Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 978

Cover Renegade Immortal 1

978. หนทางคับแคบ

พลังดั้งเดิมของเซียนขั้นส่องสวรรค์ระดับกลางสูงสุดกวาดผ่านดาวต้าหลัวดุจพายุ ก่อเกิดวังวนขึ้นโดยมีหวังหลินเป็นจุดศูนย์กลาง วังวนล้อมรอบทั้งดาวเคราะห์พลางส่องเสียงหอน

ศิษย์สำนักกระบี่ต้าหลัวทุกคนรู้สึกเหมือนภูเขากำลังผลักลงมา แต่ละคนเริ่มโคจรพลังปราณเข้าต่อต้าน ราวกับว่าหากไม่ทำลงไปก็ไม่อาจทนไหว

มองไกลๆคล้ายจะมีวังวนคลั่งเหนือดาวต้าหลัว หวังหลินอยู่ใจกลางวังวน เส้นผมพริ้วไสวไปตามแรงลม สองแขนไพล่หลัง ยกศีรษะขึ้นมองไปบนท้องฟ้า

ดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้าราวกับมีดวงดาวนับร้อยพันอยู่ข้างใน

สายตานี้เข้าไปในดวงตาของศิษย์สำนักกระบี่ต้าหลัว เขาเป็นเหมือนตัวตนแห่งตำนาน!

หวังหลินเพียงยืนอย่างสงบนิ่ง มองไปบนท้องฟ้า รับรู้และเข้าใจอยู่ในจิตใจ

‘หรือว่าชีวิตนั้นคือชาติก่อนของข้า…’ หวังหลินจมดิ่งไปในทุกอย่างที่เขาเห็นตอนที่ยกเท้าขึ้นเบื้องหน้าประตูฝืนลิขิตฟ้า

‘ต้นตอดั้งเดิม ต้นตอดั้งเดิมคืออะไรกัน…วิหคนั่น…ไม่ใช่ชาติก่อนของข้าใช่ไหม แต่เป็นสัญลักษณ์แห่งชีวิตของจิตใจข้า! วิหคนั่นตายในปากอสรพิษ นั่นหมายความว่าอะไร…’ หวังหลินขมวดคิ้ว เขายังคิดไม่ออกแต่ดูเหมือนพอจะคว้าเบาะแสบางอย่างได้

‘นี่มันแค่สมบูรณ์เพียงครึ่งเดียวเนื่องจากลูกปัดดูดซับหยางสุดขั้ว หากข้าต้องการจะเห็นมันทั้งหมด ข้าจำเป็นต้องให้ดูดซับหยินสุดขีดจึงจะสมบูรณ์ทั้งหมด เป็นไปได้ว่าข้าอาจจะได้คำตอบหลังจากนั้น!’ หวังหลินสูดหายใจลึก ดวงตาเปล่งประกาย

‘ไม่สำคัญว่าเทียนหยุนจะวางแผนกับข้าหรือหลิงเทียนโฮว ครั้งนี้เขาผิดพลาด! กับดักถูกทำลาย!’ หวังหลินเยาะเย้ยพลางก้าวเท้าเข้าหาความว่างเปล่า สายตากวาดผ่านหอคอยยักษ์ที่หลิงเทียนโฮวอยู่

ด้านข้างหอคอยยักษ์ปรากฏหลุมยักษ์ขึ้นมา ยังคงมีพลังดั้งเดิมผันผวนอยู่ตรงนั้น

‘ทุกครั้งที่ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าเปิดขึ้น มันต้องใช้พลังดั้งเดิมจำนวนมหาศาล ตอนที่มันกระตุ้นขึ้นมาครั้งนี้ พลังดั้งเดิมในบริเวณไม่ได้รับผลกระทบ แต่หลิงเทียนโฮวกลับหลบหนีอย่างเร่งด่วน การหลบหนีของเขาเทียบได้กับตอนที่สองลำแสงพุ่งออกไปจากลูกปัด แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นตามหลังหลิงเทียนโฮวไป!’

หวังหลินก้าวเท้าและออกไปจากดาวต้าหลัว

‘ใครจะเป็นเป้าหมายของลำแสงอีกเส้นหนึ่งจากลูกปัดกันนะ…’ หวังหลินขบคิดจากนั้นดวงตาส่องสว่าง “เป็นเทียนหยุนก็คงดี…”

เขาพับความคิดและไม่คิดเรื่องนี้ต่ออีก จากนั้นเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงเหินออกไปในส่วนลึกของอวกาศ

‘แผนการของเทียนหยุนถูกทำลาย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องพักอยู่บนดาวต้าหลัว ตอนนี้ข้าจำเป็นต้องเตรียมการมุ่งหน้าสู่ดินแดนวิญญาณปิศาจ! ข้าควบคุมหนึ่งในสี่ถ้ำ ดังนั้นข้าสามารถพาไปได้หลายคน!’ หวังหลินเหาะเหิน ความคิดหลายอย่างแล่นผ่านหัวสมอง

เขาไม่ได้ใช้บิดมิติ ดังนั้นจึงเคลื่อนผ่านอวกาศไม่ได้เร็วนัก ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเขาก็เห็นดาวเคราะห์ร้างดวงหนึ่ง

‘อยู่นี่ไง!’ หวังหลินพุ่งออกไปหาดาวเคราะห์ร้างจนก่อเกิดคลื่นกระแทก

รูปร่างของดาวดวงนี้ประหลาดยิ่ง มันไม่ได้เป็นทรงกลมแต่รูปร่างทรงเสี้ยวราวกับมีบางอย่างกัดมันออกไป ตั้งแต่ตอนนั้นมันก็มีเศษเสี้ยวหลุดลอยออกไปนอกอวกาศ

หวังหลินมาถึงดาวใกล้เคียงในพริบตา จากนั้นเขาก็พุ่งผ่านชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์

ดาวดวงนี้ไม่ได้มีพลังปราณอันใดโผล่ออกมา กระทั่งชั้นบรรยากาศก็อ่อนแอยิ่ง ยามที่หวังหลินพุ่งเข้ามา ชั้นบรรยากาศแตกสลายและหายวับไป

เป็นผลทำให้ฝุ่นผงจากอวกาศตกลงมาสู่ดาวโดยไม่มีการป้องกัน พายุฝุ่นโหมกระหน่ำไปทั่วดวงดาว

พื้นดินปกคลุมไปด้วยรอยร้าวและไร้สัญญาณชีวิต เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย

ยามที่หวังหลินร่อนมาถึง สองลำแสงเหาะเหินเข้ามาหา หนึ่งในนั้นตัวโตและอีกหนึ่งตัวเล็ก ทั้งสองมุ่งหน้ามาอย่างลวดเร็ว ลำแสงขนาดใหญ่นั้นช้ากว่าและถูกทิ้งไว้ด้านหลัง

หววังหลินเผยรอยยิ้มเบาบาง สีหน้าเป็นธรรมชาติ

ลำแสงเล็กกว่าเข้ามาใกล้ในพริบตา เมื่อแสงหายไปเผยเป็นร่างประหลาด หัวโตแต่ร่างผอมบาง บนศีรษะไม่ได้มีผมมากนักจนเห็นเงาเส้นชีพจรใต้ผิวหนัง

“ขอคำนับนายท่าน!” เซียนประหลาดคนนี้คือหัวโต ตอนที่หวังหลินเข้าไปในดาวเทียนหยุน เขาและเล่ยจีถูกทิ้งไว้ให้รอที่นี่เพื่อรอคำสั่งหวังหลิน

เล่ยจีตามมาในไม่ช้า และเมื่อมาถึงเขาก็มองหวังหลินอย่างเคารพ “เล่ยจีขอคารวะนายท่าน”

หัวโตลังเลเล็กน้อยและเอ่ยถาม “การเดินทางของนายท่านราบรื่นดีไหม?”

หวังหลินพยักหน้า “ก็ดี แต่มีปัญหาเกิดขึ้นสองสามอย่าง ข้ามาที่นี่วันนี้ก็เพื่อพาเจ้าสองคนไปหาดาวปิดด่านฝึกตน บรรยากาศของดาวดวงนี้รุนแรงและไม่เหมาะต่อการฝึกฝน”

หัวโตพยักหน้า “ที่นี่ไม่เหมาะต่อการปิดด่านฝึกตนจริงๆ ไม่เพียงแต่จะเป็นดาวร้าง มันพังทลายอยู่บ่อยครั้ง”

หวังหลินหยุดพูดคุยเสียเวลาและโบกแขนเสื้อ เขาพาหัวโตและเล่ยจีออกไปจากดาวเคราะห์ร้างและลอยออกเข้าสู่ดวงดาว

เล่ยจียืดแขนขาออกและคุกเข่าลง ร้องคำรามออกมา ร่างขยายออกไปจนสูงพันฟุต

หวังหลินนั่งบนแผ่นหลังเล่ยจี หัวโตติดตามไปและยืนอยู่ด้านหลังเหมือนองครักษ์ เงาหวังหลินกระพริบวูบวาบและต้าซานโผล่ออกมาสีหน้าไม่สนใจ

หวังหลินชี้แขนขวาไปข้างหน้า เล่ยจีพุ่งออกไปพร้อมเสียงคำราม ระหว่างทางหวังหลินสงบนิ่ง เป็นไปไม่ได้ที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเหล่าเซียนที่อยู่ในเขตดาวเทียนหยุน ด้วยเล่ยจี พวกเขาจึงหลีกทางให้ทั้งหมด ไม่มีกล้าขัดขวาง

“เซียนเฒ่าแบบไหนกันถึงมีเผ่ามารยักษ์มาเป็นพาหนะ!?”

“เซียนที่นั่งอยู่ที่นั่นดูคุ้นๆ ข้าคิดว่าข้าเคยเห็นเขาที่ไหนสักแห่ง…”

“ลืมเรื่องพาหนะไปได้เลย ดูองครักษ์สองคนด้านข้างเซียนเฒ่านั่น ระดับบ่มเพาะพวกเขาอะไรกัน? ข้าไม่อาจมองทะลุได้เลย ข้ากลัวว่าแม้กระทั่งหัวหน้าผู้อาวุโสของสำนักเราก็ไม่มีกลิ่นอายแบบนี้!”

ระหว่างทาง ทุกคนที่เห็นหวังหลินต่างก็เริ่มพูดคุยและมองหวังหลินด้วยความเคารพ ในโลกแห่งเซียน ความแข็งแกร่งเป็นที่ยกย่อง!

หวังหลินนั่งอยู่บนแผ่นหลังของเล่ยจี ระหว่างทางก็จมดิ่งไปในพลังดั้งเดิมและทำความเข้าใจระดับบ่มเพาะขั้นส่องสวรรค์สูงสุดของตนเอง

ดวงตาหวังหลินส่องสว่างและคิดขึ้นในใจ ‘ตอนนั้นระดับบ่มเพาะของข้าก็อยู่ที่ขั้นส่องสวรรค์ระดับต้น และด้วยร่างเทพโบราณ ข้าจึงสามารถต่อสู้กับเซียนขั้นชำระสวรรค์ระดับต้นได้…ตอนนี้ระดับบ่มเพาะของข้าเพิ่มมาถึงขั้นส่องสวรรค์ระดับกลาง เหล่าเซียนขั้นชำระสวรรค์ระดับต้นไม่เป็นปัญหาอีกต่อไปแล้ว ข้ากระทั่งยืนประจัญหน้ากับเซียนขั้นชำระสวรรค์ระดับกลางได้!’

‘ตอนนั้นบรรพชนโลหิตก็เป็นเซียนขั้นชำระสวรรค์ระดับกลาง หากตอนนี้ข้ากลับไปในช่วงเวลานั้น ข้าก็น่าจะสามารถต่อสู้กับเขาได้! แม้โอกาสชนะจะยังเล็กน้อย หากเซียนขั้นชำระสวรรค์ระดับกลางต้องการสังหารข้า มันคงไม่ง่าย!’

