902. ขจัดเวรกรรมทั้งหมด 2
ณ ฮัวเฝิน แคว้นเซียนระดับสี่ สตรีสวยงามทรงเสน่ห์สวมชุดราตรีมีฐานะกำลังนั่งอยู่ในโถงอารามเทพสงคราม นางเป็นเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับปลาย ด้านข้างมีหินหยกสวรรค์อยู่ใกล้ๆ ชัดเจนว่านางกำลังพยายามบรรลุขั้นแปลงวิญญาณ
เบื้องหน้าเป็นชายหนุ่มผู้หนึ่ง แม้จะเป็นชายหนุ่มทว่าปลดปล่อยกลิ่นอายโบราณออกมา เขาก็เป็นเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับปลายด้วยเช่นกัน ขณะมองหญิงสาว เขาก็ถอนหายใจและเอ่ยปาก “น้องโจว หินหยกสวรรค์อาจไม่พอให้เราทั้งคู่ดูดซับ เจ้าเริ่มก่อนเลย หากเจ้าสามารถบรรลุขั้นตัดวิญญาณได้ เมื่อนั้นแคว้นฮัวเฝินของเราก็จะถูกเลื่อนขั้น!”
นางขบคิดเงียบๆ วินาทีต่อมานางมองไปยังชายตรงหน้าและเอ่ยเสียงเบา “พี่หยาง ถ้าข้าสามารถบรรลุขั้นแปลงวิญญาณได้ เมื่อนั้นเราทั้งสองควรจะเป็นคู่ฝึกเซียน…” หลังเอ่ยปากนางก็ถอนหายใจ อดคิดไม่ได้ถึงคนคนหนึ่งในอดีต
ชายตรงข้ามยิ้มขมขื่นและส่ายศีรษะ “ข้ามีอายุขัยเหลือไม่มากแล้ว หากเจ้าไม่อยากทำ ข้าก็จะทำมันเอง อีกทั้งข้าได้ยินว่า…เขาคนนั้นกลับมาดาวซูซาคุแล้ว…”
ขณะที่ทั้งสองขบคิด คนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นในห้องโถงอย่างเงียบเชียบ
“หยางเซี่ยง โจวซื่อจง พวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง!” น้ำเสียงหดหู่ดังสะท้อนในห้องโถง ทั้งสองตกตะลึงและมองออกไปทันที
หวังหลินมองไปยังร่างสองคนอันคุ้นเคยซึ่งไม่ได้เปลี่ยนไปเลย สาเหตุเพราะน้ำวิญญาณที่หวังหลินให้พวกเขาตอนกลับมาจากสนามรบต่างแดน
“หวังหลิน!”
หวังหลินยิ้มมองทั้งสองคน แต่เขาไม่ได้พูดอะไรนัก ตบกระเป๋าและนำหินหยกสวรรค์ออกมาเต็มไปทั่วโถง
“เพื่อผูกมัดปมของเจ้าทั้งสองคน ถือว่าหินหยกสวรรค์เหล่านี้เป็นของขวัญจากข้า!” คำพูดของหวังหลินเต็มไปด้วยความจริงใจ จากนั้นนำเม็ดยาออกมาให้ก่อนจะหันตัวกลับและจากไป
ณ แคว้นเซียนระดับห้าซึ่งเผ่ามารยักษ์ควบคุม รูปร่างฉีฮู่ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนักแต่ตอนนี้ยังมีกลิ่นอายโบราณออกมา สมาชิกเผ่ามารยักษ์มีอายุขัยยืนยาวกว่าเซียนปกติ และฉีฮู่ก็ได้กลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่ามารยักษ์แล้ว
เขาบรรลุขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายแล้วและห่างขั้นเทวะเพียงก้าวเดียว อย่างไรก็ตามด้วยความสามารถทางสายเลือดและร่างกายอันแข็งแกร่ง เขากระทั่งกล้าสู้กับพวกเซียนเทวะ
ในช่วงระยะเวลาหลายร้อยปีนี้ ฉีฮู่ได้รับความไว้วางใจมากขึ้นและตอนนี้เขามีตำแหน่งหนึ่งบนดาวซูซาคุ เผ่ามารยักษ์จึงกลายเป็นกระดูกสันหลังให้กับดาว
อย่างไรก็ตามกาลเวลาไม่อาจชำระความโศกเศร้าที่เขามีกับสหายคนหนึ่งไปด้วย ด้วยสถานะของเขาจึงเป็นธรรมดาที่รู้ว่าหวังหลินกลับมาแล้ว
เขากระทั่งเห็นการต่อสู้ระหว่างหวังหลินและเด็กหัวโต จิตใจรู้สึกถึงอารมณ์อันซับซ้อนยิ่ง
ณ วันนี้ขณะที่เขากำลังบ่มเพาะ พลันลืมตาขึ้นมาและร่างกายสั่นเทา เบื้องหน้าเขามีร่างหวังหลินกำลังมองมาหา
“พี่ฉีฮู่ ไม่เจอกันนาน”
“เซิ่งหนิว!” ฉีฮู่มองหวังหลินด้วยสีหน้าขื่นขมและไม่อาจพูดอะไรออกมาได้สักพัก
“ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ผ่านมาหรอก” หวังหลินตบกระเป๋านำหินหยกสวรรค์จำนวนมากออกมาก่อตัวเป็นภูเขาย่อมๆ ขณะเดียวกันก็นำขวดเล็กๆที่บรรจุเลือดของเล่ยจีออกมา
“หินหยกสวรรค์จะช่วยเจ้าบรรลุขั้นเทวะ ขวดนี้บรรจุเลือดบรรพชนเผ่ามารยักษ์ของเจ้า มันสามารถช่วยทักษะสายโลหิตของเจ้าได้! ลาก่อนฉีฮู่!”
