Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 942

Cover Renegade Immortal 1

942. ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าสั่นสะเทือน

จังหวะแสงเยือกเย็นและชั่วร้ายหายไป ฉิงชุ่ยเดิมทีท่าทางสงบนิ่งพลันเปลี่ยนสีหน้า เขาจ้องตำแหน่งที่แสงชั่วร้ายปรากฏขึ้นและดวงตาเปล่งประกาย

ทว่าแสงชั่วร้ายนั้นเลือนหายไปราวกับไม่เคยอยู่มาก่อน

ไม่ว่าแสงนั้นจะปรากฏตัวขึ้นหรือหายไป ตามจริงแล้วฉิงชุ่ยไม่ได้เห็นอะไรเลย ทว่าในเสี้ยวพริบตาพลันเกิดความรู้สึกขนลุกขึ้นไปทั่วร่าง เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนแม้แต่ตอนที่เผชิญหน้ากับอาจารย์ป๋ายฟ่านก็ตาม

อย่างไรก็ตามเขากลับรู้สึกว่าเคยสัมผัสถึงมันก่อนหน้านี้ เป็นความรู้สึกขัดแย้งกันจนฉิงชุ่ยไม่อาจหาเหตุผลได้

ในแววตากระพริบเย็นเยียบและท่าทางมืดมัว คงความระมัดระวังเอาไว้และจ้องตรงไปพลางค้นในความทรงจำเพื่อหาคำตอบความรู้สึกน่าจะคุ้นเคยนี้

ลั่วเฉินหัวเราะ เขาถอยออกมาจากผนึกสังหารเทพเจ้าทันที หนามกระดูกจำนวนมากบนแขนแตกสลาย เขามองหวังหลินด้วยความชื่นชมปนตื่นเต้น

หลังกระหน่ำใส่กันเป็นชุด หวังหลินก็ถอยออกมาเช่นเดียวกัน หอกสังหารเทพเจ้าในมือเกือบโปร่งใสไปแล้ว แม้เขาจะดูปกติแต่ตกตะลึงยิ่งนัก ก่อนหน้านี้หวังหลินสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าที่ผสานเข้ากับดวงวิญญาณเขา มันอยู่นิ่งๆมานานแต่พลันสั่นเทาโดยไม่คาดคิด

เหตุการณ์นี้หาได้ยากยิ่ง เมื่อลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าสั่นเทา เสี้ยวพลังลึกลับจึงออกมาจากลูกปัดและเข้าไปในร่างหวังหลิน ทำให้ดวงตาส่องประกายสีฟ้าในจังหวะนั้น

หวังหลินหยิบยืมจังหวะการล่าถอย กวาดสายตาไปรอบด้าน วินาทีนั้นราวกับมีสายฟ้านับแสนระเบิดอยู่ในใจ เขาเห็นแสงชั่วร้ายภายใต้ตาข่ายซึ่งแม้กระทั่งฉิงชุ่ยก็มองไม่เห็น!

เมื่อแสงชั่วร้ายโหดเหี้ยมส่งเข้าไปในตาหวังหลิน ราวกับเขากลืนเศษน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลายเข้าไป ทั้งร่างหนาวเย็นทั้งภายในและภายนอก แสงชั่วร้ายสองจุดดูเหมือนจะสังเกตสายตาหวังหลินได้ มันเผยร่องรอยความตกใจและค่อยๆหายวับ

“นั่นมันบัดซบอะไรกัน?!” หวังหลินล่าถอย ความคิดสั่นสะท้าน ตอนที่เขาเห็นสายตาของฉิงชุ่ย เขารู้ว่าฉิงชุ่ยต้องสังเกตมันได้เช่นกัน

ณ วินาทีนี้ลั่วเฉินหัวเราะและเข้ามาประชิดอีกครั้ง ยกแขนขวาขึ้นมาจับอย่างรุนแรง ดาวห้าดวงบนหน้าผากหมุนติ้ว พริบตาเดียวมันก็หลุดออกมาจากหน้าผากและฝังเข้าไปในกำปั้นลั่วเฉิน

เมื่อเขามาถึง ดาวห้าดวงปรากฏบนกำปั้น หมุนวนอย่างรวดเร็วจนก่อเกิดเป็นวังวน ยิ่งกำปั้นของลั่วเฉินเข้ามาใกล้พอ วังวนนั้นก็กลายเป็นพายุ

‘ดูเหมือนชั่วเฉินไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติ เขาเป็นเทพโบราณห้าดาวแต่ยังไม่สังเกตเห็น! กลับเป็นฉิงชุ่ยที่สังเกตได้แทน!’

