Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 949

Cover Renegade Immortal 1

949. นำทางขุมนรก

“ตอนนั้นหลังจากบรรพชนจางฉิงเย่รู้แจ้ง ในที่สุดเขาก็เปิดม้วนคัมภีร์เล่มที่สาม ทว่าหลังจากสังเกตไปสักพักเขาก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป เข้าปิดด่านฝึกตนกับม้วนคัมภีร์เล่มสามถึงพันปี ระหว่างนั้นไม่เคยออกมาเลย หลังเวลาผ่านไปพันปีทางตระกูลพบม้วนคัมภีร์เล่มที่สามและหินหยกก้อนหนึ่งตรงสถานที่ที่เขาปิดด่านฝึกคน แต่ไม่มีร่องรอยบรรพชน!”

“หากไม่ใช่เพราะว่าบรรพชนหายตัวไป แม้กระทั่งอารามเทพอัสนีก็ไม่กล้ามาตอแยตระกูลจาง ตอนที่บรรพชนอยู่ แม้กระทั่งตระกูลเซียนโบราณก็ยังไม่กล้า ชื่อเสียงของตระกูลจางถือครองความแข็งแกร่ง!”

“แต่เรื่องทั้งหมดก็เปลี่ยนไปเมื่อบรรพชนหายตัวไป…ลูกหลานหลายรุ่นหวังจะค้นหาบรรพชนเนื่องจากเขาไม่ได้ตาย ไม่เช่นนั้นป้ายชีวิตคงแตกหักไปแล้ว!”

ความคิดหลายอย่างแล่นผ่านในหัวลี่หยุนจื่อ มีสามคนในตระกูลจางที่สามารถเปิดม้วนคัมภีร์เล่มสองได้ แต่ไม่มีใครสามารถเปิดเล่มที่สาม

นี่คือที่เขาไม่เคยบอกทุกคน แม้กระทั่งผู้เยาว์ในตระกูลก็ไม่รู้เรื่องนี้ พวกเขาคิดว่าลี่หยุนจื่อและผู้อาวุโสในตระกูลเท่านั้นที่สามารถเห็นคัมภีร์เล่มที่สาม

แม้กระทั่งจางกงเล่ยก็คิดแบบเดียวกัน

ลี่หยุนจื่อยิ้มบิดเบี้ยว เขาทราบดีว่าแม้จะมีสามคนในตระกูลที่สามารถเปิดคัมภีร์เล่มที่สองได้ พวกเขาก็เพียงแค่เข้าใจมันเท่านั้น ไม่มีใครสามารถจมดิ่งเข้าไปอย่างสิ้นเชิงเหมือนอย่างที่ซิ่วมู่ทำได้!

สิ่งนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับระดับบ่มเพาะและไม่เกี่ยวอะไรกับพรสวรรค์ เหตุผลที่แท้จริงแม้แต่ลี่หยุนจื่อก็ไม่รู้

ลี่หยุนจื่อขบคิดอยู่นานก่อนจะมองหวังหลินและเอ่ยขึ้นมา “ซิ่วมู่ ข้าต้องจ่ายอะไรเจ้าถึงจะดูเล่มที่สาม? พูดมา!”

ความจริงแล้วเขายังมีแผนของตัวเอง นอกจากการตามหาบรรพชนยังมีข้อความที่บรรพชนทิ้งไว้ในหินหยกด้วย!

“หากใครในตระกูลจางสามารถสืบทอดมรดก เขาจะสามารถบรรลุถึงจุดสูงสุด!”

หวังหลินขบคิดอยู่นานพลางสายศีรษะ “ด้วยระดับบ่มเพาะตอนนี้ของข้า ข้าไม่สามารถเปิดคัมภีร์เล่มที่สามได้” ตอนที่สังเกตม้วนคัมภีร์เล่มที่สอง ต้นตอพลังดั้งเดิมเข้าไปในตาที่สามของเขา

“สิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับระดับบ่มเพาะ ดังนั้นเจ้าควรลองมัน ข้าลี่หยุนจื่อจะตอบสนองคำขอของเจ้าแน่!” ยื่นหยุนจื่อใช้แขนขวาเตะหน้าผาก ม้วนคัมภีร์ลอยออกมาจากตรงนั้นทันที

ม้วนคัมภีร์นี้คือม้วนคัมภีร์รบเล่มที่สาม!

