Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 820

Cover Renegade Immortal 1

820. สองเหตุการณ์ใหญ่

อารามเทพอัสนีปล่อยบัญชาทุกชั้นฟ้าออกมาเพื่อเรียกตระกูลเซียนทุกตระกูล ให้มารวมตัวกันที่อารามเทพอัสนีในการเข้าไปสู่ดาราจักรพันธมิตรเซียน!

ข่าวนี้ดุจพายุโหมกระหน่ำพัดกวาดไปทั่วดาราจักรทุกชั้นฟ้าและก่อเกิดเป็นคลื่นหลายแห่ง!

หลังจากที่แดนสวรรค์ทั้งสี่แห่งล่มสลายไปนาน ทางเชื่อมเข้าสู่ดาราจักรทั้งสี่ก็ถูกขวางกั้น มหาดาราจักรทั้งสี่ไม่ได้มีการติดต่อกันและกันนอกจากจะมีสมบัติล้ำค่ายิ่งบางอย่างที่สามารถเปิดเส้นทางให้เซียนสักหนึ่งถึงสองคนผ่านเข้าไปและไม่เคยมีเหตุการณ์ใหญ่เช่นตอนนี้!

ในสายตาของเหล่าเซียนในดาราจักรทุกชั้นฟ้า ดาราจักรพันธมิตรเซียนนั้นอยู่ห่างไกล ทว่าข่าวลือทั้งหมดที่เคยหายไปพลันกลับมาอีกครั้ง

ข่าวลือนั้นได้บอกว่าดาราจักรพันธมิตรเซียนไม่มีตระกูลเซียนแต่มีสำนัก

ข่าวลือว่าดาราจักรพันธมิตรเซียนมีแคว้นเซียนระดับหนึ่งถึงเก้า ซึ่งแตกต่างจากดาราจักรทุกชั้นฟ้า!

ข่าวลือว่าดาราจักรพันธมิตรเซียนมีสมบัติวิเศษและเม็ดยามากมายนับไม่ถ้วน ทุกสำนักเหมือนขุมสมบัติและต่างมีอยู่ทุกดาวเซียน

ข่าวลือว่าดาราจักรพันธมิตรเซียนมีพลังอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดคือพันธมิตรเซียน!

ข่าวลือว่าดาราจักรพันธมิตรเซียน พวกเซียนต่างกระหายเลือดเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาคุ้นชินกับการต่อสู้ดุจปิศาจร้าย

ข่าวลือทั้งหมดทำให้เซียนในดาราจักรทุกชั้นฟ้ามีภาพจิตนาการของดาราจักรพันธมิตรเซียนที่แตกต่างกัน ตระกูลเซียนบางส่วนสนใจและปรารถนาการต่อสู้

ทว่ายังมีตระกูลเซียนบางส่วนที่ไม่ได้ตกลงและยังลังเลอยู่ แต่ด้วยแรงผลักของอารามเทพอัสนี การที่จะหลีกเลี่ยงดาราจักรพันธมิตรเซียนถือว่าเป็นข้อสรุปที่พอจะคาดเดาได้

สำคัญยิ่งกว่านั้น การเคลื่อนไหวที่คาดไม่ถึงของอารามเทพอัสนีนั้นได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลเซียนทรงพลังสองตระกูลที่คงอยู่มานับตั้งแต่ยุคเซียนโบราณ!

ตระกูลเซียนทั้งสองตระกูลคือพลังอำนาจที่ทรงพลังที่สุดพอๆกับตระกูลในยุคต้นกำเนิด ทั้งสองตระกูลต่างมีพลังที่ไม่ด้อยไปกว่าอารามเทพอัสนี!

หนึ่งในตระกูลที่ว่านั้นคือตระกูลเซียงแห่งดาวตงหลิน! ไม่ใช่ว่าอารามเทพอัสนีเป็นคนเข้าไปหา แต่ตระกูลเซียงเข้ามาหาพวกเขาเอง ตระกูลเซียงสนับสนุนและกระทั่งดึงตระกูลอีกแห่งเข้ามาเกี่ยวเรื่องนี้ด้วย

ภายใต้แรงกดดันของพลังทรงอำนาจยิ่งใหญ่ทั้งสาม ตระกูลเซียนที่เหลือจะไม่กล้าฟังได้อย่างไร!?

