890. เด็กหัวโต
แววตาเด็กหัวโตเต็มไปด้วยความหวาดกลัว กระอักโลหิตออกมา ทั้งร่างครอบคลุมด้วยแสงสีแดงโลหิต ถอยร่นด้วยความเร็วสูงสุด
วิชาหลบหนีโลหิตนั้นเงียบมากแต่เร็วมากกว่าสายฟ้าหลายเท่า พริบตาเดียวเขาก็หนีออกมาจากดาวซูซาคุได้ไกลมาก
ทว่าในพริบตาที่เขาก้าวเท้ามาที่นี่ หวังหลินก็ก้าวเท้าเกิดระลอกคลื่น ผสานเข้ากับโลกและร่างหายไป เขากระทั่งเร็วมากกว่าเงาโลหิตและปรากฏตัวด้านหน้าเงาที่กำลังหลบหนีโดยตรง
วินาทีที่ร่างหวังหลินปรากฏ ปลาหยินหยางโผล่ขึ้นมาในฝ่ามือขวา และเขากระแทกใส่อย่างโหดเหี้ยม
ฝ่ามือตีเข้าใส่ความว่างเปล่าแต่เกิดเสียงตู้มดังขึ้นในอวกาศ ฝ่ามือนี้แฝงเต๋าของหวังหลินและพลังดั้งเดิมไปด้วย ผลสะท้อนนี้เพียงพอให้สั่นสะเทือนฟ้าดิน
แสงโลหิตรอบเด็กหัวโตพลันแตกสลาย ใบหน้าซีดขาว แม้วิชานั้นเข้าปะทะในอากาศแต่กลับมีควันสีดำและขาวปรากฏขึ้นมา ควันสีขาวพุ่งเข้าไปในความว่างเปล่าทว่าปรากฏขึ้นในร่างเด็กหัวโตอย่างน่าประหลาด มุ่งตรงเข้าหาวิญญาณดั้งเดิมของเขา
เด็กหัวโตไม่เคยเจอวิชาเช่นนี้มาก่อนในชีวิต ควันสีขาวในร่างแตกสลายไปแต่ทำให้ต้นกำเนิดเทพในร่างแยกออกจากกันด้วย
นี่แค่เพียงเริ่มต้นเท่านั้น สิ่งที่ทำให้เด็กหัวโตอ้าปากค้างจริงๆคือควันสีขาว เมื่อควันสีดำล้อมรอบเขามันกลับทำให้ทั้งร่างเหี่ยวย่น พลังชีวิตจำนวนมากถูกถอนออกไป
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เขาตกตะลึงที่สุด วิชาเขาถูกหวังหลินทำลาย พลังแข็งแกร่งพุ่งผ่านอวกาศ กระแทกเข้าไปในร่างเขารู้สึกเหมือนอุกาบาตพุ่งชนโลก
ฉากเหตุการณ์นี้เหล่าเซียนทั้งหมดบนดาวซูซาคุร่วมเป็นสักขีพยานและต่างก็ตื่นเต้น บางคนยังตกใจกับเด็กหัวโตและเริ่มตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่มแต่เซียนหลายคนจากแต่สำนักเหาะเหินออกไปสู่ปลายสุดการต่อสู้
เซียนหลายต่อหลายคนค่อยๆลอยขึ้นไปพร้อมกับโจวหวู่ไท่และหยุนเชว่จื่อด้วย
วินาทีนี้การต่อสู้ห่างจากหวังหลินและเด็กหัวโตไม่ไกลนักมีเมืองธรรมดาอยู่แห่งหนึ่ง ชายชราผมขาวดวงตาหม่นมองและได้รับบาดเจ็บจากเด็กหัวโตพลันดิ้นรนแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกไปสังเกตการณ์ต่อสู้
เขาอยู่ในห้องลับและมีภาพวาดหนึ่งเบื้องหน้า ภาพวาดนั้นเป็นรูปร่างชายชราผู้ใจดี ด้านล่างภาพวาดเป็นป้ายสิทธิ์ แกะสลักคำพูดเอาไว้ว่า “หวังจัว บรรพชนตระกูลหวัง”
ส่วนเด็กหัวโต สัมผัสแรงกระแทกรุนแรงและเกิดเสียงปะทุออกมาจากทุกส่วนทั่วร่างกาย ร่างกายเข้าใกล้พื้นดินอย่างรวดเร็ว พลังปราณสวรรค์กระตุ้นอย่างบ้าคลั่ง ฝ่ามือขวาชี้ไปที่ร่างตัวเองหลายจุดก่อนจะหยุดยั้งตัวเองได้ เขาหัวเราะและพุ่งกลับออกมา สองฝ่ามือสร้างผนึก พลังปราณสวรรค์จำนวนมากไหลเวียนก่อตัวเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ด้านหน้า!
