ตอนที่ 1012 ชื่อเสียง
ไหล่เขาบนเกาะสายฟ้า มีเสียงคำรามของน้ำตกขนาดใหญ่กับทะเลสาบด้านล่างที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางหลายกิโลเมตร สิ่งมีชีวิตทั้ง 8 กำลังพูดคุยอยู่บริเวณทะเลสาบ
“ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหลเป็นเสาหลักของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขายังสร้างผลงานไว้ให้กับพวกเรามากมาย”
“จักรพรรดิดาบสายน้ำ หลัวเฟิง เป็นแค่อะไร…ผู้นำเมืองได้รับสถานะจากการมีส่วนรวมกับเผ่าพันธุ์ด้วยพลังจากการต่อสู้ของตัวเอง แล้วผลงานของหลัวเฟิงคืออะไร”
“เขาก็แค่ใช้ทรัพยากรของเผ่าพันธุ์มนุษย์เพื่อฝึกฝน ข้าไม่เห็นเขาจะมีส่วนร่วมอะไรกับเขาเลย ทำไมเขาถึงได้สมบัติที่แท้จริง ทำไมเขาถึงได้รับเหรียญมรดกสัตว์เทพ”
“เขาแค่มีความสามารถในการใช้ทรัพยากรของเรา เขาก็แค่คนที่เป็นหนี้เผ่าพันธุ์เรา”
“ใช่ เราต้องการทรัพยากรให้กับเผ่าพันธุ์”
“เขาไม่เคยมีส่วนร่วม แถมยังอ่อนแอ เขาจะมีคุณสมบัติเทียบกับพวกเราได้ยังไง”
สิ่งมีชีวิตสูง 12 เมตรแสดงความโกรธ แขนที่ดูแข็งแกร่งกับเกราะสีดำ มีค้อนขนาดใหญ่วางอยู่ข้างๆ เขา
“สิ่งที่อัศวินสายฟ้ากล่าวเป็นสิ่งที่ถูกต้อง”
“ใช่ แบบนั้นเลย”
อัศวินพยักหน้า
“ไม่จำเป็นต้องพูดมากกว่านั้น เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผู้นำเมืองเป็นผู้จัดการ” ชายหน้าตาหล่อเหล่าที่มีปีก 6 ปีกทำการนั่งดื่มเพียงลำพังกล่าว
“แม้ผู้นำเมืองจะเป็นคนสั่ง แต่หลัวเฟิงก็ควรรู้ว่าเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่ที่นี่” อัศวินสายฟ้าส่งเสียงดังอย่างไม่พอใจ
“เขายังคงสร้างวังบนไหล่เขา เขาเชื่อมั่นว่าตัวเองมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับเรา”
“ดู นั่นทรูหยัน”
“โอ้ ทรูหยัน”
“หยุดพูด ทรูหยัน นั่นสนิทกับหลัวเฟิง”
อัศวินทั้งหมดมองไปยังอัศวินทรูหยันที่เป็นลำแสงตรงเข้ามา
เกาะสายฟ้าที่มีสิ่งมีชีวิตยอดเยี่ยมมากมาย พวกเขาสร้างมิตรภาพขึ้นในระดับที่แตกต่างกัน อัศวินมักจะสนิทกับอัศวินทรูหยัน ทรูหยันเป็นที่รักกับเพื่อนๆ และอัศวินที่ใกล้ชิดกับเขา
“ทรูหยันมานั่งนี่”
“ใช่ๆ ทรูหยันเชิญนั่ง”
อัศวินต้อนรับเขาด้วยความยินดี แม้ว่าพวกเขาจะไม่พอใจหลัวเฟิงแต่ก็ไม่คิดจะระบายความโกรธไปยังทรูหยัน
ทรูหยันเดินเข้าหาอัศวินหน้าหล่อที่มี 6 ปีกพร้อมหัวเราะ “ดูเหมือนเจ้ากำลังโกรธ ทำไมไม่แบ่งมันให้กับพี่น้องล่ะ อัศวินปีกเลือดต้องการไวน์เหมือนกับพวกเราไหม”
ชายหนุ่ม 6 ปีกยิ้มและเทไวน์ให้ อัศวินปีกเลือดกับอัศวินสายฟ้าเป็นผู้มีอำนาจสูงที่สุดในหมู่ทั้ง 8 อัศวินในที่นี้
“ข้ากำลังโกรธ เจ้ารู้เกี่ยวกับข่าวลือของศิษย์เจ้าบ้างไหม” อัศวินสายฟ้าพูดออกมา ทำให้อัศวินอีก 7 ได้มองมาที่เขาเหมือนกับไม่พอใจ แต่อัศวินสายฟ้ามองกลับไปยังพวกเขาก่อนที่พูดต่อ “ทรูหยันน่าจะรู้เป็นอย่างดี”
“รู้เรื่องอะไรงั้นเรอะ มันคงเป็นเรื่องที่เขาได้เป็นอมตะ” อัศวินทรูหยันสงสัย