หวังหลินรู้สึกหวาดกลัวต่อดวงแสงชั่วร้ายสองจุดภายใต้ตาข่ายอย่างมาก จังหวะนั้นหมัดขวาของลั่วเฉินก็กวาดผ่านไป หวังหลินเหวี่ยงแขนมาข้างหน้า พลังอำนาจของเทพโบราณสี่ดาวพรั่งพรู หยิบยืมพลังตัวเองเพื่อเปลี่ยนทิศทางและเคลื่อนร่างออกมาไกลจากตาข่าย

‘ข้าสังเกตมันได้เพราะพลังลึกลับจากลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า ฉิงชุ่ยต้องมีวิธีลับของตัวเองในการตรวจจับมัน แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ในมิติว่างคืออะไรกันแน่?’

หวังหลินและลั่วเฉินแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันจนเกิดเสียงปะทุกึกก้อง การปะทะของพวกเขาเปลี่ยนกลายเป็นเสียงดังสนั่นไปทั่วมิติว่าง กำปั้นของลั่วเฉินกระหน่ำใส่หวังหลินอย่างต่อเนื่อง ดวงดาวบนแขนสร้างพลังดึงดูดเพื่อดึงหวังหลินเข้ามาใกล้ได้จริงๆ

หวังหลินดวงตาส่องสว่าง ดาวสี่ดวงระหว่างคิ้วหมุนติ้วอย่างรวดเร็ว พวกมันผสานเข้ากับแขนขวาพร้อมเผชิญหมัดลั่วเฉินที่กำลังเข้ามา

หากทั้งสองเทพโบราณอยู่ในมิติธรรมดา คงทำให้มิติแตกสลายได้ทันที ว่าพวกเขาไม่ส่งผลกระทบต่อที่สี่ ขณะที่เสียงดังสนั่นต่อไปเรื่อยๆ หวังหลินล่าถอยและหลบหนีจากพลังดึงดูดของลั่วเฉิน

ลั่วเฉินก้าวเท้าเข้าประชิดหวังหลินในพริบตาพร้อมกับเหวี่ยงหมัด หนามกระดูกนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาจากร่างกาย พุ่งเข้าใส่หวังหลินดุจลูกธนูออกจากแล่งทั้งยังเต็มไปด้วยพลังอำนาจเทพโบราณ

หวังหลินกระชับแขนขวาจับหอกสังหารเทพเจ้ากวาดไปข้างหน้า เอ่ยวาจาภาษาเทพออกมาโดยไม่ลังเล

“ต้นกำเนิดเทพโบราณ หยิบยืมพลังแห่งบรรพชน!”

วินาทีที่เอ่ยประโยคนั้น วังวนยักษ์ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าและดูดซับหนามกระดูกเข้าไปหมด ทั้งยังเกิดเสียงคำรามสั่นสะเทือนผืนปฐพี

เป็นครั้งแรกที่ลั่วเฉินเผยอาการตื่นเต้น เขายิ้มเอ่ยขึ้นมา “วิชาต้นกำเนิดเทพโบราณที่หยิบยืมพลังอำนาจจากบรรพชนมีเพียงสายเลือกราชวงศ์เท่านั้นที่สามารถใช้ได้ ข้าลั่วเฉินไม่ได้เจอมานานแล้ว”

เขาหยุดตัวลง ฝ่ามือทำเป็นรูปวงแหวน ดวงดาวเทพโบราณอันเลือนลางปรากฏขึ้นเหนือหน้าผาก หลังจากนั้นไม่นานดาวอีกดวงก็ปรากฏขึ้น ยามลั่วเฉินเคลื่อนฝ่ามือ ดาวห้าดวงเรืองแสงอ่อนและเริ่มหมุนวงกลม จากนั้นบางอย่างก็ลอยออกมาจากวงแหวน

“วิญญาณอสูรเทพโบราณ!” ลั่วเฉินตะโกน จากนั้นสิ่งที่ลอยออกมากระพริบวาบเปลี่ยนกลายเป็นช้างยักษ์!

