950. ดินแดนสังหาร
พันธมิตรเซียนมีสองสำนัก สี่อารามและแปดดินแดน ดินแดนสังหารสร้างโลกของตัวเองขึ้นมาเป็นฐานลับ นานมาแล้วผู้ก่อตั้งดินแดนสังหารนำชิ้นส่วนแตกหักจากดินแดนสวรรค์พิรุณกลับมา เขายังรวบรวมเหล็กสวรรค์จำนวนมากเพื่อสร้างกระบี่ทะยานสวรรค์เก้าสิบเก้าเล่มด้วย!
กระบี่ทะยานสวรรค์ทั้งเก้าสิบเก้าเล่มกลายเป็นสิ่งก่อสร้างอันเป็นเอกลักษณ์ของดินแดนสังหาร
ในพันธมิตรเซียน ชื่อเสียงดินแดนสังหารนั้นรุ่งโรจน์มาก ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์มากมายตลอดหลายหมื่นปี ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กับสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์หรือการแลกเปลี่ยนกับสำนักซากศพหลังจากนั้น ความขัดแย้งทั้งหมดต่างก็มีเงาของดินแดนสังหาร
มีแคว้นระดับหกไม่มากนักที่ได้ยินชื่อของดินแดนสังหาร แต่เมื่อพวกเขามาถึงระดับเจ็ด ดินแดนสังหารต่างมีชื่อรู้จักกันดี!
ในแคว้นเซียนระดับเจ็ด เมื่อระดับบ่มเพาะคนผู้หนึ่งบรรลุระดับขึ้นมาพอประมาณ พวกเขาจะไม่ทิ้งวิญญาณตัวเองอยู่ภายใต้การควบคุมของคนอื่น เหตุการณ์ความรู้สึกเช่นนี้จึงถูกดินแดนสังหารจัดการ การนองเลือดทำให้พวกเขามีชื่อเสียงโหดร้าย!
แน่นอนว่ามีเซียนอีกหลายคนที่ดินแดนสังหารไม่สามารถต่อกรได้ พวกเขาจะถูกกำลังอื่นภายในสมาพันธ์เซียนต่อกรแทน
ดินแดนสังหารถือได้ว่าเป็นใบมีดของพันธมิตรเซียน คนที่ถูกดินแดนสังหารรับมาคือคนที่ใช้ชีวิตของตัวเองอยู่ในการเข่นฆ่า!
ตลอดหลายหมื่นปีดินแดนสังหารประคับประคองเซียนหลักไว้จำนวนเก้าสิบเก้าคน หากใครก็ตามตายไปจะมีคนมาเติมเต็มทันที นอกจากเซียนเก้าสิบเก้าคนนี้ยังมีศิษญ์สายนอกอีกด้วยซึ่งต่างเป็นกำลังให้กับเซียนทั้งเก้าสิบเก้าคนนี้
นอกจากนี้ยังมีจ้าวดินแดนและรองจ้าวดินแดนอีก!
คงกล่าวได้ว่าดินแดนสังหารคือสำนักเซียน แต่ทรงพลังมากกว่าสำนักเซียนส่วนใหญ่ มีคนไม่มากนักเข้าไปล่วงเกินดินแดนสังหารในพันธมิตรเซียน!
แม้แต่เซียนทรงพลังบางคนยังรู้สึกปวดหัวเมื่อเผชิญกับดินแดนสังหาร ไม่เพียงแต่คนพวกนี้จะโหดเหี้ยม พวกมันยังซ่อนตัวเองได้ดีเป็นอย่างยิ่ง หากภารกิจล้มเหลวพวกเขาจะล่าถอยทันทีและซ่อนร่องรอยตัวเองไว้หมด
ตั้งแต่ดินแดนสังหารถือกำเนิดขึ้นมา ไม่เคยมีใครฆ่าล้างจนมาถึงถิ่นฐานได้เลย หรือหากมีก็แทบจะนับจำนวนได้
แต่ทั้งหมดนี้เปลี่ยนไปเมื่อน้ำเสียงเย็นเยียบของฉิงชุ่ยดังก้อง!
