905. การลงโทษของทวยเทพ
สายฟ้าเคลื่อนไหวรอบๆพร้อมกับเกิดเสียงปะทุดังขึ้นมาจากรอยสัก ทุกครั้งที่สายฟ้าสองเส้นเข้าชนกัน รอยสักจะสั่นเทา มันเริ่มแตกกระจายออกและผนึกแตกสลายไปหลายชั้น
หวังหลินแยกแขนขวาขึ้นมาใช้ชุดเต๋าร่วงโรย กระดูกอสูรโผล่ออกมา พลันเกิดแสงกระพริบ กลิ่นอายชั่วร้ายเต็มไปทั่วบริเวณ
รอยสักที่กำลังแตกสลายพลันเกิดแสงสีเทาขึ้นมาและเริ่มกลายเป็นหิน วินาทีนั้นต้าซานก้าวออกมาโยนกำปั้นเข้าใส่!
เสียงดังปังรุนแรงสะท้อนภายในชั้นสิบหก จากนั้นรอยสักก็แตกสลาย สายฟ้าเคลื่อนไหวเกิดเสียงปะทุเปลี่ยนกลายเป็นละอองแสงสีดำและหายไป
วินาทีนั้นค่ายกลเคลื่อนย้ายปรากฏขึ้นในน้ำพุ ค่ายกลเคลื่อนย้ายเรืองแสงประหลาด
ขณะนั้นชายผู้หน้าตาคล้ายฮวงหลงกำลังอยู่ในสำนักหนึ่งบนดาวซูซาคุ เขากำลังพูดคุยกับเซียนระดับต่ำด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นพลันมองออกไปไกล ซึ่งเป็นวินาทีเดียวกับเส้นทางชั้นสิบเจ็ดเปิดขึ้น
ผ่านไปสักพักเขาก็ถอนสายตาออกมา ‘ช่างมันเถอะ ชั้นสิบเจ็ดไม่มีอะไรที่เขามองไม่ออก ระดับบ่มเพาะของเจ้าหนูน้อยนั่นบรรลุถึงจุดที่เขาสามารถรู้ความลับบางอย่างได้ แต่ชั้นสิบเจ็ดก็เป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว เขาไม่สามารถเข้าไปในชั้นสิบแปดได้’
ณ ชั้นสิบหกในสุสานอมตะ ต้าซานก้าวเท้าเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายและหายตัวไป หวังหลินรออยู่ชั่วครู่เพื่อยืนยันว่าไม่มีอันตรายก่อนจะก้าวเข้าไปเช่นกัน เด็กหัวโต เล่ยจีและหยุนเชว่จื่อเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายด้วย
ชั้นสิบเจ็ดมืดสนิทไร้แสงไฟและเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายทรงพลัง วินาทีนั้นแสงค่ายกลเคลื่อนย้ายพลันปรากฏขึ้นตรงกลาง
ด้วยแสงไฟนี้ รอบด้านจึงมองเห็น!
พื้นที่แห่งนี้กว้างหลายพันฟุต แขวนโซ่ตรวนไว้ทุกแห่งหน บนโซ่ตรวนมีร่างศพแขวนเอาไว้และโซ่นั้นยังปลดปล่อยพลังปราณสวรรค์ออกมาได้
ศพพวกนี้คือเทพทั้งหมด!
