็เริ่มหมุนอีกครั้ง ดวงตาที่อยู่ตรงกลางกำลังจ้องมองตำแหน่งที่หวังหลินถอยไปอย่างมืดมนและค่อยๆหดกลับ
“ข้าไม่ชอบคนรอบคอบ…” ลำแสงสายฟ้าแดงพุ่งออกมาจากดวงตา
ท้ายที่สุดดวงตานั้นก็กลับเข้าไปในวังวนและทุกอย่างคืนสู่ปกติ มีเพียงแสงสีแดงที่ยังคงอยู่ มันไล่ตามหวังหลินเข้าไปในอุโมงค์
หวังหลินเคลื่อนไหวกลับไปหาหลุมดำพร้อมกับมีลี่หยวนอยู่บนแขน เขาชี้หน้าอกลี่หยวนหลายครั้งก่อนที่ลี่หยวนจะลืมตาขึ้นมา คราแรกสายตาลี่หยวนเต็มไปด้วยความงุนงงแต่ในไม่นานก็กระจ่างชัด
“ขอบคุณมากพี่ซิ่ว ข้าถูกพลังประหลาดในวังวนนั้นดึงดูดใจ” ลี่หยวนขบคิดเล็กน้อยและตระหนักได้ว่าทำไมเขาถึงมีท่าทีผิดปกติ
“ที่นี่แปลกเกินไป เราออกไปจากที่นี่กันเถอะ!” หวังหลินมองทางเดินด้านหลังและขมวดคิ้ว
ลี่หยวนพยักหน้าและไม่ได้สอบถามอีก ฝ่ามือซ้ายสร้างผนึกและวางกฏเกณฑ์ไปบนทางออก
ชั่วขณะนั้นสีหน้าหวังหลินเปลี่ยนไป แขนสองข้างสร้างผนึกขึ้นมา สายฟ้าพุ่งพล่านจากวิญญาณดั้งเดิมและควบแน่นในฝ่ามือ ผลักไปข้างหน้าและใช้สายฟ้าเพื่อขัดขวางอุโมงค์อย่างสมบูรณ์
ขณะนั้นเกิดลำแสงสายฟ้าแดงกระพริบและสายฟ้าทั้งหมดกระจัดกระจาย สายฟ้าแดงพุ่งตรงเข้าหาหวังหลินแต่สีหน้าพลันเปลี่ยนไป เขาคุ้นเคยกับสัมผัสที่ออกมาจากสายฟ้าแดง เป็นความรู้สึกที่ออกมาจากวิญญาณและทำให้รูม่านตาหรี่แคบ
“นี่มัน…ขอบเขตจวี่!”
หวังหลินล่าถอยโดยไม่ต้องคิด ผสานตัวเองเข้ากับรอบด้านและลำแสงสายฟ้านั้นพุ่งเข้าหาร่างหวังหลินตรงๆ
ขณะเดียวกันค่ายกลตรงทางเข้าก็เปิดออก หวังหลินคว้าตัวลี่หยวนและเหาะเหินออกไปทันที พวกเขาหายตัวเข้าไปในความว่างเปล่าโดยไม่แม้แต่รอให้ทางเข้าปิดลง
หวังหลินและลี่หยวนปรากฏตัวขึ้นมาห่างจากชิ้นส่วนแดนสวรรค์เดิมอีกสามหมื่นลี้ ร่างกายสั่นเทาและใบหน้าซีดเผือด จากนั้นอ้าปากพ่นเมล็ดทรายออกมา เมล็ดทรายขยายตัวออกปรากฏตราประทับยักษ์ด้านบนพวกเขา และปลดปล่อยคลื่นแรงกดดัน
หวังหลินนั่งสมาธิทันทีและยกแขนขวาขึ้น กระดูกอสูรปรากฏจากนั้นเริ่มหมุนวนรอบตัวหวังหลินและเรืองแสงชั่วร้ายออกมา
“น้องลี่ ป้องกันข้าด้วย!” หลังหวังหลินเอ่ยจบเขาก็หลับตาทันที ฝ่ามือสรางผนึกขึ้นและวางบนเข่าแต่ละข้าง พลังดั้งเดิมพรั่งพรูเข้าไปในสัมผัสวิญญาณอย่างบ้าคลั่ง
ลี่หยวนตบกระเป๋าอย่างเคร่งเครียดและนำกระบี่สวรรค์เก้าเล่มออกมากระจายพวกมัน เขามองหวังหลิน แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่เขาก็ไม่เคยเห็นหวังหลินเคร่งเครียดขนาดนี้หลังจากรู้จักกันมา
ลี่หยวนขบคิด ‘วิชาลำแสงสีแดงนั่นมันวิชาแบบไหนกัน?!’
