ตอนที่ 12 ห้าหัวใจสู่นภา
“ครับ” หลัวเฟิงพยักหน้ารับคำ
อาจารย์ใหญ่อูทง ผู้ยืนอยู่ถัดจากเครื่องทดสอบปฏิกิริยา โต้ตอบหัวเราะให้ “โอเค คนต่อไป ไป๋หยาง”
หลัวเฟิงเดินตรงไปหาหยางอู่ที่กำลังทำท่าดีใจอยู่ หยางอู่พูดด้วยเสียงต่ำว่า “ยินดีด้วยเจ้าบ้า ตอนนี้นายได้เป็นเตรียมนักสู้แล้ว หลังจากนายผ่านการทดสอบการต่อสู้จริงในครั้งหน้า นายก็จะได้เป็นนักสู้จริงๆ แล้ว!” หลัวเฟิงตอบกลับด้วยเสียงต่ำเช่นกัน “พี่หยาง ผมมั่นใจว่าพี่ต้องผ่านการทดสอบปฏิกิริยาโต้ตอบโดยไม่มีปัญหาแน่ เมื่อตอนนั้นมาถึง เรามาเข้าทดสอบการต่อสู้จริงด้วยกันนะครับพี่”
“โอเค” หยางอู่ท่าทางตื่นเต้น
หลังจากคุยกันเสร็จ หยางอู่และหลัวเฟิงก็พากันจับตาไปที่ผู้เข้าทดสอบที่กำลังจะเข้าสอบต่อไป
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้เข้าทดสอบอีก 2 คนก็ทดสอบเสร็จ คนหนึ่งผ่านและอีกคนไม่ผ่านการทดสอบ
“คนสุดท้าย หยางอู่!” อาจารย์อู่ทงตะโกนเสียงดัง
หยางอู่สูดหายใจเข้าลึก เขาเฝ้ารอมานานสำหรับวันนี้ เพราะว่าเขามักจะไปตกตอนทดสอบความเร็วอยู่เสมอๆ นี่เป็นครั้ง
แรกที่เขาสามารถผ่านเข้ามาทดสอบปฏิกิริยาโต้ตอบในที่ทำการ สมาคมขีดสุดนี้ได้
“สู้ๆ” หลัวเฟิงให้กำลังใจ
“ไม่ต้องห่วง”
หยางอู่ก้าวยาวๆ เข้าไปในวงกลมสีแดง แล้วอาจารย์ใหญ่อูทง ก็กดปุ่ม กระบอกปืนกลยักษ์ใหญ่ก็เริ่มทำงานทันที จากนั้นก็เริ่ม ปล่อยห่ากระสุนพุ่งเข้าปกคลุมวงกลมสีแดงนั้นในบัดดล
หยางอู่เคลื่อนที่อยู่ภายในวงกลมนั้นอย่างรวดเร็ว
“หือ?” หลัวเฟิงมองดูการเคลื่อนที่ของหยางอู่แล้วประหลาดใจ “พี่หยางดูจะค่อนข้างเกร็ง เขาไม่ได้พลิ้วไหวเหมือนเรา แต่ดู เหมือนเทคนิคของเขาจะสูงทีเดียว ขยับหลบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาไม่ได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่วงกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 3.6 เมตรนั้นเลยด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่เขาหลบ เขาจะแค่ก้าวออกทางซ้าย ขวาหน้าหลังเท่านั้น”
พื้นที่ในการขยับของหยางอู่เล็กมาก แต่อัตราการหลบหลีก ของเขาสูงทีเดียว
“เทคนิคนี้เป็นประโยชน์อย่างมากในการต่อสู้จริง อย่างไรก็ตาม จะต้องมีความแม่นยำสูงมาก หากมีความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย กรงเล็บของสัตว์ร้ายก็จะฉีกร่างเป็นท่อนๆ ได้เลย!” หลัวเฟิงประเมินผลอยู่ในหัว อย่างน้อยสำหรับหลัวเฟิงแล้วเทคนิค นี้ดูเหมือนจะยังเป็นเทคนิคที่อันตรายทีเดียว
