Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 899

Cover Renegade Immortal 1

899. รองจ้าวตำหนักอาฆาต 1

วินาทีที่เสียงดังกึกก้อง กลิ่นอายเซียนขั้นส่องสวรรค์ผู้หนึ่งกระจายออกมาและก่อตัวเป็นพายุ กวาดผ่านต้นไม้ใบหน้า บังคับอักขระรูนให้หลุดลอยออกไป

เงามายาร่างหนึ่งปรากฏเหนือต้นไม้พังทลาย สวมชุดคลุมสีดำและปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำหนาทึบ

หวังหลินมองร่างเขาผู้นั้นด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “แค่วิญญาณดั้งเดิมขั้นส่องสวรรค์ ข้าอยากจะเห็นเสียจริงว่าเจ้าจะทำให้ข้าชดใช้ทั้งชีวิตได้อย่างไร!”

ฝ่ามือขวาสร้างผนึกและชี้ออกไป ชุดเต๋าร่วงโรยลอยออกมาพร้อมปรากฏกระดูกอสูร แสงชั่วร้ายในแววตากะพริบวาบ กลิ่นอายปีศาจทรงพลังแพร่กระจายออกมาและแสงสีเท่าเกิดขึ้นบนต้นไม้ตรงหน้า

ชายชุดดำเงยศีรษะขึ้นมามองหวังหลินและเหินออกไป ต้นไม้เบื้องล่างแตกสลายกระจัดกระจายทันที

ควันสีม่วงหลายเส้นโผล่ออกมาจากต้นไม้เข้าไปในร่างชายชุดดำ พริบตานั้นร่างเขาก็เริ่มกลายเป็นรูปเป็นร่าง

หวังหลินก้าวเท้า ดวงตาส่องสว่าง สองดัชนีก่อนรูปเป็นกระบี่และชี้ออกไป ก้อนสายฟ้านับไม่ถ้วยปรากฏออกมาจากความว่างเปล่าก่อเกิดเป็นพายุสายฟ้า เข้าไปใกล้ชายชุดดำด้วยการชี้นำของหวังหลิน

ชายชุดดำใบหน้ามืดมัว ฝ่ามือสร้างผนึกพร้อมกับล่าถอยไปด้วย ม่านสีดำปรากฏขึ้นรอบตัว วินาทีที่พายุสายฟ้าเข้ามาถึง พลันเกิดระเบิดกึกก้องเสียงดังสนั่นในถ้ำ

ทั้งตัวถ้ำเริ่มแตกสลายเป็นเกล็ดชิ้นใหญ่ ชายชุดดำร้องเสียงอู้อี้ ถอยร่นอย่างรวดเร็ว

“ห่างเกินเถิดสหายเซียน หากมีปัญหาอันใดเราก็คุยกันได้ ข้าคือหลิวชิงหยุน รองจ้าวตำหนักอาฆาตสำนักซากศพ!” สีหน้าชายชุดดำตกตะลึงยิ่ง เขาเพิ่งตื่นขึ้นมาความคิดจึงพร่ามัว ทว่าหลังจากตั้งสติได้เขาก็พบว่าคนที่ปลุกเขาคือเซียนขั้นส่องสวรรค์!

ถ้ายังมีร่างกาย เขาคงไม่ต้องกลัว แต่ตอนนี้ เขาไม่มีร่างกายแล้วและคนตรงหน้าไม่ได้มีแค่คนเดียว เด็กหัวโตก็เป็นเซียนขั้นส่องสวรรค์ และแม้หุ่นเชิดอีกคนจะไม่ใช่มันก็ยังเป็นถึงชั้นรูปธรรมหยางสูงสุด

ยิ่งเขามองทั้งสามคนก็ยิ่งตกตะลึง ไม่ต้องกล่าวถึงว่าเขาไม่มีร่างกาย แม้จะมีก็คงต้องหนีทันที

หนทางเป็นไปได้เดียวในการสู้กับเขาคือหากสามารถครอบครองร่างเผ่ามารยักษ์ได้สำเร็จเขาก็จะสามารถส่งคนหนึ่งออกไปได้ จากนั้นใช้พลังของร่างกายต่อสู้อีกคน และใช้วิชาเซียนต่อสู้กับคนสุดท้าย อย่างไรเสียทั้งหมดนี้แค่อยู่ในความคิด

