844. กลืนกิน
พายุลูกหนึ่งกวาดผ่านดาราจักรทุกชั้นฟ้าจนทำให้เซียนเกือบทั้งหมดต้องตกตะลึง อสูรดุร้ายตัวที่สังหารหมู่เหล่าเซียนมากมายถูกอารามเทพอัสนีจับได้ทั้งเป็น!
มีน้อยคนนักที่รู้เรื่องว่ามันเป็นไปอย่างไร แต่ผลนั้นก็ยังทำให้เซียนทั้งหมดตกตะลึงอยู่ดี!
ชื่อเสียงของอารามเทพอัสนีพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุดในพริบตา! ก้าวข้ามตระกูลเซียนที่สืบทอดมาจากยุคโบราณและกลายเป็นสัญลักษณ์อันทรงพลังของดาราจักรทุกชั้นฟ้า
ด้วยเหตุนี้ การแข่งขันฉายาเทพ 108 คนจึงเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ!
“แดนสวรรค์ล่มสลายไปแล้วและเหล่าเทพหายไป แต่ยังมีพอมีเทพหลงเหลืออยู่บ้าง ฉายาเทพที่อารามเทพอัสนีมอบให้จะทำให้คนผู้นั้นกลายเป็นเทพ! ตระกูลของเทพ 108 คนเหล่านี้จะถือว่าเป็นเผ่าเทพ! เป็นตำแหน่งถาวร!”
“ระหว่างสู้สงครามกับดาราจักรพันธมิตรเซียน เทพทุกคนจะกลายเป็นผู้นำและแต่ละตระกูลจะได้รับดาวเคราะห์เซียนของตัวเอง!”
ข่าวคราวเรื่องอารามเทพอัสนีมองฉายาเทพผุดออกมาเมื่อนานมาแล้วแต่มันเพียงเริ่มเกิดขึ้นตอนนี้ ทำให้เซียนทั้งหมดในดาราจักรทุกชั้นฟ้าบ้าคลั่งขึ้นมา
สมาชิกหลักของตระกูลเซียนหลายแห่งออกเดินทาง!
มีผู้คนมากมายเข้าร่วมการแข่งขันฉายาเทพ ดังนั้นอารามเทพอัสนีจึงประกาศรอบแรกให้แต่ละเขตแดนทั้งสี่ ผู้ส่งสาส์นจากอารามเทพอัสนีจะถูกส่งมาเพื่อเลือก 108 คนจากแต่ละเขตแดนเอาไปรวมกับการต่อสู้รอบสุดท้าย!
พื้นที่บริเวณภายในอารามเทพอัสนีระยะห้าหมื่นลี้กลายเป็นเขตสงบ ใครที่กล้าต่อสู้ภายในบริเวณนี้จะถูกกวาดล้างทั้งตระกูล!
วันเวลาการแข่งขันถูกจัดตั้งไว้ในอีกสี่เดือนนับจากนี้
หากข่าวนี้คือพายุ เช่นนั้นสิ่งต่อไปที่อารามเทพอัสนีประกาศถือได้ว่าสั่นสะเทือนฟ้าดิน!
เมื่ออารามเทพอัสนีเลือกเทพทั้ง 108 คนได้แล้ว พวกเขาจะเปิดเส้นทางสู่ดาราจักรพันธมิตรเซียน การต่อสู้ระหว่างดาราจักรจะเริ่มต้นขึ้น!
ทั้งดาราจักรทุกชั้นฟ้าตื่นเต้นขึ้นมา เซียนทุกคนรอวันที่จะเข่นฆ่าล้างบางอาณาจักรพันธมิตรเซียน! จิตสังหารเข้มข้นเต็มไปทั่วดาราจักรทุกชั้นฟ้าแล้วตอนนี้!
หวังหลินไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้เลย เขาปิดด่านฝึกตนผ่านมาแล้วสิบวัน! ในช่วงระยะสิบวันนี้หวังหลินดูดซับพลังดั้งเดิมในร่างเหยาปิงหยุนอย่างต่อเนื่อง
เขาปรับแต่งและดูดซับพลังดั้งเดิมจำนวนมหาศาลเพื่อให้มั่นใจว่าพลังนั้นกลายเป็นของตัวเอง!
