838. ปิงหยุน
หวังหลินใช้ฝ่ามือสร้างผนึกและประทับมันลงบนหน้าอกหลายครั้ง กลิ่นอายตัวเองหายไปอย่างสิ้นเชิงและทิ้งร่องรอยสัมผัสวิญญาณเพื่อสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นข้างนอก
กลิ่นอายเย็นเยียบเต็มไปทั่วมิติแคบอย่างรวดเร็ว ต้นตอของกลิ่นอายนี้คือร่างผอมบางที่ถูกหนวดมากมายห่อหุ้ม
คนผู้นี้คือชายชรา แรกเริ่มเดิมทีไม่มีพลังชีวิตอยู่ในร่างกายเขา แต่กลิ่นอายเย็นเต็มไปทั่วบริเวณ พลังชีวิตทรงพลังพวยพุ่งเต็มไปทั่วร่าง
พลังชีวิตนี้แข็.แกร่งจนทำให้ร่างชายชราปลิวไปดุจบอลลูน ทว่าเรื่องประหลาดก็คือดวงตาชายชรายังคงปิดสนิทไร้สัญญาณว่าจะลืมตาขึ้นมา
เมื่อสัมผัสวิญญาณหวังหลินเห็นสิ่งนี้ ความคิดจึงสั่นสะท้าน ต้องขอบคุณระดับบ่มเพาะและเขตแดนแห่งชีวิตและความตาย เขาจึงสามารถมองเห็นกลิ่นอายความตายภายในพลังชีวิตนั้นได้ ทว่ากลิ่นอายนั้นถูกระงับไว้อย่างสมบูรณ์ด้วยพลังชีวิต
เมื่อพลังชีวิตเพิ่มขึ้น ร่างชายชราก็ใหญ่โตขึ้นและใหญ่ขึ้น เสียงดังป๊อปออกมาเป็นชุดพร้อมกับกระดูกในร่างชายชราแตกละเอียดราวกับไม่สามารถทนต่อพลังสายนี้ได้
เมื่อไร้จุดเชื่อมกระดูก ทุกสิ่งทุกอย่างยิ่งกว่าบอลลูนไปอีก
พลังเย็นแพร่กระจายออกมาจากร่างกายอย่างบ้าคลั่งทำให้รอบด้านเต็มไปด้วยพลังงานเย็น แม้กระทั่งหนวดมากมายยังล่าถอยช้าๆ
เมื่อร่างชายชราขยายตัวออกมาได้ขนาดพอประมาณ ก้อนเนื้อปูดโปนเกือบทรงกลมปรากฏขึ้นมา เคลื่อนผ่านในร่างชายชราอย่างรวดเร็ว
เสียงร้องแหลมอู้อี้ออกมาจากในร่างชายชรา หวังหลินคุ้นเคยกับเสียงนี้ เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าเขาก็น่าเกลียดน่ากลัวยิ่ง
ร่างชายชราสั่นเทาและเกิดรอยร้าวขึ้น พลังเย็นจำนวนมากโผล่ออกมาจากรอยร้าว และเสียงร้องคำรามแหลมโผล่ออกมาจากในร่างราวกับมันกำลังตื่นเต้น
หนวดนับไม่ถ้วนทั้งหมดเร่ิมส่ายไปมาราวกับพวกมันยืนดีต่อการเกิดใหม่ของพวกพ้องตนเอง!
สิ่งนั้นขนาดยี่สิบฟุตโผล่ออกมาจากรอยร้าวในร่างชายชรา มันบิดร่างกายไปมาจนกระทั่งร่างกายชายชราระเบิดออกไร้เลือดเนื้อหรือโลหิต มีเพียงแต่พลังงานเย็นระเบิดออกมาเท่านั้น
สิ่งที่พุ่งออกมายาวยี่สิบฟุตนี้ทำให้หวังหลินิตกตะลึงยิ่งก็คืออสรพิษพิฆาตจันทร์ตัวน้อย!