ชายชุดดำยิ้มบิดเบี้ยวในใจและรีบพูดออกมา “สหายเซียน ข้ากลัวว่านี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด ข้าเพิ่งตื่นขึ้นจึงได้พูดอะไรที่อาจทำร้ายสหายเซียนอยู่บ้าง ข้าหวังว่าท่านจะให้อภัยข้า หากสหายเซียนชอบร่างเผ่ามารยักษ์ตัวนี้ ข้าจะยกมันให้ท่านเป็นของขวัญสำหรับพันธมิตรที่ดี”

เขาพูดไปด้วยพลางถอยไปด้วยอย่างต่อเนื่อง

หวังหลินเคลื่อนตามหลังอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า ใต้ฝ่าเท้าเกิดระลอกคลื่นเบาบาง ดวงตาส่องสว่าง

‘วิญญาณดั้งเดิมขั้นส่องสวรรค์ระดับต้น…ด้วยวิญญาณอ่อนแอดวงนี้ ข้ามั่นใจว่าจะทำให้ร่างต้าซานบรรลุขั้นส่องสวรรค์ได้’

แววตาหลิวชิงหยุนเต็มไปด้วยความระมัดระวังและลอบสาปแช่ง เหตุผลที่เขาเลือกดาวเคราะห์ครึ่งขยะแห่งนี้เป็นเพราะที่นี่ไม่มีค่าอะไรให้เซียนระดับนี้สนใจ แผนเขาคือใช้เวลาเงียบๆ หลายพันปีเพื่อครอบครองร่างนี้และจากนั้นกลับไปที่ตำหนักเพื่อครองตำแหน่งจ้าวตำหนัก

แต่ไม่คิดมาก่อนว่าท้ายที่สุดจะมีเซียนระดับนี้ให้ความสนใจ สมองเล่นเร็วจี๋และคิดได้ว่านี่คือแผนของรองจ้าวตำหนักคนอื่น รองจ้าวตำหนักสามคนต้องรับประโยชน์บางอย่างเพื่อมาที่นี่และทำลายฐานเขา พวกเขาต้องวางแผนโจมตีขณะที่เขายังอยู่ในสภาวะร่างวิญญาณและกวาดล้างเขาออกไป!

‘บัดซบ เพื่อไม่ให้รองจ้าวตำหนักคนอื่นสนใจ ข้าจึงต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง ข้าถึงกับไม่ส่งลูกน้องคนใดมาปกป้องข้าและจัดการความลับอยู่คนเดียว ข้าไม่คิดว่าสถานที่ของข้ายังถูกค้นพบอีก’ หลิวชิงหยุนมืดมน ขณะล่าถอยก็สังเกตกลุ่มของหวังหลินไปด้วย

ยิ่งเขามองพวกนั้นก็ยิ่งไม่คุ้นหน้าคุ้นตา เขาคือรองจ้าวตำหนักแห่งสำนักซากศพ บางทีเขาก็ไม่ได้เจอเซียนขั้นหยินหยางทั้งหมดในดาราจักรพันธมิตรเซียน แต่เขาก็เคยเห็นเซียนเกือบทุกคนที่บรรลุขั้นส่องสวรรค์ อีกทั้งแล้วไม่ได้มีเซียนมากนักที่สามารถบรรลุขั้นส่องสวรรค์ในดาราจักรนี้ได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กหัวตัวนั่นทำให้เขางุนงงมาก ระดับบ่มเพาะของเด็กหัวโตอยู่ที่ขั้นส่องสวรรค์ แต่เขาไม่อาจสัมผัสเขตแดนใดจากอีกฝ่ายได้เลย แต่กลับรู้สึกถึงต้นตออันทรงพลังจากปราณเทพ

‘นี่มัน…เทพ!’ แววตาหลิวชิงหยุนเบิกกว้างและถอยร่นเร็วกว่าเดิม

“เจ้าจะหนีไปไหนไม่ได้!” ใต้ฝ่าเท้าปรากฏระลอกคลื่นและร่างหวังหลินหายวับไป

แทบทำให้หลิวชิงหยุนจนปัญญา

เขากรีดร้อง “บิดมิติ!!!”

