931. สวรรค์ดับสูญ
“ข้าไม่คิดว่าบันทึกของแดนสวรรค์พิรุณโบราณจะเป็นความจริง!” ซวนเป่ายิ้มออกมามองเจ้าอสรพิษที่กำลังเคลื่อนไปข้างหน้าพร้อมกับมีเหล่าเซียนทุกชั้นฟ้ารอบด้าน
ดวงตาส่องสว่าง แขนขวาโบกสะบัดในอากาศ “องครักษ์เทพพิรุณ!”
เสียงคำรามระเบิดดังกึกก้องไปทั่วดวงดาว รอยร้าวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเหนือซวนเป่า รอยร้าวดุจรอยแผลที่กำลังเปิดขึ้นในอากาศบางๆ ยาวอย่างน้อยพันฟุต
แรงกดดันมหาศาลเข้าปกคลุมพื้นที่ ร่างชายชุดเกราะสีทองกระพริบแสงสีทองอร่ามเดินออกมา
ดวงตาจับจ้องดุจดวงตะวัน สวมชุดเกราะทองคำงดงาม ดูเหมือนทหารแห่งสวรรค์!
ชายเกราะทองก้าวออกมาจากรอยร้าวเพียงคราเดียว! แสงสีทองกระพริบวูบวาบและมีชายเกราะทองอีกสามคนก้าวเดินออกมา พริบตานั้นทั่วบริเวณเรืองแสงสีทองเช่นนี้ขึ้น
เมื่อหวังหลินเห็นชายเกราะทองทั้งสี่คนนี้ ดวงตาหรี่แคบลงและตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
‘องครักษ์เทพ!’
หวังหลินรู้สึกได้ชัดเจนว่าชายเกราะทองทั้งสี่คนปลดปล่อยกลิ่นอายเช่นเดียวกับต้าซาน สี่คนนี้ถูกหลอมด้วยกรรมวิธีลึกลับเช่นเดียวกับจักรพรรดิเทพฉิงหลินสร้างขึ้น!
‘องครักษ์เทพถูกแบ่งออกเป็นระดับเหล็ก ทองแดง เงินและทอง สี่องครักษ์นี้ต่างเป็นระดับทองทั้งหมด!’ หวังหลินมองซวนเป่าและรีบถอยร่นเข้าหาปลายขอบวังวน
หลังจากองครักษ์เทพเกราะทองสี่ตนปรากฏตัว ซวนเป่ายกแขนขวาขึ้นมาด้วยท่าทีเป็นธรรมชาติ องครักษ์เทพทั้งสี่พุ่งเข้าใส่อสรพิษพิฆาตจันทร์
เจ้าอสรพิษร้องคำราม ส่ายหนวดของมันเข้าหาทุกอย่างรอบตัว ขณะเดียวกันเทพโลหิตและคนอื่นๆพลันพุ่งเข้าใส่องครักษ์เทพสี่คนนั้นด้วย เทพโลหิตใช้ฝ่ามือสร้างผนึกพลางเคลื่อนกายไปข้างหน้า แสงโลหิตแพร่กระจายและสะบัดมือออกไป
ทะเลโลหิตปรากฏออกมาจากความว่างเปล่าและพุ่งเข้าหา ทว่าเมื่อทะเลโลหิตเข้าปะทะกับเหล่าองครักษ์เทพ มันแค่ทำให้พวกเขาชะงักชั่วขณะเท่านั้น พวกองครักษ์เทพแบ่งตัวออกไปสี่ทิศทาง ล้อมรอบอสรพิษพิฆาตจันทร์เอาไว้พร้อมกับพวกเซียนทุกชั้นฟ้ารอบๆ
ซวนเป่ายื่นแขนขวาเข้าไปในความว่างเปล่าอีกครั้งและเกิดรอยร้าวขึ้นอีกแห่ง ผีเสื้อสีดำเก้าตัวบินออกมา
ผีเสื้อทั้งเก้าตัวสีดำสนิท พวกมันดูดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง มันกระพือปีกและก่อเกิดพายุลูกใหญ่ขึ้นมา
พายุทรทงพลังและกวาดผ่านไปข้างหน้า ผีเสื้อเก้าตัวบินออกไปดุจกำลังเริงระบำ
จังหวะที่เหล่าผีเสื้อปรากฏขึ้นมา แม้หวังหลินที่มีจิตใจแข็งแกร่งยังต้องเปลี่ยนสีหน้า!