อสรพิษตัวนี้พึ่งเกิดใหม่ หนวดทั้งหมดบนร่างกายโปร่งใส มันหันกลับมาสูดดมร่างที่แตกสลายของชายชราทันที
ร่างชายชราดูเหมือนหลอมละลายและถูกอสรพิษน้อยตัวนั้นกลืนกินไป มันกระดิกร่างไปมาพรอมกับดูดซับพลังงานเย็นใกล้เคียงเติบโตอย่างรวดเร้วจากยี่สิบฟุตไปถึงร้อยฟุต!
หนวดรอบๆร่างค่อยๆเปลี่ยนกลายเป็นสีแดงเข้มและดุร้ายอย่างยิ่ง
มันเคลื่อนตัวเข้าหาวังวนข้างหน้า ผ่านออกไปโดยไร้สิ่งกีดขวาง
เมื่ออสรพิษตัวน้อยจากไปแล้ว หนวดพวกนั้นค่อยๆกลับคืนสู่ปกติ พลังงานเย็นหายไปอย่างช้าๆจากการถูกหนวดดูดซับ
ทุกสิ่งทุกอย่างกลับสู่ปกติ แต่มีคนหนึ่งหายไป หนวดที่เคยห่อหุ้มรอบชายชราคนดังกล่าวค่อยๆหายไป
หวังหลินลืมตาและกลืนน้ำลาย
‘ไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงมีอสรพิษมากมายขนาดนี้ จากความทรงจำของตู่ซือ ถ้าอสรพิษพิฆาตจันทร์ตัวหนึ่งอยู่นอกร่างเทพโบราณนานเกินไป มันก็จะตาย!’
‘อย่างไรเสีย ไม่เพียงแต่เจ้าตัวนี้ไม่ตาย มันยังใช้ร่างของเซียนและคนธรรมดาเพื่อสร้างชีวิตใหม่ แทบจะกลายเป็นวัฏจักรชีวิตไปแล้ว…อสรพิษตัวนี้ต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์ตั้งแต่อดีตกาล ไม่เช่นนั้นเรื่องนี้คงไม่อาจเกิดขึ้นได้!’ หวังหลินมีความเข้าใจเรื่องอสรพิษพิฆาตจันทร์เป็นอย่างดีและตอนนี้เขาจึงพอเดาสิ่งที่เกิดขึ้นได้ประมาณ เจ็ดถึงแปดส่วน
หลังจากทุกอย่างเงียบลง หวังหลินก็ส่งสัมผัสวิญญาณเข้าหาอักขระรูนบนเตาหลอมอีกครั้ง เมื่อเขาห่อหุ้มอักขระรูนไว้แล้ว แววตาหวังหลินพลันเยือเย็น ใช้สัมผัสวิญญาณเข้าปะทะกับสัมผัสวิญญาณกรีดอย่างโหดเหี้ยม
ระดับบ่มเพาะสูงสุดของกรีดเกือบเสมอกับหวังหลินในปัจจุบัน ทั้งยังได้รับบาดเจ็บสาหัส ตราประทับของเขาจึงอ่อนแอยิ่ง
เมื่อถูกสัมผัสวิญญาณหวังหลินโจมตีใส่ มันจึงอยู่ได้ไม่นานก่อนจะแตกสลายลง
พอกวาดสัมผัสวิญญาณออกไปได หวังหลินทิ้งตราประทับของตัวเองเอาไว้บนอักขระรูนโดยไม่ลังเล
กรีดพบเจอสถานการณ์เกือบตายกว่าจะได้เตาหลอมนี้มา เขารู้ว่ามันเป็นสมบัติแต่ไม่สามารถควบคุมมันได้ ถึงจุดหนึ่งเขาก็คิดอย่างละเอียดถึงวิธีการควบคุมและใช้เวลากว่าพันปีเพื่อได้อักขระรูนนี้มาครอบครอง
เขาแกะสลักอักขระรูนอย่างละเอียดบนเตาหลอมแต่ทั้งหมดนี้หวังหลินได้รับประโยชน์เต็มๆ
ขณะที่สัมผัสวิญญาณประทับบนอักขระรูน หวังหลินเกิดความรู้สึกประหลาดขึ้น เป็นความรู้สึกอันคุ้นเคยและเกิดขึ้นเหมือนตอนเชื่อมต่อกับเกราะหนังเทพโบราณ
ทว่าความรู้สึกนี้ดั่งดอกไม้ในหมอกควัน มันพร่าเลือนราวกับมีชั้นบางๆกั้นจากเขาและไม่อาจคว้ามันไว้ได้
หวังหลินรู้ว่าวิธีที่เขากำลังควบคุมเตาหลอมเป็นวิธีที่ผิดพลาดซึ่งเป็นแค่ทางลัดแบบเดียวกับกรีด แม้มันจะให้เขาควบคุมแบบพื้นฐานได้ แต่มันก็ไม่ยอมให้เขาใช้พลังเต็มที่ได้
แต่ว่าหวังหลินไม่ได้รีบเร่ง ดวงตาส่องสว่างและพึมพำขึ้นมา “ตราบใดที่ข้ากลับไปในดาราจักรพันธมิตรเซียน เตาหลอมนี้จะแสดงพลังที่แท้จริงในมือของร่างดั้งเดิมของข้า!”