หวังหลินถอนหายใจและจากไป
ฉีฮู่จ้องตำแหน่งที่หวังหลินหายตัวไป อารมณ์ความซับซ้อนในแววตายิ่งทวีความรุนแรง
ชายชราผู้หนึ่งนั่งอยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยกระดูกในทะเลปิศาจ เขาเป็นเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับปลาย วินาทีนี้เขาดูดซับพลังหยินจำนวนมาก สีหน้าเผยความเจ็บปวดรุนแรง
เส้นโลหิตบนใบหน้าปูดโปนเผยเส้นสีแดงหลายเส้น ขณะดูดซับพลังหยิน เส้นสีดำจำนวนมากถูกระงับเอาไว้
ผ่านไปสักพักเขาก็ถอนหายใจยาว ใบหน้าเผยความเหนื่อยอ่อนและชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“บรรพชนโลหิต ถ้าข้าลี่ฉีหลิงไม่แก้แค้น ข้าไม่ใช่คน!” ใบหน้าเผยความน่าเกลียดและความเกลียดชังก่อตัวอยู่ภายใน
ความเกลียดชังนี้มหาศาลยิ่ง ภายในระยะพันฟุตรอบตัวมีวงกลมสีฟ้าอ่อน การบ่มเพาะของเขาทำให้อสูรบางตัวในทะเลปิศาจเกิดความสนใจ พวกมันเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วแต่ก็กรีดร้องโหยหวนเมื่อสัมผัสกับร่องรอยสีฟ้าพวกนั้น
ร่างอสูรแต่ละตัวแห้งเหี่ยว ชั่วพริบตานั้นแววตาชายชราพลันเปิดขึ้น ร่างกายกระพริบเป็นลำแสง ปรากฏตัวข้างอสูรร้ายและคว้ามันเข้ามา เขากระโจนใส่ กัดลงไปที่ลำคอและดูดอย่างโหดเหี้ยม!
ร่างอสูรร้ายแห้งเหี่ยวและในไม่นานก็เหลือแต่ซาก ร่างชายชรากระพริบวูวาบปรากฏตัวข้างอสูรอีกตัวหนึ่ง ดำเนินเช่นนี้ต่อไปและในไม่นานอสูรปิศาจทั้งหมดก็ตาย
ใบหน้าชายชราขึ้นสีแดงเล็กน้อย สูดหายใจลึกพลางกลับมาตำแหน่งที่บ่มเพาะ มองออกไปยังทะเลปิศาจ สายตาเผยสัมผัสความเกลียดชังรุนแรง
“บรรพชนโลหิต หากไม่ใช่เพราะเจ้าไล่ล่าน้องสาวข้า นางจะไปเจอหวังหลินได้อย่างไร…” ลี่ฉีหลิงคือพี่ของลี่มู่หวานและเป็นครอบครัวคนเดียวด้วย
บรรพชนโลหิตคือเซียนที่ไล่ล่าลี่มู่หวาน ลี่ฉีหลิงเกลียดเขาอย่างยิ่งยวด พบเจอว่าบรรพชนคนนี้ไปที่ทะเลปิศาจซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมลี่ฉีหลิงถึงลอบมาที่นี่ด้วย เดิมทีเขาต้องการแก้แค้นแต่ระดับบ่มเพาะไม่สูงเพียงพอและได้รับผลกระทบจากอักขระรูนอีก ตอนนี้มีชีวิตไม่ได้ดีกว่าตายเท่าไหร่แต่ความเกลียดชังรุนแรงยิ่งกว่า
ในแววตากระพริบเย็นเยียบและสูดหายใจลึก เขารู้ว่าทุกครั้งที่อักขระรูนกระตุ้นขึ้นมา บรรพชนโลหิตจะรู้ตำแหน่งเขาจึงต้องรีบหนีอย่างรวดเร็ว ทว่ารูม่านตาหรี่แคบ เส้นผมทั้งหมดตั้งชูชันและมองตรงไปข้างหน้า
เขาเห็นร่างหวังหลินปรากฏห่างออกไปนับสิบฟุต หวังหลินมองเขาด้วยอารมณ์อันซับซ้อน
ลี่ฉีหลิงจ้องหวังหลิน ไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาก้าวถอยหลังและร้องตะโกน “เจ้าเป็นใครกัน!?”