‘นี่! นี่มันผีเสื้อจากราชรถสังหารเทพ!’ หวังหลินอ้าปากค้างแต่จากนั้นก็สังเกตความแตกต่างได้ทันที ผีเสื้อที่เกิดขึ้นจากราชรถสังหารเทพมีสีสันและสวยงามยิ่ง
แต่ผีเสื้อเก้าตัวพวกนี้สีดำสนิท แน่ชัดว่าผีเสื้อพวกนี้มีพลังอำนาจเหนือล้ำกว่าของหวังหลินมากมายนัก!
‘ผู้เฒ่าคนนี้เป็นใครกันแน่?!’ หวังหลินหนังศีรษะด้านช้า แค่ฉิงชุ่ยก็ทำให้หวังหลินตกใจแล้ว ยังไม่รวมถึงเหล่าเซียนลึกลับที่เข้ามาหยุดการต่อสู้ระหว่างฉิงชุ่ยและเทพโลหิตอีก ซึ่งทำให้หวังหลินรู้สึกเหลือเชื่อมาก
ทั้งองครักษ์เทพและผีเสื้อต่างเป็นสมบัติที่หวังหลินครอบครอง แต่เมื่อเขามาเห็นมันอยู่ในมือคนอื่น ความตกตะลึงพุ่งขึ้นถึงขีดสุด
หวังหลินสูดหายใจลึกและไม่มองอีก เคลื่อนตัวเข้าหาสมบัติที่กำลังลอยอยู่ท่ามกลางดวงดาวซึ่งหวังหลินชายตามองอยู่ชั่วขณะ
สมบัติชิ้นนี้คือไม้แกะสลักที่เซียนมารปิศาจทมิฬนำออกมา แม้จะเหลืออยู่เพียงครึ่งส่วนมันก็ยังปลดปล่อยแรงกดดันทรงพลัง
หวังหลินสีหน้ามืดมน การต่อสู้ปัจจุบันไม่ใช่สิงที่เขาจะเข้าร่วมได้อีกต่อไป ตัวเลือกที่ดีที่สุดตอนนี้คือจับปลาที่อยู่ในสายน้ำแห่งความวุ่นวายแห่งนี้ หวังหลินเคลื่อนร่างเข้าหาไม้แกะสลักที่ได้รับความเสียหายอย่างรวดเร็ว
มีอีกหลายคนที่มีความคิดแย่งสมบัติในระหว่างการต่อสู้ครั้งนี้ ดังนั้นจึงไม่ประหลาดใจนักที่มีเซียนหลายคนกำลังต่อสู้อยู่รอบๆไม้แกะสลัก ไม่ยอมให้ใครเข้าไปใกล้ได้
การมาถึงของหวังหลินทำให้เหล่าเซียนสนใจ ซึ่งทำให้คนพวกนี้เปลี่ยนทิศทางทันที พวกเซียนฝ่ายทุกชั้นฟ้าลังเลชั่วครู่แต่พวกเขาก็ส่งคนตามหลังหวังหลินมาด้วยอีกเล็กน้อย
หวังหลินสร้างผนึกบนฝ่ามือขวาจากนั้นโบกสะบัด สายลมกรรโชคพุ่งออกมารุนแรงและหวังหลินส่งกำปั้นโหดเหี้ยมตามไปด้วย
เกิดระลอกคลื่นและเสียงดังปังจากกำปั้นผสมข้ากับสายลมจนกลายเป็นพลังเฉพาะตัวของหวังหลิน พลังของเทพโบราณผสานเข้ากับวิชาเซียนทรงพลังคือจุดเริ่มต้นความแข็งแกร่งของหวังหลิน!