สิ่งก่อสร้างคล้ายกระบี่หลายเล่มแตกสลาย โซ่ตรวนเหล็กมากมายหล่นลงมาเปลี่ยนกลายเป็นพายุพัดผ่านดินแดนสังหาร
เสียงคำรามระเบิดดังออกมา และวินาทีนั้นเงามากมายเหินออกมาจากพายุ เหล่าเซียนทั้งหมดสวมชุดสีดำและมีอายุแตกต่างกันออกไป ระดับบ่มเพาะแต่ละคนปะปนกันตั้งแต่ขั้นมายาหยินไปจนถึงขั้นส่องสวรรค์ระดับกลาง ส่วนใหญ่อยู่ที่ขั้นหยินหยาง มีน้อยคนอยู่ขั้นส่องสวรรค์
“ซิ่วมู่ เจ้าช่วยข้าเล่นกับพวกนี้ได้หรือไม่?” ฉิงชุ่ยก้าวผ่านเหล่าเซียนชุดดำเพียงก้าวเดียว น้ำเสียงที่เปล่งออกมาดุจลมหายใจเย็นเยือก
ด้วยไหวพริบของหวังหลินเขาจึงเข้าใจฉิงชุ่ยทันทีว่าเป็นการส่งเขามาเจอโชคลาภขนาดใหญ่ แม้จะมีเซียนมากมายแต่เขามีร่างเทพโบราณ การเข่นฆ่าไม่ใช่เรื่องยาก!
“ศิษย์พี่สบายใจได้!” หวังหลินเอ่ยออกมา ก้าวเท้าและโยนกำปั้นออกไป
เกิดเสียงดังสนั่นสะเทือนสวรรค์และคลื่นกระแทกปรากฏขึ้นเบื้องหน้า มิติแตกกระจาย รอยร้าวกวาดผ่านออกไป
กำปั้นหวังหลินเกิดพายุไร้ที่สิ้นสุด ควบแน่นกลายเป็นจุดเดียวและพุ่งออกไป แมแต่เซียนขั้นส่องสวรรค์ระดับปลายสูงสุดยังต้องเปลี่ยนสีหน้า หากหลบหลีกช้าไปเล็กน้อยคงถูกสังหารทันที!
เบื้องหน้าหวังหลินคือเหล่าเซียนขั้นมายาหยินมากมายที่ใช้ชีวิตอยู่ในการเข่นฆ่า เพียงแค่พวกเขาปรากฏตัวขึ้นมา สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปจากกำปั้นหวังหลิน ร่างภายในแต่ละคนเกิดเสียงปะทุ โลหิตพุ่งพรวดออกมาจำนวนมาก คนตรงหน้าหวังหลินไม่สามารถทนต้านไหวและร่างแตกสลาย
ขณะที่ร่างแตกกระจาย เซียนรอบด้านเต็มไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว พวกเขาต้องการหนีแต่วินาทีนี้รู้สึกชัดเจนถึงพลังลึกลับที่กักขังเอาไว้รอบด้าน จึงไม่สามารถหนีได้เลย
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ร่างเซียนทุกคนแตกสลาย ดวงวิญญาณลอยออกมาและถูกหวังหลินจับเอาไว้
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตา รวดเร็วจนยากจะเชื่อได้ เหล่าเซียนแห่งดินแดนสังหารที่อยู่รอบด้านทั้งหมดสั่นคลอน!
“ซิ่วมู่!!”
“เขาคือเทพสายฟ้าซิ่วมู่ ฝ่ายทุกชั้นฟ้า!” มีคนนึงจดจำตัวตนของหวังหลินได้
หวังหลินใบหน้าเย็นเยียบ เบื้องหน้ามีพวกเซียนอยู่ราวๆร้อยคน แม้จะไม่ได้มีมากแต่ไม่มีใครเป็นภัยคุกคาม! หากเป็นการหน้านี้คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเผชิญหน้ากับพวกเขา แต่ตอนนี้กวังหลินกลายเป็นเทพโบราณห้าดาวสายเลือดราชวงศ์ ทุกอย่างมันต่างกัน!