“วิชาเทพ ตาข่ายทำลายวิญญาณ!” เด็กหัวโตร้องคำราม ตาข่ายพลันขยายขนาดออกไปมากกว่าพันฟุตและเข้าไปใกล้หวังหลิน
หวังหลินเผยสายตาเย็นเยียบ ก้าวไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง ขณะที่ตาข่ายเข้ามาใกล้ ฝ่าเท้าเกิดระลอกคลื่นและเขาก็หายตัวไป
ใบหน้าเด็กหัวโตซีดขาว ดวงตาตกตะลึง รู้สึกว่าก่อนหน้านี้มีบางอย่างผิดปกติ วิชาหลบหนีโลหิตถูกส่งต่อมาจากตระกูลและเขาเสียสละฝึกฝนมันเพื่อเอาตัวรอด แต่วิชาหวังหลินกลับเร็วมากกว่าการเคลื่อนที่พริบตาเสียอีก
เขาใช้วิชาหลบหนีโลหิตเพื่อหลบหนีสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาตั้งแต่เยาว์วัย
ทว่าตอนนี้ซิ่วมู่กลับใช้วิชาที่ไม่รู้จัก ก้าวข้ามเขาไปได้ทันที ทำให้เขาหมดคำพูดแต่ไม่มีเวลามาคิดถึงเรื่องนั้น เมื่อเห็นซิ่วมู่ใช้มันอีกครั้ง เส้นผมทั้งหมดตั้งขึ้น พลังปราณสวรรค์ในร่างระเบิดพุ่งพล่าน
แต่ควันสีขาวจำนวนมากโผล่ออกมาจากร่างเด็กหัวโต ก่อตัวเป็นพายุรุนแรงนอกร่างกาย
ขณะที่มันผ่านไป ร่างหวังหลินปรากฏตัวขึ้นมา ดัชนีก่อรูปกระบี่ใช้ตัดสวรรค์นับสิบสายผสานเป็นหนึ่ง พุ่งแทงใส่วังวนพลังเทพดั้งเดิมโดยตรง
ร่างเด็กหัวโตปกคลุมไปด้วยเหงื่อเย็นเฉียบและรีบถอยร่น เขารู้สึกหวาดกลัวต่อวิชาประหลาดของหวังหลิน ยิ่งไปกว่านั้นหวังหลินยังไม่ได้ใช้วิชาสายฟ้าอันน่ากลัวนั่นเลย
พอคิดถึงวิชาสายฟ้านั่น ความหวาดกลัวก็ยิ่งรุนแรงขึ้น เขากระวนกวายขึ้นมาทันที พลันร้องตะโกน “ซิ่วมู่ ข้าไม่ได้สังหารใครสักคนที่นี่! ทำไมเจ้าถึงมาบังคับข้าแบบนี้!?”
หวังหลินสีหน้าเยือกเย็นและหยุดชะงัก
เด็กหัวโตเผยสายตายินดีและรีบพุ่งออกไป อ้าปากร้องตะโกน “ซิ่วมู่ เจ้าและข้าต่างไม่ใช่ศัตรูกัน ข้าไม่ยั้งคิดเอง จะจากไปเดี๋ยวนี้!” จิตใจเต้นกระดอน นี่คือวิกฤตความเป็นความตายของจริง เขาสาบานว่าถ้าหนีรอดไปได้จะกลับไปหาค่ายหลักของเหล่าเซียนทุกชั้นฟ้าและเปิดโปงตัวตนของซิ่วมู่
‘ซิ่วมู่! ข้าจะจดจำวันนี้เอาไว้เพื่อแก้แค้น ข้าจะทำลายชื่อเสียงในดาราจักรทุกชั้นฟ้าของเจ้า เมื่อผู้อาวุโสเช่นเทพโลหิตออกมาไล่ล่าคนทรยศแบบเจ้า ข้าอยากจะเห็นว่าเจ้าจะหนีรอดไปได้อย่างไร! แม้เจ้าจะมีศิษย์พี่ฉิงชุ่ย เขาก็ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้!’ เด็กหัวโตกัดฟันแน่นแต่ไม่กล้าเผยความคิดตัวเองออกมา เขามองท้องฟ้าและเห็นชั้นบรรยากาศ ตราบใดที่ทะลุออกไปจากชั้นบรรยากาศ ซิ่วมู่คงไม่กล้าโจมตีเขาโดยมีเซียนนับร้อยเป็นพยาน
หวังหลินเหยียดยิ้ม เขารู้อย่างชัดเจนว่าเด็กหัวโตกำลังคิดอะไรอยู่ พลันยกแขนขวาขึ้นมา เสียงกระดิ่งดังสะท้อนอยู่ในร่างเขา
ในเวลาเดียวกันภาพมายาเตาหลอมเทพปราณปรากฏขึ้นมา หลังจากนั้นหวังหลินก็เอ่ยปากโดยไม่รีบอะไรนัก “แลกเปลี่ยน!”
พริบตานั้นร่างเด็กหัวโตเรืองแสงน่ากลัว แสงน่ากลัวนี้ปรากฏขึ้นทันทีจนทำให้เขาตกตะลึง ทว่าในไม่ช้าสายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ร่างหายไปและสลับที่กับหวังหลินทันที!