วิญญาณดั้งเดิมแตกสลายกลายเป็นเศษแสงนับไม่ถ้วน ละอองแสงกระจายตัวและหนีขึ้นบนอย่างบ้าคลั่ง

‘รองจ้าวตำหนักคนอื่นพวกนั้นครั้งนี้จ่ายไปเยอะพอดู! สามารถชวนเซียนขั้นส่องสวรรค์ที่ใช้บิดมิติมาได้แบบนี้ พวกเขาต้องจ่ายไปมากขนาดไหนกัน!’ หลิวชิงหยุนสั่นไหว แต่วินาทีนั้นเขาก็ยุ่งมากเกินกว่าจะเก็บมาคิด ความสิ้นหวังเกาะกุมหัวใจ

เซียนที่เชี่ยวชาญวิชาบิดมิติถือว่าแข็งแกร่งท่ามกลางเซียนในระดับเดียวกัน พวกเขาสามารถเผชิญหน้าและล่าถอยได้ตามต้องการ การต่อสู้กับคนแบบนี้ถือเป็นฝันร้าย

วิญญาณดั้งเดิมเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงและรีบหนี ทว่าหวังหลินก้าวเท้าออกมาจากความว่างเปล่าและตบกระแทกฝ่ามือใส่อย่างโหดเหี้ยม! โลกสั่นไหว พลังอันแข็งแกร่งทำให้เศษร่างหลิวชิงหยุนผสานกันอีกครั้ง ใบหน้าซีดเซียวและกำลังจะถอย

เสียงหัวเราะเยาะดังขึ้นในหู เด็กหัวตัวส่ายศีรษะและกีดขวางเส้นทางหลิวชิงหยุน

ต้าซานเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วอยู่อีกไกล

หลิวชิงหยุนยิ้มอย่างขมขื่น เขารู้ว่าไม่สามารถหนีรอดจากเซียนที่เชี่ยวชาญบิดมิติได้ พลันถอนหายใจและเอ่ยปาก “สหายเซียนระหว่างเราไม่มีความอาฆาตบาดหมางกัน เจ้าจะเปิดทางรอดให้ข้าได้หรือไม่? ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างแน่นอน!”

หวังหลินมองหลิวชิงหยุนและเอ่ยถาม “เจ้าจะตอบแทนข้าอย่างไร?”

หลิวชิงหยุนกัดฟันแน่น “ข้ามีวิญญาณดั้งเดิมของเซียนขั้นส่องสวรรค์คนหนึ่ง ว่าอย่างไร?”

มันคือวิญญาณของศัตรูคู่อาฆาตของเขา หลายปีก่อนเขาใช้พลังของสำนักซากศพเพื่อทำลายร่างศัตรูและเอาวิญญาณมา เดิมทีเขาต้องการใช้มันเพื่อปรับแต่งหุ่นเชิด แต่วินาทีความเป็นความตายแบบนี้เขาจึงต้องมอบให้

หวังหลินเอ่ยสงบนิ่ง สีหน้าปกติสุข “โอ้? นำมันมานี่สิ”

หลิวชิงหยุนมองหวังหลิน ดวงตาส่องสว่าง “สหายเซียน หากข้านำมันออกมา เจ้าคงยังไม่ปล่อยข้าไป…”

ก่อนจะพูดจบ หวังหลินขมวดคิ้วและมองหลิวชิงหยุนอย่างเยือกเย็น “ข้าให้เวลาเจ้าคิดสามลมหายใจ!”

หลิวชิงหยุนขบคิดเงียบๆ ก่อนจะถอนหายใจ สัมผัสระหว่างคิ้วพลันเกิดระลอกคลื่นและมีกระจกปรากฏขึ้นมา กระจกเกิดแสงกระพริบวาบ วิญญาณดั้งเดิมของชายวัยกลางคนค่อยๆ ปรากฏ

หลิวชิงหยุนส่งวิญญาณดั้งเดิมมาข้างหน้าโดยไม่ลังเลใดๆ วิญญาณร่อนลงบนฝ่ามือหวังหลิน

หลังจากสังเกตวิญญาณดั้งเดิมอย่างละเอียด หวังหลินพยักหน้า วิญญาณดวงนี้ีเป็นของเซียนขั้นส่องสวรรค์จริงๆ ทว่าสติมันหายไปแล้ว มันจึงเป็นแค่เปลือกของวิญญาณดั้ังเดิม

หลังจากนำวิญญาณออกมา หวังหลินส่ายศีรษะ “นี้ีมันไม่พอจะแลกเปลี่ียนชีวิตเจ้า”

หลิวชิงหยุนยิ้มบิดเบี้ยว เขารู้ว่าสิ่งที่เขาให้ไปนั้นน้อยเกินเมื่อเทียบกับสิ่งที่รองจ้าวตำหนักคนอื่นต้องจ่าย หลังขบคิดชั่วครู่ ใบหน้าไม่มั่นใจ

วินาทีต่อมาเขาก็เงยศีรษะขึ้นกัดฟันแน่น “สหายเซียน มีสิ่งหนึ่งที่ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะพอใจ!”