หวังหลินก้าวเท้า ปรากฏระลอกคลื่นและหายตัวไป
“บิดมิติ!!!” เซียนขั้นส่องสวรรค์ระดับต้นเบิกตากว้าง แววตาตกตะลึงและสั่นสะท้าน หนังศีรษะด้านชา ถอยร่นโดยไม่ลังเลและไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ
‘เขารู้บิดมิติจริงๆ ไม่ว่าดินแดนสังหารจะมีคนแค่ไหน ยากมากที่จะทำร้ายเขาได้!’
หวังหลินปรากฏร่างอีกครั้งด้านหลังเซียนขั้นมายาหยินคนหนึ่ง หลังจากนั้นดูเหมือนเขาชกกำปั้นออกไปข้างเบาๆ ร่อนลงใส่แผ่นหลังเซียน
คนผู้นั้นไม่มีคุณสมบัติพอจะหลบเลี่ยงหรือตรวจจับกำปั้นนั้น เขาสั่นสะท้านและเกิดเสียงปะทุดังออกมาจากร่างกาย พลังแข็.แกร่งพุ่งเข้าไปในร่างทำให้กระดูกแตกละเอียดทีละนิ้ว จากนั้นร่างระเบิดเสียงดังปัง
หวังหลินคว้าดวงวิญญาณดั้งเดิมและหายวับไป
เซียนขั้นส่องสวรรค์ระดับกลางดวงตาแดงเถือกและร้องตะโกน “สร้างค่ายกล!” ทว่าขณะที่เขาตะโกน สีหน้าเปลี่ยนไป เขาหันกลับมาอ้าปากและพ่นลำแสงสีแดงออก
กระบี่ยาวอยู่ในแสงสีแดง ปลดปล่อยเสียงหวีดหวิวพุ่งออกไป เศษดวงวิญญาณนับพันดวงโผล่ออกมาจากกระบี่ เสียงกรีดร้องดวงวิญญาณทำให้กระบี่พุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุด!
“กระบี่เล่มนี้ดีมาก!” น้ำเสียงเย็นเยียบดังออกมาจากทุกทิศทาง หวังหลินก้าวออกมาจากความว่างเปล่าเบื้องหน้าเซียนขั้นส่องสวรรค์ระดับกลาง ยื่นมืออกไปและเติบโตเป็นแขนเทพโบราณ คว้ากระบี่เหินและดึงมันกลับ
เซียนขั้นส่องสวรรค์ระดับกลางร้องเสียงอู้อี้ ใบหน้าซีดเผือด กระบี่เหินคือสมบัติแห่งชีวิตของเขา และตอนนี้หวังหลินตัดการเชื่อมต่อออกไปเขาจึงบาดเจ็บสาหัส
อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่าสัมผัสความตื่นตระหนกนั้นเทียบไม่ได้กับสถานการณ์ทั้งหมด
“การสามารถเอาสมบัติแห่งชีวิตของข้าไปได้ง่ายๆ คนผู้นี้…มีระดับบ่มเพาะอะไรกันแน่!?!” เซียนขั้นส่องสวรรค์ระดับกลางคนนั้นมีชื่อเสียงมากในดินแดนสังหาร ชื่อเสียงสูงมากกว่านักฆ่ายู่เฟยอีก
แต่ตอนนี้เขากวาดกลัวอย่างแท้จริง โดยเฉพาะฉากที่เขานึกถึงยู่เฟยหนีกลับมาดินแดนสังหารแต่ก็ยังโดนแขนยักษ์พุ่งผ่านวังวนฆ่าไป พอนึกถึงเหตุการณ์นั้นทำให้หนังศีรษะด้านชา
เขารีบหนีโดยไม่ลังเลและตบกระเป๋า หินหยกจำนวนมากลอยออกมาพลางร้องตะโกน “ระเบิด!”
หินหยกทั้งหมดระเบิดส่งผลกระทบรุนแรง
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตา หลังจากรับกระบี่เหินกลับมาหวังหลินก็พุ่งออกไปโดยไม่ลังเล การระเบิดของหินหยกไม่มีผลกระทบอะไรต่อเขา เซียนขั้นส่องสวรรค์ระดับกลางตกตะลึงอย่างสิ้นเชิงเมื่อหวังหลินพุ่งเข้ามา สองดัชนีหวังหลินก่อเป็นรูปกระบี่กดประทับลงระหว่างคิ้วฝ่ายตรงข้าม
ปัง!