สายฟ้าสีแดงโกรธเกรี้ยวอยู่ในวิญญาณหวังหลินและเต็มไปด้วยจิตสังหาร ทว่าก่อนที่มันจะระเบิดออกพลันถูกพลังดั้งเดิมหนาหน่นของหวังหลินห่อหุ้มทีละชั้น
นี่คือการป้องกันสายฟ้าแดงไม่ให้มันแสดงพลังอำนาจเต็มที่ อย่างไรมันก็คือขอบเขตจวี่และมันทรงพลังมากอยู่แล้ว แม้จะถูกห่อหุ้มด้วยพลังดั้งเดิมแต่ก็สลายจากภายในอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าพลังดั้งเดิมจะไร้ประโยชน์ในอีกไม่นาน
แต่เพราะหวังหลินคุ้นเคยกับขอบเขตจวี่เป็นอย่างยิ่งเขาจึงไม่ตื่นตระหนกและใช้พลังดั้งเดิมครอบคลุมเอาไว้ต่อไป เพราะเขามีประสบการณ์กับขอบเขตจวี่มาก่อน วิญญาณดั้งเดิมจึงไม่ถือว่าไร้การต่อต้านขอบเขตจวี่โดยสิ้นเชิง
นอกจากนั้นเขายังเคยเป็นเจ้าของขอบเขตจวี่!
เป็นผลให้สายฟ้าแดงนี้ไม่ได้ลบล้างวิญญาณของเขาในทันทีและให้โอกาสต่อต้านได้ หากเป็นคนอื่น แม้ระดับบ่มเพาะจะสูงกว่าหวังหลิน พวกเขาคงตายโดยไม่ต้องสงสัย!
โชคดีที่ในร่งาหวังหลินมีพลังดั้งเดิมจำนวนมากที่เขาไม่ได้ดูดซับ ดังนั้นจึงไม่ขาดแคลนพลังดั้งเดิม หวังหลินห่อหุ้มพลังดั้งเดิมรอบสายฟ้าแดงอย่างต่อเนื่องจนมีความเร็วเทียบเท่ากับตอนที่มันกำลังสลาย
ขณะเผชิญหน้ากับขอบเขตจวี่อยู่นั้น ตรงหลุมดำที่ห่างออกไปหลายหมื่นฟุต มีเซียนคนหนึ่งเข้าไปใกล้หลุมดำด้วยความลังเล
เขาคือเซียนที่กำลังเฝ้าดูหวังหลิน เดินเร่ร่อนแถวนี้โดยไม่ได้จากไปไหนเพราะหวังว่าบางทีหลังจากซิ่วมู่จากไปแล้วเขาจะสามารถเข้าไปค้นหาสมบัติที่ซิ่วมู่ไม่เอาแต่เขายังใช้ได้
เขาเห็นหวังหลินและลี่หยวนพุ่งออกมาไกล หลังจากลังเลอยู่สักพักจึงเข้าไปใกล้ๆ เขาจ้องหลุมนั้น กัดฟันแน่นก่อนจะเข้าไปในหลุมดำอย่างระมัดระวัง
หลายชั่วโมงต่อมาเขาก็มาถึงปลายอุโมงค์ เมื่อเห็นวังวนก็พลันตกตะลึง วินาทีต่อจากนั้นสายตาเต็มไปด้วยแสงลี้ลับ ค่อยๆเดินเข้าไปหาวังวน
ขณะนี้เอง ดวงตาเดิมก็ปรากฏตรงใจกลางวังวนอีกครั้ง
“มาใกล้ๆ มา…มาสิ…” น้ำเสียงน่าขนลุกดังสะท้อนในใจเซียนคนนั้น เขาเข้าไปใกล้ทั้งยังไม่มีสตินึกคิด
หลังผ่านไปสักพักก็เกิดน้ำเสียงอู้อี้ออกมาจากในอุโมงค์ เซียนคนนั้นพลันเกิดระเบิดวิญญาณขึ้นอยู่ข้างๆวังวน
ไม่มีเลือดเนื้อและโลหิตใดกระจัดกระจาย ทั้งหมดถูกดูดซับเข้าไปในวังวน ร่องรอยทั้งหมดของเขาหายไป
หลังจากดูดซับเลือดเนื้อและโลหิตไป วังวนแสดงอาการพังทลายและกำลังจะเกิดการระเบิด ผนึกในวังวนเกิดรอยร้าวขึ้นมา และหลังจากนั้นอีกสักพัก รอยร้าวก็มีมากขึ้นและมากขึ้นจนมันแตกสลายโดยสิ้นเชิง
ลำแสงสีแดงพุ่งออกมาจากวังวนและปกคลุมไปทั้งอุโมงค์ อุโมงค์หดเล็กลงจนมีขนาดเล็กกว่าอักขระรูนหลายเท่าและถูกสูดเข้าไปในวังวน
จากนั้นวังวนก็ค่อยๆเลือนหายไป
“มหาผนึกทั้งเก้า ห้าจุดแตกสลายไปนานแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของข้าตอนนี้ ในที่สุดข้าก็สามารถกระตุ้นอีกสี่แห่งที่เหลือเพื่อล่อลวงผู้คนให้มาทำลายมัน…”
เกิดน้ำเสียงน่าขนลุกขึ้นมาขณะที่ค่อยๆเลือนหายไป
