Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 800

Cover Renegade Immortal 1

800. พลังของความสิ้นหวัง

มีอยู่ความเชื่อหนึ่งที่แข็งแกร่งกว่าพลังใดในโลก! ความเชื่อที่ไม่มีอะไรในโลกหยุดยั้งได้!

ความเชื่อนี้เรียกกันว่า “อยากมีชีวิต!”

ความดิ้นรนนี้เรียกกันว่า “รอดชีวิต!”

การปรากฏของชิ้นส่วนหวังหลินก่อนหน้านี้ทำให้พวกเขามีความหวังว่าจะรอดชีวิต และตอนนี้การพุ่งเข้าใส่ค่ายกลคือการดิ้นรนเอาตัวรอดของแต่ละคน! ดุจผีเสื้อทะลวงออกมาจากรังไหม เป็นความมุ่งมั่นไม่ว่าจะรอดหรือตาย!

ความเชื่อในการมีชีวิตและดิ้นรนเอาตัวรอดทำให้เซียนทั้งหมดทะลวงเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง

เหล่าเซียนขั้นเทวะถึงกับกล้าคิดจะต่อต้านเซียนขั้นรูปธรรมหยาง พวกเขาลืมเลือนช่องว่างที่มิอาจข้ามผ่านได้ ลืมเลือนเรื่องการเคารพนับถือ

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเอาตัวรอด

หากเซียนขั้นเทวะคนเดียวเป็นแบบนี้มันคงไม่สำคัญอะไรนัก ทว่าหากเป็นถึงสิบ ยี่สิบ ห้าสิบ ร้อย…เมื่อนั้นจะกลายเป็นพลังที่แม้แต่กระทั่งเหล่าเซียนขั้นรูปธรรมหยางต้องรู้สึกกลัว

สำหรับเซียนขั้นรูปธรรมหยางสักคน แม้การฆ่าเซียนขั้นเทวะมากกว่าร้อยจะไม่ยากมากมายนัก พลังแต่ละคนคือจุดเปลี่ยน! เมื่อเผชิญหน้ากับเซียนพวกนี้ แม้แต่ผู้ส่งสาส์นเจ็ดคนแห่งอารามเทพอัสนียังต้องเปลี่ยนสีหน้ามหาศาล

โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางเหล่าเซียนขั้นเทวะมากกว่าร้อยคนพวกนี้ มีเซียนขั้นมายาหยินดวงตาแดงฉานร่วมอยู่ด้วย พวกเขาแข็งแกร่งกว่าเซียนขั้นเทวะและเมื่อมีพวกเขาก็จะนำทางให้พลังของทั้งกลุ่มน่าตกตะลึงยิ่งไปอีก

สิ่งเหล่านี้เพียงแค่ทำให้สีหน้าท่าทางของผู้ส่งสาส์นเปลี่ยนไปเท่านั้น ในหมู่พวกเขายังมีเซียนขั้นรูปธรรมหยางถึงสองคน ในสองคนนีน้ต่างเก็บซ่อนตัวเองไว้ได้ดีเยี่ยม ในไม่นานที่พวกเขาเข้าไปในม่านแสงก็เปิดเผยระดับบ่มเพาะของตนเอง การปรากฏตัวของแต่ละคนทำให้ผู้ส่งสาส์นของอารามเทพอัสนีต้องตกตะลึง

ทว่าสิ่งที่ทำให้ผู้ส่งสาส์นต้องสูดหายใจเย็นเยียบจริงๆก็คือหวังหลิน!

แม้หวังหลินจะเป็นเซียนขั้นรูปธรรมหยาง ผู้ส่งสาส์นกลับสามารถสัมผัสกลิ่นอายฆ่าฟันรอบตัวหวังหลินได้ กลิ่นอายนี้มาจากการเข่นฆ่าคนมากมายที่มีระดับบ่มเพาะเดียวกัน

แม้กระทั่งตอนนี้เหล่าเซียนผู้บ้าคลั่งต่างก็มองไปยังหวังหลินด้วยความเคารพ ซึ่งมาจากเหล่าเซียนขั้นเทวะทั้งหมด ขั้นมายาหยินด้วยและขั้นรูปธรรมหยางอกสองคน

ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้ผู้ส่งสาส์นทั้งเจ็ดคนของอารามที่อยู่นอกค่ายกลเคลื่อนย้ายยังต้องตกตะลึง!

