808. เจ็ดรอยสัก
ราชรถสังหารเทพคันสุดท้ายและเป็นตัวที่แข็งแกร่งที่สุดด้วย ของชิ้นนี้ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อเป็นสมบัติที่แข็งแกร่งพอจะสังหารเทพเจ้า!
แรงกดดันรุนแรงโผล่ออกมาจากราชรถสังหารเทพเบื้องหน้า หนามคมยื่นออกมาจากราชรถพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายโบราณ ภาพลักษณ์อันดุร้ายก็เพียงพอทำให้จิตใจผู้คนหวาดกลัวรุนแรงแล้ว ตอนนั้นหวังหลินแทบสิ้นสติจากการเผชิญหน้ากับแรงกดดัน เขาไม่กล้าใช้มันและใช้วิชาที่สืบทอดมาเพื่อผนึกเอาไว้เท่านั้น
อย่างไรก็ตามตอนนี้หวังหลินยืนอยู่ข้างราชรถสังหารเทพด้วยท่าทีสบนิ่ง หลายร้อยปีที่ผ่านมานี้เขาเติบโตขึ้นมามากแล้ว
หวังหลินหลับตาและลืมตาส่องประกายขึ้นในวินาทีถัดมา ฝ่ามือสร้างผนึกและเอ่ยคำร่ายซับซ้อนเล็กน้อย จากนั้นแขนซ้ายวางไปบนข้อมือขวา แสงสีดำกระพริบรวมไปบนแขนขวาและเขาก็กดทับลงไปบนราชรถสังหารเทพ
แสงสีดำร่อนลงไปบนราชรถสังหารเทพและมันก็ดูดซับแสงนั้น พลังกดดันรุนแรงยิ่งกว่าพลันระเบิดออกมาจากราชรถทันที
หนามทั้งหมดส่องแสงสีดำและผสานเข้าด้วกยัน แสงสีดำแข็งแกร่งราวกับหุ้มโลกได้ทั้งใบ
แสงสีดำผสานกันเบื้องหน้าหวังหลินและก่อตัวเป็นอักขระรูนเจ็ดตัวกระพริบวูบวาบ
เมื่อเห็นอักขระรูนเจ็ดตัวอยู่ในแสงสีดำ หวังหลินนึกถึงคำพูดที่ผู้สร้างราชรถสังหารเทพได้ทิ้งเอาไว้
“ราชรถสังหารเทพตัวที่สามทรงพลังเป็นอย่างยิ่งและอยู่นอกเหนือการคาดคิดของข้า ถ้าผู้ใช้ราชรถสามารถใช้ได้ด้วยพลังเต็มที่ มันสามารถฆ่าเทพสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย…แต่ว่ามันไม่สมบูรณ์ มันจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบอีกสามชิ้น ปีกพิศวง ไม้บ่มเพาะอเวจี และวิญญาณผีเสื้อสวรรค์!”
“ข้าเสียใจที่ไม่สามารถหาของทั้งสามสิ่งได้ ขอให้ตัวแทนข้าค้นหาของพวกนั้นและบรรเทาความเสียใจของข้าถ้วยเถิด! การที่จะทำให้ราชรถคันที่สามจดจำผู้เป็นเจ้าของได้ เจ้าต้องผสานเข้ากับอักขระรูนทั้งเจ็ดและปรับแต่งเข้ากับสสมบัติเชื่อมชีวิตของเจ้า มีเพียงหนทางนี้เท่านั้นที่จะสามารถส่งผลกระทบได้จริงๆ ไม่เช่นนั้นแม้จะผสานเข้ากับอักขระรูน เจ้าก็ไม่สามารถใช้พลังมันได้เต็มที่! ผู้สืบทอด โปรดจงเลือกด้วยตัวเอง เลือกด้วยความระมัดระวังและใส่ใจ…”
