803. เหนือเทพ
ชายคนนั้นไม่ได้มีพลังปราณอันใดเลยคงไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องปราณสวรรค์ ทว่าเขายังสามารถเหาะเหินได้ เห็นชัดว่าไม่ธรรมดา
สำคัญยิ่งกว่าก็คือรอยสักบนใบหน้าเขาช่างคุ้นเคยต่อหวังหลิน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังถอยร่น หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนจะไล่ตามเขาไป
เมื่อหวังหลินพุ่งออกไป รอยร้าวด้านหลังเขาก็ปิดตัวลงอย่างสมบูรณ์
สายตาหวาดกลัวในชายคนนั้นยิ่งเข้มข้นมากขึ้น รอยสักบนใบหน้าเคลื่อนไหวและขยายมาที่ระหว่างคิ้ว ในไม่นานใบไม้เจ็ดใบก็ปรากฏขึ้นระหว่างคิ้ว
ยามที่ใบไม้แพร่กระจายออกมา พลังลึกลับสายหนึ่งก็แพร่กระจายไปทั่วร่างเขา เพิ่มความเร็วขึ้นทันทีและหายตัวไปเพียงกระพริบตา
หวังหลินดวงตาเบิกกว้าง ส่องประกายสว่างเจิดจ้า
“ผ่าละทิ้งอมตะ!”
เขาเริ่มเคลื่อนไหวเร็วขึ้น ฝ่ามือขวาสร้างผนึก พลังดั้งเดิมในร่างโคจรพลันตีมือเข้าใส่ความว่างเปล่าทำให้พลังดั้งเดิมแพร่เข้าไปในนั้น ความผันผวนของพลังดั้งเดิมได้ทำให้ความว่างเปล่าด้านหน้าบิดเบี้ยวและชายที่กำลังเคลื่อนที่พริบตาห่างออกไปก็พลันปรากฏ
ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความสับสนงุนงง แต่ในไม่นานก็หรี่แคบลงและหวาดกลัว หวังหลินเดินเข้าหาและจ้องเข้าไปในดวงตา
ร่างชายคนนั้นสั่นสะท้าน กรีดร้องออกมาก่อนจะถอยไปอีกครั้ง หวังหลินขมวดคิ้วพลางยื่นแขนออกไป ร่างอีกฝ่ายตัวแข็งทื่อราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นจับเอาไว้และลากกลับมาหาหวังหลิน
หวังหลินกำลังจะถามออกมา แต่ทันใดนั้นพลันเปลี่ยนสีหน้าและหันกลับไป เขาเห็นลำแสงมากกว่าร้อยเส้นหลากหลายสีสันปลดปล่อยกลิ่นอายน่าหวาดกลัวพุ่งเข้าหาหวังหลิน
ลำแสงพวกนั้นเข้ามาและหยุดห่างจากหวังหลินหนึ่งพันฟุตในพริบตา เมื่อลำแสงหายไปเผยเป็นร่างคนสวมเสื้อผ้าหยาบๆเหมือนชายที่หวังหลินจับเอาไว้
ทั้งหมดเป็นบุรุษล้วนและส่วนใหญ่อยู่ในวัยกลางคน ทั้งหมดจ้องหวังหลินด้วยสายตาแฝงความหวาดกลัว
รอยสักปราฏอยู่ทั้งใบหน้าและแขนขา ส่วนใหญ่สังเกตได้ว่ามีต้นไม้กำลังกระพริบอยู่ระหว่างคิ้ว ทว่าใบไม้ทับซ้อนกันจนบอกไม่ได้ว่าแต่ละคนมีกี่ใบ
ชายชราผู้หนึ่งเดินออกมาจากฝูงชน ผมสีขาวเต็มศีรษะ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น สายตาหวาดกลัวแฝงความตื่นเต้นมองหวังหลินและสำรวจแขนขวาของเขา
“ท่านเหนือเทพมาที่นี่เพื่อสิ่งใด?” เขาจ้องแขนขวาหวังหลินที่มีรอยสักกระดูกอสูรพร้อมกับสายตาเต็มไปด้วยความเคารพ
แววตาหวังหลินสงบนิ่งแต่จิตใจสั่นไหว ฝึกเซียนมาเกือบพันปี เขาสามารถรักษาความสงบนิ่งไว้ได้แม้แต่ในยามตกใจ
เหนือเทพไม่มีค่าอะไรจากปากคำของคนธรรมดา แต่จากเมื่อออกมาจากปากของเผ่าละทิ้งสวรรค์มันกลับต่างกัน!
สิ่งสำคัญก็คือ เหนือเทพไม่ใช่แค่ชื่อตำแหน่ง ก่อนหน้าที่เขาจะเข้าไปในตำหนักของสะสม หวังหลินไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น แต่ตอนนี้เขาอดคิดอย่างถี่ถ้วนไม่ได้
หวังหลินเอ่ยถามด้วยสายตาสงบนิ่ง “เจ้าสามารถมองระดับบ่มเพาะของข้าได้หรือ?”