“ข้าบอกแล้วว่าเจ้าจะหนีไปไหนไม่ได้!” หวังหลินก้าวทีละก้าวเข้าหาเด็กหัวโต แววตาเย็นเยียบรุนแรงยิ่งกว่า
เด็กหัวโตรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ ขณะที่หวังหลินเข้ามาใกล้พลันเกิดความรู้สึกต่อต้านไม่ได้เข้าแพร่กระจายจิตใจอย่างบ้าคลั่ง สำหรับเขาแล้วหวังหลินดุจยักษ์ที่มีจิตวิญญาณไม่ย่อท้อเดินเข้ามา เขากัดฟันแน่น แววตาเผยแสงโหดเหี้ยม
รีบล่าถอย ฝ่ามือสร้างผนึก เริ่มร่ายด้วยภาษาประหลาดและเกิดกลิ่นอายเย็นแพร่กระจาย
“ซิ่วมู่ เจ้าบังคับข้า!” เมื่อเด็กหัวโตร่ายวิชาจบ อักขระรูนครึ่งโปร่งแสงปรากฏในอากาศเบื้องหน้า หลังจากนั้นอักขระรูนอีกนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมา พวกมันไม่ได้โจมตีหวังหลินแต่เข้าไปในร่างเด็กหัวโต
เสียงร้องโหยหวนดังออกมาจากเขา เขารู้ว่าวิชาทั้งหมดและสมบัติวิเศษนั้นไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าหวังหลิน ยิ่งคิดเรื่องวิชาสายฟ้าที่หวังหลินยังไม่ได้ใช้ ยิ่งทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
ราวกับว่าอีกฝ่ายหนึ่งมั่นใจยิ่งที่วิธีต่อต้านทั้งหมดของข้าล้วนไม่มีค่า
สัมผัสนี้ทำให้หนังศีรษะด้านชาและยิ่งกระตุ้นให้ยอมจำนน แต่เขาก็ไม่อาจทำได้ ดังนั้นจึงใช้วิชาเทพที่ทรงพังที่สุดของตัวเองเผชิญหน้าเป็นครั้งสุดท้าย!
ยามที่อักขระรูนเข้าไปในร่างกาย ทั้งร่างเหี่ยวแห้งราวกับแกนพลังทั้งหมดในร่างรวมเข้ากันที่ศีรษะ
เดิมทีเขามีศีรษะใหญ่กว่าร่างกายเฉยๆ เมื่อใช้วิชาเทพนี้ร่างกายกลับเล็กลงไม่ต่างอะไรกับโครงกระดูก อย่างไรก็ตามตอนนี้ศีรษะเขาใหญ่เกินไปจนตกตะลึง!
ศีรษะใหญ่โตทำให้รูปลักษณ์ของเขาดุร้ายขึ้นเป็นกอง เส้นเลือดจำนวนมากปูดโปนจากหน้าผากราวกับมีหนอนอยู่ใต้ผิวหนัง หากคนธรรมดามาเห็นตอนกลางคนคงหวาดกลัวจนเก็บไปฝัน
เดิมทีเด็กหัวโตไม่ได้มีเส้นผมมากนัก หลังจากใช้วิชาประหลาดนี้เส้นผมทั้งหมดก็หลุดร่วงไม่เหลือแม้แต่เส้นเดียวบนศีรษะ
เสียงหัวเราะแหลมดังก้องออกมา ฝ่ามือสร้างผนึกชี้ใส่สองข้างศีรษะ สายตาจับจ้องไปยังหวังหลินและร้องตะโกน “วิชาเทพ ขจัดเส้นเอ็น!”
ขณะร้องคำคราม เสียงปะทุดังขึ้นดุจเสียงฟ้าร้อง เส้นโลหิตดิ้นพล่านมากมายระเบิดออกมาจากศีรษะและเปลี่ยนกลายเป็นอสรพิษสีเขียว พวกมันผสานเข้าด้วยกันและยื่นยาวดุจเสาเข้าหาหวังหลิน
หวังหลินยังมีท่าทีนิ่งเฉย เหตุผลที่เขาไม่ได้ใช้วิชาทรงพลังอันใดก็เพราะเขามีวิธีใช้เด็กหัวโตทางอื่น ถ้าเขาใช้วิชาทรงพลังคงไม่อาจรั้งมือได้เพราะไม่สามารถควบคุมระดับบ่มเพาะปัจจุบันได้ดีพอ
อีกทั้งอีกฝ่ายเป็นหนึ่งในเทพสวรรค์ทั้ง 36 ตน หวังหลินไม่พร้อมจะแตกหักกับดาราจักรทุกชั้นฟ้า เขาสามารถฆ่าเซียนธรรมดาได้แต่กลับเทพสวรรค์หนึ่งตนใกล้ดาวซูซาคุนั้น โดยเฉพาะมีเซียนนับร้อยกำลังเฝ้ามองอยู่ มันคงไม่เป็นการตัดสินใจที่ฉลาดนัก!
อย่างไรก็ตามด้วยนิสัยของหวังหลิน เมื่ออีกฝ่ายล่วงเกินเขา เขาจะไม่ปล่อยมันไปแน่นอน หวังหลินมีความคิดหนึ่งในการต่อกรกับสถานการณ์ให้ดีเยี่ยม