Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 86

Cover Renegade Immortal 1

86. วิหารในผืนป่า

หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อย เขาชี้ไปที่วิญญาณเถิงลี่และเริ่มดูดซับมันทันที วิญญาณเถิงลี่เริ่มบวมขึ้นและเริ่มกลายเป็นละออง

จากนั้นบอลโลหิตพุ่งเข้าหาอย่างรวดเร็วและละลายเข้ากับวิญญาณนั้นวิญญาณเริ่มค่อยๆหดลง ทั้งบอลเนื้อและกระดูกได้ละลายเข้ากับหมอกวิญญาณนั้น

วิญญาณได้เปลี่ยนไปมหาศาล ตอนนี้มันกลายเป็นแหวนวงเล็กที่ลอยอยู่บนอากาศ เปล่งประกายแสงอันอ่อนโยน

หวังหลินสูดหายใจลึกเนื่องจากรู้ได้ว่านี่เป็นขั้นตอนสุดท้ายแล้ว เขาตั้งใจมากขึ้นขณะที่วางวิญญาณลงไปในแหวน

หลังจากผ่านไปอย่างยาวนาน ตัวแหวนได้เรืองแสงสว่างเจิดจ้าสายตาหวังหลินสว่างวาบและเขากัดลิ้นตัวเองหยดเลือดลงไปขณะที่เลือดสัมผัสกับแหวน มีเสียงร้อนฉ่าและหยดเลือดทั้งหมดได้หายไปทันที

หลังจากแหวนรวมเข้ากับเลือด มันก็เริ่มสั่นตัวแหวนเริ่มเปล่งแรงกดดันอันแข็งแกร่งและสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในระยะหนึ่งกิโลรอบหวังหลินรู้สึกทันที

กลิ่นอายอันทรงพลังได้ปรากฎขึ้นและพุ่งเข้าหาหวังหลินทันที

หวังหลินไม่ได้แสงอาการใดใด เขาโบกมือและแหวนก็รวมเข้ากับหน้าอกเขาทันทีทันใดนั้นคลื่นพลังปราณได้ไหลผ่านร่างกายเขาทำให้ใบหน้ากลายเป็นสีแดงเข้ม

หวังหลินสูดหายใจลึก ร่างกายเคลื่อนไหวราวกับลูกธนูขณะที่เขาหายตัวเข้าไปในป่า

ไม่นานหลังจากที่เขาจากไป อสรพิษยักษ์ได้ยกหัวมันขึ้นทันทีหลังจากดมกลิ่นรอบๆ มันเผยแววงุนงง หลังจากที่มันสั่นหัวมันก็หันตัวกลับและจากไป

ไม่นานจากนั้นลิงสูงสิบฟุตได้มาถึงอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้ามันพุ่งเข้าไปในหลุมต้นไม้และค้นหาอยู่พักนึงจากนั้นจากไปด้วยความรู้สึกผิดหวัง

สัตว์ป่าที่ทรงพลังอีกหลายตัวได้เข้ามาตรวจสอบแต่พวกมันล้วนกลับไปด้วยความสับสน

หวังหลินวิ่งผ่านป่าทึบเข้ามาทั้งที่ร่างกายเต็มไปด้วยพลังปราณ นอกจากนี้ขณะที่เขาวิ่ง ของเหลวเหม็นหึ่งได้ออกมาทุกรูขุมขนในร่างกาย

หวังหลินรู้สึกราวกับร่างกายกำลังฉีกขาดออกจากกันดังนั้นเขาหน้านิ่วและหยุดลง หลังจากเดินเป็นวงกลม สายตาเป็นประกายวูบวาบเขาเรียกใช้วิชาแรงโน้มถ่วงด้วยพลังปราณจำนวนมากในร่างกาย

สองมือยักษ์ผลักขุดดินบนพื้นออกไปวางข้างๆ ในไม่ช้า หลุมลึกก็ปรากฎบนพื้น

หวังหลินกระโดดเข้าไปในหลุมโดยไม่พูดอะไรให้มากความจากนั้นก้อนดินได้เคลื่อนที่กลับเข้ามาในหลุมและทุกอย่างกลับมาเป็นปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