เป็นผลให้เกิดการเตรียมการพุจพายุโหมกระหน่ำในดาราจักรทุกชั้นฟ้า ตระกูลแต่ละแห่งเตรียมการเอาไว้เมื่อเส้นทางผ่านได้เปิดขึ้น!

เรื่องการรบครั้งนี้ พลังอำนาจทั้งสามแห่งได้กล่าวเอาไว้ว่าหากใครก็ตามประสบผลสำเร็จ ดาวเซียนที่พวกเขายึดครองได้จะถูกยกให้ในทันที!

สัญญาเช่นนี้ล่อหูล่อตาตระกูลเซียนแห่งอาราจักรทุกชั้นฟ้าเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีใครชื่นชอบการแบ่งปันดาวเคราะห์เซียนแต่เพราะดาวเคราะห์ที่มีพลังปราณทั้งหมดถูกเอาไปแล้ว หากต้องการได้ดาวเคราะห์เซียนเป็นของตัวเองก็จะต้องขโมยมันจากดาราจักรพันธมิตรเซียนเท่านั้น

นอกจากนี้ในคำสั่งให้ตระกูลเซียนทั้งหมดเตรียมพร้อมนั้น อารามเทพอัสนีได้นำเม็ดยาและสมบัติวิเศษจำนวนมากออกมาด้วย ทั้งยังนำวิชาเทพและสร้างเป็นฉากที่ค่อนข้างน่าตื่นตะลึง!

“อารามเทพอัสนีและตระกูลทั้งสองกำลังจะได้รับฉายาเทพ เป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์ขนาดใหญ่เช่นนี้ขึ้นนับตั้งแต่แดนสวรรค์อัสนีล่มสลาย มีกระบวยสวรรค์ 32 ตนและอสูรปฐพี 72 ตนรวมเป็นคนจำนวน 108 คน ทุกคนมีฉายาเทพที่มีสถานะสูงส่งเหนือผู้ส่งสาส์นอารามเทพอัสนีและจะได้รับความนับถือจากเซียนทั้งหมดในดาราจักรทุกชั้นฟ้า!”

“พวกเขาจะกลายเป็นผู้นำในการต่อสู้กับดาราจักรพันธมิตรเซียน!”

หากทั้งหมดมีแค่นี้มันคงไม่เป็นเรื่องใหญ่ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่ชื่นชอบการมีชื่อเสียง ทว่าอารามเทพอัสนีคิดเรื่องนี้ไว้แล้วดังนั้นพวกเขาจึงเพิ่มสิ่งอื่นขึ้นทดแทน! อารามเทพอัสนีประกาศว่าทุกคนที่ได้รับฉายาเทพจะได้รับการสั่งสอนวิชาเทพเป็นการส่วนตัวโดยขุนนางเทพฉิงชุ่ย!

แค่เศษข่าวนี้ก็เกือบทำให้พายุล่มสลายได้แล้ว ขุนนางเทพ! ขุนนางเทพ!

ยังมีขุนนางเทพหลงเหลืออยู่ ทั้งดาราจักรทุกชั้นฟ้าบรรลุถึงจุดเดือด ตระกูลเซียนทั้งหมดที่เดิมทีไม่สนใจพลันเปลี่ยนความคิด พวกเขาระดมคนที่แข็งแกร่งเพื่อขโมยตำแหน่งนั้นให้ได้!

ในเวลาเดียวกันอารามเทพอัสนีก็ได้ประกาศว่าตำแหน่งกระบวยสวรรค์ 36 ตนสามารถมีคำร้องขอได้หนึ่งอย่าง อารามเทพอัสนีและสองตระกูลจะทำตามคำขอนั้นให้ดีที่สุด!