ในเวลาเดียวกันท่ามกลางชิ้นส่วนแดนสวรรค์จำนวนมากของแดนสวรรค์อัสนี พลังปราณสวรรค์ผันผัวนรุนแรงขึ้นมาจากชิ้นส่วนสี่แห่ง แรงผันผวนนี้ค่อยๆทำให้พวกเซียนรวมกันหาจุดเหล่านั้น
แต่อย่างไรทางเข้าก็ถูกผนึกขัดขวางอยู่ คงต้องใช้เวลาเปิดมันอยู่บ้าง เว้นแต่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญกฏเกณฑ์เหมือนลี่หยวน
เมื่อหวังหลินลืมตาขึ้นมา ร่างกายชุ่มโงกไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าซีดเผือดพลันสูดหายใจลึกและกดแขนลงบนพื้น ตอนนี้เขาจำเป็นต้องบังคับให้ลำแสงสีแดงออกไปจากร่างกาย
แต่ดวงตาพลันส่องสว่างและถอนแขนกลับมา
‘หากข้าขับไล่ขอบเขตจวี่ไปง่ายๆมันคงน่าเสียดายนัก เก็บมันไว้กับตัวดีกว่าเพราะบางทีมันอาจจะช่วยชีวิตข้าในยามคับขันได้!’ หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและมองวิญญาณดั้งเดิมของตัวเอง ร่องรอยขอบเขตจวี่ทำให้เขาสูญเสียพลังดั้งเดิมจำนวนมากเพื่อเก็บมันไว้ภายใต้การควบคุม
แต่เมื่อเทียบกับพลังดั้งเดิมแล้ว มูลค่าของขอบเขตจวี่นี้นับว่ามหาศาลยิ่งนัก จิตใจหวังหลินเต้นผิดจังหวะ ครุ่นคิดอย่างเงียบๆเล็กน้อยและตัดสินใจ
หวังหลินยืนขึ้นและเก็บสมบัติกลับมา ขณะนั้นเกิดความรู้สึกพื้นดินสั่นเทา แรงสั่นออกมาจากอุโมงค์ที่ห่างออกไปหลายหมื่นลี้
ลี่หยวนเห็นว่าหวังหลินฟื้นฟูกลับมาได้แล้ว แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ถามอะไรกลับรู้สึกถึงแรงสั่นได้เช่นกัน ทั้งสองคนไม่พูดอะไรขึ้นมาและเหาะเหินทันที
“พี่ซิ่ว ข้างในอุโมงค์นั่น…” ลี่หยวนหันกลับมา
หวังหลินเอ่ยตอบ “อย่ากล่าวถึงเรื่องนั้นอีกเลย ออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดจะดีกว่า!” เขาและลี่หยวนเคลื่อนที่เร็วยิ่งขึ้น พอมาถึงสุดขอบชิ้นส่วนแดนสวรรค์ก็พุ่งออกไปในความว่างเปล่า
ณ ความว่างเปล่านั้นหวังหลินมองไปข้างหน้า “น้องลี่ ข้าจะไปสถานที่ที่เรียกกันว่าตำหนักของสะสม! หากมีกฏเกณฑ์อะไรอยู่ที่นั่น ข้าหวังว่าน้องลี่จะช่วยได้!”
เทียบกับการสำรวจและค้นหาปราสาทเทพแล้ว การไปตำหนักของสะสมจากความทรงจำของตระกูลเหยายังดีเสียกว่าเพราะมันมีวิชาเทพอยู่ที่นั่นแน่นอน!
ลี่หยวนพยักหน้า “ข้าจะช่วยเหลือท่านให้ดีที่สุด!” เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ในอุโมงค์เขาก็สัมผัสถึงความหวาดกลัวราวกับมีบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น
ความรู้สึกนี้คลุมเครือแต่มันก็เหมือนกับหนามทิ่มแทงในหัวใจเขาไม่จากไปไหน
หวังหลินเอ่ยตอบ “ขอบคุณมาก!” พอคิดถึงตำแหน่งของตำหนัก หวังหลินก็หันกลับมา ใช้พลังดั้งเดิมแพร่กระจายห่อหุ้มรอบลี่หยวน หวังหลินพาลี่หยวนเหาะเหินผ่านความว่างเปล่าทันที
หวังหลินคิดขึ้นจากก้นบึ้งจิตใจ ‘จากความทรงจำของตาเฒ่าคนนั้น ชิ้นส่วนที่ตั้งของตำหนักถูกตระกูลใหญ่ทั้งสี่ผนึกเอาไว้ คนที่ไม่ได้มาจากตระกูลใหญ่ไม่สามารถเข้าไปได้ ข้าหวังว่าลี่หยวจะสามารถทำลายผนึกได้!’
ด้วยพลังดั้งเดิมของหวังหลิน ทั้งสองคนจึงกลายเป็นลำแสงพุ่งผ่านความว่างเปล่า พวกเขาไม่ได้เข้าหาชิ้นส่วนอื่นอันใดแต่เข้าใกล้ชิ้นส่วนที่อยู่ใจกลางแดนสวรรค์