Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 870

Cover Renegade Immortal 1

870. ความลำเอียงของฉิงชุ่ย

หวังหลินหน้าซีดตอนที่สัมผัสถึงพลังเหนือจินตนาการปรากฏขึ้นระหว่างการต่อสู้ ร่างกายสั่นสะท้านและบังคับตัวเองให้ล่าถอย กระอักโลหิต ร่อนลงถึงพื้นพลางก้าวถอยไปหลายก้าว

ส่วนหลัวซู่กระอักโลหิตออกมาและต้องล่าถอยเช่นกัน หลังจากก้าวถอยไปสองสามก้าว เขาจ้องหวังหลินด้วยสายตาอาฆาต

ปรมาจารย์จงเฉินไม่ชอบใจทั้งสองฝั่งจึงบังคับให้แยกกัน ทว่าโลหิตไหลรินจากปากหวังหลินทำให้ฉิงชุ่ยยิงขอบเขตจวี่ออกไป!

“เขาไม่ใช่คนที่เจ้าจะฆ่าได้ เจ้าไม่มีคุณสมบัติ!” เมื่อขอบเขตจวี่ปรากฏ โลกเปลี่ยนสีสัน กลิ่นอายเย็นเยียบล้อมรอบบริเวณ!

กลิ่นอายเย็นเฉียบพวยพุ่งขึ้นทันที สีหน้าเซียนเฒ่าทั้งหมดบนเสื่อสมาธิพลันเปลี่ยนไป นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นขุนนางเทพฉิงชุ่ยใช้วิชาที่ทรงพลังที่สุด!

แม้กระทั่งสีหน้าของเซียนรอบด้านยังเปลี่ยนไปทันที!

“หยุด!” ปรมาจารย์ยืนขึ้นทันทีแต่มันสายเกินไปแล้ว!

หลัวซู่รู้สึกแค่พลังที่ต่อต้านไม่ได้พุ่งเข้ามาในร่างกาย เขาเห็นเพียงแค่แสงสีแดงของสายฟ้าเข้ามาในร่างกายเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงวิญญาณดั้งเดิมแตกสลายในร่าง!

หลังเสียงนี้เข้ามาในหู ความเจ็บปวดเหนือจินตนาการเคลื่อนไปตามร่างกาย!

วิญญาณดั้งเดิมของหลัวซู่ไม่สามารถต่อต้านสายฟ้าแดงนี้ได้เลย วิญญาณแตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที โลหิตจำนวนมากระเบิดออกมาจากร่าง เขาดิ้นรนหันกลับมามองคนที่ฆ่าตัวเอง แต่หันได้เพียงครึ่งร่างเท่านั้นก่อนที่ดวงตาจะหมองลงและหล่นลงกับพื้น!

ลมหายใจหยุดนิ่งและตาย!

แสงสีแดงกระพริบวาบออกมาจากร่างหลัวซู่ สายฟ้าแดงรับพลังงานจากวิญญาณหลัวซู่และกลับเข้าหาฉิงชุ่ย ใบหน้าขึ้นสีแดงเล็กน้อย

เงียบสนิท รอบด้านเงียบกริบโดยสิ้นเชิง เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้เซียนทั้งหมดอ้าปากค้าง ความคิดนิ่งอึ้งพลางนึกถึงเรื่องราวที่พึ่งเกิดขึ้นไป

“ฉิงชุ่ย!” ปรมาจารย์จงเฉินหันสายตามาหาฉิงชุ่ยด้วยความดุร้ายและเต็มไปด้วยความโกรธ

ฉิงชุ่ยเอ่ยน้ำเสียงนิ่ง “มันทำให้ซิ่วมู่กระอักเลือด ข้าต้องการชีวิตมัน!”

ปรมาจารย์จงเฉินจ้องฉิงชุ่ยและเอ่ยขึ้นมา “ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้ลำเอียงเลย ฉิงชุ่ยถ้าเจ้าไม่ให้คำอธิบายกับข้า ถึงแม้เราต้องทิ้งการแข่งขันตำแหน่งเทพไป ข้าก็จะสู้กับเจ้า!”

“มันแค่อุบัติเหตุ ถ้าเจ้าอยากจะสู้นัก ข้าก็จะสู้!” ตาขวาฉิงชุ่ยกระพริบสีแดง เขาดูดซับทัณฑ์สวรรค์มาแล้วจึงฟื้นฟูขอบเขตจวี่ได้เล็กน้อย นิสัยเดิมของเขาเริ่มค่อยๆเผยตัวออกมาเอง

ไม่มีเหตุจำเป็นจะต้องฆ่าหลัวซู่ หากมีเหตุผลจริงนั่นก็เพราะฉิงชุ่ยลำเอียง! เขาไม่ได้ตอบแทนความเมตตาของอาจารย์ แม้ตอนนั้นอาจารย์จะคิดว่าเป็นเรื่องตลก ตอนนี้เขาเคร่งขรึมและสนใจทุกคำพูดของอาจารย์ ในใจเขาซิ่วมู่คือศิษย์น้อง และตราบใดที่เขาอยู่ที่นี่จะไม่มีใครอนุญาตให้มาแกล้งซิ่วมู่ได้! ยิ่งไปกว่านั้นฉิงชุ่ยเห็นจิตสังหารในแววตาหลัวซู่อย่างชัดเจน เขาต้องฆ่าคนแบบนี้!