การส่งเสริมฉายาเทพเกิดความบ้าคลั่งขึ้นจนถึงจุดสูงสุดในดาราจักรทุกชั้นฟ้าและยอมให้อารามเทพอัสนีรวบรวมพลังอำนาจทั้งหมดในดาราจักรเข้าด้วยกัน

แต่หลังจากนั้นตระกูลเซียนที่ลึกลับที่สุดจากยุคดั้งเดิมได้ส่งข้อความหนึ่งออกมาเพื่อจุดประกายทั้งดาราจักรทุกชั้นฟ้าและทำให้ความมุ่งมั่นของเซียนทั้งหมดพวยพุ่งขึ้นขีดสุด

ฉายาเทพที่ได้รับประทานมาแทบจะเทียบได้กับเทพที่ได้รับประทานจากแดนสวรรค์!

ในข้อความนี้มีเพียงบรรทัดเดียวเท่านั้น!

“ผู้คน 108 คนที่ได้รับประทานฉายาเทพสามารถเข้าสระเทพเพื่อเปลี่ยนพลังดั้งเดิมของตัวเองให้กลายเป็นพลังดั้งเดิมเทพและกลายเป็นเทพที่แท้จริง!”

ความแตกต่างระหว่างเทพและเซียนในยุคปัจจุบันไม่ได้มีเพียงพลังดั้งเดิมเท่านั้น แต่ยังมีพลังที่ผสานกันระหว่างปราณสวรรค์และพลังดั้งเดิม นั่นก็คือพลังต้นกำเนิดเทพ!

ไม่ว่าวิชาเทพจะทรงพลังแค่ไหน มันก็ยังมีขีดจำกัดเมื่อใช้ด้วยพลังดั้งเดิมอยู่ ทว่าหากใช้ด้วยพลังต้นกำเนิดเทพ มันก็จะสามารถแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้! แม้กระทั่งสมบัติเทพก็ยังเป็นแบบนั้น!

พายุตั้งเค้า เพลิงแห่งสงครามจุดชวนขึ้นมาและทุกคนกำลังรอให้ทางข้ามเปิดออก!

ขณะที่การเตรียมการและเพลิงสงครามกระจายข้ามดาราจักรทุกชั้นฟ้า ข่าวน่าตื่นตะลึงอีกอย่างก็พัดกระจายผ่านมา!

ตระกูลเหยาซึ่งเป็นตระกูลที่อยู่ต่ำกว่าสองตระกูลจากยุคโบราณได้ส่งสาส์นสวรรค์ออกมา!

เมื่อสาส์นสวรรค์เปิดเผยขึ้น เหล่านักฆ่าต่างก็รอคอยอยู่แล้ว! ตระกูลเหยาคือคระกูลที่ทรงพลังที่สุดในหมู่สี่ตระกูลที่สืบทอดมาจากแดนสวรรค์ พวกเขาสามารถเทียบตัวเองได้กับสองตระกูลจากยุคโบราณได้และกระทั่งสามารถดูถูกอารามเทพอัสนีได้เลย!

ภายหลังจากแดนสวรรค์ล่มสลายมานาน ตระกูลเหยาส่งสาส์นสวรรค์ออกมาสามครั้ง! ทุกครั้งที่มันถูกส่งออกมาจะเกิดการนองเลือดขึ้นมากมายและจะไม่หยุดจนกว่าเป้าหมายจะสิ้นชีวิต!

ณ ปัจจุบันขณะที่พายุโหมกระหน่ำในดาราจักรทุกชั้นฟ้า สาส์นสวรรค์ใบที่สี่แห่งตระกูลเหยาพลันถูกปล่อยออกมา!

ครานี้มีอยู่เพียงชื่อเดียวในสาส์นใบนั้น!

“ซิ่วมู่!”

ชื่อนี้ไม่เพียงจะไม่ทราบที่มา มันยังมีชื่อเสียงโด่งดังยิ่งนัก! ท่ามกลางข่าวทั้งหมดฉายาเทพ ซิ่วมู่เป็นคนหนึ่งที่คนเกือบทั้งหมดคิดว่าจะได้ฉายาเทพมาครอบครอง!

