823. เหยาชางตง
วิธีฆ่าอันแปลกประหลาดนี้ทำให้เซียนรอบด้านตกตะลึงยิ่ง สีหน้าท่าทางของชายชราเซียนขั้นรูปธรรมหยางสูงสุดพลันมืดมนยิ่ง เขาสัมผัสได้ว่าระดับบ่มเพาะของอีกฝ่ายเท่าเทียมกันและเขายังสูงกว่าเล็กน้อย
ทว่าวิชาแปลกๆที่อีกฝ่ายใช้ทำให้เขาหวาดกลัวยิ่งนัก
‘นี่มันไม่ใช่การเคลื่อนที่พริบตาหรือเคลื่อนที่ขั้นสูงแน่!’ สีหน้าชายชรามืดมนพลันสัมผัสกระเป๋านำกระดิ่งเงินออกมา
ทันที่สั่นกระดิ่ง เสียงมันก็ดังขึ้นจนเกิดระลอกคลื่นขนาดใหญ่แพร่กระจาย แทรกแทรงด้วยพลังดั้งเดิมไปรอบบริเวณ!
‘ยังมีอีกยี่สิบสองคน!’ ร่างหวังหลินกระพริบวูบวาบปรากฏตัวด้านหลังเซียนเทวะสูงสุดคนหนึ่ง ขณะที่อีกฝ่ายหรี่ตาแคบ หวังหลินยกแขนขึ้นใช้ตัดสวรรค์ในทันที ร่างถูกหั่นครึ่งและแตกสลายต่อมาโดยไร้ปราณกระบี่
ส่วนดวงวิญญาณมันไม่ได้แข็งแกร่งพอทำให้หวังหลินสนใจ แต่ก็ยังถูกเก็บไว้ในธงวิญญาณขณะเดียวกันหวังหลินก็มองกระดิ่งของชายชราที่กำลังส่งเสียงออกมา สมบัติชิ้นนั้นประหลาดเล็กน้อย มันสามารถทำให้พลังดั้งเดิมรอบบริเวณปั่นป่วนได้ แม้จะไม่ได้กระทบต่อหวังหลินมากนัก ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไปอาจจะทำให้หวังหลินช้าลง
หวังหลินถอนหายใจเย็นเฉียบ เงาร่างหนึ่งกระพริบด้านหลังและต้าซานก้าวออกมา ต้าซานไม่สนใจเซียนรอบด้านและพุ่งเข้าหาชายชราทันที
แขนซ้ายสร้างผนึกโยนหมัดออกไปทำลายม่านเสียงและพุ่งเข้าหาชายชรา
การต่อสู้ระหว่างสองคนรุนแรงยิ่งและเกิดระเบิดกึกก้องไปทุกที่ ชายชราล่าถอยต่อเนื่องพลางใช้วิชาหลากหลายอย่าง แต่สีหน้าก็ยังมืดมนยิ่งนัก
ไม่ว่าจะวิชาหรือสมบัติใดที่ตกใส่ต้าซานจะไร้ผลกระทบ ราวกับเขาไม่มีความเจ็บปวด ร่างกายดุจเหล็กกล้าและโจมตีต่อเนื่อง!