ทว่าพลังสองสายนี้เพียงแค่เริ่มผสานกันและยังไม่ได้แสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของมัน ขณะที่กวาดผ่านเหล่าเซียนฝ่ายพันธมิตรเข้าไป ร่างกายและวิญญาณแต่ละคนสั่นไหวและรู้สึกถึงพลังลึกลับเหนือจินตนาการเข้ามาถึง พวกเขาอดไม่ได้ที่จะล่าถอยเพราะไม่เช่นนั้นคงจะตายทันที!
พวกเขาไม่เคยเผชิญหน้ากับวิชาเช่นนี้มาก่อนตลอดช่วงชีวิตการฝึกเซียน!
ดวงตาหวังหลินส่องสว่าง เตาหลอมเทพโบราณปรากฏขึ้นรอบกาย พริบตาเดียวเขาก็สลับตำแหน่งกับผู้คนข้างใน
ในสายตาของเหล่าเซียนรอบด้าน ภาพวิวทิวทัศน์แต่ละคนพร่ามัวและหวังหลินสลับตำแหน่ง จากนั้นพุ่งออกไปถึงด้านข้างไม้แกะสลักเพียงพริบตา
แต่ขณะที่เขาเข้าไปใกล้ ปราณกระบี่สายหนึ่งปรากฏออกมาจากความว่างเปล่าและพุ่งเข้าใส่เขา ปราณกระบี่สายนี้บรรจุกลิ่นอายกดขี่รุนแรงเอาไว้ ทุกคนต้องหลีกหนี ไม่เช่นนั้นจะถูกทำลาย!
หวังหลินไม่เชิงว่าไม่คุ้นเคยกับปราณกระบี่สายนี้ เพราะมันเป็นของหลิงเทียนโฮว!
“สมบัตินี้เป็นของข้า เฉินหลงแห่งสำนักกระบี่ต้าหลัว!” น้ำเสียงเย็นเยียบดังกึกก้องพร้อมกับปราณกระบี่นั้นเข้ามาใกล้ หากหวังหลินพยายามฮุบสมบัติไป เขาจะถูกปราณกระบี่เข้ากระแทกทันที
หวังหลินใบหน้าต้องการฉกฉวยไม้แกะสลักนี้เอาไว้โดยไม่ลังเล ดวงตาเผยแสงประหลาด อ้าปากพ่นบางอย่างออกมาขัดขวางเขา
ตราประทับผนึกเทพนรกสิบแปดชั้นปรากฏขึ้นมา ปราณกระบี่กระแทกเข้าใส่และแตกสลายทันที ตราประทับไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย จากนั้นหวังหลินก็ดึงมันกลับไป
“คนคุ้นเคยที่เกือบหนีไม่รอดเมื่อตอนนั้นยังกล้ามาขโมยสมบัติเบื้องหน้าข้าเชียว?!” หวังหลินทิ้งคำพูดหนาวเย็นเอาไว้ จากนั้นสีหน้าเฉินหลงก็เปลี่ยนไป หวังหลินรู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาฆ่าใคร จึงรีบไป
การรบครั้งนี้มีเซียนมากมายเกินไปจึงไม่อาจมองหน้าใครคนใดได้ชัดเจน ดังนั้นหวังหลินจึงไม่เคยอยู่สถานที่แห่งเดียวนานเกินและเคลื่อนที่ต่อไปเรื่อย ดงันั้นเฉินหลงจึงจำหวังหลินไม่ได้
แต่ว่าเมื่อเฉินหลงมองออกไป หวังหลินดูคุ้นตาเล็กน้อยแต่ไม่เขาไม่เคยเปรียบเทียบคนผู้นี้กับหวังหลิน!
เมื่อได้ยินคำพูดหวังหลิน ราวกับสายฟ้าผ่าลงกลางศีรษะ อุทานออกมาไม่เชื่อสายตา “เจ้า!”