เขานั่งสมาธิอยู่ใต้ดินหวังหลินเพ่งสมาธิไปที่การควบคุมพลังปราณในร่างกายตนเองร่างเขากำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ขั้นสร้างลำต้นอย่างช้าๆด้วยเสียงเงียบใต้ผืนดินและไม่มีอะไรมารบกวนหวังหลินจึงเริ่มปิดประตูฝึกฝนครั้งที่สามในชีวิต

วันเวลาผ่านไปเมื่ออ่านบรรทัดนี้จบลง สองปีก็ได้ผ่านไป

พื้นดินด้านบนที่หวังหลินปิดประตูฝึกฝนอยู่ตอนนี้ได้ปกคลุมไปด้วยชั้นใบไม้เน่าเปื่อยมีแมลงพิษกัดกินอยู่จำนวนมากในนั้น

ในวันนี้พื้นดินได้สั่นขึ้นและเหล่าแมลงมีพิษจำนวนไม่ถ้วนได้ไต่ออกมาจากใบไม้พวกนั้นใบไม้แห้งถูกผลักออกมาตามมาด้วยชั้นดินหนาขณะที่มีร่างสีดำร่างหนึ่งโผล่ออกมาจากหลุม

ขณะที่ร่างนั้นปรากฎขึ้น เหล่าแมลงทั้งหมดส่งเสียงกรีดร้องด้วยความกลัวขณะที่พวกมันถอยหนีอย่างรวดเร็ว

“วิชาชิงลำต้นช่างลึกลับเสียจริง ในที่สุดข้าก็ได้ผ่านเข้ามาถึงขั้นสร้างลำต้น” ร่างสีดำนั้นคือหวังหลิน

การเพ่งมองของหวังหลินราวกับสายฟ้าและทั้งร่างเต็มไปด้วยพลังปราณอันทรงพลังเขาเปิดปากและปล่อยแสงเขียวออกมา มันกลายเป็นกระบี่เหินสีเขียว

สายตาหวังหลินสว่างขึ้นเขายกมือและฝักกระบี่ได้พุ่งออกไปขณะที่พึมพำขึ้นมา “หลังจากชำระล้างฝักกระบี่ได้สองปีมันก็เกือบจะกลายเป็นของข้าได้สำเร็จแล้วเมื่อไหร่ที่ข้าใช้คู่กับกระบี่เหินผลลัพธ์ของมันต้องรุนแรงเป็นอย่างมากแน่นอน”

หลังจากเก็บทั้งกระบี่และฝักกลับไปเขาครุ่นคิดชั่วครู่จากนั้นสัมผัสกับลูกปัดบนหน้าอกและคิดขึ้น ‘ซือถูหนานใช้พลังวิญญาณขั้นผลิดอกไปเยอะมากเมื่อสองปีก่อนตอนที่ช่วยข้าหนีจากเถิงลี่เขาทั้งยังร่ายวิชาป้องกันเถิงฮัวหยวนไม่ให้ตามหาข้าเจอเขาหลับมามากกว่าหนึ่งปีแล้วและข้าไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่เขาจะตื่นยังดีที่ข้าจดจำวิถีนรกได้ตอนนี้ข้าต้องหาสถานที่ที่มีพลังหยินจำนวนมากเพื่อฝึกฝน’

หลังจากหวังหลินจัดระเบียบความคิดได้เขาก็สูดหายใจลึกและปล่อยสัมผัสวิญญาณออกมาหวังหลินเคลื่อนกายไปทางทิศเหนือทันทีจนเมื่อมาถึงแม่น้ำสายหนึ่งเขาชำระร่างกายที่เปื้อนฝุ่นเปื้อนดินที่เป็นสีดำหลังจากชำระล้างหมดจดก็รู้สึกสดชื่นมากๆ

เขานั่งบนก้อนหินใกล้แม่น้ำจากนั้นเรียกคืนประสบการณ์เฉียดตายขึ้นมาและรู้สึกเสียใจยิ่งนักเขาไม่รู้ว่าตอนนี้จางฮู่จะอยู่หรือตายเขาได้แต่ภาวนาว่าจางฮู่อาจจะเอาชีวิตรอดได้