แต่พลังปราณสวรรค์นี้ไม่มีพลังชีวิตและเต็มไปด้วยความตาย ราวกับซากศพอยู่ที่นี่มานานมากแล้ว
แสงจากค่ายกลเคลื่อนย้ายหายวับไปในชั่วพริบตา คนจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้นมา
ต้าซานเข้ามาที่นี่เป็นคนแรก หลังจากนั้นดวงตาส่องสว่างและมองไปรอบๆ รูม่านตาหดเล็กโดยไม่แยแสสิ่งใด
สถานที่แห่งนี้มืดสนิทแต่ยังใช้สัมผัสวิญญาณได้ หวังหลินแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมา ใบหน้ามืดมนยิ่ง
ไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้นแต่เด็กหัวโตก็มีใบหน้าซีดหลังจากเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง เขาเข้าไปในน้ำพุเทพและสูญเสียเขตแดนจนกลายเป็นเทพที่แท้จริง ดังนั้นสิ่งที่เห็นในชั้นสิบเจ็ดนึงเหนือกว่าที่คนอื่นรู้สึกไปมากนัก
ที่ทำให้เขาหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิมก็คือพลังเทพต้นกำเนิดของเขากำลังสั่นเทาราวกับมีพลังประหลาดกดดันเอาไว้
ภายใต้แรงกดดันนี้ เด็กหัวโตคล้ายจะได้ยินเสียงร้องไห้โศกเศร้า ใบหน้าซีดขาว ร่างกายสั่นเทาและกระอักโลหิต
โชคดีที่หวังหลินสังเกตอาการเด็กหัวโตได้ จึงวางแขนขวาไว้ด้านหลังเขา หวังหลินแทรกพลังดั้งเดิมจำนวนมากเข้าไปทำให้เด็กหัวโตได้สติ
เขามอบรอบด้านด้วยความกลัวสุดหัวใจ
หยุนเชว่จื่อแตกต่างจากเด็กหัวโต เขาสัมผัสถึงกลิ่นอายของบรรพชนตัวเองที่นี่ รอยสักบนร่างเริ่มเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง มันหดอย่างรวดเร็วและเริ่มหลุดออกมา!
รอยสักบนร่างเคลื่อนไหวดุจสายน้ำ ราวกับมีพลังที่มองไม่เห็นกำลังบีบรัดรอยสักเพื่อรวมกันเข้าหาหน้าอกหยุนเชว่จื่อ
เรื่องน่าประหลาดก็คือการเคารพดั้งเดิมของหยุนเชว่จื่อต่อเด็กหัวโตเปลี่ยนไป ราวกับมีพลังสายหนึ่งระงับความรู้สึกเคารพนั้นเอาไว้
หวังหลินได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน หลังจากเข้ามาเขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าพลังเทพต้นกำเนิดที่ฉิงชุ่ยให้เอาไว้ถูกระงับเอาไว้ ราวกับมันจมลงไปในน้ำและเริ่มเคลื่อนไหวช้าลงมาก
รอบด้านเงียบสนิทและมืดมิด ทว่าหวังหลินและพรรคพวกสามารถมองเห็นทุกสิ่งได้ชัดเจน ชั้นที่สิบเจ็ดแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่นัก มีโซ่ตรวนนับไม่ถ้วนห้อยแขวนจากรอบๆผนังเพื่อกักขังซากศพเอาไว้
ซากศพทั้งหมดเหล่านี้เหมือนมัมมี่ กระดูกแต่ละคนถูกแทงด้วยโซ่ตรวน บางคนโดนโซ่ตรวนเซาะไปจนถึงไหล่
ซากศพพวกนี้ถูกกองรวมกันอย่างหนาแน่น อย่างน้อยก็ร้อยคน!
ทั้งหมดมีร่องรอยถูกฟาดตี คล้ายกับได้รับความทุกข์ทรมานก่อนจะหายอย่างโหยหวน
แต่ละร่างมีรอยสักกระพริบวูบวาบ ทุกครั้งที่รอยสักกระพริบจะมีพลังปราณสวรรค์โผล่ออกมารุนแรงยิ่งขึ้น
เรื่องที่ว่าทำไมพลังปราณสวรรค์ถึงรั่วไหลออกมาจากร่างกายได้นั้นเป็นเพราะวิญญาณดั้งเดิมแต่ละตนถูกผนึกไว้ในร่างด้วยวิชาอันทรงพลัง
ร่างพวกเขาตายไปแล้วดังนั้นกลิ่นอายแห่งความตายคือการกัดเซาะวิญญาณดั้งเดิม ทว่าวิญญาณแต่ละดวงไม่สามารถออกมาจากร่างกายได้ จึงได้แต่เฝ้ามองร่างตัวเองแห้งเหี่ยว ปล่อยให้กลิ่นอายความตายแทรกซึมจนตายในที่สุด!