ขณะที่ต้าซานพุ่งออกไป หวังหลินก็ก้าวออกไปด้วย คราวนี้ไม่ได้ผสานเข้ากับโลกแต่อ้าปากให้ตราประทับผนึกเทพลอยออกมา ขยายกว้างร้อยฟุตและกระแทกลงมาอย่างโหดเหี้ยม
ตราประทับผนึกเทพกระแทกลงมาส่งเสียงดังคำราม เซียนที่อยู่ด้านล่างสองคนเปลี่ยนสีฟ้าและต้องการหลบหนี ทว่าผนึกหวังหลินเอ่ย “ผนึก” ออกมาทำให้ผนึกจำนวนมากหลุดออกจากตราประทับเข้าผนึกการหลบหนีของเซียนสองคนนั้นไว้หมด
ขณะเดียวกับตราประทับก็ร่อนลงใส่ร่างกายพร้อมกับเสียงดังปัง แม้กระทั่งวิญญาณก็แตกหักแต่ไม่ได้สลายไป มันกระพริบแสงสีทองวูบวาบ จากนั้นถูกตราประทับดูดเข้าไป
ท่ามกลางอักขระรูนสีทองหลายแสนชิ้นบนตราประทับ มีอยู่สองชิ้นส่องสว่างมากกว่าก่อนหน้านี้ราวกับพวกมันพึ่งได้ชีวิตและแตกต่างจากชิ้นอื่นๆอย่างสิ้นเชิง
หวังหลินประหลาดใจเล็กน้อยไม่คิดว่าตราประทับผนึกเทพจะเกิดผลลัพธ์ประหลาดเช่นนี้ แต่นี่ไม่ใช่เวลามาคิดถึงเรื่องนั้น ดวงตาหวังหลินส่องประกายเหยียดยิ้ม ร่างกายหายไปทำให้การโจมตีที่เข้ามาหาเขาทั้งหมดผิดพลาด
รอยยิ้มน่าขนลุกของเขาทำให้เซียนรอบด้านรู้สึกหวาดกลัวจับหัวใจ
ด้านข้างชายชราที่กำลังต่อสู้กับต้าซานยังมีเซียนขั้นเทวะระดับปลายสูงสุดอยู่อีกเจ็ดคน ขณะนั้นพวกเขาผวาอย่างแท้จริงและรัศมีของซิ่วมู่เต็มไปทั่วจิตใจ
ข่าวลือเรื่องซิ่วมู่ดังกึกก้องในใจ ทั้งเจ็ดตื่นตระหนกและเริ่มล่าถอยและเคลื่อนที่ออกไป พวกเขารู้สึกเสียใจมากและไม่ควรฟังคำสั่งตระกูลเหยาเพื่อมาสกัดกั้นซิ่วมู่เลย!
“เจ้าหนีไปไม่ได้!” สัมผัสวิญญาณหวังหลินดังสะท้อนไปทั่วอวกาศ ขณะเดียวกันพลังดั้งเดิมภายในบริเวณก็เริ่มบิดเบือนอย่างบ้าคลั่ง
ทั้งเจ็ดคนถูกผลักออกจากวิชาเคลื่อนที่พริบตาของตน ร่างหวังหลินพุ่งออกมาดุจลำแสงผ่านทั้งเจ็ดคนเพียงพริบตา
หวังหลินผ่านเจ็ดคนไปพลันโลหิตจำนวนมากสาดกระเซ็น เสียงดังปุบปับ ร่างแต่ละคนแตกสลายและตายทันที
หวังหลินหยุดชะงักเลียริมฝีปาก แววตาแดงฉานจากจิตสังหารดูคล้ายปิศาจกระหายเลือด เขาจ้องเหล่าเซียนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลและเอ่ยขึ้น “ยังเหลืออีกสิบสามคน!”
สีหน้าของเซียนสิบสามคนนั้นซีดเผือดและมืดมน ทั้งหมดมองหวังหลินและสายตาคู่นั้นของหวังหลินดุจหมาป่ากระหายเลือด
ชื่อเสียงของซิ่วมู่ปรากฏขึ้นในใจ เซียนขั้นมายาหยินหนึ่งในนั้นกัดฟันแน่น ฝ่ามือสร้างผนึกขึ้นทันที โคจรพลังดั้งเดิมในร่างกายปรากฏแสงสีขาวขึ้นเบื้องหน้ากลายเป็นกระบี่ยักษ์ จากนั้นพ่นแกนพลังดั้งเดิมเข้าใส่ กระบี่เปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นราวกับสามารถตัดอากาศได้
เซียนส่วนใหญ่รอบตัวเขาต่างร้องคำราม โดยเฉพาะเซียนขั้นรูปธรรมหยางคนสุดท้ายพลันตบกระเป๋านำเข็มสีดำนับไม่ถ้วนออกมา พอขี้ใส่หวังหลิน เข็มทั้งหมดก็พุ่งเข้าหา
ด้านหลังเขา เหล่าเซียนที่เหลือทั้งหมดใช้วิชาของตนเองและพุ่งเข้ามาโดยไม่ลังเล
พวกเขาเร็วยิ่งและเข้ามาใกล้แทบในเสี้ยววินาที แววตาหวังหลินกระพริบจิตสังหารวาบพลางก้าวถอยหลังและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ขณะที่เขากำลังหายตัวไป เซียนขั้นรูปธรรมหยางอ้าแขนออกทันทีและร้องตะโกน “เคลื่อนที่พริบตาและก่อกวนพลังธรรมชาติในพื้นที่!”