หวังหลินครุ่นคิดเงียบๆ มองฉิงชุ่ยและเอ่ยขึ้นอย่างเคารพ “ขอบคุณมาก…ศิษย์พี่!”

หลังกล่าวเช่นนั้น คลื่นก่อตัวขึ้นทันที!

“ศิษย์พี่? นี่…ซิ่วมู่เป็นศิษย์น้องของผู้อาวุโสฉิงชุ่ย?”

“เรื่องนี้มันเหลือเชื่อเกินไป ข้าไม่คิดว่าฉิงชุ่ยและซิ่วมู่จะมีอาจารย์คนเดียวกัน ข่าวลือว่าอาจารย์ของขุนนางเทพฉิงชุ่ยคือจักรพรรดิเทพป๋ายฟ่าน…ซิ่วมู่คนนี้…ก็คือศิษย์ของป๋ายฟ่านด้วยหรือ?”

“ไม่สงสัยเลยว่าหลายปีที่ผ่านมาซิ่วมู่จะทำตัวโอหังแบบนี้ เป็นเพราะศิษย์พี่ของซิ่วมู่คือขุนนางเทพฉิงชุ่ยนี่เอง ฮึ่ม! หากไม่ใช่เพราะว่าขุนนางเทพฉิงชุ่ย ซิ่วมู่ก็ไม่มีอะไรเลย!”

ซิ่วถิงใบหน้ามืดมนเลียริมฝีปากและจ้องหวังหลิน ความคิดว่องไวอย่างรวดเร็วแต่ท้ายที่สุดก็มองฉิงชุ่ยด้วยความหวาดกลัวและตัดสินใจได้

ส่วนเซียนหกนิ้วและเด็กหัวโต ทั้งคู่ต่างตกตะลึงและมีความคิดเป็นของตนเอง

ซื่อจื่อเฟิงอ้าปากกว้าง นางรู้สึกไม่เชื่อเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างหวังหลินและฉิงชุ่ย ขณะที่นางรู้สึกมีความสุขแต่ในเวลาเดียวกัน อดถอนหายใจไม่ได้

‘ข้ากลัวว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเขาและคนแบบข้าไปชั่วชีวิต…’

‘นายท่านเป็นศิษย์ตัวจริงของจักรพรรดิเทพป๋ายฟ่าน! ศิษย์น้องของขุนนางเทพฉิงชุ่ยอีก!’

จางกงเล่ยจ้องตะลึงงันกับฉากเหตุการณ์ตรงหน้า เขาคิดขึ้นมาในใจ!

ส่วนหนานกงหานยิ้มบิดเบี้ยว ‘ซิ่วมู่ผู้นี้มีอาจารย์คนเดียวกันกับขุนนางเทพฉิงชุ่ย ข้าควรคบหาเขาเป็นสหาย มันจะมีประโยชน์ต่อข้าในอนาคต’

ไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้น แม้กระทั่งสายตาของเซียนเฒ่าบนเสื่อก็ยังส่องสว่างขึ้น มีเพียงเทพโลหิตเยาะเย้ยในใจ

เสียงสนทนาระเบิดดังอื้ออึงเข้าไปในหูปรมาจารย์จงเฉิน เขามองฉิงชุ่ย ขบคิดชั่วขณะและยิ้มขึ้นมา “เมื่อขุนนางเทพฆ่าเขาไปเพราะอุบัติเหตุ เมื่อนั้นเราจะพูดเรื่องนี้กันทีหลัง อย่างไรเสียขุนนางเทพ โปรดพิจารณาไว้ด้วยว่าสำหรับเราเหล่าเซียนมันฝึกฝนกันไม่ง่าย ครั้งต่อไปโปรดระมัดระวังด้วย”

ฉิงชุ่ยหลับตาและไม่ตอบกลับ

ปรมาจารย์จงเฉินถอนหายใจอยู่ในใจ เป็นเขาเองที่ปลดผนึกฉิงชุ่ย แม้ระดับบ่มเพาะของฉิงชุ่ยไม่ได้ฟื้นฟูกลับมา หลังจากสังเกตอย่างละเอียดแล้วเขากลับพบว่ามีพลังหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในร่างฉิงชุ่ย พลังนี้ไม่ใช่ขอบเขตจวี่แต่ยังทำให้เขารู้สึกกลัว ดังนั้นเขาจึงไม่ทำอะไรที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์นัก