ขณะนี้มีสิ่งของคล้ายเรือเคลื่อนไหวอย่างช้าๆห่างจากหวังหลินออกไปห้าพันลี้ เรือลำนี้สีดำล้วน ยาวถึงสามร้อยฟุต ปลดปล่อยคลื่นผันผวนอยู่เนืองๆ

พลังปราณหนาแน่นที่ผุกออกมาทำให้ทุกคนที่เห็นบ่งบอกได้ว่ามันไม่ใช่ของธรรมดา

บนเรือลำนี้มีเก้าอี้นวมขนาดใหญ่และมีชายชราผู้หนึ่งนั่งอยู่ ร่างกายใหญ่ยิ่งราวกับภูเขาเนื้อ

ด้านข้างเป็นสตรีสาวสวยเจ็ดถึงแปดคน แต่ละคนน่าเย้ายวนยิ่งนัก สวมชุดเดรสไหมเผยทรวดทรงชวนค้นหา พวกนางล้อมวงชายชราพูดจาอ่อนหวานจนบางครั้งก็ทำให้หัวเราะ

หญิงสาวบางคนถือขวดเหล้าหรือไม่ก็ผลไม้ แม้บางคนไม่ได้ถืออะไรก็ยืนนวดด้านหลังชายชรา

สตรีสองคนนอนแผ่อยู่บนสองแขนเขา พวกนางไม่ดูเหมือนจะไม่ชอบชายชราภูเขาเนื้อคนนี้นักทั้งยังพูดจาอ่อนหวานเสียด้วย

ชายชุดดำเจ็ดคนยืนล้อมรอบชายชราหญิงสาวยั่วยวนเหล่านี้ พวกเขายืนนิ่งไม่ไหวติงราวกับเป็นซากศพแต่กลับมีกลิ่นอายโหดเหี้ยม สายตาเย็นเยียบจ้องตรงมาข้างหน้า แต่ละคนไม่พูดอะไรสักคำออกมาตลอดเวลา

มีเหล่าเซียนหลายร้อยคนล้อมรอบเรือ ทั้งหมดสวมชุดสีฟ้าและยืนอยู่บนปราณกระบี่แต่ละสาย คุ้มกันชายชราผู้นี้

ชายชราตบแขนดังฉาดเข้าที่ก้นหญิงสาวนางหนึ่งในอ้อมแขน เขาหัวเราะพลางยกจอกเหล้าขึ้นมาดื่ม ขณะที่กำลังจะพูดคุยพลันขมวดคิ้วและมองไปข้างหน้า

ไม่มีใครสังเกตสิ่งผิดปกติ ชายชราขบคิดเล็กน้อยก่อนสายตาจะเปลี่ยนเป็นเย็นชา ยื่นจอกเหล้าให้หญิงสาวใกล้ๆและเอ่ยขึ้น “รินมาให้ข้า”

นางรีบรินจอกเหล้าและเทไปเต็มจอก

ชั่วขณะนั้นคลื่นแรงผันผวนโผล่ออกมาไกล ร่างหนึ่งมุ่งตรงมาทางนี้

‘เป็นเขาจริงๆ!’ ชายชราร่างอ้วนภูเขาเนื้อสั่นเทา ดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้า เขาหยิบจอกเหล้าในมือและดื่มมันจนหมดในอึกเดียว

ขณะนั้นชายชุดดำเจ็ดคนบนเรือเงยศีรษะขึ้นเป็นเวลาเดียวกัน ดวงตาแต่ละคนส่องสว่าง ทั้งเจ็ดคนพุ่งออกไปเป็นลำแสงเจ็ดสายในเวลาไล่เลี่ยกัน

“คนที่กำลังเข้ามา เจ้ามีเวลาสามวินาทีเพื่อออกไปจากเส้นทาง ผู้บุกรุกทั้งหมดจะโดนสังหาร!”

ในแววตาหวังหลินปรากฏความเย็นเยียบ แม้จะจมดิ่งไปในพลังดั้งเดิม แต่สัมผัสวิญญาณแพร่กระจายออกมา ในขณะที่ชายชราร่างเนื้อค้นพบหวังหลิน หวังหลินก็ค้นพบชายชราเช่นเดียวกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!