เมื่อถอนหายใจออกมา หวังหลินละทิ้งความคิดพวกนั้นไว้และเริ่มไตร่ตรองหลังจากผ่านไปเวลานานเขาก็ผนึกฝ่ามือข้างขวาและปล่อยลำแสงสีขาวออกมาขณะที่ลำแสงสีขาวปรากฎขึ้น สีของมันเริ่มเปลี่ยนไปมันเปลี่ยนจากสีขาวกลายเป็นเทาและสีก็ค่อยๆมืดลงขณะที่มันลอยตรงไปทางทิศตะวันตกอย่างรวดเร็ว

หวังหลินตกตะลึง วิชาเซียนนี้ซือถูหนานได้สอนเขามันใช้สำหรับหาสถานที่ที่มีพลังหยินที่แข็งแกร่งยิ่งลำแสงเปลี่ยนเป็นสีดำมากเท่าไหร่นั่นแปลว่ามันพบกับพลังหยินอันแข็งแกร่งมากใกล้ๆเมื่อแสงกลายเป็นสีดำนั่นแปลว่ามันเจอสถานที่แห่งนั้นแล้ว

หวังหลินรีบไล่ตามแสงนั้นที่กลายเป็นสีเทาทันทีโดยไม่ปริปากลำแสงกลายเป็นดำขึ้นและดำมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมันกลายเป็นสีดำสนิททันใดนั้นมันก็สลายและหายไปทันที

ทันใดนั้นหวังหลินหยุดลง เขาจ้องไปที่สถานที่แห่งนั้นด้วยอาการตกตะลึง เขารู้สึกตกใจจนไม่อาจเปล่งคำพูดใดออกมาได้

ด้านหน้าเขาเป็นซากปรักหักพัง มีสิ่งก่อสร้างที่ทรุดตัวและต้นไม้หลายต้นไกลสุดสายตา

ซากปรักหักพังเต็มไปด้วยพืชรกชัฏ มีสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยวิ่งผ่านไปมา บ้างก็ส่งเสียงร้อง

มีรอยแตกบนพื้นราวกับพวกมันกำลังกลืนสิ่งมีชีวิตบนพื้นผิว

มีซากปรักหักพังโลหะจำนวนมากที่ปะปนกันกับพืชสีเขียวที่เติบโตทำให้พวกมันดูรู้สึกหดหู่บรรยากาศกดดันพวกนั้นอาจจะทำให้จิตใจสั่นไหวได้ง่ายๆ

หวังหลินสูดหายใจ เขาตกตะลึงขณะที่จ้องไปที่ซากพวกนั้น

ขณะเดียวกันก็มีหอคอยแห่งหนึ่งในซาก เสานั้นมีลำแสงสีขาวพุ่งออกมา หวังหลินจดจ้อง ใบหน้าเขาเปลี่ยนไปขณะที่หันศีรษะเข้าหาป่าทึบใกล้ๆ

เขาเห็นสัตว์ป่าตัวเล็กหนึ่งตัวที่ร่างกายเปื้อนไปด้วยเลือดกำลังคลานเข้าหาตำแหน่งที่เสาสีขาวอยู่รอยแผลลึกพอให้เห็นกระดูกบนขาขวา ขณะที่มันเดินมันทิ้งรอยเลือดเอาไว้ด้านหลัง

หลังจากผ่านไปนาน ในที่สุดมันก็มาถึงใต้เสาสีขาวและส่งเสียงร้องด้วยความยินดี เพียงไม่กี่วินาทีรอยแผลบนขาของมันได้รับการรักษาและสัตว์ตัวเล็กนั่นก็หายเป็นปกติ

มันส่ายร่างกายไปมาอย่างมีความสุขก่อนจะออกจากเสาต้นนั้นและหายจากไปในระยะสายตา

ตอนนี้ เสาสีขาวกำลังเปล่งแสง หวังหลินจดจ้องมันด้วยอาการตื่นตะลึง

ในขณะนั้นตัวเสาได้ละลายลงกลายเป็นจุดสีเงินนับไม่ถ้วนหวังหลินจดจ้องตำแหน่งและสังเกตต่อไป ครึ่งชั่วโมงต่อมาลำแสงที่เสาก็ปรากฎขึ้นอีกครั้ง

วัฎจักรนี้วนต่อเนื่องไปเรื่อยๆ หลังจากสังเกตุมันอยู่ทั้งวัน ที่สุดหวังหลินก็ได้รับความเข้าใจบางอย่าง