หวังหลินสงบนิ่ง ตอนที่เขาเห็นมันคราแรกเขาไม่ได้เก็บมันมาใส่ใจ มีสมบัติชิ้นหนึ่งที่ต้องระมัดระวังและระวังมากขึ้นเป็นอย่างยิ่งตอนที่ปรับแต่ง นั่นคือสมบัติเชื่อมชีวิต
ถ้าหากสัมผัสวิญญาณที่ประทับไว้บนสมบัติธรรมดาถูกลบล้างออกไป อย่างมากก็แค่บาดเจ็บแต่คงไม่ตาย แม้สมบัตินั้นจะหล่อเลี้ยงด้วยวิญญาณดั้งเดิมของผู้ใช้ก็ให้ผลแบบเดียวกัน แม้จะบาดเจ็บสาหัส หากมันถูกทำลายมันก็ยังไม่ฆ่าผู้ใช้
ชิ้นส่วนแดนสวรรค์และกระบี่ของหวังหลินต่างก็เป็นแบบนี้ทั้งหมด
ทว่าสำหรับสมบัติเชื่อมชีวิต เมื่อสมบัตินั้นถูกทำลาย ในสถานการณ์เบาคงได้รับบาดเจ็บสาหัสและวิญญาณดั้งเดิมแบ่งตัวออกไป ในสถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่าคือความตาย ทว่าแม้จะเป็นแบบนั้นมันก็ยังมีเซียนจำนวนมากปรับแต่งสมบัติเชื่อมชีวิต
เป็นเพราะหลังจากสมบัติได้เชื่อมชีวิตเข้าไปแล้ว พลังอำนาจของสมบัติจะเพิ่มพูนขึ้นหลายเท่าตัวและความแข็งแกร่งของสมบัติชิ้นนั้นก็เพิ่มขึ้นพร้อมๆกับระดับบ่มเพาะของเซียนคนนั้นไปด้วย
หวังหลินพบเจอเรื่องแบบนี้มากมายในบันทึกโบราณ ในยุคโบราณนั้นมีเซียนคนหนึ่งที่ใช้กระบี่เหินธรรมดาเป็นสมบัติเชื่อมชีวิต ทว่าขณะที่ระดับบ่มเพาะเพิ่มขึ้น เขาก็ยังใช้พลังของกระบี่เหินเล่มนั้นตามเดิมจนกระทั่งบรรลุระดับเหนือจินตนาการ
‘ราชรถสังหารเทพคันที่สามนี้ไม่เหมือนกับสองคันก่อนหน้า…’ หวังหลินจ้องอักขระทั้งเจ็ดอย่างเงียบๆ ฝ่ามือขวาสัมผัสกระเป๋านำเจ้าอสูรยุงลอยออกมา
อสูรตัวนี้ไม่ได้ออกมานานแล้ว มันร้องคำรามและกระพือปีกส่งสายลมกรรโชกออกมาทันที จากนั้นบินวนรอบไปที่บริเวณด้วยความตื่นเต้น
ต่อมาก็เป็นเจ้าคางคกสายฟ้า
คางคกโผล่ออกมาจากกระเป๋าและร่อนลงบนพื้น สายตาเผยแววขี้เกียจและนอนลงไม่ยอมขยับไปไหน
หลังปลดปล่อยอสูรทั้งสองตัว หวังหลินขบคิดเล็กน้อยนำกระบี่สวรรค์ออกมา เขาสะบัดกระบี่ให้ฉวี่ลี่กั๋วออกมา มันกำลังจะเลียแข้งเลียขาหวังหินแต่ก็ถูกสายตาเจ้านายหยุดเอาไว้
หวังหลินเอ่ยขึ้นท่าทีสงบนิ่ง “ข้ากำลังจะหลอมสมบัติ อย่าให้ใครเข้ามาภายในระยะพันฟุต!”