ผู้คนที่ถูกซิ่วมู่ช่วยเอาไว้ ตระกูลพวกเขาแต่ละคนต่างสนับสนุนชื่อนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกคนที่ถูกเขาช่วยชีวิตเอาไว้ต่างก็แสดงความเคารพและขอบคุณต่อซิ่วมู่เมื่อมีคนพูดถึงเขา

ความนิยมของซิ่วมู่ค่อยๆระเบิดขึ้นมา เขากลายเป็นคนเพียงไม่กี่คนที่มีชื่อเสียงในเขตทั้งสี่ทิศของดาราจักรทุกชั้นฟ้า

และตอนนี้สาส์นสวรรค์ของตระกูลเยาก็มีอยู่เพียงชื่อเดียว เห็นได้ชัดว่าตระกูลเหยาต้องการฆ่าซิ่วมู่!

ไม่ว่าซิ่วมู่จะแข็งแกร่งแค่ไหน มีน้อยคนนักที่เชื่อว่าเขาจะสามารถเอาชีวิตรอดจากการสังหารของตระกูลเหยาไปได้ เมื่อสาส์นสวรรค์ถูกส่งออกมา ซิ่วมู่ก็คงตาย!

มีเพียงแค่ไม่กี่คนเช่นเฉินกงฮู่และจางกงเล่ยที่เย้ยหยัน ในสายตาพวกเขาแต่ละคน ตระกูลเหยาไม่มีคุณสมบัติพอที่จะต่อสู้กับนายท่าน!

ตระกูลเหยาส่งสมาชิกตระกูลออกไปจำนวนมากและมีเครือข่ายตระกูลที่เกี่ยวข้องหลายแห่งเหมือนตาข่ายไปทั่วดาราจักรทุกชั้นฟ้าเพื่อรับรองว่าจะค้นหาตัวซิ่วมู่เจอ!

ขณะที่การเตรียมการเพื่อตำแหน่งเทพดำเนินต่อไป การค้นหาซิ่วมู่ของตระกูลเหยาก็เพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุดแบบไม่เคยมีมาก่อน!

สาส์นสวรรค์ของตระกูลเหยาที่ปรากฏขึ้นมาและการค้นหาชื่อ “ซิ่วมู่” ขนานใหญ่ได้ทำให้เกียรติยศศักดิ์ศรีเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรเซียนส่วนใหญ่ต่างก็เชื่อว่าชื่อนี้คงจะมีชีวิตอยู่ไม่นานและคงจะจบลงในไม่ช้า!

แม้กระทั่งคนที่ถูกหวังหลินช่วยเหลือเอาไว้ต่างก็เงียบลง ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ต้องการช่วย แต่ทั้งหมดต่างก็มีตระกูลของตัวเองและไม่สามารถต่อต้านตระกูลเหยาได้!

ทว่าขณะที่ตระกูลเหยาออกค้นหา ซิ่วมู่ก็ได้หายตัวไป ไม่มีใครพบเจอเขาราวกับเขาหายตัวไปจากดาราจักรทุกชั้นฟ้า

ขณะนี้หวังหลินกำลังเหาะเหินผ่านเขตแดนลี้ลับที่มีเพียงสายหมอกสีเทาอยู่เบื้องหน้าแต่มันก็ไม่สามารถหยุดเขาลงได้เลย

ด้านหลังเขาคือสมาชิกเผ่าอมตะที่ถูกเลือกกำลังสงบนิ่งอย่างสิ้นเชิง การเหาะเหินอยู่ในสายหมอกหลายเดือนทำให้ความคิดแต่ละคนพัฒนากเปลี่ยนไปมาก

ความงุนงงแรกเริ่มหายไปและถูกแทนที่ด้วยจิตสังหารเด็ดขาด!