จากนั้นสองฝ่ามือสร้างผนึกตามความรู้สึกอันคลุมเครือ เตาหลอมสั่นสะท้านและปลดปล่อยเสียงหึ่ง ระลอกคลื่นโผล่ออกมาจากเตาหลอมและมีควันสีขาวพุ่งออกมา ควันสีขาวนี้หนาแน่นและล้อมรอบหวังหลิน หวังหลินรู้สึกว่าเขาเป็นหนึ่งเดียวกับเตาหลอม เป็นความรู้สึกที่น่าอัศจรรย์
ราวกับเขาคือเตาหลอม!
หวังหลินเอ่ยเสียงเบา “เปลี่ยนตำแหน่ง!”
หลังเอ่ยวาจาออกมา เตาหลอมสั่นสะท้านและหายไป ปรากฏตัวอีกครั้งโดยไม่มีหนวดกีดขวาง
ที่น่าประหลาดก็คือหนวดนพวกนั้นไม่ได้เคลื่อนไหวและคงอยู่ตำแหน่งเดิม ราวกับสำหรับพวกมันแล้วเตาหลอมยังอยู่ที่เดิม
หวังหลินโผล่ร่างออกมาจากเตาหลอมพร้อมกับมีควันสีขาวตามมาด้วย ตอนนี้เขาดูเหมือนเทพกำลังขี่ก้อนเมฆไปมา จากนั้นสายตาหวังหลินส่องสว่างจดจ้องไปบนเหยาปิงหยุน
ตอนที่สัมผัสวิญญาณเขาแพร่กระจายไปทั่วเตาหลอมก่อนหน้านี้ เขาสังเกตเหยาปิงหยุนได้ ทว่าเขาเพ่งสมาธิไปที่การประทับตราเตาหลอมจึงไม่ได้สังเกตอย่างใกล้ชิด
ตอนนี้พอมาได้เตาหลอมแล้วจึงมีเวลาสังเกตนาง
มองผ่านชั้นน้ำแข็งไป ร่างครึ่งเปลือยเปล่าปลดปล่อยสัมผัสน่ารักประหลาด เหยาปิงหยุนก็สวยสดงดงามอยู่แล้วแต่เมื่อนางหลับตากลับไม่ได้ปลดปล่อยความเย็นเยือกเฉพาะตัวแต่กลายเป็นความรู้สึกน่ารักแทน
ทว่าเรื่องพวกนี้ไม่มีอะไรส่งผลกระทบต่อหวังหลิน ดวงตาสงบนิ่งดั่งสายน้ำ
‘วิธีการฝึกเซียนของนางประหลาดแท้ แม้พลังดั้งเดิมจะถูกแยกออกจากกัน นางก็ยังสามารถปกป้องตัวเองได้ นางผนึกทุกสิ่งทุกอย่างในร่างกายจนอสรพิษพิฆาตจันทร์ไม่สามารถดูดซับอะไรได้เลย’
‘อย่างไรนางก็ประเมินอสรพิษพิฆาตจันทร์ต่ำไป! แม้วิธีนี้จะใช้การได้ ข้าเดาว่าน้ำแข็งจะแตกสลายไปอีกไม่นานนับจากนี้’ หวังหลินขบคิดอย่างเยือกเย็น จากนั้นยกแขนขวาขึ้นมากดลงใส่น้ำแข็ง
‘เจ้าไล่ล่าข้ามาตลอดเวลาและเกือบฆ่าข้าไปสองครั้ง ถ้าข้าไม่แก้แค้น ข้าก็ไม่ใช่หวังหลิน!’ หวังหลินเผยรอยยิ้ม กดลงใส่น้ำแข็งอย่างโหดเหี้ยม