มันเหมือนการเต้นรำบนคมมีด
“ตี๊ด…!” หนึ่งนาทีผ่านไป เครื่องทดสอบก็หยุดทำงานลง
“ภายใน 60 วินาที โดนกระสุน 52 นัด และไม่สัมผัสกับม่านไฟสี แดงเลย ผ่าน!” อาจารย์ใหญ่อูทงกล่าว
หยางอู่ซึ่งยังคงยืนอยู่ในวงกลม กำหนัดแน่น เส้นเลือดที่กล้าม แขนของเขาปูดโปนอย่างเห็นได้ชัดแล้วน้ำตาก็เริ่มไหลออกมา เพื่อวันนี้ เขารอมานานมาก ในที่สุด เขาก็ทำสำเร็จตามความฝัน เหลืออีกแค่ก้าวเดียวแล้วที่เขาจะได้ยกระดับขึ้นเป็นนักสู้
“หยางอู่” อาจารย์ใหญ่อูทงขมวดคิ้ว “เทคนิคการหลบหลีก ของนายเป็นแบบ ‘ประณีต’ เมื่อเป็นการต่อสู้ที่ต้องเสี่ยงตายกับ สัตว์ประหลาด นายจะใช้การขยับเล็กน้อยเพื่อให้การโจมตีของ พวกมันเฉียดออกไป และเพราะขยับหลบไม่มาก นายจึงสามารถ เคลื่อนไหวอย่างอื่นเพื่อเพิ่มโอกาสในการโจมตีได้
แต่อย่างไรก็ตาม เทคนิคนี้ยากเอาเรื่องทีเดียว ถ้านายคำนวณ พลาดไปแม้สัก 2 เซนติเมตร เมื่อความผิดพลาดแบบนี้เกิดขึ้น… กรงเล็บของมันอาจจะฉีกร่างนายเป็นชิ้นได้เลย! เมื่อต่อสู้กับสัตว์ประหลาด นายอาจจะต้องตายเมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้น ดังนั้น…
ฉันขอแนะนำว่า เมื่อต่อสู้กับสัตว์ประหลาด ให้พยายามหลบ หลีกให้ไกลหน่อย รักษาระยะห่างเอาไว้ก่อน” อาจารย์ใหญ่อูทง เน้นยํ้า “ด้วยความแข็งแกร่งของนายตอนนี้ จะเป็นการดีกว่าถ้าฝึกพื้นฐานให้ดีก่อน หากทำได้ นายก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยมทีเดียว
หยางอู่ประหลาดใจ แต่ก็พยักหน้ารับ “ครับท่านอาจารย์ใหญ่”
“หยางอู่ จำคำสอนของอาจารย์ใหญ่ไว้นะ ละทิ้งอคติในด้านศิลปะการต่อสู้รูปแบบ ‘ประณีต’ อาจมีประสิทธิภาพมาก แต่หาก เธอไม่มีความแข็งแกร่งรองรับมัน มันก็จะไม่เป็นประโยชน์เลย ถ้า เธอยังพยายามฝืนทำ ก็คงจะเป็นเพียงการเลียนแบบที่ดูน่าขันเท่านั้น” อาจารย์เจียงเหนียนกล่าวจริงจัง
อาจารย์ใหญ่อูทงหัวเราะ “โอเค มีผู้เข้าสอบ 3 คนที่ผ่านการทดสอบเตรียมนักสู้ในครั้งนี้ หลัวเฟิง ไป๋หยาง และหยางอู่”
หลัวเฟิง หยางอู่ และไป๋หยาง ต่างพากันเก็บอาการดีใจไว้ในใจ
หากไม่มีเหล่านักสู้อาวุโสอยู่รอบๆ พวกเขาก็คงจะตะโกน ออกมาอย่างดีใจกันหมดแล้ว
“ทุกคน ภารกิจต่อไปคือการเซ็นสัญญาเข้าทดสอบการต่อสู้จริง มาๆ เชิญๆ” ขณะที่พูดอาจารย์ใหญ่อูทงก็มองไปที่ชายผมเงินในชุดดำพร้อมหัวเราะ “ขอโทษที่ให้รอนาน หัวหน้า ไปกันเถอะครับ”
หัวหน้า?