“ฆ่า!” หนึ่งในนั้นตะโกนพร้อมกับพุ่งใส่ทันที ราวกับเขาเป็นตัวจุดชวนและเซียนทั้งหมดก็พุ่งออกมา

ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!

วิชาและสมบัติวิเศษนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นและล่องลอยผ่านอากาศเข้าไปหาชิ้นส่วนแดนสวรรค์ที่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่ แสงจากวิชาและสมบัติต่างปกคลุมไปทั่วผืนแผ่นดิน

การโจมตีบ้าคลั่งระเบิดขึ้นมาจนหลุดการควบคุม

“ฆ่า!” เซียนขั้นเทวะคนหนึ่งควบคุมกระบี่เหินเกือบร้อยเล่มพร้อมกับตัวเองพุ่งเข้าใส่ผู้ส่งสาส์นอีกคนโดยไม่ลังเล

นอกจากเขายังมีเซียนขั้นเทวะอีกกว่าสิบห้าคนต่างเริ่มการโจมตีของตัวเองพร้อมกัน

อีกด้านหนึ่ง ภายใต้คำสั่งของเซียนขั้นมายาหยินอีกคน เซียนจำนวนหกถึงเจ็ดคนผสานพลังอำนาจเข้าด้วยกันและโจมตีใส่ผู้ส่งสาส์นของอารามเทพอัสนี

“ฆ่า!”

อีกด้านหนึ่งเซียนขั้นรูปธรรมหยางแยกตัวกัน แต่ละคนต่อสู้กับผู้ส่งสาส์นหนึ่งคน พวกเขาใช้พลังดั้งเดิมของตัวเองออกมาโดยไม่ลังเล ด้านหลังยังมีเซียนขั้นเทวะอีกมากกว่าสิบพลันโยนวิชาและสมบัติวิเศษออกไปอย่างบ้าคลั่ง

“ฆ่า!”

ซื่อจื่อเฟิงพุ่งเข้าใส่ผู้ส่งสาส์นอีกคนพร้อมกับกลุ่มเซียนเทวะภายใต้คำสั่งของเซียนขั้นมายาหยินสองคน สมบัติวิเศษและวิชาน่าหวาดกลัวพลันพุ่งออกไป

เซียนกลุ่มที่เหลือแบ่งตัวออกไปสองกลุ่มพุ่งเข้าใส่ผู้ส่งสาส์นสองคนสุดท้าย ทิศทางและกลิ่นอายโหดเหี้ยมจนเกือบจะก่อตัวกลายเป็นพายุ!

พายุของผู้ต้องการอยู่รอด!

ตอนนี้ไม่มีใครสนใจว่าคนที่เขากำลังต่อสู้คือผู้ส่งสาส์นของอารามเทพอัสนี ใครจะสนใจเล่าถ้าเป็นผู้ส่งสาส์นน่ะ!?

ความยิ่งใหญ่ของผู้ส่งสาส์นแห่งอารามเทพอัสนีไม่มีค่าอันใดต่อผู้คนที่กำลังต่อสู้เอาชีวิตรอด! ไม่มีผลกระทบอะไรเลย!

ใครที่พยายามหยุดพวกเขาจะถูกฆ่า! ถ้าเทพสักตนเข้าขัดขวาง พวกเขาก็จะฆ่าเทพตนนั้น ถ้าปิศาจเข้ามาขัดขวาง ก็จะฆ่าปิศาจ!

ราวกับเหล่าเซียนทั้งหมดบ้าคลั่งไปแล้ว! ผู้ส่งสาส์นหนึ่งในนั้นยกนิ้วขึ้นประทับลงระหว่างคิ้วของเซียนขั้นเทวะที่พุ่งเข้ามา ร่างคนนั้นพลันสั่นเทาก่อนจะแตกสลายในทันทีและวิญญาณดั้งเดิมแตกดับไปด้วย ทว่าก่อนที่เขาจะตายกลับพุ่งออกไปกัดแขนผู้ส่งสาส์นคนนั้นได้หนึ่งครั้ง ดวงตาแดงฉานของเขาทำให้ความคิดผู้ส่งสาส์นต้องสั่นเทา

“ฆ่า!”