พลังดั้งเดิมจำนวนมากในร่างกายไหลผ่านดัชนีและเข้าไปสู่น้ำแข็ง เกิดเสียงแตกร้าวขึ้นมา รอยร้าวจำนวนมากเริ่มปรากฏบนชั้นน้ำแข็งโดยมีดัชนีหวังหลินเป็นจุดศูนย์กลาง
รอยร้าวหยุดลงห่างจากร่างเหยาปิงหยุนไปหนึ่งนิ้วและไม่เคลื่อนที่ต่ออีก
หวังหลินจ้องเหยาปิงหยุนที่อยู่ในน้ำแข็ง สายตาเยือกเย็น พลังดั้งเดิมจากร่างกายพุ่งเข้าไปในดัชนีและเข้าไปในน้ำแข็งอีก
เสียแตกร้าวดังกึกก้องแต่หวังหลินไม่หยุด เขาเคลื่อนไปรอบๆเหยาปิงหยุนและชี้ตำแหน่งที่แตกต่างกันออกไป น้ำแข็งจำนวนมากหลุดออกมาจนกระทั่งเหลืออยู่รอบตัวเหยาปิงหยุนเพียงหนึ่งนิ้วเท่านั้น
‘สตรีคนนี้ต้องเป็นกลุ่มชั้นยอดของรุ่นที่สามตระกูลเหยา เมื่อตระกูลเหยาต้องการฆ่าข้า ข้าก็จะหลอมนางให้กลายเป็นองครักษ์เทพ แม้มันจะล้มเหลวก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ!’ จิตใจหวังหลินตั้งมั่นอย่างยิ่ง ตราบใดที่เป็นศัตรูเขาจะไม่แสดงความเมตตา แม้ศัตรูผู้นั้นจะงดงามยิ่ง เขาไม่รู้สึกสงสาร
ยิ่งไปกว่านั้นแม้นางจะสวยงาม ก็เทียบไม่ได้กับหลิวเหมย
“นี่คือเวรกรรม หากเจ้าไม่ไล่ล่าข้า มันคงไม่เกิดเรื่องในวันนี้ขึ้น!” หวังหลินอ้าปากพ่นแกนพลังดั้งเดิมออกมาตรงเข้าใส่น้ำแข็งล้อมรอบเหยาปิงหยุน ขณะที่มันบดใส่น้ำแข็ง แขนขวาก็ชี้เข้าใส่อย่างต่อเนื่อง
เสียงแตกร้าวดังกึกก้องอีกครั้งและน้ำแข็งรอบตัวนางเริ่มแตก ความจริงแล้วถ้าพลังดั้งเดิมของนางอยู่ด้วยตอนที่ใช้วิชานี้ หวังหลินคงไม่สามารถทลายได้ง่ายๆ ทว่าเพราะพลังดั้งเดิมถูกแยกออกไปมันจึงทำให้หวังหลินมีโอกาส!
เหยาปิงหยุนไม่เคยคาดคิดว่าหวังหลินจะอยู่ที่นี่กับนางด้วย ยิ่งไปกว่านั้นนางก็ไม่คาดคิดว่าหวังหลินจะรักษาพลังดั้งเดิมไว้ได้จากเกราะหนังเทพโบราณจนสามารถเคลื่อนไหวเป็นอิสระได้เร็วเช่นนี้
ขณะที่น้ำแข็งรอบร่างเหยาปิงหยุนเริ่มพังทลาย นางก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมามองหวังหลิน!