935. อสูรสายฟ้าผิดตัว
หลังการต่อสู้ครั้งนี้ สนามรบในเขตเหนือแทบฉีกขาดอย่างสิ้นเชิง พื้นที่ระยะหมื่นลี้กลายเป็นเขตต้องห้าม
วังวนใจกลางหมุนอย่างรวดเร็ว ฝุ่นผงจำนวนมากถูกดูดเข้าไปและภายไปในนั้น
การต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีชัยชนะหรือพ่ายแพ้ ทั้งสองฝ่ายแค่ลองหยั่งเชิง เพียงแต่ราคาการหยั่งเชิงนี้มีค่าสูงยิ่งนัก
การตายของเหล่าเซียนนับหมื่นทำให้สองฝั่งหยุดชะงักไปชั่วครู่ ราวกับกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งถัดไป
ทางด้านฝั่งทุกชั้นฟ้า เหล่าเซียนจำนวนมากล่าถอยและรวมตัวกันตรงชายแดนระหว่างตะวันตกกับเขตเหนือเพื่อฟื้นฟูตัวเอง ฝ่ายพันธมิตรเซียนเงียบกริบ แต่ข่าวการต่อสู้ครั้งนี้แพร่กระจายไปทั่วดาราจักร
ในวันนี้ คนผู้หนึ่งปรากฏตัวข้างๆกับวังวน เรือนผมสีขาวและสวมชุดสีเหลือง หากหวังหลินอยู่ที่นี่คงนึกออกทันทีว่าเขาคือฮวงหลง
ฮวงหลงลอยตัวอยู่ในอวกาศท่าทีสงบนิ่งและมองวังวนด้านล่าง ตอนที่มันเข้าใกล้เขาพลังดึงดูดแข็งแกร่งแตกสลายไป
‘แม้การหยั่งเชิงนี้ดูเหมือนเสมอ ตามจริงแล้วฝ่ายพันธมิตรแพ้!’ ฮวงหลงครุ่นคิดพร้อมกับมองสนามรบ เขาสามารถจินตนาการถึงความเข้มข้นของสงครามที่เกิดขึ้นได้
‘พันธมิตรเซียนมักจะโอหังมาตลอด สงครามครั้งนี้เกิดขึ้นด้วยเรื่องเกี่ยวกับปรมาจารย์จงเฉินเมื่อตอนนั้น น่าสนใจ! ข้าไม่คิดว่าตอนนั้นข้าไปบังเอิญช่วยปรมาจารย์จงเฉินไว้ มันทำให้สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์มีโอกาสเช่นนี้!’ ฮวงหลงดวงตาส่องสว่าง หลังจากนั้นเขาก็มองสนามรบอย่างละเอียดและเดินเข้าหาความว่างเปล่า
‘ข้าต้องสนทนาเรื่องนี้กับอีกสามคน สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ของเรารอคอยวันนี้มานานแล้ว! ข้าแค่ไม่รู้ว่า…ดาวเคราะห์เซียนระดับเก้าเบื้องหลังพันธมิตรเซียนจะแทรกแทรงหรือไม่…อีกทั้งพวกเขาก็จดจำแค่ฝั่งพันธมิตรเซียน…’ ฮวงหลงค่อยๆหายตัวไปพร้อมกับครุ่นคิด
‘ข้าเข้าใจว่าสำนักซากศพก็ขบคิดเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน การมาของฝ่ายทุกชั้นฟ้าได้ทำลายการต่อสู้ในพันธมิตร! ยังมีหวังหลินนั่นด้วย เด็กนั่นเก่งมาก การปล่อยให้เขาเข้าร่วมการต่อสู้จะทำให้เขาเป็นแนวหน้าของสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ ด้วยระดับบ่มเพาะของปรมาจารย์จงเฉิน เขาน่าจะสามารถเห็นสัญลักษณ์ของข้าได้ กล่าวได้ว่าท่าทีของสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ยังดีต่อฝ่ายทุกชั้นฟ้า’ ฮวงหลงยิ้มพลางหายตัวไปท่ามกลางดวงดาว
‘การต่อสู้นี้ไม่ได้ใหญ่นัก ปล่อยให้มันเข้มข้นกว่านี้และบั่นทอนกำลังของพันธมิตรเซียนมากกว่านี้! สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ของข้าทนมานานเกินไปแล้ว ถึงเวลาความแข็งแกร่งที่เราเก็บงำเอาไว้จะได้ระเบิดออก!’
ข้างในวังวนมีอีกจักรวาลหนึ่ง เป็นโลกแห่งความมืดมิดไร้ขอบเขต ไม่มีแสงหรือเสียงอันใด กระทั่งเศษเสี้ยวพลังปราณหรือพลังดั้งเดิมก็ไม่มี
สิ่งมีชีวิตแทบสูญสิ้นที่นี่
ที่นี่คือมิติว่างภายใต้อวกาศแตกสลาย ไม่มีใครรู้ว่าทำไมมันถึงคงอยู่ หากอวกาศมีชั้นไหมบางๆไร้ขอบเขต เช่นนั้นที่นี่ก็คือความมืดมิดภายใต้ผ้าไหม
ครั้งนึงมีเซียนผู้ทรงพลังต้องการหาต้นตอของมิติว่างนี้ ทว่าผ่านไปนานหลายปี ไม่มีใครรู้ความลับของมิติว่างเลย
ร่างเซียนจะอ่อนแอลงเรื่อยๆราวกับมีพลังที่มองไม่เห็นผนึกเอาไว้และจำกัดเซียนคนนั้นจนยากจะรอดชีวิต อีกทั้งเพราะสถานที่แห่งนี้แยกตัวออกมาจากพลังดั้งเดิมของโลก แม้เซียนจะประคับประคองพลังดั้งเดิมของตัวเองไว้ได้ วันใดวันหนึ่งก็จะหมดไปในที่สุด
อีกทั้งภายใต้สภาวะอ่อนแอและผนึกอยู่เช่นนี้ จำนวนที่สามารถใช้ได้ก็น้อยเกินไป
ราวกับสถานที่แห่งนี้คือพื้นที่ต้องห้ามสำหรับเหล่าเซียน!
ในพันธมิตรเซียน มีผู้คนที่มีตำแหน่งระดับบ่มเพาะในระดับประมาณนึงจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ก่อนที่แดนสวรรค์แตกสลาย มีเหตุการณ์สั่นสะเทือนสวรรค์เกิดขึ้นที่นี่ซึ่งแทบทำให้แดนสวรรค์เกือบจะต้องแตกกระจาย!
ไม่มีใครรู้ว่ามิติว่างแห่งนี้มีจุดจบอยู่ตรงไหน แม้กระทั่งเซียนขั้นทลายสวรรค์สูงสุดก็ไม่สามารถตรวจค้นที่นี่ได้นานเกินไป อีกทั้งไม่ว่าจะมีพลังต้นกำเนิดมากมายแค่ไหน อยู่เพียงวันเดียวก็คงใช้มันหมด
ราวกับมิติว่างคือค่ายกลแยกพลังดั้งเดิม มันคืออวกาศปิดผนึกที่ป้องกันเหล่าเซียนหลงเข้ามาไม่ให้สำรวจลึกยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามเรื่องค่ายกลแยกพลังดั้งเดิมนั้นมีจริงหรือไม่…ไม่มีใครรู้คำตอบ
อย่างไรก็ตามมีการคาดเดาหนึ่งอยู่ในจิตใจผู้คนจำนวนน้อยนิด พวกเขากลัวไปแตะต้องมันจนเกิดความกลัวหายนะที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งคิดว่า…ดินแดนมิติว่างแห่งนี้ไม่ใช่สิ่งธรรมชาติ…แต่มนุษย์สร้างขึ้น!