สำหรับหวังหลินแล้ว เหยาปิงหยุนเสมือนน้ำทิพย์อันยอดเยี่ยมที่ทำให้ระดับบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เหยาปิงหยุนมีพลังดั้งเดิมจำนวนมาก หลังผ่านไปสิบวันหวังหลินดูดซับไปได้สามในสิบส่วนเท่านั้น
หลังจากปรับแต่งและดูดซับพลังสามในสิบส่วนของเหยาปิงหยุน ระดับบ่มเพาะของหวังหลินผ่านไปอีกก้าวและบรรลุขั้นรูปธรรมหยางสูงสุด เขาห่างจากขั้นส่องสวรรค์เพียงก้าวเดียวเท่านั้น!
ทว่าก้าวนี้คือหนึ่งช่วง ไม่ใช่ว่าเขาขาดแคลนพลังดั้งเดิม เขากำลังขาดความรู้ความเข้าใจสวรรค์และการเปลี่ยนแปลงในเขตแดน!
‘เขตแดนแห่งเวรรกรมช่างลึกลับมากกว่าชีวิตและความตาย ข้าคิดไม่ออกเลย…เวรกรรม…เวรกรรม…’ หวังหลินขบคิด เผยสายตางุนงง
‘ไม่มีสิ่งใดในโลกสามารถหนีพ้นเวรกรรมไปได้ เวรกรรมมีอยู่ทุกที่แต่ทั้งหมดเป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น เมื่อข้าต้องการไขว่คว้าความจริง ทุกสิ่งกลับห่อหุ้มอยู่ในสายหมอก’ ขณะหวังหลินหล่อหล่อมพลังดั้งเดิมอยู่นั้น พลันถอนหายใจ สายตาตกลงบนเหยาปิงหยุน
‘เวรกรรม…ตอนที่ข้าได้รับลูกฝืนลิขิตฟ้า มันคือเหตุแห่งเวรกรรมและการพบซือถูหนานคือผลแห่งเวรกรรม การฆ่าเถิงลี่คือเหตุ เถิงฮว่าหยวนฆ่าตระกูลข้าคือผลแห่งกรรม…คล้ายกันนั้น การกระทำของเถิงฮว่าหยวนคือเหตุแห่งกรรมและที่ข้าฆ่าตระกูลเถิงคือผลแห่งกรรม…ดูเหมือนเหตุและผลแห่งกรรมจะตัดผ่านการ บางทีผลแห่งกรรมวันนี้จะกลายเป็นเหตุแห่งกรรมสำหรับใครสักคนวันพรุ่งนี้…’
หวังหลินขมวดคิ้ว แววตางุนงงหนักขึ้น เขตแดนแห่งเวรกรรมมีรายละเอียดมากเกินไปและวันนี้หวังหลินยังไม่เข้าใจมันเต็มที่ แตกต่างจากเขตแดนแห่งชีวิตและความตายที่เขาสามารถเข้าใจได้อย่างชัดแจ้ง
‘ความเข้าใจในเขตแดนไม่สามารถบังคับได้ หากไร้โอกาสอันเหมาะสม มันยากที่จะเข้าใจได้ทันที!’ หวังหลินถอนหายใจและล้มเลิกเรื่องการคิดเกี่ยวกับเวรกรรม แม้จะฟังดูง่ายมันกลับรู้แจ้งได้ยากยิ่ง
‘ในที่สุดข้าก็เข้าใจว่าทำไมระดับบ่มเพาะถึงเพิ่มได้ยากยิ่งหลังจากผ่านไปถึงจุดหนึ่ง พลังดั้งเดิมก็ต้องมีแต่ที่สำคัญกว่าคือความเข้าใจรู้แจ้ง…’ หวังหลินเผยรอยยิ้มขมขื่น
