845. เต๋าความฝัน
ทว่าขณะสองนิ้วสัมผัสหน้าผากเหยาปิงหยุน หวังหลินหยุดชะงักกึก จ้องมองใบหน้าซีดเผือดของนางและขบคิดเงียบๆ
‘การกลืนกินเต๋าของผู้อื่น…คือการนำเต๋าทั้งหมดของเขามาและใช้มันเป็นของตัวเอง…อย่างไรเสียเต๋าแห่งสวรรค์นั้นไม่มีที่สิ้นสุดและไร้ขอบเขต เมื่อข้าเริ่มกลืนกินเข้าไปจะกลายเป็นแบบอย่างและข้าต้องกลืนกินเต๋านับไม่ถ้วนในอนาคต…กลายเป็นข้าได้เดินลงบนเส้นทางไม่มีวันกลับคืนเหมือนดั่งเทียนหยุน!’
‘อย่างไรเสียถ้าข้าไม่กลืนกิน ข้าจะไม่เข้าใจเวรกรรมและมันจะยังลวงตาอยู่แบบนี้ ข้าควรกลืนกิน…หรือไม่กลืนกินดี?’
หายากนักที่หวังหลินจะลังเลนานขนาดนี้ เขาไม่ได้รู้สึกเห็นอกเห็นใจเหยาปิงหยุน เขาแค่กำลังส่องหาเต๋าของตนเอง!
ก้าวครั้งนี้เป็นตัวเลือกแห่งเต๋าในขั้นวิกฤตยิ่ง เหล่าเซียนใช้ทั้งชีวิตฝึกฝนเต๋า แต่ละคนมีเต๋าที่แตกต่างขึ้นอยู่กับความรู้สึกและประสบการณ์ของคนผู้นั้น เต๋าแต่ละคนจึงเปลี่ยนไปไม่มีที่สิ้นสุด ทุกสิ่งในโลกสามารถเป็นเต๋าได้!
‘ครั้งนึงเทียนหยุนเคยพูดไว้ว่าเขามีร่างอวตารถึง 3,600 ร่าง แต่ละร่างควบคุมวิชาเทพคนละหนึ่งวิชา ในสายตาข้า ร่างอวตาร 3,600 ร่างพวกนั้นหมายถึงเขากลืนกินเต๋าไปทั้งหมด 3,600 รูปแบบ แม้จะผ่านไปนับหมื่นปีกลืนกินเต๋าไปมากมายขนาดนั้นเขาก็ยังไม่บรรลุขั้นสาม!’
‘อย่างไรถ้าหากข้าไม่กลืนกิน ข้าก็จะไม่เข้าใจเขตแดนแห่งเวรกรรม ข้ายังคลุมเครือและไม่ชัดเจน หากข้าไม่มีทิศทางที่แน่นอน ข้าจะค้นหาเต๋าได้อย่างไร…’
ใบหน้าหวังหลินเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ สายตาสลับไปมาระหว่างความสับสนและเด็ดขาด แขนขวาเข้าปกคลุมเหนือเหยาปิงหยุน แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่สามารถกดนิ้วลงได้จริงๆ
เวลาค่อยๆผ่านไป พระอาทิตย์เดินทางข้ามผ่านเส้นขอบฟ้าเปลี่ยนกลางวันเป็นกลางคืน สามวันผ่านไปหวังหลินรู้สึกเหมือนสามร้อยปี! แม้กระทั่งรูปร่างหน้าตาเขายังดูเหมือนแก่ขึ้น
ในสามวันนี้ร่างหวังหลินไม่ขยับเลย พายุลูกหนึ่งก่อขึ้นในใจเขาเต็มไปทั่วร่างกาย
หวังหลินพึมพำ “เต๋า…เต๋าคือสิ่งใด…” คำพูดเช่นนี้หลุดออกมาจากปากเขานับครั้งไม่ถ้วนตลอดสามวันที่ผ่านมา มันราวกับเขากำลังถามตัวเอง ความสับสนในสายตายิ่งทวีความรุนแรงมากไปอีก
‘ท้ายที่สุด…เต๋าคือสิ่งใด…’ ขณะกำลังแสวงหาเต๋าอยู่นั้นเขาไม่ได้รู้ว่าพลังดั้งเดิมในร่างกายกำลังวุ่นวายขึ้นมา สามวันที่ผ่านมานี้มันค่อยๆหมุนอย่างช้าๆจนในวันที่สามมันจึงเป็นเสมือนพายุที่เกือบจะหลุดออกจากการควบคุมไปแล้ว
ท้ายที่สุดพลังดั้งเดิมก็ออกมาจากร่างกาย ก่อเกิดเป็นวังวนสีขาวและสีดำ!
