ตอนที่ 59 หมกมุ่น

แม้ว่าเว่ยเถี่ย เว่ยชิงและเฉินกู่จะประหลาดใจกับคำแนะนำของหัวหน้า แต่พวกเขาก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยในที่สุด พวกเขายังรู้อีกด้วยว่าหนึ่งในสมาชิกของทีมค้อนอัคคีมีอัตราเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ถ้าพวกเขาไม่ตามให้ทัน…อีกไม่นานพวกเขาก็จะถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง

หลังจากนั้น หลัวเฟิงและคนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันจากตลาดพันธมิตรใต้ดินและเดินทางกลับบ้านโดยรถไฟ

เมืองหยางโจว เขตหมิงเยว่

ขณะนี้เป็นเวลาดึกดื่นแล้ว รถยนต์บริการนักสู้ภายในสำนักขีดสุด…SUV โฟล์คสวาเก้น ทัวเร็ก วิ่งฉลุยเข้ามาในเขตโดยไม่ติดด่านตรวจ

“เอี๊ยด!”

โฟล์คสวาเก้น ทัวเร็กมาจอดข้างหน้าทางเข้าที่ทำการสมาคมขีดสุด บ้านของเฉินกู่ จางเคอ และหลัวเฟิงต่างก็กระจุกตัวกันอยู่บริเวณทางเข้าที่ทำการสมาคมขีดสุด รวมถึงบ้านของอาจารย์ที่สำนักก็อยู่ที่นี่ด้วยไม่น้อย

หลัวเฟิงเปิดประตูรถแล้วก็ออกมา สิ่งแรกที่เขาเห็นคือพ่อแม่และน้องชายของเขาที่กำลังรออยู่

“พี่ครับ!” หลัวฮว๋าตะโกนขึ้นก่อน

“หลัวฮว๋า พ่อ…แม่” หลัวเฟิงโผกอดพ่อกับแม่และน้องชายของเขา หลัวเฟิงรู้สึกได้ถึงความยินดีของทุกคน เฉินกู่และจางเคอก็กำลังอยู่กับครอบครัวของพวกเขา เพียงแต่ใบหน้าภรรยาและลูกสาวของจางเคอเต็มไปด้วยน้ำตา

แม้ทุกคนจะรู้มาก่อนแล้วว่าจางเคอเสียแขน แต่พวกเขาก็ยังอดร้องไห้ไม่ได้

“ที่รัก ยายหนู พ่อกลับมาแล้วนะ กลับมาอยู่กับพวกเราแล้ว”

ไม่สามารถมองเห็นความโศกเศร้าจากสีหน้าของจางเคอได้เลย

“พี่จาง” หลัวเฟิงชำเลือง มีความเป็นไปได้สูงมากที่ทีมเขี้ยวพยัคฆ์โจมตีทีมค้อนอัคคีเพราะความอาฆาตแค้นของจางเจ๋อหู่

“3 ทหารเสือแห่งสำนักของเรากลับมาแล้วอย่างปลอดภัย ตอนนี้ก็ดึกแล้ว เพราะงั้นให้พวกเขาได้พักเถอะ” อาจารย์ใหญ่อูทงหัวเราะ

ทั้งหมดยิ้มแย้มขณะที่พากันแยกย้ายเข้าบ้าน

หลังจากกลับมาถึงบ้าน หลัวเฟิงก็รู้สึกผ่อนคลายลงเสียที ในวันแรกที่เขากลับมา เขาไม่ได้ฝึกฝนต่อแต่อย่างใด เขาเพียงแค่พักผ่อนเท่านั้น เขาสวมชุดสำนักหลวมๆ สบายๆ แล้วก็เดินเล่นอยู่ในบริเวณเขตที่พัก

บ่ายวันนั้น ดวงอาทิตย์เดือนกันยายนยังคงร้อนแรง

“หลัวเฟิง มาสำนักสิ” เฉินกู่โทรมา “หัวหน้าอยู่ที่นี่”

“โอ้ เดี๋ยวผมไปครับ”

หลัวเฟิงตรงดิ่งไปที่สำนักขีดสุดทันที

ภายในบาร์ชั้นแรกของสำนักขีดสุด หลัวเฟิง เฉินกู่ และเกาเฟิงกำลังนั่งอยู่ด้วยกัน ม่านหนาถูกรูดปิดหน้าต่างเพื่อป้องกันแสงอาทิตย์ร้อนแรงที่สาดส่องเข้ามา

“หลัวเฟิง นี่มีดปาชุด 9 สองเล่มที่นายอยากได้” เกาเฟิงหัวเราะขณะที่ยื่นมีดออกมาให้ “รวมแล้วก็ 45 ล้าน รีบๆ โอนมาเลยนายรวยแล้ว…ไม่ต้องมีทิปหรอกนะฉันไม่เอา”

“มีดปาชุด 9?” หลัวเฟิงรีบรับกล่องมาทันที

หลังจากที่เปิดดู ภายในกล่องแบ่งออกเป็น 2 ชั้น แต่ละชั้นมีมีดบรรจุอยู่ 1 เล่ม มีดทั้ง 2 เล่มเป็นสีดำ ตอนที่เฉินกู่และคนอื่นๆ ฝากเกาเฟิงซื้อยาพันธุกรรมให้ หลัวเฟิงก็ฝากเกาเฟิงให้ซื้อมีดปาดชุด 9 ให้ด้วย ในตอนนี้ มีดปาชั้นดีเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับหลัวเฟิง!

