Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 975

Cover Renegade Immortal 1

975. จิตวิญญาณสยองขวัญ

‘หลิงเทียนโฮวบอกความลับข้าหลายอย่างและการช่วยข้าถือเป็นความสัมพันธ์ที่ดี…ข้ากลัวว่าเหตุผลส่วนใหญ่ไม่ใช่เพราะข้าเป็นรุ่นวิหคศักดิ์สิทธิ์…และส่วนหนึ่งก็เพื่อเรียกขวัญกำลังใจให้ข้า!’ หวังหลินสงบนิ่งแต่จิตใจขบคิดอย่างช้าๆ

หลังจากเห็นหลิงเทียนโฮวเข้าไปในหอคอย ศิษย์สำนักกระบี่ต้าหลัวทั้งหมดหมื่นคนก็มองหวังหลิน หวังหลินคุ้นเคยกับความสนใจแบบนี้ สัมผัสวิญญาณแพร่กระจายออกไปทุกทิศทางดุจพายุ

สัมผัสวิญญาณของเซียนขั้นส่องสวรรค์ระดับต้นไม่ใช่สิ่งที่เหล่าศิษย์สำนักกระบี่พวกนี้จะยืนหยัดได้ เพียงแค่กวาดสัมผัสวิญญาณไป เหล่าศิษย์ก็มีสีหน้าเปลี่ยนมหาศาล พวกเขามองหวังหลินด้วยสายตาเคารพ

หวังหลินเอ่ย “จะให้ข้าไปพักอยู่ที่ใด?”

เซียนสตรีสุดสวยรีบเคลื่อนเข้ามาอย่างรวดเร็วและหยุดลงห่างหวังหลินไปร้อยฟุต นางเอ่ยอย่างนอบน้อม “ศิษย์โจวซิ่วขอคารวะผู้อาวุโส ผู้อาวุโสมากระทันหัน ดังนั้น…ปกติแล้วเหล่าผู้อาวุโสจะเลือกที่พำนักของตนเอง…” น้ำเสียงโจวซิ่วเอ่ยขึ้นเข้มงวดเล็กน้อย

หวังหลินก้าวเท้าและหายตัวไป ปรากฏตัวอีกครั้งด้านข้างหอคอยแห่งหนึ่งห่างออกไปห้าพันลี้ หวังหลินเพียงแค่ชำเลืองมอง ไม่ได้เข้าไปแต่ก็นั่งอยู่นอกหอคอย

หลังจากนั่งลง พลันโบกแขน กฏเกณฑ์จำนวนมากปรากฏขึ้นมา

ส่วนเหล่าศิษย์ทั้งหมดกระจัดกระจายกันไป บางครั้งก็มองตำแหน่งที่หวังหลินอยู่

หวังหลินนั่งอยู่ที่นี่ด้วยใบหน้ามืดมน เขารู้สึกว่าทุกอย่างอยู่ในแผนของเทียนหยุน ราวกับทุกก้าวถูกเทียนหยุนคาดการณ์ไว้แล้ว

‘ตอนนั้นข้าทำให้เขาผิดพลาด วันนี้ข้าจะให้เขาผิดพลาดอย่างที่สุด!’

หวังหลินตบกระเป๋านำพลังหยางสุดขั้วดุจดวงตะวันออกมาไว้ในมือ หวังหลินไม่กล้าหยิบจับมันตรงๆ เขาสัมผัสความรู้สึกชัดเจนว่าหากถือมันไว้ในมือ ความร้อนจะทะลุผ่านแขนไป!

แม้กระทั่งวิญญาณดั้งเดิมก็จะได้รับความเสียหายรุนแรง!

หากไม่ใช่ว่าเขามีร่างเทพโบราณ หวังหลินคงไม่สามารถทนยืนต้านมันไว้ด้วยพลังของตัวเองได้!