ช้างตัวนี้สีดำทมิฬ ขนยาวฟูดูโหดเหี้ยมอำมหิต งาทั้งสองข้างเรืองแสงสีขาว ลำตัวดุจท่อนแขนทรงพลัง มันยกร่างตัวเองขึ้นมาพร้อมกับส่งเสียงคำราม กระทืบเท้าลงอย่างรุนแรง

ก่อเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เปลวเพลิงอำมหิตโผล่ออกมาจากร่างมันอย่างบ้าคลั่ง

ไม่เพียงแต่เผ่าพันธุ์เทพโบราณจะมีร่างกายที่สามารถทำลายโลกให้สิ้นได้ พวกเขายังมีวิชาแข็งแกร่งไร้เทียมทาน!

วิญญาณอสูรตัวนี้เป็นหนึ่งในวิชาทรงพลังยิ่งของเหล่าเทพโบราณ มีเพียงเทพโบราณห้าดาวและยังต้องหลอมมันเป็นเวลานานอีกกว่าจะใช้ได้

เทพโบราณวัยผู้ใหญ่เกือบทุกตนจะมีวิชานี้ สิ่งแรกที่เหล่าเทพโบราณทำเมื่อเข้าสู่ร่างเต็มวัยก็คือหาวิญญาณอสูรของตนเองเพื่อนำมาปรับแต่ง

ตู่ซือก็มีวิญญาณอสูรอยู่หนึ่งตัว ตอนที่อยู่ในดินแดนเทพโบราณคราวนั้น อสูรที่ป้องกันต้าวเสินไม่ให้ได้รับมรดกแห่งปัญญาก็คือวิญญาณอสูรของตู่ซือ!

ครานี้ลั่วเฉินใช้วิชาอสูรวิญญาณ ช้างยักษ์พุ่งมาตรงหน้า วังวนพายุพลันเปลี่ยนไป ขณะที่เจ้าช้างยักษ์โผล่เข้ามาใกล้ กำปั้นยักษ์ก็พุ่งออกมาจากวังวน

กำปั้นผิวหนังสีผ้าเข้าปะทะกับเจ้าช้างยักษ์อย่างรุนแรง

ตู้มมมม!!

เสียงดังสนั่นเหนือจินตนาการแพร่กระจายข้ามผ่านมิติว่าง ก่อเกิดพายุจนทำให้โลกต้องล่มสลาย

ช้างยักษ์ร้องคำราม ร่างใหญ่ของมันถูกผลักดันกลับ งาข้างนึงแตกหักครึ่งและสลายกลายเป็นฝุ่น

ลั่วเฉินถอยไปด้วยเช่นกัน แววตาชื่นชมมากกว่าเดิม

หวังหลินกระอักโลหิตและรีบถอยร่น เขาหลบเลี่ยงแรงกระแทกจากระลอกคลื่นและตาข่าย

ลั่วเฉินมองหวังหลิน “เจ้ามีคุณสมบัติพอที่จะเป็นเทพโบราณ!”

วินาทีที่เอ่ยคำนั้น เจ้าอสรพิษพิฆาตจันทร์ห่างออกไปไกลจึงเผยแววตาเรืองแสงชั่วร้าย จากนั้นร้องคำราม เสียงคำรามนี้ทำให้ร่างลั่วเฉินต้องสั่นสะท้าน สายตาเต็มไปด้วยความดิ้นรน เส้นเลือดจำนวนมากปูนโปน ท่าทีดุร้ายขึ้นมากกว่าเดิม เขามองไปที่เจ้าอสรพิษและร้องคำรามกลับ “สัตว์บัดซบ แทรกแซงข้าไม่ได้อีกแล้ว!”