ชายชราพยักหน้าจ้องแขนขวาของหวังหลิน แววตาตื่นเต้นยิ่งมากขึ้นไปอีก “เหนือเทพระดับแปด ผู้ต่ำต้อยคนนี้สามารถระดับรู้ระดับของท่านได้”
หวังหลินขบคิดพลางมองชายชรา อีกฝ่ายกล่าวถึงตัวเองเป็นผู้ต่อต้อยและยังมองแขนขวาเขาอีก หวังหลินรู้สึกว่าเรื่องนี้มันประหลาด ความคิดบ้าๆผุดขึ้นมาในหัวหวังหลิน
‘เป็นไปได้ว่า…คนพวกนี้ไม่รู้ว่าแดนสวรรค์ล่มสลายไปแล้ว…ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเขาต้องอาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่อดีตกาล!’
หลังขบคิด ดวงตาหวังหลินก็สว่างขึ้น “นานแค่ไหนแล้วที่มีเทพเข้ามาที่นี่?”
ชายชราใบหน้ามืดมนพลางกล่าวอย่างเคารพ “ครั้งล่าสุดก็นานมากแล้วมีหินหยกสวรรค์ก้อนหนึ่งถูกราชาเทพอิสระส่งมา ส่วนเวลาที่แน่นอน ผู้ต่ำต้อยมิอาจคาดคำนวณได้”
“อิสระ…” หวังหลินเข้าใจทันทีว่าทำไมชายชราถึงจ้องแขนขวาของเขา หวังหลินยกแขนขึ้นมาเผยรอยสักกระดูกอสูรและถามขึ้นมา “เจ้ารู้จักนี่หรือ?”
แววตาชายชราเต็มไปด้วยความตื่นเต้นพลันตอบกลับอย่างนอบน้อม “นี่คือสมบัติของราชาเทพอิสระ ชุดเต๋าร่วงโรย ข้าจำมันได้เป็นอย่างดี การที่ท่านมีมัน ท่านต้องเป็นคนใกล้ชิดกับราชาเทพอิสระ ท่านมาเพื่อเตาหลอมหยินลี้ลับหรือ?”
หวังหลินมองชยชราและไม่ได้พูดอะไร เขาเลื่อนสายตาไปหาแผ่นดินด้านหลังชายชรา
ชายชราพลางกล่าวอย่างนอบน้อม “ข้าไร้มารยาทเสียแล้ว ท่านเทพโปรดเข้ามาเถิด ผลเทพสวรรค์สุกงอมมานานแล้ว ข้าจะสั่งให้คนนำมาให้ท่านลิ้มรส”
หวังหลินตามไปอย่างเงียบๆภายใต้การชี้แนะของชายชรา ส่วนสมาชิกเผ่าละทิ้งอมตะที่เหลือต่างก็อยู่ด้านหลังราวกับกลัวที่จะเข้าใกล้เกินไป
คนที่ถูกหวังหลินจับมาได้ถูกปลดปล่อยเป็นอิสระ สายตาที่หันมองหวังหลินเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
หวังหลินเข้าใกล้ผืนแผ่นดินมากขึ้นและมากขึ้นภายใต้การนำทางของชายชรา วินาทีถัดมาเขาก็อยู่เหนือพื้นดินและเห็นพื้นที่ราบสีเขียวชอุ่ม
มิอาจเห็นขอบสุดได้จากสายตา แต่กลิ่นหอมจากใบหญ้าที่สายลมพัดมาทำให้เขารู้สึกสบายยิ่ง ชายชราไม่ได้หยุดและนทางอย่างนอบน้อม
ใจกลางที่ราบมีสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ยิ่งอยู่หนึ่งกลุ่ม แม้ว่าพวกมันไม่ใช่ซากปรักหักพักแต่ก็ปลดปล่อยกลิ่นอายโบราณออกมา
กลิ่นอายนี้เจือจางมากแต่หลังจากเข้าใจวิชาแยกวิญญาณอยู่บ้าง หวังหลินก็มีไหวพริบต่อกลิ่นอายแบบนี้ หวังหลินหยุดเหาะเหินและมอลงไป
ต้นหญ้าที่นี่ไม่แตกต่างอะไรกับภายนอก ทว่าด้วยความรู้ด้านกฏเกณฑ์ของหวังหลินที่เพิ่มพูนขึ้นมาหลังผ่านประสบการณ์ในแดนสวรรค์และถูกลี่หยวนสอนสั่ง ความรู้ความเข้าใจด้านกฏเกณฑ์เทพก็เพิ่มมากขึ้นโดยเแฑาะ
หวังหลินสามารถเห็นกฏเกณฑ์ขนาดใหญ่รอบสิ่งก่อสร้างได้ทันที
ชายชราสังเกตสายตาหวังหลินได้จึงกล่าวอย่างเคารพ “ท่านเหนือเทพ ค่ายกลนี้ถูกท่านราชาเทพวางเอาไว้เป็นการส่วนตัวเพื่อป้องกันเผ่าของข้าจากการถูกอสูรหมอกโจมตี”
หวังหลินไม่รู้ว่าอสูรหมอกคืออะไรและพยักหน้าเงียบๆเท่านั้น ทว่าจิตใจเขากลับรู้สึกสนใจที่นี่เป็นอย่างยิ่ง
“ปรมาจารย์อิสระ เผ่าอมตะที่ถูกเลือกและเตาหยินลี้ลับ…ที่นี่มันคืออะไรกันแน่…”
หวังหลินกำลังไตร่ตรอง เสียงอึกทึกก็ดังออกมาไกล