วังวนสีขาวและดำดูคล้ายหยินและหยาง แม้จะตัดขวางกันแต่ก็แตกต่างอย่างชัดเจน!
วังวนนี้หมุนเร็วขึ้นและรุนแรงขึ้น หวังหลินไม่รู้สึกตัวว่าเขากำลังจมดิ่งไปกับการแสวงหาเต๋า
ขณะกำลังค้นหาเต๋า วิญญาณดั้งเดิมค่อยๆเปลี่ยนรูปลักษณ์จากมังกรสายฟ้าโบราณกลับกลายเป็นรูปร่างมนุษย์ดังเดิม มันนั่งลงและยกแขนขึ้นมาราวกับกำลังชี้ใส่อะไรบางอย่างแต่ไม่ได้วางแขนลงไป
ราวกับมันกำลังชี้ใส่ชีวิตของหวังหลิน ชีวิตเขาที่กำลังแสวงหาเต๋า!
ในยามรุ่งอรุณ แสงอาทิตย์แรกสาดส่องลงบนดาวฉิงหลิง ผู้คนบนดาวตื่นจากการหลับไหลและดำเนินชีวิตประจำวันกันต่อไป
เหล่าเซียนกำลังฝึกฝนพลังปราณหยางจากดวงอาทิตย์! วันนี้ดูเหมือนพลังปราณจะมีพลังมากและหนาแน่นมากกว่าเดิมหลายเท่า เซียนแทบทุกคนรับรู้เรื่องนี้ได้จึงประหลาดใจและหาสถานที่ฝึกฝนกันทันที
ผู้คนบางส่วนค่อยๆค้นพบว่าตอนที่เผชิญหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ พลังปราณที่พวกเขาฝึกฝนจะหนาแน่นมากกว่าหลายเท่าตัว ดังนั้นผู้คนบางส่วนจึงเหาะเหินไปในทิศทางนั้น
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือส่วนหนึ่งของดาวฉิงหลิงเป็นที่ตั้งหุบเขาเหิงหยุน ตอนนี้มีเหล่าเซียนนับไม่ถ้วนอยู่ห่างจากภูเขาออกไปห้าพันลี้ ราวกับพวกเขากำลังเคารพบูชาภูเขาขณะฝึกฝนไปด้วย
บางครั้งการบ่มเพาะในช่วงเวลาสั้นๆสามารถเทียบได้กับการฝึกฝนเป็นเวลาหลายวัน
ในตอนนี้รูปภาพฟ้าดินปรากฏอยู่เหนือยอดเขาเหิงหยุน ควันสีขาวและดำพวยพุ่งขึ้นผสานเข้าด้วยกันก่อตัวเป็นรูปภาพหยินหยาง รูปภาพหยินหยางส่องสว่างเจิดจ้าภายใต้ท้องฟ้าสีคราม มันราวกับเป็นภาพวาดและทำให้ทุกคนตกตะลึงยามที่พบเห็น
ความตกตะลึงนี้ออกมาจากวิญญาณและแผ่กระจายไปทั่ว มันบรรจุพลังลี้ลับที่ทำให้ทุกคนจมดิ่งเข้าไปและไม่สามารถดึงตัวเองออกมาได้
“เต๋า…คืออะไร…” น้ำเสียงเก่าแก่นี้ดังสะท้อนอยู่ในดวงวิญญาณของเซียนทุกคนบนดาวฉิงหลิง
น้ำเสียงแฝงกลิ่นอายโบราณเอาไว้ราวกับมันพานพบชีวิตมามากมาย มีการแสวงหาหลักฐานเพื่อยืนยันเต๋าของตน เมื่อเสียงตกถึงหูของทุกคนจึงทำให้ตะลึงงันราวกับถูกกระแทกด้วยสายฟ้า
จิตใจแต่ละคนถามตัวเองขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“เต๋า…คืออะไร!?!”