ตอนนี้แม้กระทั่งร่างใหญ่ยักษ์ของอสรพิษพิฆาตจันทร์ยังดูน้อยนิด หลังจากมันเข้ามามันก็ขดตัวเป็นวงกลม ควบแน่นพลังทั้งหมดเพื่อให้ดูดซับสิ่งของที่เข้ามาในร่างกาย
อสรพิษพิฆาตจันทร์ล่องลอยไปในความมืดมิดไร้ก้นบึ้งโดยไม่มีทิศทางอันใด ราวกับพลังลึกลับที่นี่ไม่มีผลกระทบกับมัน
หวังหลินอยู่ในร่างอสรพิษพิฆาตจันทร์ เขายังถือชิ้นส่วนแดนสวรรค์ที่ปรมาจารย์จงเฉินมอบไม้ สัมผัสวิญญาณหวาดผ่านเข้าใส่และประทับของตัวเองลงไป ขณะเดียวกันเสียงคำรามดังออกมาจากชิ้นส่วนแดนสวรรค์และมีสายฟ้าหนึ่งเส้นพุ่งออกมา
สายฟ้าแตกกระจายเบื้องหน้าหวังหลิน โค้งเป็นเส้นทุกทิศทาง ร่างอสูรสายฟ้าเขาเงินปรากฏตัวขึ้นมา รอบคอมีโซ่ตรวนล่ามเอาไว้ ยันต์เซียนจำนวนมากติดแน่นบนร่างกาย ดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย
แม้กระทั่งเขาเงินยังมีหลุมเล็กๆแทงทะลุผ่านด้วยกรรมวิธีลึกลับและมีห่วงเหล็กลอดผ่านไปด้วย
นอกจากวิญญาณหลักที่ผนึกไว้ในชิ้นส่วนแดนสวรรค์ที่ปรมาจารย์จงเฉินให้มาแล้ว มันยังมีอสูรสายฟ้าอยู่ด้วย เมื่ออสูรสายฟ้าเห็นหวังหลิน ดวงตาของมันจึงเลือนลาง ความทุกข์ทรมานที่มันประสบพบเจอมาตลอดพลันปะทุขึ้น
หวังหลินเจออสูรสายฟ้ามานานหลายปีและไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี รูปร่างอสูรสายฟ้าตัวนี้ค่อนข้างประหลาดเกินไป เขาก้าวเข้าไปใกล้มันและมองห่วงเหล็กบนเขาเงินของมัน หวังหลินอดไม่ได้ที่จะไปจับห่วง
ทำให้ความไม่เป็นธรรมในตัวอสูรสายฟ้ายิ่งรุนแรงขึ้นและมันร้องคำรามเสียงต่ำออกมา
หวังหลินยิ้มบิดเบี้ยวและเอ่ยเสียงเบา “หลายปีที่ผ่านมาคงยากสำหรับเจ้านัก” เขาเห็นเจ้าอสูรสายฟ้าร้องอย่างต่อเนื่องราวกับต้องการจะบอกเล่าความทุกข์ยากทั้งหมดที่มันเผชิญ
หวังหลินลูบจมูกตัวเองแปะศีรษะเจ้าอสูรสายฟ้า “จริงๆแล้วเจ้าก็ดูดีนะ!”
เดิมทีต้องการให้มันสบายๆ แต่จังหวะที่พูดออกไปเจ้าอสูรสายฟ้าไม่ร้องออกมาและหันควับ ทำให้โซ่ตรวนรอบคอส่งเสียงกริ๊ง ยันต์กระดาษบนร่างสั่นไหวพร้อมกับมันมองหวังหลินด้วยความสงสัย
มันสงสัยคำพูดของหวังหลินแน่นอน มันได้ยินแบบเดียวกับปรมาจารย์จงเฉินหลายครั้ง ทุกครั้งที่ปรมาจารย์จงเฉินเห็นมัน เขาก็จะพูดคำพูดคล้ายๆกัน
หวังหลินยิ้มบิดเบี้ยว เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าจะทำให้อสูรสายฟ้าดีขึ้นได้อย่างไร เขาเห็นใจมันเป็นอย่างมากโดยเฉพาะหลังจากเห็นรูปร่างของมันแล้ว หวังหลินจินตนาการถึงความทุกข์ทรมานทั้งหมดที่เจ้าอสูรสายฟ้าได้รับตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ทว่าความแข็งแกร่งของอสูรสายฟ้าทำให้หวังหลินตกตะลึง มันแข็งแกร่งมากกว่าเดิมอย่างมาก