‘หากร่างเทพโบราณของข้าแข็งแกร่งขึ้นอีกเล็กน้อย ข้าคงถือมันได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ!’ หวังหลินสูดหายใจลึก เขาไม่ได้กลัวว่าหลิงเทียนโฮวจะเห็นมัน มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากเวรกรรมของเขาและเทียนหยุน หากมีใครขโมยไป มันคงแก้ไขสถานการณ์ได้!

ทว่าอย่างมากมันก็แก้ไขสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ได้ทำลายแผน! การทำลายแผนนั้นเขาจะต้องทำบางอย่างที่เทียนหยุนไม่คาดคิดและทำให้คาดเดาผิดพลาด!

หลังขบคิดอยู่นาน หวังหลินกัดฟันแน่นพลางถือพลังหยางสุดขั้วและกดประทับระหว่างคิ้ว สัมผัสถึงความร้อนตรงนั้นและพลังหยางก็หายวับไป

ทว่าราวกับมันมีทะเลเพลิงอันร้อนระอุปรากฏขึ้นมาในร่างกาย ทำให้เขารู้สึกว่ากำลังถูกอบอยู่ในเตาหลอม

หลิงเทียนโฮวนั่งอยู่ในหอคอยคำรามบนดาวต้าหลัว ดวงตาเรืองแสงชั่วร้าย รอยร้าวระหว่างคิ้วเปิดขึ้นอีกครั้ง

เขาจ้องทิศทางที่หวังหลินอยู่พลางขบคิดไปด้วย

‘นี่มัน…หยางสุดขั้ว!’ หลิงเทียนโฮวดวงตาหรี่แคบทันที

‘เทียนหยุนไอ้บัดซบ เจ้าล่ออะไรด้วยหยางสุดขั้วกัน? เป้าหมายสุดท้ายคืออะไร?…’ หลิงเทียนโฮวยกแขนขึ้น หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็ลดมือลง ส่ายศีรษะพลางบ่นพึมพำ “เทียนหยุนเจ้าบัดซบ หรือเจ้าอยากจะให้ข้าเอาหยางสุดขั้วนั่นมา?”

ทะเลเพลิงข้างในร่างหวังหลินเผาไหม้อย่างต่อเนื่องและมหึมายิ่ง หมอกสีขาวผุดออกมาจากร่างกาย แต่น่าประหลาดที่มันไม่ทำให้เสื้อผ้าไหม้เลย

เหงื่อเม็ดโป้งผุดออกมาทั่วร่างหวังหลิน เสื้อผ้าชุ่มไปด้วยเหงื่อทันที

ทะเลเพลิงดุจพายุโหมกระหน่ำไปทั่วร่างหวังหลิน เสียงระเบิดดังออกมาจากร่างกาย เปลวเพลิงนี้รุนแรงดุดันยิ่งนัก เพียงแค่ในเวลาไม่กี่นาทีมันก็เพิ่มระดับขึ้นไปจนน่าหวาดกลัว

ความเจ็บปวดจากร่างกายทำให้หวังหลินต้องเผยใบหน้าสยดสยอง เหมือนกับเขาเป็นคนธรรมดาที่กลืนกินถ่านหินร้อนๆ! หากไม่ใช่เพราะหวังหลินมีจิตใจที่เข้มแข็ง เขาคงร้องคำรามอย่างเจ็บปวดไปแล้ว

หากเป็นเซียนคนอื่น แม้จะมีระดับบ่มเพาะสูงส่งกว่านี้คงไม่สามารถทนต่อความร้อนนี้ได้ แต่เพราะหวังหลินมีร่างเทพโบราณจึงสามารถทนได้

อย่างไรก็ตามหากมันอยู่นานเกินไปหวังหลินก็ไม่สามารถทนด้วยร่างเทพโบราณนี้ได้แน่นอน

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า เวลาสิบห้านาทีแต่เหมือนเป็นปีสำหรับหวังหลิน เปลวเพลิงหนาแน่นขึ้น ร่างหวังหลินอดไม่ได้ที่จะสั่นเทา

หวังหลินพลันลืมตาขึ้นมาทันที ราวกับมีเปลวเพลิงสีฟ้าอยู่ในตาทั้งสองข้าง เปลวเพลิงที่มองไม่เห็นแพร่กระจายออกไป อากาศรอบตัวเริ่มปะทุภายใต้ความร้อน

เมื่อเปลวเพลิงหนาแน่นขึ้น หวังหลินอดไม่ได้ที่จะร้องคำราม เสียงคำรามดังกระจายออกไปทั่วพื้นที่ดุจเสียงฟ้าร้อง

ณ ตอนนี้บนภูเขาสามง่ามตรงที่เทียนหยุนกำลังนั่งอยู่ เขาลืมตาขึ้นเล็กๆ เผยสายตาที่สามารถมองทะลุทุกสิ่งทุกอย่าง

สายตาตกลงบนท้องฟ้าราวกับสามารถแทงทะลุผ่านระยะใดก็ตามและเห็นหวังหลินบนดาวต้าหลัว

เทียนหยุนสีหน้าไม่เปลี่ยนไปไป แต่เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและเอ่ยขึ้นเสียงเบา “นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะกลืนกินได้…เจ้าจะต้องคายออกมาภายในเจ็ดลมหายใจ…หนึ่ง…สอง…”

ดวงตาเทียนหยุนกระจ่างชัด!

ร่างหวังหลินเรืองแสงสีแดงปิศาจ แสงนี้โผล่ออกมาจากความร้อนในร่างกาย ขณะที่เปลวเพลิงกำลังเผาไหม้เขาอย่งต่อเนื่อง ในไม่นานเปลวเพลิงก็แพร่กระจายไปทั่วทุกสิ่งของร่างหวังหลิน

ตอนนี้เทียนหยุนก็นับถึงห้า!

“หก!”

ทะเลเพลิงดูเหมือนระเบิดภายในร่างหวังหลิน โลหิตจำนวนมากแพร่กระจายออกไปจากร่างกาย หวังหลินรู้สึกว่าหากเขาไม่คายหยางสุดขั้วออกมา เขาจะถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน!

“เจ็ด!” เทียนหยุนร้องตะโกนคำสุดท้ายเสียงอ่อน

วินาทีนี้นั้นทะเลเพลิงในร่างหวังหลินระเบิดอย่างสมบูรณ์ มันรวมกันจากทุกส่วนของร่างกายและพุ่งเข้าหาวิญญาณดั้งเดิม!

ทว่าวินาทีนั้นวิญญาณหวังหลินก็ถูกห่อหุ้มด้วยก้อนเมฆ และลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าก็ปรากฏออกมา!

วินาทีที่ลูกปัดปรากฏ เปลวเพลิงโกรธเกรี้ยวก็มาถึง ทว่าก่อนที่มันจะทำอันตรายวิญญาณหวังหลินได้ พลังดึงดูดประหลาดโผล่ออกมาจากลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าและเปลวเพลิงทั้งหมดก็โดนมันดูดซับไป

ดวงตาหวังหลินส่องประกายเจิดจ้า ความเจ็บปวดในร่างหายไปหมดและถูกแทนที่ด้วยความสบายไม่อาจอธิบายได้

ภายหลังลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าดูดซับเปลวเพลิงทั้งหมดไป สัญลักษณ์ดวงอาทิตย์ก็เริ่มกระพริบอย่างรวดเร็ว มันส่องสว่างเกินไปจนไม่มีใครจะมองมันได้ยกเว้นหวังหลิน

แสงนั้นโผล่ออกมาจากลูกปัดเพียงชั่ววูบเดียว หลิงเทียนโฮวอุทานออกมาและหลับตาลง เขาล่าถอยอย่างรวดเร็ว ไม่มีเวลากระทั่งลุกขึ้น

วินาทีนั้นเขาเห็นเปลวเพลิงในร่างหวังหลินหายไป จากนั้นก็เกิดความรู้สึกว่านั่นเป็นหายนะที่อยู่กับหวังหลิน

เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนแม้แต่ตอนที่เผชิญหน้ากับเทียนหยุน มีเพียงแค่ตอนที่เขาเข้าไปในสำนักเซียนฟ้ากระจ่างเท่านั้นจึงจะรู้สึกแบบคล้ายๆกัน ตอนนี้หมื่นปีถัดมาเขากลับมารู้สึกแบบนี้อีกครั้ง หากเขาไม่ล่าถอยคงหมดสติ

‘นี่มันแสงอันใด!?’ เทียนหยุนเผยแววตาตื่นตระหนก ท่าทีเปลี่ยนไป สัมผัสเลือนลางว่าแสงที่มองไม่เห็นนั้นกำลังเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว น่าหวาดกลัวยิ่งนัก แขนขวาตบหน้าผากและมีแสงกระพริบออกมา เงากระบี่ที่เขาใช้สู้กับเทียนหยุนลอยละล่องพุ่งออกไปข้างหน้าโดยไม่บังเล

วินาทีที่เงากระบี่พุ่งออกไป แสงที่มองไม่เห็นก็ปรากฏขึ้นเข้าปะทะ คนภายนอกไม่อาจได้ยินหรือรู้สึกถึงการปะทะนี้ได้ แต่หลิงเทียนโฮวกระอักโลหิตออกมาตรงๆ ร่างกายกระแทกเข้าใส่ผนัง ลอยออกไปนอกหอคอย

เงากระบี่สั่นไหวและแทบสูญสลาย จากนั้นกลับไปหาใจกลางคิ้วของหลิงเทียนโฮวก่อนจะร้องไห้โหยหวน หลิงเทียนโฮวใบหน้าซีดและกระอักโลหิตอีกครั้ง ร่างกายโอนเอน ทั้งตื่นตระหนกและหนังศีรษะด้านชา เขาพุ่งเข้าไปใต้ดินเข้าหาใจกลางดาวต้าหลัวโดยไม่ลังเล

ขณะหลบหนี แขนหลิงเทียนโฮวสร้างผนึกขึ้นเพื่อเปิกผนึกเบื้องหน้า ความคิดเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและคิดเพียงสิ่งเดียวที่เข้าสู่ใจกลางดาวต้าหลัว

ส่วนเทียนหยุนซึ่งอยู่บนยอดภูเขาสามง่ามบนดาวเทียนหยุน คราแรกก็สงบนิ่งแต่ในไม่ช้าสีหน้าก็เปลี่ยนไปมหาศาล การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้หายากมากที่จะเกิดขึ้นกับเทียนหยุน!

หากคนภายนอกเห็นเทียนหยุนตอนนี้เขาคงไม่เชื่อสายตาตนเอง เทียนหยุนคาดการณ์ไม่เคยผิดพลาด แม้ภูเขาไท่จะล่มสลายเบื้องหน้าเขาก็ไม่มีวันเผยอาการเช่นนี้!

สิ่งสำคัญไปกว่านั้นหากมันเป็นแค่สีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนไปคงไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก แต่ในแววตาเผยความตกตะลึงอยู่ด้วย!

สำหรับสมาชิกสภาผู้อาวุโสคนหนึ่งของสมาพันธ์เซียนและเป็นจ้าวปกครองดาวเทียนหยุน เขาเป็นคนที่สามารถคาดการณ์โลกและวางแผนได้ลึกล้ำดั่งมหาสมุทร อาการตกตะลึงเช่นนี้เพียงพอจะทำให้ทั้งพันธมิตรเซียนสั่นสะเทือน!

เขาอ้าปากค้างและไม่เชื่อสายตาตนเอง แขนขวาขยับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเบื้องหน้า เมฆเจ็ดสีปรากฏลอยออกไปราวกับกำลังต่อต้านอะไรบางอย่าง

ทว่ายามที่เมฆเจ็ดสีลอยออกไปได้ห้าฟุต ราวกับมีพลังที่มองไม่เห็นบีบเข้ามาและก้อนเมฆก็แตกสลาย!

เมื่อก้อนเมฆแตกสลาย แขนข้างหนึ่งปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าและคว้าเข้าใส่เทียนหยุนอย่างโหดเหี้ยม!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!