หลัวเฟิงและอีกสองคนต่างก็ตกใจ อาจารย์ใหญ่คือหัวหน้า ของที่ทำการสมาคมขีดสุดของเมืองหยางโจวแถมยังมีอำนาจอัน ยิ่งใหญ่ด้วย หากเขาพูดว่า ‘หัวหน้า’ แล้วชายผมสีเงินในชุดดำนั้น คือใครกันแน่?
ชายผมเงินมองผ่านมายังหลัวเฟิงและกลุ่มของเขา แวบเดียว หลัวเฟิงกลับรู้สึกเหมือนกับแววตาของชายผมเงินคนนั้นเป็น เหมือนอวกาศอันหาที่สุดไม่ได้ และทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถูกดูดเข้าไปภายในนั้น เขาสะดุ้งและตั้งสติคืนมาได้ “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
พอหลัวเฟิงหันไปก็พบว่าหยางอู่และไป๋หยางที่ยืนอยู่ถัดจากเขาก็ ตกอยู่ในอาการหัวหดเป็นอย่างมาก
“ช่างน่ากลัวจริงๆ แค่มองแวบเดียวก็ทำให้ยุ่งเหยิงกันไปหมดได้” หลัวเฟิงสั่นสะท้าน
พลังแบบนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ
หากอยู่ในสถานการณ์ต่อสู้กัน สายตาของคู่ต่อสู้แบบนี้ สามารถทำให้เสียสมาธิก่อนการต่อสู้จะเริ่มขึ้นด้วยซ้ำ กว่าจะรู้ตัว อีกทีอาจจะโดนคู่ต่อสู้แทงทะลุหัวใจไปแล้วก็ได้
ชายผมเงินคนนั้นยิ้มและมองมาที่หลัวเฟิงอย่างประหลาดใจ
“เจ้าหนู มีพรสวรรค์ดี ตั้งใจฝึกฝนนะ” ชายผมเงินยิ้มเล็กน้อย ขณะที่พูด
“อื้อ ความตั้งใจก็ดีด้วย” อาจารย์ใหญ่อูทงพยักหน้าด้วยความพอใจ
จากนั้นอาจารย์ใหญ่อูทงและชายผมเงินคนนั้นก้าวออกไปทันที
“มัน มันเกิดอะไรขึ้น?”
“เกิดอะไรขึ้นกับเรา?”