ไม่กี่เดือนะหว่างติดตามหวังหลินอยู่ในสายหมอก พวกเขาเห็นและต่อสู้กับอสูรร้ายมากมาย แม้ว่าจำนวนพวกเขาจะลดลงแต่กลิ่นอายสังหารค่อยๆหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ

ตอนนี้สมาชิกเผ่าดุจเทพสังหารที่ติดตามหวังหลินอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางสตรีและเด็กๆ ท่าทางอ่อนแอจากพวกเขาหายไปด้วยเช่นกัน

ถ้าพวกเขาสามารถออกไปได้ก็จะมีชีวิตรอด ถ้าออกไปไม่ได้พวกเขาก็จะถูกอสูรที่นี่กลืนกิน

ต้องขอบคุณการต่อสู้นองเลือดเหล่านี้ เผ่าอมตะที่ถูกเลือกจึงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นยังมีเงาของหวังหลินอยู่ในหมู่พวกเขาด้วย สำหรับคนง่ายๆแบบพวกเขา หวังหลินเป็นเพียงตัวอย่างเดียวที่พวกเขาสามารถเรียนรู้ได้

หลังจากใช้เวลาหลายเดือนไปด้วยกัน แม้แต่หวังหลินก็ต้องชื่นชมเผ่าอมตะที่ถูกเลือกที่ช่างมีพรสวรรค์และชาญฉลาด พวกเขามีรากฐานการบ่มเพาะที่ดีและมีความสามารถในการเลียนแบบค่อนข้างน่ากลัวเล็กน้อย

แค่ไม่กี่เดือนในการตอบโต้อยู่ในสายหมอก คนพวกนี้เรียนรู้ความละเอียดของหวังหลิน ความสงบนิ่งและจิตสังหารมาจากเขา

บ่อยครั้งตอนที่พวกเขาลงมือมักจะแน่วแน่เด็ดเดี่ยวและโหดเหี้ยม พวกเขาใช้วิชารอยสักทั้งหมดทุกรูปแบบในสายหมอกเพื่อต่อสู้กับเหล่าอสูร!

สิ่งที่ทำให้ดวงตาหวังหลินต้องหรี่แคบคือคนพวกนี้โจมตีเป็นกลุ่มได้ดีเยี่ยม การโจมตีแต่ละกลุ่มแทบไม่มีรอยต่อและสามารถเพิ่มพละกำลังแต่ละคนได้หลายเท่า ถ้าไม่ใช่ว่าพวกเขาต้องคอยระวังสตรีและเหล่าเด็กๆ พวกเขาคงโหดร้ายยิ่งกว่านี้

หวังหลินขบคิดเงียบๆพลางห่อหุ้มเหล่าสตรีและเด็กของเผ่าไว้ในวิชาเซียนจากนั้นจึงเคลื่อนไหวได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ในวันนี้ สายหมอกเบื้องหน้าพวกเขาจางหายและหวังพลินพุ่งตัวออกมา สมาชิกเผ่าอมตะที่ถูกเลือกพุ่งออกมาตามกันทีละคน สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าพวกเขาคือท้องฟ้าแจ่มจรัสและเต็มไปด้วยหมู่ดาว!

ดาราจักรทุกชั้นฟ้าเขตตะวันตก!

เมื่อเขาเห็นดวงดาว หวังหลินจึงเกิดอาการมึนงง หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นในแดนสวรรค์อัสนี เขาก็ถูกย้ายมาข้างในอสูรร้าย เมื่อเห็นดวงดาวอีกครั้งนี่ยิ่งทำให้ทุกสิ่งทุกเกิดขึ้นรู้สึกเหมือนฝันไป

“ดาราจักรทุกชั้นฟ้า ข้ากลับมาแล้ว! อันดับแรกตอนนี้คือหาว่าที่นี่มันอยู่เขตไหน ข้าต้องไปหาดาวเคราะห์เซียน!” หวังหลินพึมพำกับตัวเองพลางนำหินหยกออกมาซึ่งเป็นแผนที่ที่เฉินกงฮู่ให้เขา หลังจากมองมันเล็กน้อยจึงเก็บใส่กระเป๋าไป

หวังหลินมองกลับไปที่สมาชิกเผ่าอมตะที่ถูกเลือก

“ที่นี่คือดาราจักรทุกชั้นฟ้าภายใต้เขตแดนสวรรค์อัสนี เมื่อพวกเจ้ามาถึงที่นี่แล้วเจ้าก็เป็นอิสระ!”