ความทุกข์ทรมานเช่นนี้ปลดปล่อยความเกลียดชังอันแข็งแกร่งสำหรับเหล่าเทพ ความเกลียดชังอันที่สุดและทำให้หวังหลินตกตะลึงยิ่ง
“นี่…” หยุนเชว่จื่อจ้องมองทุกสิ่งเบื้องหน้าด้วยความตกตะลึงและไม่อาจพูดอะไรได้พักใหญ่
“พวกเขาคือเหล่าเทพ ตอนที่มีชีวิตอยู่ ระดับบ่มเพาะแต่ละคนสูงส่งกว่าข้าเสียอีก!” เด็กหัวโตรู้สึกเชื่อมกับสถานที่แห่งนี้ได้มากที่สุดและสัมผัสการรบกวนอย่างลึกลับได้
วินาทีนั้นเกิดเสียงโซ่ตรวนเข้าชนกัน มัมมี่ตัวหนึ่งเริ่มเคลื่อนไหว รอยสักกระพริบวาบแทงทะลุเข้าไปในมัมมี่และผสานเข้ากับมัน
มัมมี่ลืมตาขึ้นมาไร้แสงไฟและเป็นรูโบ๋ลึก ทว่าความเกลียดชังและจิตสังหารระเบิดออกมาจากดวงตาคู่นั้น
“เทพ…ตาย!!” เสียงคำรามกึกก้อง โซ่ตรวนบนร่างศพพลันเปลี่ยนเป็นโปร่งแสง ชั่วพริบตามันก็หายไป เมื่อไร้โซ่ตรวนมัมมี่ก็หลุดออกมาได้ พลังปราณสวรรค์ประหลาดก่อตัวเป็นพายุพุ่งเข้าใส่เด็กหัวโต!
ใบหน้าเด็กหัวโตซีดเผือดและก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว สายตาดุดันพลางสร้างผนึและกระตุ้นพลังเทพต้นกำเนิดขึ้นมา เขากำลังจะใช้วิชาเทพ
ทว่าชั่วขณะนั้นมีบางอย่างประหลาดเกิดขึ้น!
วินาทีที่พลังเทพต้นกำเนิดของเด็กหัวโตถูกกระตุ้นมันก็เริ่มแตกสลายและหายไป อัตราการแตกสลายเร็วยิ่งกว่าที่เด็กหัวโตคาดคิดเสียอีก
ก่อนที่เขาจะได้ใช้วิชาเทพของตัวเอง พลังเทพต้นกำเนิดจำนวนมากก็แตกสลาย นี่แทบทำให้เขาเกือบจนปัญญา
เมื่อเห็นมัมมี่กำลังเข้าใกล้ ดวงตาหวังหลินเยือกเย็นและก้าวเท้าออกไป ดัชนีประทับลงบนความว่างเปล่า พลังดั้งเดิมในร่างพรั่งพรู เกิดเสียงดังปังและมัมมี่ตัวนั้นกระเด็นกลับไปหลายสิบฟุต
ต้าซานพุ่งออกไปดุจสายฟ้า มือขวากำหมัดเกิดรอยสักขึ้นมา และเมื่อมัมมี่เห็นรอยสักนั้นมันก็นอบน้อมทันทีพร้อมล่าถอยราวกับไม่กล้าต่อกรกับต้าซาน
หยุนเชว่จื่อจ้องมองฉากเหตุการณ์เบื้องหน้า วินาทีนั้นราวกับสายฟ้าผ่าลงกลางใจ เขานึกถึงข่าวลือเมื่อครั้งอดีต!
“นี่…นี่มันห้องทรมานของเผ่าละทิ้งอมตะของข้า! ลือกันว่าตอนที่บรรพชนอาวุโสที่สุดของเผ่ามาที่ดาวซูซาคุ เขาเปิดม่านกั้นสองชั้นแรกขึ้นมาและตั้งชื่อว่าห้องทรมาน หากมีคนที่ไม่ได้มาจากเผ่าข้าเข้าไป พวกเขาจะถูกสังหารทันที! ข้าไม่คิดว่านี่…นี่จะเป็นเรื่องจริง!”