หยางอู่และไป๋หยางเพิ่งจะตั้งสติได้ ขณะที่พวกเขากำลังนึกว่า เพิ่งเกิดอะไรขึ้น ร่างกายของพวกเขาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อทั้งตัว ไม่ว่า
จะเป็นหยางอู่ ไป๋หยาง หรือหลัวเฟิง…พวกเขาต่างก็ไม่เคยเห็นใคร ที่น่าเกรงขามเท่าชายผมเงินผู้นั้นมาก่อน
“ชายผมเงินนั้นเฝ้าดูพวกเราอยู่ตลอด แต่จนถึงตอนนี้เราก็ไม่ สังเกตเห็นการปรากฏตัวของเขาเลย” หลัวเฟิงประหลาดใจ “ไม่ส่งเสียงใดๆ ทั้งสิ้น เหมือนเขาไม่มีตัวตน แปลกจริงๆ ไม่ถูกสิ…”
เมื่อหลัวเฟิงพยายามนึกว่าชายผมเงินคนนั้นเหมือนใคร เขาก็ ต้องตกใจเมื่อรู้ตัวอีกที…
เขาจำได้เพียงสายตาคู่นั้นที่สะกดเขาและเขาก็ไม่สามารถนึก ใบหน้านั้นออกเลย
“3 คนนั้นน่ะ มานี่”
อาจารย์เจียงเหนียนและเหล่านักสู้ต่างก็มีรอยยิ้มขณะที่มอง มายัง 3 คน “มาที่โรงฝึกเร็ว”
พวกเขาออกจากห้องทดสอบปฏิกิริยาโต้ตอบแล้วก็เข้าไปที่โรงฝึกขนาดใหญ่
“นี่คือสัญญาสำหรับการเข้าทดสอบการต่อสู้จริง” นักสู้ร่าง ท้วมหยิบสัญญา 3 ฉบับออกมาจากมุมของโรงฝึก “เมื่อพวกเธอ เข้าร่วมการทดสอบการต่อสู้จริง ทางสำนักจะไม่รับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของพวกเธอ! แน่นอน อัตราการเสียชีวิตจากการเข้าทดสอบนี้ต่ำมาก”
หลัวเฟิง หยางอู่ และไป๋หยาง รับสัญญามาและเปิดอ่านดู
“อัตราการเสียชีวิตต่ำ แต่อัตราการบาดเจ็บไม่ต่ำ” ชายศีรษะ ล้านกล่าว “ในการทดสอบการต่อสู้จริง พวกเธอจะต้องต่อสู้กับ สัตว์’ประหลาดแบบเสี่ยงตาย! แน่นอนนี่คือพื้นฐานของการล่าเท่านั้น เมื่อทุกคนจะต้องออกไปในเขตอันตรายเพื่อล่าสัตว์ ประหลาดในภายภาคหน้า ความอันตรายจะน่ากลัวขึ้นมากเมื่อเทียบกับการทดสอบนี้ หากพวกเธอไม่สามารถผ่านขั้นนี้ไปได้ พวกเธอก็ไม่มีสิทธิ์จะเป็นนักสู้ได้เลย”
หลัวเฟิง หยางอู่ และไป๋หยางต่างมองหน้ากัน
สัญญาเข้าใจง่าย จุดหลักๆ ก็คือหากตายระหว่างการทดสอบ ทางสำนักจะไม่รับผิดขอบใดๆ ทั้งสิ้น
ทั้งสามคนไม่มีลังเล ต่างจรดปากกาเซ็นชื่อในเอกสารนั้นทันที
“โอเค”
อาจารย์เจียงเหนียน ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ก็ส่งยิ้มมา “ดี…วันนี้วันที่ 1 กรกฎาคม งั้นเหลืออีกแค่ 1 เดือนก็จะถึงวันทดสอบจริง ภายใน เดือนนี้พวกเธอควรจะเตรียมตัวกันให้เต็มที่นะ” อาจารย์เจียง เหนียนเดินไปที่แป้นพิมพ์ที่อยู่ข้างๆ เขาและกดปุ่ม ทันใดนั้นหน้าจอขนาดใหญ่ก็ปรากฏบนผนังของโรงฝึก และหัวข้อก็ปรากฏขึ้น
มันถูกเรียกว่า … ‘เทคนิคแห่งพลังพันธุกรรม’
“หือ?” หลัวเฟิงกลั้นหายใจ
เหตุผลที่ว่าทำไมพวกนักสู้ถึงมีร่างกายอันทรงพลัง ทำไมยอดนักสู้บางคนถึงมีความเร็วเหนือเสียง! ทำไมดาบของพวกเขาถึงตัด
เหล็กหนาได้! แน่นอน หลัวเฟิงและพวกต่างก็แข็งแกร่ง แต่ยังไม่ได้ ใกล้เคียงกับนักสู้ในตำนานเลย
ทำไมพวกนักสู้ถึงแข็งแกร่งล่ะ?