ฉวี่ลี่กั๋วพยักหน้ารวดเร็วพลางตบหน้าอกและกล่าวด้วยใบหน้าซื่อสัตย์ “นายท่านสบายใจได้ ข้า ฉวี่ลี่กั๋วจะใช้ชีวิตต่อสู้เพื่อความภักดี ข้ามีแต่ความภักดี หากใครก็ตามเข้ามาจะต้องกลายเป็นศพ มิอาจเข้ามาใกล้นายท่านได้ ไม่มีใครเทียบข้าฉวี่ลี่กั๋วได้หรอก…”
เมื่อเห็นหวังหลินอยู่ข้างหน้า ฉวี่ลี่กั๋วจึงเงียบกริบอย่างรวดเร็วและถอยออกมา เขาชำเลืองหวังหลินสองสามครั้งและหลังจากยืนยันได้ว่าหวังหลินไม่ให้ความสนใจ จึงคิดขึ้นมา ‘ดูเหมือนข้าไม่ได้ฝึกฝนวิชาเลียแข้งเลียขานานเกินไปจึงพูดติดๆขัดๆ ไม่เช่นนั้นเจ้าอสูรร้ายตัวนี้คงไม่ขมวดคิ้วหลังจากพูดไม่กี่ประโยค’
‘ในอนาคต ข้าจะต้องฝึกฝนมันให้ดี ทักษะนี้คืออาวุธที่ดีที่สุดของข้า แม้ข้าจะหนีรอดไปได้ในภายภาคหน้า ความสามารถนี้ก็ยังใช้ได้อยู่’
ฉวี่ลี่กั๋วคิดขึ้นในใจพร้อมกับลาดตระเวณรอบพื้นที่และพึมพำบางอย่างที่ไม่มีใครได้ยินชัดเจน แต่หากอยู่ใกล้พอก็ยังฟังรู้เรื่องว่าพูดอะไรอยู่
“วิชาของนายท่านช่างอัศจรรย์เหมือนวิชาเทพของจริงไม่มีผิดเพี้ยน ขอชื่นชมท่านจากใจจริง…”
“ว้าว ความสามารถนี้นายท่านเป็นผู้คิดริเริ่ม ข้าขื่นชมท่านจริงๆ…”
“เอ๊ะ นี่มันอะไร…นี่…นี่มันพลังของสมบัตินายท่าน นายท่านคือเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดที่ฉวี่ลี่น้อยรู้จัก การติดตามท่านคือการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตข้า!”
ขณะที่ฉวี่ลี่กั๋วพึมพำ ดวงตาก็ยิ่งพล่ามมากขึ้นและคล่องแคล่วมากขึ้นไปอีก
ขณะเจ้าอสูรยุงบินไปรอบๆ มันผ่านฉวี่ลี่กั๋วและได้ยินว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไรบางอย่าง มันไม่เข้าใจแต่ก็อดไม่ได้ที่จะสอดรู้สอดเห็น มันจงใจบินผ่านฉวี่ลี่กั๋วเพียงเพื่อฟังให้มากขึ้น
หลังจากปลดปล่อยอสูรยุง คางคกสายฟ้าและฉวี่ลี่กั๋ว หวังหลินวางกฏเกณฑ์สองสามอย่างลงไป จากนั้นผ่อนคลายเล็กน้อยจ้องราชรถและประทับแขนขวาระหว่างคิ้ว วิญญาณดั้งเดิมลอยออกมาเข้าหาราชรถสังหารเทพ
หวังหลินเปลี่ยนร่างเป็นมังกรสายฟ้าโบราณเข้าหาราชรถ หลังเข้ามาใกล้แล้ววิญญาณหวังหลินก็หมุนเป็นวงกลมล้อมรอบ วินาทีถัดมาเขาก็อ้าปากและกลืนกินอักขระรูนไปหนึ่งตัว
พลังรุนแรงสายหนึ่งเกิดขึ้นในวิญญาณหวังหลินพร้อมกับอักขระรูนอาละวาดอยู่ภายใน ครู่ต่อมาพลังสายหนึ่งในร่างหวังหลินได้บีบอักขระรูนลงไปอย่างโหดเหี้ยม
ทว่าอักขระรูนเหนียวแน่นมาก แทนที่จะแตกสลายมันกลับระเบิดตัวออกมาพร้อมพลังที่รุนแรงยิ่งกว่า
ถ้าหวังหลินยังอยู่ในขั้นเทวะ วิญญาณดั้งเดิมของเขาคงไม่สามารถทนรับได้ เขาคงจบสิ้นลงด้วยการถูกพลังสายนี้ฉีกกระชาก