เผ่าอมตะที่ถูกเลือกขบคิดชั่วครู่ก่อนจะมองหวังหลินและเอ่ยออกมา “ท่านผู้มีพระคุณ เราไม่คุ้นเคยกับที่นี่ ท่านพอจะมีดาวเคราะห์เซียนให้เราพักพาศัยชั่วคราวไหม? เมื่อเราคุ้นเคยกับดาราจักรทุกชั้นฟ้าแห่งนี้แล้ว เราจะออกไปแน่นอน!”

หวังหลินครุ่นคิดเล็กๆและพยักหน้า ดาวฉิงหลิงขนาดใหญ่มากและพอเหมาะพอดีต่อสมาชิกเผ่าอมตะที่ถูกเลือก

เขาหันกลับมา ก้าวเท้าและพุ่งออกไปดุจอุกกาบาต สมาชิกเผ่าติดตามเขามาด้านหลัง ลำแสงหลายร้อยเส้นพุ่งเข้าหาดาวฉิงหลิง

ระหว่างทางหวังหลินแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกไปเพื่อค้นหาดาวเคราะห์เซียน ที่นี่เปิดกว้างมากจนยากที่จะหาดาวเคราะห์เซียนเจอสักดวง หลังจากผ่านไปสิบวันหวังหลินก็เจอดาวเคราะห์สีเหลืองแห่งหนึ่งอยู่ไกลๆ พลังปราณผันผวนที่ผุดออกมาไม่ได้แข็งแกร่งแต่ก็ไม่ได้อ่อนแอ

ขณะที่พวกเขาเหาะเหินไปพลันเกิดความผันผวนขณะเดินทางจนแพร่กระจายไปทั่วทุกที่ ดังนั้นจึงถูกเซียนจากดาวเคราะห์สีเหลืองตรวจจับได้

ขณะที่หวังหลินเข้าไปใกล้ได้ไม่นาน ลำแสงสามเส้นลอยออกมาจากดาวเคราะห์เหลืองเผยออกมาเป็นคนสามคน ในหมู่พวกเขามีคนเดียวเป็นชายวัยกลางคน ส่วนอีกสองเป็นชายชรา

พลังดั้งเดิมอันแข้งแกร่งผันผวนออกมาจากทั้งสามคน เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดต่างก็เป็นขั้นมายาหยิน

เมื่อทั้งสามคนปรากฏตัวต่างก็มีสีหน้าเคร่งเครียด ชายวัยกลางคนมองมาที่หวังหลินและกล่าวเสียงสงบนิ่ง “สหายเซียนท่านเร่งรีบเข้ามาเร็วมาก ข้าสงสัยว่าท่านต้องการอะไร!”

สายตาอีกสองคนกวาดผ่านเผ่าอมตะที่ถูกเลือกด้านหลังหวังหลิน ยิ่งพวกเขาเห็นยิ่งก้ตกตะลึง ผู้คนด้านหลังไม่มีพลังปราณผันผวนเลยแต่กลับครอบครองพลังลึกลับที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน

ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาสัมผัสจิตสังหารจากคนพวกนี้ได้ชัดเจน จิตสังหารแข็งแกร่งและเกิดขึ้นจากการเข่นฆ่ามาเป็นระยะเวลานาน

สิ่งสำคัญที่สุดคือสีหน้าท่าทางของคนพวกนี้ต่างเผยกลิ่นอายเย็นเยียบยิ่ง แต่ละคนไม่เปลี่ยนสีหน้าท่าทางเมื่อเผชิญกับพวกเขาสองคนเลยและยังแฝงจิตสังหารอีก

ทว่าอีกสองคนกลับรู้สึกประหลาดใจที่มีสตรีและเด็กๆรวมอยู่ด้วย ยิ่งทำให้พวกเขาเดาพื้นเพเบื้องหลังคนพวกนี้ยากขึ้นไปอีก

ขณะที่ชายวัยกลางคนพูดจบและมองหวังหลินอย่างละเอียด เขารู้สึกราวกับถูกตีด้วยสายฟ้าและคิดว่ารูปลักษณ์ของหวังหลินช่างคล้ายกับสาส์นสวรรค์ที่ตระกูลเหยาส่งออกมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!