ลี่หยุนจื่อสูดหายใจลึกพลางคว้าม้วนคัมภีร์เล่มที่สามยื่นส่งให้หวังหลิน

วินาทีที่หวังหลินรับมา รู้สึกถึงกลิ่นอายที่ทำให้ความคิดสั่นสะท้าน กลิ่นอายนี้แข็งแกร่งมากกว่าเล่มที่สองมากนัก

“ข้าไม่สามารถเปิดม้วนคัมภีร์นี้ได้แน่นอน!” ดวงตาชักกระตุกและรู้สึกถึงสัมผัสอันตรายจากคัมภีร์ เขารู้สึกว่าหากเปิดมันขึ้นมาแม้เพียงเสี้ยวเดียว ไม่สามารถทนรับได้แน่นอน!

“ผู้อาวุโสลี่หยุนจื่อ ข้าไม่หาเรื่องฆ่าตัวตายหรอก ข้าจะไม่เปิดมัน หากเปิดขึ้นมาข้าไม่มีโอกาสรอดแน่!” หวังหลินมองลี่หยุนจื่อและส่งมันกลับคืน

ลี่หยุนจื่อสีหน้าจมลง

“แต่ผู้อาวุโสผ่อนคลายได้ ผู้น้อยก็อยากเห็นเช่นกันว่ามันมีอะไรอยู่ข้างในม้วนคัมภีร์เล่มที่สาม หากวันใดวันหนึ่งระดับบ่มเพาะของข้าแข็งแกร่งเพียงพอ ข้าจะมาหาผู้อาวุโสเพื่อดูมันเอง หากข้าเปิดมันตอนนี้และตายจากกลิ่นอาย ผู้อาวุโสจะต้องหาคนอื่นอีก”

หวังหลินก้าวถอยหลังและเอ่ยอย่างสงบนิ่ง เขารู้ว่าลี่หยุนจื่อจะไม่โจมตีเขาแน่นอน ถึงแม้อีกฝ่ายจะไร้ยางอายและโจมตี หวังหลินก็เตรียมพร้อมไว้แล้ว แม้จะคิดว่าตัวเองคงไม่ชนะเขาก็ยังหลหนีและชะลอได้จนกว่าฉิงชุ่ยจะมาถึง

ขณะลี่หยุนจื่อจ้องมองหวังหลิน ความคิดหลายร้อยอย่างแล่นในหัว เขารู้ถึงอันตรายจากม้วนคัมภีร์เล่มสาม ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทุกคนที่พยายามเปิดมันแตกดับในทันที แม้แต่เขาก็ยังไม่กล้าเปิด

ยิ่งไปกว่านั้นซิ่วมู่มีคุณงามความดีต่อฝ่ายทุกชั้นฟ้า หากเขากักขังซิ่วมู่หรือซิ่วมู่ตายจากม้วนคัมภีร์จริงๆ เมื่อนั้นปรมาจารย์จงเฉินคงไม่ไว้หน้าแน่

กระนั้นลี่หยุนจื่อก็ไม่ได้ใส่ใจจริงๆ เขารู้ว่าปรมาจารย์จงเฉินคงไม่หันมาสู้กับเขาระหว่างสงครามเพียงเพื่อเด็กน้อยคนเดียว

แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องระวังคือฉิงชุ่ย!

จากมุมมองเขา ฉิงชุ่ยคือคนบ้า มีความเป็นไปได้ที่เขาจะติดตามเรื่องเกี่ยวกับซิ่วมู่ด้วยความโกรธแค้น!

‘ฉิงชุ่ยต่อสู้กับเทพโลหิตก็เพราะซิ่วมู่ เขายังฆ่าสมาชิกอารามเทพอัสนีระหว่างการประลองตำแหน่งเทพ หากข้าบังคับให้ซิ่วมู่อยู่ คงเป็นการชักปัญหาเข้ามา’ ลี่หยุนจื่อใบหน้ามืดมน เขารู้สึกลังเลเช่นกันเพราะเหมือนว่าซิ่วมู่จะไม่โดนกักตัวได้ง่ายๆตามที่เขาคาด

‘ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คนเดียวที่ข้าพบที่สามารถเห็นเขตแดนข้างในคัมภีร์ได้คือซิ่วมู่ หากเขาตายข้าไม่รู้ว่าจะหาใครได้อีก…มีความสัมพันธ์อันดีกับเขาจะดีกว่า!’ ขณะลี่หยุนจื่อขบคิด เขาหัวเราะ แววตาเต็มไปด้วยความชื่นชม พยักหน้าและเอ่ยออกมา

“ดีมากไม่ได้รีบเลย เจ้าคู่ควรต่อการเป็นเทพสายฟ้าซิ่วมู่แห่งทุกชั้นฟ้า! แม้ตระกูลจางไม่ได้มีวิชาเหมืองตระกูลเซี่ยงเพื่อช่วยเจ้าชุบชีวิตดวงวิญญาณ เรามีวิชาที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งวิญญาณได้ ในอนาคตเมื่อเจ้ามาหาข้าเพื่ออ่านคัมภีร์เล่มที่สาม ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าไม่ได้ประโยชน์อันใด วิชานี้ข้าจะสอนเจ้าเอง! อีกทั้งข้าสัญญาจะช่วยเหลือเจ้าหนึ่งอย่างด้วยกำลังของทั้งตระกูลจาง ตราบใดที่ตระกูลจางสามารถทำให้สำเร็จได้!”