สำคัญไปกว่านั้น แม้กระทั่งผู้อาวุโสที่เคารพผู้จับอสูรจันทราได้บอกเขาไม่ให้ไปตอแยฉิงชุ่ย ตอนนั้นแม้กระทั่งป๋ายฟ่านยังทำดีรับเขาเป็นศิษย์เพื่อพาฉิงชุ่ยมาอยู่ข้างเขาแทนที่จะใช้กำลังบังคับ

‘หลัวซู่โอหังเกินไป! เมื่อเขาตายไปแล้วก็ตายไปแล้ว แต่โชคร้ายจริงๆที่สูญเสียมือดีด้านวิชาสัมผัสวิญญาณ…’ ปรมาจารย์จงเฉินหันสายตาไปที่หวังหลินและคิดขึ้นมา ‘ซิ่วมู่ต้องมีสมบัติทรงพลังไว้ปกป้องวิญญาณดั้งเดิม บางทีมันอาจจะเป็นของขวัญจากฉิงชุ่ย’

ปรมาจารย์จงเฉินเอ่ยน้ำเสียงสงบนิ่ง “ซิ่วมู่มีคุณสมบัติ!”

เมื่อหลัวซู่ตายไป ปรมาจารย์จงเฉินจึงสั่งการให้คนอื่นมาตัดสิน คนที่เข้ามาแทนหลัวซู่ยังตกตะลึงกับการตายของหลัวซู่ ท้ายที่สุดคนจำนวน 325 คนจึงเหลืออยู่ 196 คน ที่เหลือทั้งหมดถูกส่งออกไปด้านนอกด้วยค่ายกลเคลื่อนย้าย

“การทดสอบที่สอง บททดสอบปฐพี!” ปรมาจารย์จงเฉินใช้แขนขวาสร้างผนึกและกดประทับลงเข้าหาทะเลสาปสายฟ้าด้านล่าง

อักขระรูนมายาควบแน่นในฝ่ามือและร่อนลงใส่สนามอย่างรวดเร็ว วินาทีที่มันเข้าประทับลงไป ทั้งสามเริ่มดังกึกก้อง สายฟ้าสนั่น ลำแสงโค้งภายในสนามราวกับกลายเป็นทะเลสาปสายฟ้าของจริง

ประกายสายฟ้าดุจอสรพิษสีเงินกระพริบวูบวาบอย่างต่อเนื่อง พวกมันเกาะกลุ่มควบแน่นเข้าด้วยกันก่อนแตกกระจายไปทุกทิศทาง ช่องว่างขนาดสามสิบฟุตปรากฏขึ้นตรงใจกลางสนาม

“เพียงทนได้สิบห้าลมหายใจถือว่าผ่าน ส่วนที่เหลือจะถูกตัดสิทธิ์!”

เสียงคำรามดังออกมาจากทะเลสาปสายฟ้า จิตวิญญาณสายฟ้าตัวยักษ์ก่อตัวขึ้นมาจากสายฟ้าด้านนอกพื้นที่ มันเคลื่อนไหวส่งกลิ่นอายบีบบังคับ

สายตารอบด้านทั้งหมดตกลงไปที่หวังหลิน หวังหลินเป็นจุดเด่นของบททดสอบที่ผ่านมา ทุกคนต้องการเห็นว่าซิ่วมู่จะทนอยู่ในบททดสอบที่สองได้นานแค่ไหน!

แม้กระทั่งเซียนเฒ่าบางคนยังเริ่มสนใจ

“แรงกดดันจากจิตวิญญาณสายฟ้าในทะเลสาปไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปสามารถต้านทานได้ แม้กระทั่งซิ่วมู่ก็ทนได้มากสุดยี่สิบลมหายใจเท่านั้น อีกทั้งในหมู่ผู้ส่งสาส์นของอารามที่ฝึกฝนวิชาบ่มเพาะสายฟ้า มีคนไม่มากนักที่สามารถทนได้มากกว่ายี่สิบลมหายใจ!”

“จากที่ข้ารู้มา ทะเลสาปสายฟ้านี้เป็นหนึ่งในบททดสอบในการกลายเป็นผู้ส่งสาส์นของอารามเทพอัสนี ผู้ส่งสาส์นของอารามถูกแบ่งออกเป็นสี่ระดับ หากสามารถทนได้ยี่สิบลมหายใจถือว่าเป็นระดับสี่ แปดสิบลมหายใจคือระดับหนึ่ง หากทนได้มากกว่าร้อยลมหายใจสามารถกลายเป็นผู้ส่งสาส์นในอารามได้เลย! ไม่รู้ว่าซิ่วมู่จะทนได้นานแค่ไหน ข้าชักอยากจะเห็นเสียจริงๆ!”

“ทะเลสาปสายฟ้าทดสอบระดับบ่มเพาะของจริง ซิ่วมู่อาจจะไม่มีปาฏิหาริย์หรอก! ข้าอยากรู้เรื่องซิ่วถิงจากดาวตงหลินมากกว่า!”

เซียนรอบด้านสนทนากันอย่างเงียบๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!