หวังหลินไม่ให้ความสนใจกับเฉฺนหลงและหายตัวไป เขาเร่ร่อนไปในสามรบและเก็บเกี่ยวสมบัตวิเศษของคนที่ตายไปอย่างต่อเนื่อง
ทว่าสัมผัสวิญญาณจับจ้องไปที่เจ้าอสรพิษพิฆาตจันทร์ รอคอยจังหวะอยู่เนืองๆ ยามที่ฝ่ายพันธมิตรเริ่มการต่อสู้กับเจ้าอสรพิษ ตอนนั้นเขาจะสามารถเข้าไปสืบทอดข้างในตัวอสรพิษพิฆาตจันทร์ได้!
สายตาหวังหลินหันมามองสตรีชุดน้ำเงินเป็นพักๆ ท่าทางของนางที่มีต่อเขาช่างประหลาดยิ่งนัก ขณะที่หวังหลินกำลังเร่ร่อนอย่างระมัดระวังไปรอบๆ เขากำลังสงสัยว่านางเป็นใครกัน!
องครักษ์เทพสีทองทั้งสี่ตนล้อมรอบเจ้าอสรพิษเอาไว้ พวกมันเริ่มสร้างวงกลมทองกักขังอสรพิษไว้ข้างใน
ขณะที่เทพโลหิตและพรรคพวกกำลังตอบโต้ ผีเสื้อเก้าตัวกระพือปีกก่อเกิดพายุขึ้นมาโดยมีเจ้าอสรพิษอยู่ใจกลาง วังวนหนึ่งดุจการเชื่อมต่อฟ้าดินเกิดขึ้นมา
เทพโลหิตและพรรคพวกต่างมีสีหน้ามืดมนอยู่ในวังวน พวกเขาใช้สมบัติวิเศษของตัวเองตามลำดับ เกิดเสียงดังสนั่นไปทั่ว เจ้าอสรพิษโกรธเกรี้ยวมากกว่าเดิม การถูกกักขังไว้สองครั้งทำให้มันแทบบ้าคลั่ง มันอ้าปากและปล่อยเสียงคำรามเดือดดาล
ขณะที่มันร้องคำราม ภาษเทพโบราณก็ดังออกมาด้วย เจ้าอสรพิษกำลังใช้วิชาของเหล่าเทพโบราณ!
ซวนเป่าดวงตาส่องสว่างขึ้น ชี้นิ้วไปข้างหน้าพลางหัวเราะเยาะ ผีเสื้อเก้าตัวกระพือปีกเร็วขึ้นเกิดเป็นเส้นสายสีดำผสานเข้ารอบอสรพิษและถูกล้อมไว้อย่างรวดเร็ว
องครักษ์เทพทั้งสี่ร้องคำราม ร่างกายแต่ละคนสั่นสะท้าน ขยายขนาดเพิ่มขึ้นเป็นยักษ์พันฟุต พวกมันพุ่งเข้าโจมตีร่วมกัน
ซวนเป่าใบหน้ายิ้มแย้มพลางยื่นมือขวาออกไปและเกิดรอยร้าวออกมา ควันสีเขียวพุ่งออกมาจากรอยร้าว กลิ่นอายทำให้ความคิดผู้คนทั้งหมดในระยะห้าพันลี้สั่นไหวปรากฏขึ้นมา
หวังหลินร่างสั่นสะท้าน ยามที่เขามองออกไปชัดเจน เขาเห็นลูกธนูดอกหนึ่งโผล่ออกมาจากรอยร้าว
ลูกธนูดอกนี้ยาวมากกว่าสามร้อยฟุตและกว้างเจ็ดฟุต มันเป็นสีเขียวล้วนและมีปลายหกแฉก หางธนูมีขนนกสีม่วง รวมถึงคราบเลือดบางส่วนด้วย
สิ่งที่ทำให้เซียนรอบด้านทั้งหมดตกตะลึงก็คือรอยคราบเลือดสีแดงเข้ม!
วินาทีที่ลูกธนูปรากฏ แม้แต่เทพโลหิตและคนอื่นๆยังต้องเปลี่ยนสีหน้า กระทั่งปรมาจารย์จงเฉินที่กำลังต่อสู้กับหวู่ต้าวซานยังต้องสั่นเทาเมื่อเห็นธนูยาวสามร้อยฟุตนั้น
“ลูกธนูสวรรค์ดับสูญ!”