ลี่หยุนจื่อกล่าวคำสัญญายิ่งใหญ่ หวังหลินเผยใบหน้าขอบคุณและเอ่ยกล่าวเคารพ “ขอบคุณผู้อาวุโสเป็นอย่างยิ่ง เรื่องนี้ท่านสบายใจได้เลย”

ลี่หยุนจื่อยิ้มพลางพยักหน้า “ข่างมันเถอะ เมื่อเจ้ามีนัดกับฉิงชุ่ย ก็ไปเถอะ!”

หวังหลินคำนับฝ่ามือและจากไป เปลี่ยนกลายเป็นลำแสงหายตัวออกไปไกล

ขณะหวังหลินจากไป ลี่หยุนจื่อท่าทางมืดมนและพึมพำขึ้น “ปรมาจารย์จงเฉินไม่ขัดขวางข้ากับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ แต่มีฉิงชุ่ย…อย่างไรเสียฉิงชุ่ยก็ไม่ได้อยู่มานา…หลังมันตาย ข้าอยากเห็นว่าเจ้าจะรอดไปจากข้าได้อย่างไร ซิ่วมู่!”

หวังหลินออกไปจากดาวเคราะห์เซียนด้วยสีหน้ามืดมน ตอนที่ลี่หยุนจื่อเรียกเขา เขาก็ต้องมา ไม่เช่นนั้นคงไปขัดใจลี่หยุนจื่อเข้า หากต้องการยืมพลังอำนาจของฝ่ายทุกชั้นฟ้าเพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตในอนาคต เขาจะต้องตอบสนองต่อการเรียกของลี่หยุนจื่อ

อีกไปกว่านั้นทั้งสองคนยังต้องรักษาความสัมพันธ์กันไว้ด้วย เขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่มา

ตั้งแต่ไม่มีทางเลือกจนต้องไปแล้วเมื่อนั้นด้วยความเจ้าวางแผนของหวังหลินจึงไม่มีทางที่เขาจะไม่เตรียมการไว้ก่อน แม้ฉิงชุ่ยจะไม่พูดเรื่องที่จะค้นหาเขาในสิบวัน เขาคงยังต้องขอให้ฉิงชุ่ยช่วยเหลือ

ยิ่งตอนที่หวังหลินวิเคราะห์สถานการณ์ การมาเจอลี่หยุนจื่อไม่เพียงจะได้ประโยชน์แล้ว เขายังยืนยันสิ่งที่วิเคราะห์เอาไว้ว่าถูกต้องอีก ไม่แค่เขาจะได้รับต้นกำเนิดพลังดั้งเดิมมากขึ้น เขายังรู้เรื่องต้นกำเนิดของม้วนคัมภีร์รบ ท้ังยังได้ก้อนโลหิตลั่วฟู่มาอีก

หากไม่ได้มาเจอลี่หยุนจื่อ ปัญหาในอนาคตก็จะเข้มข้นยิ่งกว่าตอนนี้ อีกทั้งลี่หยุนจื่อก็เป็นเซียนเฒ่าจากฝั่งทุกชั้นฟ้า!

หวังหลินนึกถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้น สีหน้าค่อยๆสงบนิ่งเขาพลางหายวับท่ามกลางดวงดาว

พอเจอก้อนหินใหญ่ลอยเคว้งคว้างในอวกาศ หวังหลินนั่งลงรอคอยฉิงชุ่ย ไม่กี่วันถัดมาระลอกคลื่นปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหวังหลิน ฉิงชุ่ยก้าวเดินออกมา

ตอนที่เขาปรากฏตัวขึ้นมาพลันปลดปล่อยคลื่นคาวเลือดรุนแรง ด้านหลังฉิงชุ่ยคือศีรษะคนที่มีใบหน้าสิ้นหวัง มีอย่างน้อยก็ร้อยหัว

หวังหลินลืมตาขึ้นมายิ้มบิดเบี้ยว ระดับบ่มเพาะของฉิงชุ่ยสูงส่งยิ่งกว่าเมื่อสิบวันก่อน เห็นได้ชัดว่าเขากลืนกินเซียนไปจำนวนมาก