จากการขบคิดของหวังหลิน เสาแสงแห่งนี้กระทำบางอย่างกับแสงอาทิตย์ดูเหมือนว่าสถานที่ที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังพวกนี้จะมีสมบัติที่พอใช้การได้อยู่บ้างหลังจากดูดซับแสงอาทิตย์เพียงพอมันก็จะเปิดใช้งานได้อีก

และมันก็ดูเหมือนว่าสัตว์ป่าจำนวนมากรู้ว่าแสงจากเสานี้สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ในวันนั้นหวังหลินเห็นสัตว์ป่าไม่น้อยกว่ายี่สิบตัวมีแผลฉกรรย์มาที่เสาแสงนี้

เมื่อใกล้มืดลง หวังหลินคำนวณได้ว่าเสาแสงสุดท้ายกำลังจะปรากฎขึ้นเขาพุ่งไปข้างหน้าและวางมือติดกับเสาแสงนั้นอย่างไม่ลังเลเขารู้สึกราวกับลมอุ่นๆผ่านมาจากแสง นี่ไม่ใช่ความรู้สึกจากพลังปราณแต่เป็นบางสิ่งที่หวังหลินก็ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

ขณะที่ตอนนี้รู้สึกถึงอากาศอย่างช้าๆ สายตาหวังหลินได้สว่างขึ้นเขาฟันแขนตัวเองและวางแขนเข้าไปในเสาแสงในพริบตาเดียวแผลก็ถูกรักษาจนหายสนิท

หวังหลินครุ่นคิดชั่วครู่โดยไม่ได้พูดอะไรมาก เขาเดินเข้าไปในซากปรักหักพังและมาถึงหอคอยขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง

มันเป็นซากหอคอยทรงกระบอกขนาดยักษ์เมื่อมองจากข้างนอกเห็นได้ชัดว่าส่วนหนึ่งของหอคอยได้ตกหล่นลงมาถึงอย่างนั้นแม้มันจะเป็นซากปรักหักพังก็เห็นได้ชัดว่ามันเคยรุ่งโรจน์มาก่อนสองรูปปั้นยักษ์ถือดาบยืนอยู่ข้างบนหอคอยที่สูงราวๆสามสิบเมตร

หวังหลินจ้องไปที่ซากนั้นช่วยไม่ได้ที่เขาจะจินตนาการได้ว่าครั้งหนึ่งที่หอคอยอันรุ่งโรจน์ได้ร้าวไปครึ่งหนึ่งและบางส่วนได้ตกหล่นลงมาบนรูปปั้นทั้งสองนั้น

ลำแสงนั้นมาจากลูกปัดหินชิ้นหนึ่งที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางสองเมตรบนยอดหอคอย

ขณะที่ยืนถัดจากหินลูกปัดนั้น หวังหลินเริ่มลังเลลูกปัดหินใหญ่เกินไปและไม่อาจเคลื่อนที่ได้ง่ายๆเขาไม่แน่ใจว่าลูกปัดหินนี้รักษาอาการบาดเจ็บได้ยังไงจึงกลัวว่าหากเขาเคลื่อนย้ายออกไป มันอาจจะหยุดทำงานได้

หลังจากคิดเรื่องนี้อีกครั้งเขาไม่ได้ระวังอะไรมากแต่เริ่มสังเกตพื้นที่รอบๆแทนใบหน้าหวังหลินค่อยๆกลายเป็นประหลาดใจหลังจากตรวจสอบพื้นที่รอบๆเขาจึงพบได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างถูกปิดอยู่

ในซากปรักหักพังบางส่วนที่ยังอยู่ในสภาพดี มีของลายครามที่ยังคงอยู่ในสภาพดี บางส่วนกระทั่งมีสารสีดำเคลือบอยู่ด้วย

ท้องฟ้าเริ่มจะมืดลงแล้ว หวังหลินรีบออกจากซากพวกนี้ทันทีเมื่อท้องฟ้ามืดสนิท หวังหลินกลับมาถึงที่ป่าทึบเขาจ้องกลับไปที่ซากปรักหักพังพวกนั้นด้วยสายตาแวววาว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!