สิ้นเสียงตะโกน เซียนทั้งหมดเคลื่อนที่พริบตาทันที ตอนเริ่มต้นเคลื่อนที่ ร่างแต่ละคนเริ่มกระพริบไปมา ขณะเดียวกันก็เกิดคลื่นทรพลังกระจายออกมามากกว่าพันฟุต มิติรอบด้านเริ่มบิดเบี้ยว
“ฉลาดมาก แต่ไม่พอหรอก!” หวังหลินก้าวเท้าราวกับระลอกคลื่นพวกนั้นไม่มีผลต่อเขา พลันปรากฏตัวอีกครั้งประทับดัชนีใส่เซียนคนหนึ่งผู้มีความเด็ดขาดยอมเสียสละร่างกายและหนีออกมาพร้อมวิญญาณดั้งเดิม
ร่างกายเซียนคนนั้นระเบิดกลายเป็นหมอกโลหิต ดวงวิญญาณหลบหนีมาได้มากกว่าพันฟุตและไม่หันหลังกลับไปมอง
ขณะหลบหนีเขาก็ตะโกนขึ้น “สหายเซียนซิ่วมู่ ตั้งแต่วันนี้ไปจะไม่มีตระกูลใดบนดาวหลิงหมิงจะเกี่ยวข้องเรื่องระหว่างเจ้าและตระกูลเหยา ปล่อยข้าไปเถอะ!”
ดวงตาหวังหลินสว่างวาบและไม่ได้ไล่ตาม ขณะนั้นเซียนขั้นรูปธรรมหยางร้องคำราม ปล่อยเข็มสีดำเรืองแสงออกมาพุ่งแทงใส่หวังหลินดุจห่าฝน
หวังหลินเยาะเย้ย เลื่อนแขนขวาขึ้นมาใช้ชุดเต๋าร่วงโรย กลิ่นอายปิศาจเต็มไปทั่วอากาศและปรากฏแสงสีเทาขึ้นบนเข็มสีดำมากมาย พริบตานั้นพวกมันก็แข็งกลายเป็นหิน
ในเวลาเดียวกันแสงสีเทาก็ปรากฏตรงเท้าของคนสามคนรวมถึงเซียนขั้นรูปธรรมหยางด้วย หวังหลินก้าวเท้าไปข้างหน้าชี้ใส่หน้าผากแต่ละคน ร่างกายระเบิดและตายไป
“ยังเหลืออีกเก้า!” น้ำเสียงหวังหลินเต็มไปด้วยความเย็นเยียบไร้ที่สิ้นสุด ขณะที่เซียนทั้งหมดหวาดกลัว เขาก็หายตัวไปอีกครั้ง
คราวนี้นอกจากชายชราที่ยังต่อสู้กับต้าซาน คนที่เหลืออีกแปดคนยอมแพ้โดยไม่ลังเล เทียบกับผลประโยชน์ที่ตระกูลเหยาสัญญาเอาไว้ ชีวิตพวกเขามีค่ามากกว่า เห็นได้ชัดว่าซิ่วมู่ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะต่อสู้เข้าต้านได้
แค่การใช้วิชาประหลาดนั้น ไม่ว่าพวกเขาจะมีมากมายแค่ไหน ซิ่วมู่คงเหมือนล่องหนหายตัวได้!
ยากยิ่งที่จะฆ่าซิ่วมู่ได้ เว้นแต่จะมีระดับบ่มเพาะสูงส่ง!