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าหมายถึง เจ้ารู้หรือไหมว่าผู้นำเมืองให้หลัวเฟิงสร้างที่พักของเขาบนไหล่เขานี้ เช่นเดียวกับอัศวินอย่างเรา” อัศวินสายฟ้ากล่าว
อัศวินทรูหยันตะลึง
อัศวินสายฟ้ายังคงพูดต่อ “เขาก็เพียงแค่อมตะเท่านั้น เขามีคุณสมบัติที่จะสร้างวังบนไหล่เขาได้ยังไง”
“บางทีผู้นำเมืองอาจจะมีความคิดบางอย่างอยู่ในใจ” ทรูหยันกล่าว
“ไม่ว่าเขาจะคิดอะไรก็ตาม เขาก็ไม่ควรที่จะทำแบบนี้ จะให้เราภาคภูมิใจอยู่ได้อย่างไร เจ้าเชื่อได้ไหมว่าหลัวเฟิงมีพลังเท่ากับเราอยู่”
ทรูหยันลังเลที่จะตอบ นักสู้ระดับอมตะกับอัศวินเป็นระดับที่แตกต่างกันเกินไป อัศวินมีพลังงานอมตะมากกว่าอมตะนับร้อยเท่า ยังมีความเข้าใจกฎที่กว้างกว่า และเทคนิคที่ซับซ้อน…
ถึงจะเป็นสิ่งมีชีวิตพิเศษที่มีพลังงานจำนวนมากก็เอาชนะอัศวินไม่ได้ง่ายๆ อัศวินทั่วๆ ไปอาจเป็นไปได้ แต่กับอัศวินที่มีทั้งความเข้าใจกฎที่ลึกกับเทคนิคที่พิเศษก็ขยี้พวกเขาได้
อัศวินสายฟ้าส่ายหัว “ข้าไม่ได้อิจฉา แต่เป็นกฎของเผ่าพันธุ์เรา ทุกคนจะต้องทำตามกฎ แล้วสิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่อื่นๆ จะเชื่อได้ยังไง”
“สิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ได้แต่อารมณ์เสีย ไม่มีใครกล้าที่จะท้าทายกับผู้นำเมือง ทุกคนจึงได้แต่บ่นเรื่องนี้อย่างลับๆ ให้ศิษย์ของเจ้านำความอัปยศมาสู่ตัวเอง”
“ถ้าเจ้าต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับศิษย์ของเจ้า เจ้าควรบอกให้เขาออกไปจากไหล่เขา เว้นแต่ว่าเขาจะต้องการความอัปยศ”
“นอกจากนี้ เขาได้ทำตัวเองเป็นศัตรูกับอัศวินจำนวนมาก เขาอาจได้พบจุดจบที่รวดเร็วและไม่ดีใช่ไหม”
“สายฟ้าเป็นคนตรงไปตรงมา แต่สิ่งที่เขาพูดก็เพียงแค่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น” อัสวินปีกเลือดพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“ทรูหยันเจ้าต้องคิดถึงสิ่งดีๆ สำหรับศิษย์ของเจ้า”
อัศวินทรูหยันอารมณ์เสีย
———-
จัตุรัสกลางแจ้งในโลกแห่งเกียรติ
หลัวเฟิงกำลังคุยอยู่กับจักรพรรดิคาซานริน ก็มีใครบางคนเข้ามาใกล้เขา “หลัวเฟิง”
หลัวเฟิงมองขึ้นไปด้วยความประหลาดใจ “ทำไมอาจารย์ถึงมาที่นี่ ข้าได้บอกว่าจะไปพบท่าน”
“จักรพรรดิคาซานริน ข้าต้องการคุยกัยหลัวเฟิงในตอนนี้” อัศวินทรูหยันกล่าว
จักรพรรดิคาซานรินออกห่างมา
ทรูหยันปิดผนึกพื้นที่รอบๆ ตัวก่อนที่จะจ้องที่หลัวเฟิง “ข้าได้รับข้อความ แต่เพื่อนบางคนที่เกาะสายฟ้าได้ชวนข้าสนทนากับพวกเขา”
“ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้า” ทรูหยันส่ายหัว
“มันเป็นเพราะว่าการสร้างวังบนไหล่เขาได้นำความไม่พอใจมาให้กับอัศวินบางส่วน”
หลัวเฟิงส่ายหัว “เขาต้องการสร้างเรื่องเล็กน้อยนี้จริงๆ เหรอ”
“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว” ทรูหยันขมวดคิ้ว “การมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์ได้ทำให้ครอบครัวจากไปหมด แล้วต้องฝึกฝนชั่วนิรันดร์ จนมาถึงสถานะในปัจจุบัน สถานะและเกียรติอาจดูไร้ค่า แต่มันก็มีความสำคัญมากสำหรับพวกเขา”
หลัวเฟิงประหลาดใจ