เขาเคยเจอหวังหลินเมื่อนานมาแล้ว และระหว่างช่วงเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมาเขาก็เจอรูปปั้นของหวังหลิน ดังนั้นจะจดจำหวังหลินไม่ได้อย่างไรเล่า? ทันทีที่เห็นหวังหลินจึงทำให้ความคิดสั่นเทา
เขาไม่รู้ว่าหวังหลินกลับมาที่ดาวซูซาคุแล้ว
หวังหลินขบคิดอยู่เงียบๆ ตบกระเป๋านำโลงศพเลี่ยงสวรรค์ออกมา ลี่มู่หวานกำลังนอนอยู่ด้านใน ใบหน้าประดับรอยยิ้ม
ร่างลี่ฉีหลิงสั่นสะท้านและมองโลงศพ ขณะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างเบื้องหน้าหายไปเหลือสิ่งเดียวคือน้องสาวตัวเองในโลงศพ เขาไม่เจอน้องตัวเองมานานหลายร้อยปี สิ่งเดียวที่คงอยู่คือความรัก…
“น้องสาว…” หยาดน้ำตาไหลออกมา ความโหดเหี้ยมในแววตาก่อนหน้านี้หายไปและถูกแทนที่ด้วยความรักของครอบครัว
“ก่อนพ่อแม่จะจากไป พวกเขาให้ข้าสัญญาว่าจะดูแลเจ้า พี่มันไร้ประโยชน์ที่ไม่สามารถดูแลเจ้าได้…” ลี่ฉีหลิงเศร้าโศกพลางมองนางในโลงศพ ความเจ็บปวดแล่นไปทั้งร่าง
หวังหลินเพียงยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ
เวลาคล้ายจะผ่านไปยาวนาน เขานั่งลงข้างโลงศพมองน้องสาวตัวเองพร้อมกับความคิดทั้งหมดเลือนหายไป
วินาทีนั้นเสียงคำรามหนึ่งดังออกมาจากระยะไกล ปราณกระบี่สามสายโผล่ออกมาด้วย ปราณกระบี่ด้านหน้าสุดเป็นสีแดง ชายชราผู้หนึ่งยืนอยู่บนนั้น เขาเป็นเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับปลาย ใบหน้าโอหังยิ่ง ด้านหลังเป็นชายวัยกลางคนสองคนมองชายชราด้วยความเคารพ
“ลี่ฉีหลิง ตอนนี้ข้าอยากจะเห็นว่าเจ้าจะหนีไปไหนได้!” ชายชราเข้ามาใกล้ท่าทีเยาะเย้ย เขาเห็นลี่ฉีหลิงและโลงศพที่มีลี่มู่หวาน ระหว่างนั้นเขาก็เห็นหวังหลินด้วย
ฉากเหตุการณ์ประหลาดนี้ทำให้เขาหยุดชะงัก ดวงตาส่องสว่าง มองโลงศพอย่างละเอียดและสังเกตได้ว่ามีพลังปราณสวรรค์จำนวนมากโผล่ออกมา แววตาปรากฏความโลภทันที
ทว่าเมื่อสายตาตกลงบนหวังหลิน เขาตกตะลึงทันที เขารู้สึกว่าคนผู้นั้นดูคุ้นๆ ขณะกำลังขบคิด หวังหลินก็มองเขาอย่างเยือกเย็น
สายตานั้นทำให้ความคิดชายชราสั่นสะท้าน ปราณกระบี่ใต้ฝ่าเท้าหายไป ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวพร้อมกระอักโลหิต แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและจดจำหวังหลินได้!
“หวัง…หวังหลิน!!!” ชายชราอ้าปากค้าง สูญเสียความคิดพร้อมหันตัวหนี ขณะวิ่งหนีเขาก็คว้าศิษย์สองคนโยนออกไปเพื่อหยุดหวังหลิน พลางร้องตะโกน “ระเบิด!”