“คนพวกนี้คือเซียนดินแดนสังหารที่ซ่อนตัวได้ดีเยี่ยม หากเราต้องการเข้าไปในดินแดนสังหาร เจาต้องใช้หัวพวกนี้!” ฉิงชุ่ยเอ่ยขึ้นมาพลางโบกแขนขวา ศีรษะด้านหลังลอยออกมาก่อตัวเป็นวงกลม

“วิชาเทพชี้ทาง!” ฉิงชุ่ยสร้างผนึก พลังเทพต้นกำเนิดพรั่งพรูและชี้ออกไป ศีรษะหนึ่งในนั้นระเบิดกลายเป็นหมอกโลหิตเสียงดังปัง จากนั้นติดต่อกันเรื่อยๆจนศีรษะทั้งร้อยหัวแตกสลาย

หมอกโลหิตหนาแน่นล้อมรอบบริเวณ ฉิงชุ่ยโบกแขนขวา โลหิตเริ่มหมุนเร็วขึ้นและเร็วขึ้น เสียงกรีดร้องของดวงวิญญาณดังออกมาภายในวังวนนี้และดังกึกก้องในความคิดหวังหลิน

“นำทางขุมนรก!” น้ำเสียงฉิงชุ่ยดังเย็นเยียบ เสียงกรีดร้องจากวังวนยิ่งหนาแน่นขึ้น พวกมันรวมตัวอยู่ใจกลางวังวนก่อเกิดเป็นเหมือนหลุมดำ!

ความทรงจำจากดวงวิญญาณทั้งหมดที่กำลังควบแน่นเกี่ยวพันธุ์ต่อดินแดนสังหาร รวมกันกลายเป็นจุดเดียว สร้างเส้นทางชี้นำสู่ดินแดนสังหารจาการใช้ความทรงจำจากเหล่าเซียนมากกว่าร้อยคน!

มันคือวิชาเทพชี้ทาง!

หลุมดำหมุนเป็นวงกลมอย่างบ้าคลั่ง พริบตานั้นมันคล้ายจะทำลายอวกาศ โลกสีแดงเข้มปรากฏอยู่ข้างในหลุม!

ที่นั่นมีสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ดูเหมือนจะแทงเข้าไปในหลุมเหมือนกระบี่ จิตสังหารทรงพลังปกคลุมทุกสิ่งอย่าง

ใจกลางมีหอคอยสูงตระหง่านอย่างน้อยหมื่นฟุต โซ่ตรวนสีดำแขวนออกมาจากหอคอยเชื่อมต่อกับสิ่งก่อสร้างรอบด้าน

นี่คือดินแดนสังหาร!

“วิชานี้ใช้ได้ดีจริงๆ ข้าชอบมันมาก!” แววตาฉิงชุ่ยเต็มไปด้วยจิตสังหารพลางนำหินหยกบันทึกวิชาลงไปและโยนให้หวังหลิน จากนั้นเขาก้าวเท้าเข้าไปในวังวนโดยไม่ลังเล หวังหลินรับหินหยกไว้และยิ้มบิดเบี้ยว เขากลัวว่าที่ฉิงชุ่ยชอบวิชานี้อาจเป็นเพราะมันทำให้เขาสังหารฝ่ายตรงข้ามเพื่อเข้าสู่ฐานศัตรูได้ง่ายๆ

จากนั้นหวังหลินก็เคลื่อนไหวเข้าไปตามหลังฉิงชุ่ย

วังวนขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นในดินแดนสังหารทันที ดึงดูดเซียนทุกคนให้สนใจ วินาทีต่อมาน้ำเสียงเยือกเย็นก็แพร่กระจาย

“ข้าคือขุนนางเทพฉิงชุ่ย วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อมาเอาของบางอย่างที่เป็นของข้า จากนั้นข้าก็จะทำลายดินแดนแห่งนี้ซะ!”

วินาทีที่เสียงปรากฏขึ้น มันเปลี่ยนกลายเป็นพายุจิตสังหารกวาดผ่านไปทั้งดินแดนสังหาร!

ปัง ปัง ปัง ปัง!

พริบตาเดียวสิ่งก่อสร้างรูปทรงกระบี่พลันล่มสลายนับไม่ถ้วน!

‘ดินแดนสังหารแห่งนี้เอาอะไรไปจากศิษย์พี่ฉิงชุ่ยกันแน่ถึงทำให้เขาโกรธเกรี้ยวได้ขนาดนี้หลังจากค้นเจอความทรงจำของซวนเป่า?’ หวังหลินก้าวเท้าออกมาจากวังวนและมองดินแดนสังหารด้วยความเย็นเยียบ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!