ทั้งแปดคนรีบล่าถอยและหนีไปคนละทิศคนละทาง
ไม่เพียงแต่จิตสังหารของหวังหลินไม่ลดลงแต่กลับแข็งกล้ายิ่งขึ้น กลิ่นอายพรั่งพรูเข้าใส่แปดคนที่หลบหนี เขาก้าวเท้าไปข้างหน้าใช้พลังดั้งเดิมกระจายความผันผวนไปรอบบริเวณทำให้แปดคนนั้นไม่สามารถเคลื่อนที่พริบตาหรือหลบหนีรวดเร็วได้ หวังหลินออกคำสั่งใช้ตราประทับผนึกเทพไล่ตามหลังไปหนึ่งคน
ส่วนชุดเต๋าร่วงโรยตามหลังไปหนึ่งคนด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกันหวังหลินตบกระเป๋านำกระบี่สวรรค์ออกมา เจ้าฉวี่ลี่กั๋วโผล่ออกมาและไม่ต้องให้หวังหลินออกคำสั่ง มันก็ร้องเสียงประหลาดเปลี่ยนไปไล่ตามคนที่กำลังหลบหนี
ฉวี่ลี่กั๋วหวาดกลัวอยู่ในใจ แม้มันจะสืบทอดเจตนารมของกระบี่โบราณ มันก็ไม่เคยต่อสู้กับเซียนขั้นมายาหยิน ตอนนี้มันร้องอยู่ในใจ ‘บัดซบ ออกไปซะ ออกไปซะ…’
สมบัติสามชิ้นไล่ตามสามคนที่ออกไปคนละทิศทาง หวังหลินก้าวเท้าหนึ่งคราและเลือนหายไป
แทบพริบตานั้นหวังหลินปรากฏตัวด้านข้างเซียนที่กำลังหลบหนึคนหนึ่ง ใบหน้าอีกฝ่ายหวาดกลัวและกำลังพูดกับหวังหลิน ทว่าหวังหลินกดลงระหว่างคิ้วด้วยความโหดเหี้ยม
เมื่อถอนดัชนีกลับมาเขาก็หายตัวไปอีกครั้ง วินาทีทัดมาตราประทับผนึกเทพและชุดเต๋าร่วงโรยก็กลับคืนมาเช่นเดียวกัน มีเพียงฉวี่ลี่กั๋วที่ไม่กลับมา มันสาปแช่งขณะควบคุมกระบี่สวรรค์ให้โจมตี
เซียนขั้นมายาหยินใบหน้ามืดมนยิ่ง เขาไม่ต้องการพัวพันกับจิตวิญญาณกระบี่ต้นนี้ เมื่อเห็นว่าพวกพ้องที่หลบหนีตายไปทีละคน ความหวาดกลัวอยู่ในใจเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด
เสียงสาปแช่งจากวิญญาณกระบี่ทำให้เขารำคาญยิ่ง พลันกระตุ้นพลังดั้งเดิมในร่างกายจนทำให้เกิดการระเบิดผลักดันฉวี่ลี่กั๋วออกห่างไป เขาไม่ต้องการต่อสู้จึงเหาะเหินห่างไปได้พันฟุตและกำลังจะเคลื่อนที่พริบตาออกไป
ทว่าขณะนั้น ดัชนีหวังหลินก็เข้าประทับระหว่างคิ้วเขาในทันที
ร่างกายแตกสลายและวิญญาณดั้งเดิมถูกจับ
หวังหลินกวาดสายตาผ่านฉวี่ลี่กั๋วโดยไม่แยแสและกล่าวเสียงเย็นชา “ข้าไม่ต้องการคนอ่อนแอ!”
จิตใจฉวี่ลี่กั๋วรู้สึกเย็นเยียบและรีบตบหน้าอกตัวเองประจบสอพลอ “นายท่านสบายใจได้ ข้า…”
หวังหลินพุ่งเข้าหาตำแหน่งที่ต้าซานกำลังต่อสู้โดยไม่รอให้ฉวี่ลี่กั๋วพูดจบ
“เหลือเจ้าเพียงคนเดียวแล้ว!” น้ำเสียงเต็มไปด้วยจิตสังหารแพร่กระจายดุจสายลม ชายชราที่กำลังต่อสู้กับต้าซานเผยสีหน้าขมขื่น
ขณะนั้นปราณกระบี่หนาแน่นพุ่งข้ามมาพร้อมกับกลิ่นอายฉีกกระชากมิติให้ออกจากกัน
ชายชราที่กำลังต่อสู้กับต้าซานผ่อนคลายเล็กน้อยและคิดขึ้นมา ‘ในที่สุดตระกูลเหยาก็มาถึง ข้าทำภารกิจสกัดกั้นซิ่วมู่ได้สำเร็จแล้ว’
คนผู้หนึ่งปรากฏตัวออกมาจากในปราณกระบี่ เขาคือชายหนุ่มคนเดียวกับที่ปรากฏตัวตอนที่ชายวัยกลางคนบดขยี้หินหยก! ดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร กระทั่งแฝงความตื่นเต้นซ่อนเอาไว้เล็กๆ
“ซิ่วมู่! ไม่คิดว่าข้า เหยาชางตงจะมาพบเจ้า ข้าจะได้ความดีความชอบมหาศาลแน่นอน!”