เจ้าอสรพิษดวงตาเย็นเยียบและร้องคำรามหนักแน่น ในเสียงคำรามนั้นทำให้ลั่วเฉินต้องสั่นเทาและเกิดสีหน้าเจ็บปวด

ทว่าในเสี้ยววินาทีต่อจากนี้พลันเกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าตกตะลึงขึ้น ตาข่ายขนาดใหญ่ส่วนหนึ่งปรากฏขึ้นในอวกาศตำแหน่งที่เจ้าอสรพิษอยู่ สองดวงแสงชั่วร้ายปรากฏขึ้นอีกครั้ง!

ฉิงชุ่ยเฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดนี้อย่างใกล้ชิด วินาทีนี้ดวงตาส่องสว่างขึ้นมาจ้องไปที่ตาข่ายใกล้อสรพิษ ใบหน้าเปลี่ยนเป็นมืดมนยิ่ง

หวังหลินก็เห็นสิ่งนี้ รูม่านตาหรี่แคบลง

ส่วนลั่วเฉินสังเกตบางอย่างผิดปกติได้เช่นกัน

ร่างยักษ์ของเจ้าอสรพิษพิฆาตจันทร์พลันสั่นสะท้านและร้องคำราม ในแววตามีความงุนงงและหวาดกลัว ราวกับมันต้องการจะหนีออกไปจากที่นี่

ตาข่ายกระพริบวูบวาบเข้าใกล้เจ้าอสรพิษจนเกิดการฉีกขาด จากนั้นมันเปิดกว้างเผยออกมาเป็นสถานที่กว้างใหญ่ไพศาล

ราวกับผนึกในมิติว่างแห่งนี้ถูกฉีกขาดจนเปิดออกมา สองดวงแสงชั่วร้ายพุ่งออกไป

วินาทีที่แสงชั่วร้ายพุ่งออกไป หวังหลิน ฉิงชุ่ยและลั่วเฉินต่างก็ตกตะลึงกันทั้งหมด!

“อาจารย์!” ฉิงชุ่ยไม่เชื่อสายตาตัวเอง

“ตู่ซือ!!” หวังหลินอ้าปากค้าง หนังศีรษะด้านชาและต้องการจะหลบหนี

“บรรพชน!!” ลั่วเฉินจ้องสิ่งที่พุ่งออกมาจากรอยร้าวและตะลึงงัน

ทั้งสามคนเห็นสิ่งที่แตกต่างกัน ควันเจ็ดสีโผล่ออกมาจากรอยร้าว มันหนาแน่นและห้อมล้อมอสรพิษพิฆาตจันทร์เอาไว้ก่อนจะลากเข้าไปในรูที่โผล่ออกมาอย่างรุนแรง

เจ้าอสรพิษดิ้นรนและร้องคำรามโกรธเกรี้ยว ทว่าร่างใหญ่ยักษ์ของมันคล้ายสูงเสียพลังต่อต้านทั้งหมด ทำได้เพียงถูกลากเข้าไปเท่านั้น

เมื่อเจ้าอสรพิษถูกลากเข้าไป รอยร้าวยิ่งขยายตัวอย่างรวดเร็ว

วินาทีนี้ไม่เพียงแต่เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวของเจ้าอสรพิษไม่เพียงจะไม่มีผลอะไร แม้กระทั่งเย่มู่จื่อและหวู่ต้าวซานที่อยู่ในตัวอสรพิษยังต้องตกตะลึง ทั้งสองเคลื่อนไหวผ่านอสรพิษพิฆาตจันทร์ที่เต็มไปด้วยควันเจ็ดสีอย่างรวดเร็ว เมื่อควันเหล่านั้นเต็มไปทั่วร่างมัน ทั้งสองพบว่าอัตราการสูญเสียพลังดั้งเดิมได้เพิ่มพูนขึ้นอย่างที่สุด

ควันเจ็ดสีจำนวนมากโผล่ออกมาจากรอยร้าว พวกมันแบ่งออกเป็นสามสายและพุ่งตรงเข้าใส่หวังหลิน ลั่วเฉินและฉิงชุ่ย!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!