‘ข้าจะเพิ่มระดับเขตแดนแห่งเวรกรรมได้อย่างไร? ความเข้าใจนี้ช่างยากยิ่งเสียจริง! ไม่ว่าข้าจะเข้าใจมันมากแค่ไหน มันก็คือสิ่งลวงตาทั้งหมดและไม่ใช่ของจริง…ข้าจะทำให้ความเข้าใจแห่งเวรกรรมของข้ากลายเป็นจริงได้อย่างไร…’ หวังหลินถอนหายใจ เขาบอกตัวเองไม่ให้คิดถึงมันแต่ก็อดไม่ได้
“ตอนที่อยู่ในดินแดนวิญญาณปิศาจ ด้วยการช่วยเหลือของปิศาจโบราณเป้ยหลัว ข้าจึงสามารถเข้าสู่สภาวะลึกลับและเห็นถึงข้อบกพร่องของศาสตร์สังหารเทพ…” หวังหลินพึมพำ ดวงตาหรี่เล็ก
“ภายใต้สภาวะนั้น ข้าสามารถมองทะลุเต๋าทั้งหมดของโลกได้อย่างเลือนราง ข้าแบ่งร่างออกไปนับไม่ถ้วนและผสมผสานพวกมันกลายเป็นหนึ่ง…คล้ายคลึงกับตอนที่เทียนหยุนสอนวิชาให้ข้า!” ดวงตาหวังหลินส่องสว่างและส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆ
‘เต๋าของเทียนหยุนคือเต๋าแห่งสวรรค์ ในสัมผัสวิญญาณข้ามีเทียนหยุนอยู่นับไม่ถ้วน เทียนหยุนทุกคนมีวิชาที่ใช้ได้ดีคนละหนึ่งวิชา…ด้วยระดับบ่มเพาะของข้าตอนนั้น ข้าสามารถมองเห็นได้เท่านั้น แต่นึกย้อนกลับมาไม่เพียงแต่เทียนหยุนทุกคนจะมีวิชาเทพของตัวเอง พวกเขาแต่ละคนกลับมี…เต๋าที่ต่างกันของตัวเอง!!!’
สีหน้าหวังหลินเปลี่ยนไปขณะตกตะลึงกับความคิดของตัวเอง เขาสูดหายใจลึกนึกย้อนถึงความทรงจำเรื่องที่เกิดขึ้นในเทียนหยุน ยิ่งเขาคิดก็ยิ่งมั่นใจ
‘เทียนหยุนมีเต๋ามากมาย!! เขามีเต๋ามากขนาดนั้นได้อย่างไร…’ ดวงตาหวังหลินส่องประกายและนึกย้อนว่าองครักษ์เทพตนแรกบอกเขาก่อนหน้าที่จะถูกหล่อหลอม
“ข้าเห็นอาจารย์เทียนหยุนพาซุนหยุนไปและ…กลืนกินเขา…อาจารย์กลืนกินซุนหยุน…”
หวังหลินหลับตา ครู่ต่อมาพลันลืมตาขึ้นทันทีและเผยสายตามุ่งมั่นจ้องมองเหยาปิงหยุน “เต๋าแห่งเวรกรรมนั้นลวงตาเกินไป จากสิ่งที่ข้าเห็นในขั้นที่สาม เต๋าแห่งสวรรค์ทั้งหมดต้องกลับคืนสู่ต้นกำเนิดที่แท้จริงของตัวเอง ข้าไม่รู้ว่าต้นกำเนิดของเต๋าแห่งเวรกรรมคืออะไร แต่การจะทำให้เขตแดนของข้ามีรูปร่างขึ้นมาได้ ข้าจำเป็นต้อง…กลืนกิน!”
“กลืนกินเขตแดนของคนอื่นเพื่อรู้แจ้งเขตแดน เข้าใจเขตแดน…จากนั้นเปลี่ยนมันให้กลายเป็นเขตแดนแห่งเวรกรรมของตัวเอง!” ดวงตาหวังหลินเย็นเยียบพลางประทับดัชนีลงระหว่างคิ้วของเหยาปิงหยุน