ผู้ส่งสาส์นอีกคนสรส้างผนึก พลังดั้งเดิมรวบรวมอยู่ในร่างกายและปลดปล่อยทันที เขาใช้วิธีที่ง่ายที่สุดในการใช้พลังดั้งเดิมเพื่อโจมตีขอบเขตกว้าง เพียงกระพริบตา เหล่าเซียนมากมายเริ่มกระอักโลหิต ร่างกายแต่ละคนอ่อนแอ ทว่าไม่มีใครล่าถอย พวกเขาทั้งหมดยังดิ้นรนมุ่งไปข้างหน้าต่อไป

กระทั่งเซียนที่บาดเจ็บสาหัสกลับโยนตัวเองเข้าไปให้ใกล้ที่สุด จากนั้นระเบิดดังสนั่นกึกก้องไปทั่วผืนแผ่นดิน

มันช่างน่าเศร้าโดยแท้!

“ฆ่า!” เสียงคำรามผสานกันก่อเกิดเป็นคลื่นปกคลุมผืนผ้า เสียงดังขึ้นเรื่อยๆจนน่าประหลาดใจ

ความต้องการอดชีวิตดูเหมือนสลักเข้าไปในหัวใจของเซียนทุกคน และเกิดระเบิดขึ้นทันที

ไม่ใช่เพียงแค่ผู้ส่งสาส์นที่ตกใจ แม้แต่หวังหลินก็ตกใจไปด้วย

หวังหลินสูดหายใจลึก ความเชื่อเกิดขึ้นในใจเขาไปด้วย พลันก้าวมาข้างหน้าและพุ่งออกไปดุจสายฟ้า ปรากฏตัวข้างผู้ส่งสาส์นคนหนึ่ง สองนิ้วเลียนแบบกระบี่และใช้ตัดสวรรค์ทันที

การโจมตีของหวังหลินทำให้ทิศทางของเซียนรอบด้านยิ่งเข้มข้นมากขึ้น แรงผลักดันยิ่งรุนแรงขึ้นและรุนแรงขึ้น เมื่อมันเข้าใกล้จุดสูงสุด กลิ่นอายฆ่าฟันก็ดุจคลื่นมหาสมุทรสีม่วง

ตัดสวรรค์ปรากฏขึ้นมาและร่อนลงไปตรงๆ สีหน้าท่าทางของผู้ส่งสาส์นคนนั้นเปลี่ยนไปมหาศาล ฝ่ามือสร้างผนึกโดยไม่ลังเล ก่อเกิดสายฟ้ากลมพุ่งใส่หวังหลิน

พวกมันมุ่งตรงเข้าหาหวังหลินพร้อมกับกระเบิดสายฟ้ากึกก้องไปตามทาง สายฟ้านั้นเต็มไปด้วยพลังดั้งเดิมหนาแน่น

ทว่าเมื่อมันเข้าปะทะกับตัดสวรรค์ พวกมันแตกสลายทีละสาย หวังหลินก้าวเท้าไปข้างหน้าด้วยสายตาเย็นชา

ผู้ส่งสาส์ล่าถอยอีกครั้งพลันอ้าปากพ่นหมอกสีเทาออกมา ทันทีที่หมอกปรากฏขึ้นมันก็เปลี่ยนกลายเป็นแขนยักษ์พยายามคว้าจับหวังหลินอย่างโหดร้าย

ทว่าในจังหวะนั้น ลำแสงสีเงินเส้นหนึ่งพุ่งเข้ามาเร็วกว่าสายฟ้า หลังจากผู้ส่งสาส์นพ่นหมอกเทาออกมา ลำแสงสีเงินก็เข้ามาใกล้ผู้ส่งสาส์นได้ทันทีแล้ว

ผู้ส่งสาส์นมีสีหน้าเปลี่ยนไป เขาต้องการหลบหลีกแต่ไม่ทันเวลา ภายใต้สภาวะวิกฤตจึงระเบิดพลังดั้งเดิมในร่างกายทันที พลังดั้งเดิมสร้างพายุขึ้นมาเพื่อพยายามผลักคนที่ลอบโจมตีเขา

อย่างไรลำแสงเงินนั้นเร็วเกินไป ในเสี้ยววินาทีที่เขาสลายพลังดั้งเดิม ลำแสงสีเงินพลันแทงทะลุหน้าอก

ผู้ส่งสาส์นกระอักโลหิตและก้าวมาข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว ดวงตาหวังหลินเย็นเยียบ เมินเฉยแขนยักษ์ที่สร้างจากหมอก เขาใช้แขนขวาชี้ออกมาก่อเกิดเป็นสายฟ้าม่วงพุ่งออกไป

ในเสี้ยววินาทีนั้น สายฟ้าร่อนลงระหว่างคิ้วของผู้ส่งสาส์น ร่างกายสั่นสะท้าน จากนั้นทั้งร่างกายและวิญญาณพลันสูญสิ้น!