บนยอดเหิงหยุน ถ้ำรอบตัวหวังหลินเปลี่ยนกลายเป็นฝุ่นผงเพียงแค่โดนสายลมพัดและสลายหายไป
ถ้ำทั้งแห่งบนยอดเขาหายไปเหลือเพียงแต่หวังหลินและเหยาปิงหยุนที่ยังไม่ตื่นดี ดัชนีเขายังคาอยู่เหนือหน้าผากเหยาปิงหยุน
เหนือทั้งสองคนคือภาพวงกลมหยินหยาง มันค่อยๆหมุนอย่างช้าๆ พลังปราณบนดาวฉิงหลิงได้รับผลกระทบด้วย มันค่อยๆแผ่กระจายออกมา
ตอนนี้หากมีคนมองอยู่จากด้านนอกดาวเคราะห์ พวกเขาคงเห็นว่าทั้งดวงดาวถูกห่อหุ้มอยู่ในหมอกสีขาวและดำ ดูน่าตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
หากมีคนระดับบ่มเพาะเท่าบรรพชนโลหิตผ่านเข้ามา พวกเขาคงตกตะลึง นี่เป็นสิ่งที่รู้จักกันในชื่อเต๋าความฝันของเซียนในขั้นที่สอง!
ข่าวลือว่าในตอนเริ่มต้นนั้นมีคนธรรมดาคนหนึ่งนามว่าเผิงจู่ผู้สามารถรู้แจ้งเต๋าจากความฝันของตนเอง เขากลายเป็นเทพโบราณและบันทึกลงในจิตใจแห่งเต่านับหมื่นได้ เขายังสามารถมองทะลุตะวันและจันทราได้อีก!
หวังหลินไขว่คว้าพิสูจน์เต๋าของตนเองทั้งที่ยังสับสน เขาจมดิ่งอยู่ในความฝันราวกับหลุดออกจากกายหยาบและกำลังลอยขึ้นไปอย่างช้าๆ ทว่านี่มันไม่ใช่วิญญาณดั้งเดิมเนื่องจากวิญญาณเขายังอยู่กับที่
“เต๋า…คืออะไร…” ภายใต้สภาวะประหลาดนี้ หวังหลินรู้สึกว่าร่างกายค่อยๆหายไปและเขากลายเป็นหนึ่งเดียวกับดาวฉิงหลิน ราวกับเขาคือดาวเคราะห์
ณ ป่าทึบแห่งหนึ่ง อสรพิษยาวสามฟุตเข้าพัวพันสัตว์ป่าตัวเล็กที่ผ่านมา ขณะที่ร่างใหญ่ของมันรัดแน่นขึ้นเล็กน้อย เสียงกระดูกแตกหักออกมาจากในร่างสัตว์ป่า ขณะที่เจ้าอสรพิษกำลังกลืนกินสัตว์ตัวนั้น ร่างกายมันสั่นสะท้านทันที
มันเงยศีรษะขึ้นมองออกไปไกล แววตาเย็นเยียบของมันหายไปและถูกแทนที่ด้วยความงุนงงสับสน
‘นี่มันไม่ใช่เต๋า…’ เสียงลมหายใจพัดผ่านไปดุจสายลม ความเย็นเยียบกลับคืนมาดังเดิม จากนั้นมันก็รัดสัตว์ป่าอย่างโหดร้ายและหายตัวเข้าไปไกล