ทว่าหวังหลินในตอนนี้พ่นลมหายใจและเกิดการระเบิดหนึ่งชุดออกมาจากวิญญาณดั้งเดิม แรงระเบิดแต่ละครั้งทำให้พลังสายฟ้าในวิญญาณดั้งเดิมเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่า พริบตาเดียวสายฟ้าในวิญญาณดั้งเดิมก็ทรงพลังถึงที่สุดและพุ่งเข้าปะทะอักขระรูนที่เขากลืนกินมาโดยตรง
อักขระรูนที่ต่อต้านแตกสลายพร้อมกับเสียงดังปัง สายฟ้าทรงพลังยังพุ่งเข้าใส่เศษเสี้ยวอักขระรูนที่เหลืออยู่อีก
ในวิญญาณดั้งเดิมหวังหลินเกิดเสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่ว หลังผ่านไปสักพักอักขระรูนก็แตกสลายอย่างสมบูรณ์และผสานเข้ากับวิญญาณหวังหลิน
หวังหลินใช้เวลาน้อยกว่าครึ่งก้านธูปเพื่อดูดซับอักขระรูนตัวแรก เขาเคลื่อนไปหาอักขระรูนดวงที่สองและกลืนกินมันเข้าไปด้วยสายตาสงบนิ่ง
อักขระรูนตัวนี้แข็งแกร่งมากกว่าตัวแรกแต่หวังหลินก็ยังหลอมมันได้อย่างสมบูรณ์ ทว่าคราวนี้ใช้เวลาถึงหนึ่งก้านธูป
หวังหลินไม่หยุดชะงัก ดวงตาส่องสว่างกลืนกินอักขระตัวที่สามและสี่เข้าไป ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมงพลังลึกลับของอักขระรูนตัวที่สามและสี่ก็อยู่ในวิญญาณดั้งเดิมหวังหลิน
จากนั้นอักขระรูนตัวที่ห้าก็ถูกวิญญาณมังกรสายฟ้าโบราณหวังหลินกลืนกินเข้าไป ตอนที่กลืนกินมันได้ปลดปล่อยพลังรุนแรงแพร่กระจายไปทั่ววิญญาณหวังหลิน
ดวงตาเย็นเยียบ ร่างกายม้วนขึ้นมา สายฟ้าเต็มไปทั่วร่างกายพลางสร้างสายฟ้าขึ้นมาอย่างต่อเนื่องพุ่งเข้าใส่อักขระรูน
สายฟ้าสองสายกระหน่ำเข้าใส่อักขระรูนในวิญญาณหวังหลิน คราวนี้ใช้เวลาถึงสองชั่วโมงก่อนที่พลังลึกลับจะผสานเข้ากับวิญญาณหวังหลินได้อย่างสมบูรณ์
วิญญาณหวังหลินสลัวลงเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงกลับเข้าร่างกายและเริ่มฟื้นฟู
เวลาผ่านไปในพริบตา ห้าวันก็ผ่านไป ร่างหวังหลินไม่ได้ขยับไปไหนและวิญญาณค่อยๆฟื้นตัวขึ้นมา ในห้าวันนี้ต้าซานและบรรพชนมาที่สี่สองครั้งพร้อมกับสมาชิกเผ่ากลุ่มใหญ่
เสียงร้องจากเจ้าอสูรยุง สายฟ้าจากคางคกสายฟ้า และใบหน้าชั่วร้ายของฉวี่ลี่กั๋วทำให้พวกเขาไม่กล้าเข้าใกล้ระยะพันฟุต ดังนั้นจึงลาดตระเวณอยู่รอบนอก
ฉวี่ลี่กั๋วมองเผ่าอมตะที่ถูกเลือกและเลียริมฝีปาก นี่ทำให้มันนึกถึงช่วงเวลาแห่งความสุขตอนที่อยู่บนดาวฉิงหลิง
ด้วยสิ่งล่อตาล่อใจนี้มันจึงไม่สามารถทนอดได้อีกต่อไปและพยายามล่อลวงคนบางส่วนเข้ามาในขอบ อย่างไรก็ตามไม่มีใครในเผ่าให้ความสนใจมันเลย
พวกเขาทั้งหมดต่างตกตะลึงตอนที่เห็นราชรถสังหารเทพและเริ่มพูดคุยกันและกัน อย่างไรเสียคนในเผ่าต่างก็รู้ว่ามันคืออะไร
ทว่าแรงกดดันจากราชรถสังหารเทพที่สร้างขึ้นมานั้นได้ทำให้จิตใจแต่ละคนสั่นสะท้าน
ในวันนี้หวังหลินลืมตาขึ้นมา แขนขวาชี้ระหว่างคิ้วดึงวิญญาณดั้งเดิมออกมาอีกครั้งเข้าหาราชรถสังหารเทพ เมื่อเขาอยู่ภายในระยะหนึ่งร้อยฟุต กลับมีเสียงร้องไห้ออกมาจากนอกพื้นที่พันฟุต