เจ้าอสูรสายฟ้าจ้องหวังหลินซึ่งเขาทำได้เพียงพยักหน้าว่าสิ่งที่พูดออกไปเป็นเรื่องจริง
พอเห็นว่ามันยังคงสงสัย หวังหลินถอนหายใจและจับกระเป๋า กระบี่เทพลอยออกมาและพลิกไปมา ทำให้ฉวี่ลี่กั๋วลอยขึ้น
ฉวี่ลี่กั๋วไม่ต้องให้หวังหลินออกคำสั่ง มันรู้สถานการณ์จากการเชื่อมต่อกับหวังหลินแล้ว มันอดไม่ได้ที่จะไปเล่นห่วงเหล็กบนเขาเจ้าอสูรสาฟย้า อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง
อสูรสายฟ้าคำรามโกรธเกรี้ยว สายฟ้าปกคลุมร่างกายทันที โดยเฉพาะเขาเงินนั้นมีสายฟ้ารวมกันและพุ่งใส่ฉวี่ลี่กั๋ว
ฉวี่ลี่กั๋วหวาดกลัว เขากรีดร้องและรีบถอยร่น ทว่าสายฟ้าเร็วมากจนเฉียดเขาไป ฉวี่ลี่กั๋วสั่นระริกและรีบพูดขึ้น “อย่าวู่วามสิ ข้าแค่ชอบห่วงเหล็กของเจ้าจนอดไม่ได้เท่านั้น…”
หวังหลินแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมาสังเกตรอบด้าน เมินเฉยฉวี่ลี่กั๋วและอสูรสายฟ้าอย่างสิ้นเชิง เหตุผลที่หวังหลินปล่อยฉวี่ลี่กั๋วออกมาก็เพื่อทำให้เจ้าอสูรสายฟ้าสบายใจเนื่องด้วยหวังหลินไม่รู้จะทำอย่างไรจริงๆ
ไม่รู้ว่าฉวี่ลี่กั๋วและอสูรสายฟ้าสื่อสารกันอย่างไร แต่หลังจากพูดไม่กี่คำสีหน้าท่าทางของอสูรสายฟ้าก็ดีขึ้น ความสงสัยค่อยๆจางหายไป หลังจากนั้นไม่นานแววตามันก็เย่อหยิ่ง ร้องคำรามและสื่อสารกับฉวี่ลี่กั๋วท่าทีมีสุข
ท้ายที่สุดมันก็ยอมให้ฉวี่ลี่กั๋วขี่หลังและไม่สนใจฉวี่ลี่กั๋วจะเล่นห่วงเหล็กของมันแล้ว มันส่ายร่างราวกับมีท่าทีพึงพอใจยิ่ง
หวังหลินถอนสัมผัสวิญญาณและเห็นเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะชื่นชมฉวี่ลี่กั๋ว ตอนที่หวังหลินค้นพบดาบดำในสุสานซูซาคุ เขาสังเกตได้ว่าฉวี่ลี่กั๋วมีพรสวรรค์ด้านนี้ ไม่รู้ว่าฉวี่ลี่กั๋วไปชักชวนดาบนั้นได้อย่างไร แต่มันแยกจากฉวี่ลี่กั๋วไม่ได้มาพักใหญ่
ฉวี่ลี่กั๋วกำลังจับห่วงเหล็กและคิดขึ้นในใจ ‘มาเป็นแทนที่ปู่ฉวี่ดีกว่า ข้าสามารถเอาชนะเจ้ามารร้ายนี้ได้ทันที!’ ขณะที่รู้สึกอิ่มเอมใจ ฉวี่ลี่กั๋วดึงห่วงเหล็กแรงเกินไปเล็กน้อยจนทำให้อสูรสายฟ้าร้องคำรามด้วยความโกรธ
ฉวี่ลี่กั๋วรีบตบเจ้าอสูรสายฟ้าและพูดอะไรบางอย่าง ดวงตาอสูรสายฟ้าส่องสว่าง มันส่ายศีรษะและมองตัวเอง ความโอหังและความไม่แยแสก่อนหน้านี้หายไปอย่างสิ้นเชิง