“ข้าที่ต้องติดอยู่ในระดับจักรพรรดิ และคอยหลบซ่อน แต่หลังจากที่เป็นอัศวินก็ได้รับสถานกับเกียรติที่สูง มันเป็นสิ่งที่ทำให้ข้าได้รับชื่อเสียงกลับมาอีกครั้ง”
“สถานะและเกียรติของพวกเขาได้รับมาจากพลังและการมีส่วนร่วมกับเผ่าพันธุ์” ทรูหยันถอยหายใจ
“เจ้าคิดว่าพวกเขาต้องใส่ใจอะไรนอกจากสถานะและเกียรติของพวกเขา”
หลัวเฟิงได้เข้าใจแล้ว ช่วงที่เขาเดินทางในจักรวาลได้สังเกตเห็นอัศวินมาบ้าง พวกเขาได้ทุ่มเทให้กับบางสิ่งที่พวกเขาได้ศรัทธา พวกเขาที่ไร้ครอบครัวสนใจแต่เพียงเผ่าพันธุ์ สถานะ เกียรติ เหนือสิ่งอื่นใดพวกเขาสามารถที่จะตายเพื่อเผ่าพันธุ์ แล้วตายเพื่อเกียรติของตัวเอง
“ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว มันไม่แปลกที่อัศวินเหล่านั้นผิดหวังในเรื่องนี้ ข้าก็คงไม่สบายใจถ้าระดับอมตะถูกบอกว่ามีเกียรติอยู่ในระดับเดียวกับข้า” หลัวเฟิงกล่าว
“เจ้ายังเด็กแล้วเป็นจุดสนใจเสมอ มันไม่แปลกที่จะไม่ได้คิดถึงมัน”
หลัวเฟิงพยักหน้า สถานะและเกียรติถือเป็นสิ่งสำคัญของสิ่งมีชีวิตยอดเยี่ยม สิ่งที่ทำให้ตื่นเต้นที่สุดคือสู้เพื่อเกียรติและศักดิ์ศรี
“ข้าจะพิสูจน์ตัวเองโดยการเอาชนะอัศวิน ให้รู้ว่าข้ามีคุณสมบัติเพียงพอ”
“จะเอาชนะอัศวินงั้นเรอะ”
ทรูหยันตกใจ เขาไม่ได้เห็นทุกเหตุการณ์ในช่วงที่หลัวเฟิงได้ขึ้นมายังระดับอมตะ ถึงเขาจะมีความเชื่อในตัวหลัวเฟิงอยู่ แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะจินตนาการได้ว่ามนุษย์ระดับอมตะจะเอาชนะอัศวินได้ แม้จักรพรรดิกระจกเงาที่คอยรังแกอัศวินชั้นกลางก็ยังเกือบถูกฆ่าโดยทรูหยัน
จักรพรรดิกระจกเงาเป็นรูปแบบชีวิตพิเศษที่มีระดับยีนชีวิต 2 พันเท่า จึงอุดช่องว่างขนาดใหญ่ของระดับอมตะกับอัศวินได้
“ถ้าอาจารย์ไม่เชื่อ รอดูก็พอ” หลัวเฟิงหัวเราะ
———-
ในอีกด้านหนึ่งของจัตุรัสเปิด
“ดูนั่น จักรพรรดิกระจกเงา กับ จักรพรรดิดาบสายน้ำ”
จักรพรรดิกระจกเงากำลังนั่งอยู่กับสิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่ของพันธมิตรแดนเหนือ จักรพรรดิกระจกเงาได้มองที่หลัวเฟิงกับทรูหยันที่มาจากระยะไกลด้วยความเกลียดชัง
“ดูเหมือนเขาจะมีพลังมากขึ้น” จักรพรรดิกระจกเงาส่งเสียงเยาะเย้ย
“ดูท่าว่าเขาจะทำความเข้าใจกฎให้ลึกซึ้งขึ้นในช่วง 8 หมื่นปี ก่อนที่จะเป็นอมตะ เขาเลือกที่จะรอ 8 หมื่นปีเขาคงเป็นพวกโง่แน่…”
“ข้ารอมา 8 หมื่นปีแล้ว” จักรพรรดิกระจกเงากัดฟัน
เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองจะสู้กับอัศวินทรูหยันได้ แต่เขามีความมั่นใจว่าสามารถเอาชนะจักรพรรดิดาบสายน้ำ ได้แน่
“ข้าเป็นอมตะ และเจ้านั่นก็เป็นอมตะ มันไม่ถือเป็นการกลั่นแกล้งถ้าเราสู้กัน เพราะเจ้าก็เป็นผู้มีพรสรรค์ในจักรวาล” จักรพรรดิกระจกเงาแยกเขี้ยวใส่หลัวเฟิงกับทรูหยัน
หลังจากที่หลัวเฟิงกับทรูหยันยืนอยู่กับที่ไม่นาน ทรูหยันก็หายตัวไป
จักรพรรดิกระจกเงาเข้าหาผู้สืบทอดที่มาจากพันธมิตรหง
“จักรพรรดิกระจกเงากำลังเข้ามา” ใครบางคนกล่าว
“จักรพรรดิกระจกเงาตรงมาหาเรา”
ผู้สืบทอดจากพันธมิตรหงได้หันไปมอง รวมถึงหลัวเฟิงเช่นกัน