แววตากะพริบชั่วร้าย แขนขวาเข้าสัมผัสกระจกที่ปรากฏขึ้นก่อนหน้านี้ พลังกดดันแข็งแกร่งโผล่ออกมา

ปังปัง ปังปัง… เสียงหัวใจเต้นกระดอนออกมาจากกระจก หลังจากนั้นซากศพหนึ่งลอยออกมา

ซากศพร่างนี้สีแดงทั้งร่าง วินาทีที่ปรากฏออกมา เพลิงมหึมาเต็มไปทั่วโลก เพลิงนี้เข้มข้นจนแม้กระทั่งสีหน้าเด็กหัวโตเปลี่ยนไป

“นี่คือร่างศพวิญญาณเพลิง ถูกจัดเป็นร่างศพอันดับสิบสองในสำนักซากศพ หากสามารถครอบครองร่างนี้ได้สำเร็จ เมื่อนั้นจะไม่มีวิชา

เพลิงไหนในโลกจะทำร้ายเจ้าได้ อีกทั้งเจ้าสามารถควบคุมเพลิงในโลกได้อีกด้วย! มูลค่าของร่างศพนี้สูงส่งยิ่งนักและน่าจะเพียงพอต่อการแลกเปลี่ียนชีวิตข้า!” ขณะหลิวชิงหยุนพูดขึ้นมา เขาก็โยนร่างศพนั้นให้หวังหลินทันที

ร่างศพเพลิงเร็วมากและเข้ามาใกล้หวังหลินในพริบตา ทว่าขณะที่ีมันเข้ามาใกล้ จึงพลันเบิกตาขึ้นและเผยแสงชั่วร้าย

หลิวชิงหยุนเปลี่ยนสีหน้าชั่ว ร้องตะโกน“ระเบิด!”

ร่างศพเพลิงแตกสลาย พลังของมันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อดาวซูซาคุแต่กักขังพลังไว้ในพื้นที่เล็กๆ แห่งนี้ ด้วยหนทางนี้มันจึงจะสามารถแสดง

พลังได้เต็มที่ เพลิงเหนือจินตนาการพลันพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและแพร่กระจายกันออกไป พริบตาเดียวก้อนเมฆทั้งหมดเลือนหายและเกิดรอยร้าวขึ้นกลางท้องฟ้า

เปลวเพลิงทรงพลังเกินไปจนต้าซานต้องล่าถอย กระทั่งสีหน้าเด็กหัวโตยังซีดเผือดพร้อมกับถอยไปด้วย เขารู้ว่าหากร่างศพเพลิงแตกสลายตรงหน้า เขาคงหนีไปไหนไม่ได้!

เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลิวชิงหยุนจะกล้าสู้ทั้งที่เสียเปรียบขนาดนั้น! นี่ีเป็นครั้งแรกที่ีเด็กหัวโตได้รับความเข้าใจเซียนฝั่งพันธมิตรอย่างลึกซึ้ง

หลิวชิงหยุนหัวเราะบ้าคลั่ง จากนั้นร่างดุร้ายของเขากะพริบวาบพุ่งตรงขึ้นหาท้องฟ้าด้วยนิสัยของเขาปกติมักจะประณีประณอม ทุก

อย่างที่ทำลงไปคือการจงใจให้คนอื่นสับสนในช่วงเวลานี้ หากการระเบิดของร่างศพเพลิงแพร่กระจายออกไปมันไม่อาจส่งผลกระทบต่อดวงดาว ทว่าหากเขาเน้นพลังไปที่จุดเดียว เขามั่นใจว่าไม่มีเซียนคนใดในระดับบ่มเพาะเดียวกันจะสามารถทนได้

‘แม้ข้าต้องเจ็บปวดที่เสียร่างศพเพลิงไปการใช้มันทำร้ายเซียนที่สามารถใช้บิดมิติได้คนนั้นถือว่าคุ้มค่าแล้ว หลังจากเขาตาย อีกสองคนก็จับตัวข้าไม่ได้!’ หลิวชิงหยุนหัวเราะ หันหน้าสู่ท้องฟ้า เขาวางแผนจะกลับสำนักซากศพให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้เพื่อเลือกร่างใหม่ ส่วนรองจ้าวตำหนักคนอื่นๆ เขาตั้งใจจะไปแก้แค้นด้วย

“เจ้าจะหนีไปไหนไม่ได้!” น้ำเสียงเย็นเยียบและแข็งกระด้างดุจสายลมหนาวพุ่งเข้าหูหลิวชิงหยุน ร่างเขาสั่นเทาและแข็งค้าง ไม่เชื่อสายตาตัวเอง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!