ก็เพราะว่าพวกเขาใช้พลังพันธุกรรมช่วยน่ะสิ!
“ย้อนกลับไปตอนที่มวลมนุษย์ชาติติดเชื้อ RR ไวรัสในช่วง ยุคมหานิพพาน ยีนส์ของพวกเราก็เริ่มพัฒนาเพื่อที่จะต่อสู้กับไวรัส” อาจารย์เจียงเหนียนกล่าวยิ้มๆ “เมื่อยีนส์พัฒนาสู่จุดคงตัว มันก็สามารถซึมซับพลังแห่งจักรวาลได้ พลังนั้นเข้าห่อหุ้มเซลล์ในตัวคน! ในระหว่างกระบวนการนี้ ทั้งยีนส์ กระดูก เซลล์ เลือด อวัยวะต่างๆ และผิวหนังต่างก็พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นแข็งแกร่งขึ้น!
กระดูกเราจะแข็งขึ้นกว่าเพชรเป็นร้อยเท่า อวัยวะต่างๆ ก็ทรง พลังมากพอที่จะกลั้นหายใจในน้ำได้ครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง หรือนานกว่านั้น!
ทั้งหมดนี้อาศัยพลังงานที่ซึมซับมาแล้วเข้าห่อหุ้มเซลล์ต่างๆ มันจึงกลายเป็นพลังของพวกเรา หรือพูดง่ายๆ…พลังพันธุกรรมนั่นเอง!”
อาจารย์เจียงเหนียนชี้ไปที่หัวข้อบนหน้าจอ “นี่คือเทคนิค กระตุ้นยีนส์ของพวกเรา…เทคนิค ‘ห้าหัวใจสู่นภา’! และเป็นหนทางเดียวที่จะฝึกฝนพลังพันธุกรรมของเราได้”
หลัวเฟิงค่อยๆ เริ่มอ่านหัวข้อทันที
พลังพันธุกรรม การกระตุ้นยีนส์ของมนุษย์ การพึ่งพาการวิวัฒนาการ!
“แล้วมันเป็นยังไงครับ” หลัวเฟิงเริ่มเข้าใจหลังจากค่อยๆ อ่านดู
คนปกติทั่วไปไม่สามารถฝึกฝนแบบนี้ได้เพราะว่ายีนส์ไม่มี ความเหมาะสม เมื่อพลังหมัดของแตะถึงขีด 900 กิโลกรัม ความเร็วถึง 25 เมตรต่อวินาที และปฏิกิริยาโต้ตอบผ่านเกณฑ์เตรียมนักสู้แล้ว แสดงว่ายีนส์มีความพร้อมที่จะฝึกฝนได้ เตรียมนักสู้ 90% ก็จะเริ่มฝึกได้เลย!
“พวกเธอสามารถลองฝึกฝนพลังพันธุกรรมได้เลยภายในเดือนนี้” อาจารย์เจียงเหนียนกล่าวพลางยิ้ม
“ส่วนเทคนิค ‘เต๋าอิน[1]’ ที่ลํ้าค่าที่สุด หลังจากพวกเธอกลายเป็นนักสู้ เข้าร่วมสำนักขีดสุดของเราหรือกองทัพแล้วจึงจะได้มา”
มีหนทางเดียวโนโลกนี้ที่สามารถใช้ฝึกฝนพลังพันธุกรรม
อย่างไรก็ตาม มีเทคนิคเต๋าอินอยู่นับล้านเทคนิคทีเดียว การ ฝึกเทคนิคเต๋าอินจะช่วยเพิ่มความเร็วในการกระตุ้นพลังพันธุกรรม ได้เป็นสิบเท่า นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเทคนิคเต๋าอินถึงได้สำคัญ กับพลังทั้งหมด
……………….
[1] เต๋าอิน คือ การใช้ท่วงท่าการเคลื่อนไหวที่สัมพันธ์กับการหายใจ