เซียนผู้โด่งดังขึ้นส่องสวรรค์ระดับกลางพลันร่างแตกสลาย ดวงวิญญาณถูกหวังหลินบังคับออกมาและก่อนจะหนีไปได้เขาก็โดนจับเอาไว้
ในที่สุดหวังหลินก็รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของตนเอง ไม่ใช่ว่าเซียนขั้นส่องสวรรค์ระดับกลางอ่อนแอเกินไป แต่เป็นเพราะเขาเติบโตแข็งแกร่งพอจะต่อต้านผู้ทรงอำนาจ!
ส่วนฉิงชุ่ยพุ่งเข้าหาหอคอยใจกลางดินแดนสังหารพร้อมกับหัวเราะไปด้วย
ขณะเข้าไปใกล้ ชายชราชุดดำที่กำลังนั่งอยู่ข้างในหอคอยพลันลืมตาตื่นและเผยสีหน้ามืดมน เขาคือรองจ้าวดินแดนของแดนสังหาร อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน ร่างกายแบ่งออกเป็นชายชราชุดดำเหมือนกันสองคน หนึ่งในนั้นโบกแขนและเกิดรอยร้าวขึ้นในอากาศ
วังวนเล็กๆมากมายปลดปล่อยเสียงซี่รอบขอบรอยร้าว
หลังจากเปิดรอยร้าว หนึ่งในนั้นกระโจนเข้าไป อีกคนพ่นลมหายใจเย็นพลางเปลี่ยนกลายเป็นสายลมกรรโชกพุ่งออกไปนอกหอคอย
สายลมพัดออกมาอย่างรวดเร็ว ชายชราชุดดำปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าฉิงชุ่ย เขาร้องตะโกน “ท่านผลักไสเรามาไกลเกินไปแล้ว!”
แววตาฉิงชุ่ยกระพริบเย็นเยียบ แขนขวาสร้างผนึกโบกสะบัดโดยไม่ลังเล มังกรดำแปดตัวปรากฏขึ้นมาพุ่งใส่ชายชรา
ขณะเดียวกันร่างฉิงชุ่ยกระพริบวาบ ปรากฏตัวข้างหอคอย ฝ่ามือสร้างผนึกพลางผลักออกไป “ผนึกน้ำแข็งแห่งฟ้าดิน!”
วินาทีนั้นพลังเทพดั้งเดิมของฉิงชุ่ยกระตุ้นขึ้น ความหนาวเย็นรุนแรงแพร่กระจายออกมาจากร่างกาย หยาดฝนนับไม่ถ้วนปรากฏและเปลี่ยนกลายเป็นผลึกน้ำแข็ง
ผลึกน้ำแข็งทั้งหมดแตกสลายเกิดเสียงปะทุดังก้อง ลำแสงสีฟ้าสายหนึ่งพุ่งออกไปกวาดผ่านดินแดนสังหาร ราวกับโลกเปลี่ยนสีสัน ทั้งดินแดนสังหารกลายเป็นสีฟ้า เส้นทางเชื่อมต่อดินแดนสังหารทั้งหมดโดนปิดผนึก
ฉิงชุ่ยเดินออกมาจากแสงสีฟ้า เพียงแค่ชี้นิ้วหอคอยก็แตกสลายกลายเป็นฝุ่น ข้างในหอคอยและในรอยแยกมีชายชราชุดดำอยู่ด้วย
ร่างครึ่งนึงอยู่ในรอยแยก แต่วินาทีนั้นเขากำลังดิ้นรนต่อสู้กับแสงสีฟ้าจำนวนมาก แต่ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่สามารถออกมาผ่านรอยร้าวได้
ฉิงชุ่ยเข้าไปใกล้และยื่นแขนขวาออกไป ดึงชายชราออกมาจากรอยร้าวทันที
ขณะที่ฉิงชุ่ยดึงชายชราออกมา ในแววตากระพริบเย็นเยียบ เขากระโจนขึ้นและดึงชายชรามาป้องกันด้านหลังตัวเอง