ขณะน้ำเสียงหยุนเชว่จื่อดังกึกก้อง โซ่ตรวนเริ่มดังสะท้อนอีกครั้ง คราวนี้ร่างศพทั้งหมดที่ถูกโซ่ตรวนแขวนเอาไว้พลันลืมตาตื่น
ใบหน้าแต่ละคนมีสายตาดุร้าย พวกเขาร้องคำราม โซ่ตรวนกักร่างพลันหายไปปล่อยให้กลายเป็นอิสระ แต่ละคนดุจอสูรโหดเหี้ยม พุ่งตรงใส่หวังหลิน เด็กหัวโต และเล่ยจี!
แววตาหวังหลินเย็นเยียบ พ่นลมหายใจเย็น สองฝ่ามือสร้างผนึกและร้องตะโกน “เรียกขานสายลม!”
สายลมทมิฬปรากฏขึ้นรอบแขนขวาและเต็มไปทั่วชั้นสิบเจ็ด พายุสายลมทมิฬมหึมากวาดผ่านไปอย่างบ้าคลั่ง
มังกรดำสองตัวก่อตัวขึ้นมาร้องเสียงคำราม สายลมเยือกแข็งแพร่กระจายออกโดยมีหวังหลินเป็นจุดศูนย์กลาง
ซากศพหยุดชะงักและล่าถอยทันที แม้พวกเขาจะแข็งแกร่งก่อนตาย ภายหลังจากตายลงพวกเขาถูกพลังลึกลับควบคุมเอาไว้จึงอ่อนแอกว่าแต่ก่อน
ทว่ามีซากศพจำนวนมาก ดังนั้นจึงไม่อาจประเมินค่าต่ำไป
ขณะเสียงสายลมทมิฬคำราม รอยสักเริ่มกระพริบวูบวาบบนร่างศพ ผนึกชิ้นหนึ่งก่อตัวขึ้นมา แม้จะมองไม่เห็นแต่มันกดทับลงทันที
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หวังหลินเห็นผนึกแบบนี้ มันทำให้เขาเกิดปัญหาครั้งใหญ่ระหว่างต่อสู้กับตระกูลเหยา หวังหลินจำมันได้ทันทีและสีหน้าเปลี่ยนไป ใต้ฝ่าเท้าปรากฏระลอกคลื่น ก้าวเท้าออกไปและหายตัววับโดยไร้ร่องรอย
สายลมทมิฬคำรามพร้อมกับมังกรดำสองตัวกวาดผ่านทั้งสองด้าน ปะทะกับซากศพนับไม่ถ้วนราวกับพวกมันกำลังถูกมัดรวมกันขึ้นมา
บางตัวแตกสลายไปตรงๆ!
หวังหลินปรากฏร่างด้านข้างซากศพตัวหนึ่ง ดัชนีเต็มไปด้วยเจตนาสายฟ้าประทับลงไปด้วยสายตาโหดเหี้ยม สายฟ้านับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่าและรวมกันบนนิ้ว ร่อนลงบนหัวกะโหลกของซากศพ
ร่างศพสั่นสะท้านรุนแรง ดวงตาว่างเปล่าเผยความกระจ่างชัด ไม่เชื่อสายตาตัวเองพร้อมกับร่างกายแตกสลายและหายไป
ในไม่นานที่เขาหายตัวไป พลังเทพต้นกำเนิดหลุดออกมาจากร่างกายเขาและเข้าไปในร่างหวังหลิน ดวงตาหวังหลินหรี่แคบ หลังจากตรวจสอบก็พบได้ว่ามันไม่ได้ทำร้ายเขาแต่กลับผสมผสานเข้ากับพลังเทพต้นกำเนิดที่ฉิงชุ่ยให้เขาแทน
การค้นพบครั้งนี้ทำให้หวังหลินรู้สึกยินดียิ่ง