ลำแสงเงินกระพริบวาบและเปลี่ยนเป็นชายวัยกลางคน เขาคือหนึ่งในเซียนขั้นรูปธรรมหยางที่ซ่อนตัวในหมู่เซียนที่ตามมา

เขาคำนับฝ่ามือให้หวังหลิน ดวงตาเต็มไปด้วยความเคารพ จากนั้นพุ่งออกไปช่วยคนอื่น

หวังหลินพยักหน้าเล็กน้อย เขาเห็นเซียนขั้นรูปธรรมหยางสองคนก่อนหน้านี้แล้ว ทว่าเมื่ออีกฝ่ายจ่ายหินหยกมา เขาจึงไม่เผยตัวตนพวกเขาและปล่อยให้อยู่ไป

หลังจากผู้ส่งสาส์นหนึ่งคนถูกฆ่าไป เซียนรอบด้านทั้งหมดรับรู้ได้ทันที พริบตานั้นแรงผลักดันก็เพิ่มขึ้นเท่าทวี!

“หลีกทาง!” ร่างหวังหลินกระพริบวาบ ปรากฏตัวข้างผู้ส่งสาส์นคนที่สอง ก่อพลังดั้งเดิมเป็นนิ้วและประทับลงทันที

ใบหน้าอีกฝ่ายซีดขาว ไม่กล้าโจมตีกลับและล่าถอยทันที ไม่ใช่แค่เขาเพียงคนเดียวแต่ผู้ส่งสาส์นที่เหลือทั้งหมดต่างก็ถอยกัน

ขณะที่พวกเขาล่าถอย ลำแสงสีเงินกระพริบวูบวาบ ผู้ส่งสาส์นหนึ่งในนั้นพ่นโลหิตจำนวนมากออกมา ดวงตาเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารพลันร้องตะโกน “ล่าวิญญาณ!”

โลหิตลอยกลางอากาศพลันเคลื่อนไหวเปลี่ยนกลายเป็นกระบี่โลหิตมายา จากนั้นไล่ตามหลังแสงสีเงิน

หวังหลินก้าวออกมา ขณะที่กระบี่โลหิตไล่ตามแสงสีเงิน เขาก็คว้ามันเอาไว้ ส่งพลังดั้งเดิมในร่างออกมาทำให้กระบี่โลหิตแตกสลายและกลายเป็นหมอกสีแดง

หวังหลินหันกลับมาจ้องผู้ส่งสาส์นที่กำลังล่าถอยทั้งหมดคนและเอ่ยขึ้น “หลีกทาง!”

“หลีกทาง!”

“หลีกทาง!”

“หลีกทาง!!” หลังเสียงหวังหลินตะโกน เซียนทั้งหมดก็สะท้อนเสียงเขาทันที การผสมผสานเสียงคำรามทั้งหมดของเหล่าเซียนทำให้น้ำเสียงดุจอำนาจสวรรค์

เสียงนี้คือเสียงคำรามของผู้อยากรอดและต้องการมีชีวิต มันหนักแน่นและสะท้อนจนราวกับทั้งโลกกำลังสั่นเทา มันสร้างคลื่นเสียงทรงกลังและมีกลิ่นอายมหึมา

“หลีกทาง!!!”

ภายใต้พลังอำนาจของคลื่นเสียง ผู้ส่งสาส์นทั้งหกของอารามเทพอัสนีกลับก้าวถอยโดยไม่รู้ตัว ราวกับพวกเขากำลังเผชิญการโกรธเกรี้ยวของโลกใบนี้

ณ ตอนนี้ค่ายกลเคลื่อนย้ายด้านหลังผู้ส่งสาส์นทั้งหกคนพลันส่องสว่างขึ้น ผู้ส่งสาส์นหลายคนที่อยู่ในค่ายกลเคลื่อนย้ายรวมถึงจางกงเล่ยต่างก็มองเข้าไปข้างในด้วยความตกตะลึง

ค่ายกลเคลื่อนย้ายเปิดใช้งาน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถจากไปไหนได้ แต่ฉากเหตุการณ์เบื้องหน้าเป็นสิ่งเดียวในชีวิตที่เหลือของพวกเขายากจะลืมเลือน

ร่างแต่ละคนค่อยๆบิดเบี้ยวจนกลายเป็นลำแสงหนึ่งพุ่งเข้าสู่ท้องฟ้าและเลือนหายไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!