ไม่ว่าจะเป็นมีดปาหรืออาวุธอื่นๆ ราคาก็สูงขึ้นเรื่อยๆ!

มีดปาราคาถูกก็เพราะว่าพวกมันเล็กและใช้วัสดุน้อย แม้แต่สัตว์ประหลาดระดับจ่าฝูงก็ยังมีปัญหากับการทำลายมีดปาชุด 9

“หัวหน้าครับ โอนไปแล้วครับ” หลัวเฟิงโอนเงินผ่านมือถือของเขา

“ไม่ต้องโอนเกินนะ” เกาเฟิงกำชับ

“หลัวเฟิง ตอนนี้นายมีเงินมากพอสมควร นายทำไมไม่ซื้อดาบและชุดที่ดีขึ้นล่ะ?” เฉินกู่หัวเราะ เขาเพิ่งจะได้รับยาพันธุกรรม ดังนั้น เขาจึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

หลัวเฟิงส่ายหน้า “มีดปาทั้งเบาและใช้วัสดุไม่มาก เพราะงั้นผมเลยซื้อได้ ดาบกับชุด ดาบปีศาจชุด 9 ราคา 3,000 ล้านหยวน ชุดต่อสู้ชุด 9 ยิ่งแพงกว่านั้นอีก รวมๆ แล้วอาจจะถึง 12,000 ล้านด้วยซ้ำไป แล้วผมจะซื้อไหวเหรอ?”

ราคาอาวุธของนักสู้ระดับ นักรบ แม่ทัพ และเทพสงครามช่างแตกต่างกันมากจริงๆ

ดังนั้น เขาจึงซื้อแค่มีดปาเท่านั้น!

ถ้าแม้แต่ระดับจ่าฝูงยังไม่สามารถฉีกชุดต่อสู้นั้นได้ ก็คงไม่แปลกนักที่มันจะแพงขนาดนั้น

และด้วยระดับสมรรถภาพร่างกาย ‘ระดับนักรบขั้นสูง’ แม้ว่าเขาจะสวมชุดต่อสู้ชุด 8 หรือ 9 ก็คงไม่บุบสลายมากนักจากการโจมตีของพวกระดับจ่าฝูง แต่แรงปะทะจากการโจมตีก็รุนแรงพอที่จะทำลายอวัยวะภายใจของเขาอยู่ดี!…

‘ขอทานถึงแม้ว่าจะสวมเสื้อคลุมก็ไม่ได้ทำให้เขาเป็นราชาขึ้นมาได้’ ถ้าร่างกายของเขาอยู่ในระดับนักรบแต่กลับสวมชุดในระดับเทพสงคราม ชุดนั้นมันก็ไร้ค่าเหมือนกัน!

“ชุดต่อสู้แพงยิ่งกว่ามีดปามาก” เกาเฟิงหัวเราะ “หลัวเฟิงถูกต้อง ชุดต่อสู้ชุด 5 ของเขาเหมาะสมกับสมรรถภาพร่างกายในปัจจุบันของเขาแล้ว”

“หลัวเฟิง” เกาเฟิงเอ่ย

“หือ?” หลัวเฟิงมองหัวหน้า

“ตอนนี้ สหายเฉินกับ 2 พี่น้องเว่ยกำลังจะใช้ยาพันธุกรรม ยาพันธุกรรมจะใช้เวลาออกฤทธิ์เต็มที่ราวๆ 1 เดือน! และหลังจากนั้นความแข็งแกร่งของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้น พวกเขายังต้องการเวลาอีก 1-2 เดือนในการฝึกฝนเพื่อใช้พลังนั้นด้วย เพราะงั้น…เราอาจจะต้องพักกันอีก 2-3 เดือน หลังจากนั้น พวกเราถึงจะเข้าไปลุยแดนเถื่อนกันอีกครั้ง” เกาเฟิงกล่าว

เฉินกู่พยักหน้า

“เข้าใจแล้วครับ” หลัวเฟิงพยักหน้าพลางหัวเราะ “ผมจะใช้โอกาสนี้ในการฝึกฝนด้วยครับ ผมได้อะไรหลายอย่างจากการไปลุยแดนเถื่อนครั้งนี้ เอาล่ะผมของตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวจะไปฝึกวิชาซะหน่อย”

“โอเค” เกาเฟิงพยักหน้าพลางหัวเราะ “ถ้ามีเรื่องอะไรจะพบกันอีก ก็ขอเป็นที่ศูนย์หลักเมืองก็แล้วกัน ที่นี่กับบ้านฉันค่อนข้างไกลอยู่ซักหน่อย”

“ได้ครับ”

หลัวเฟิงและเฉินกู่พยักหน้า

ศูนย์หลักเมืองเป็นศูนย์กลางของเมืองทั้งหมด สะดวกสบายที่จะเดินทางจากเมืองหยางโจวหรือจากเมืองอื่นรอบๆ

หลังจากหัวหน้าออกไป หลัวเฟิงนำมีดปา 2 เล่มของเขากลับไปที่บ้าน

คืนนั้น

ที่โรงฝึกในบ้านของหลัวเฟิง มีกระจกใสกว้างยาวประมาณ 1 เมตรติดตั้งอยู่กลางเพดาน แสงจันทร์สว่างเย็นสาดส่องผ่านกระจกแผ่นนั้น เพราะนั่งอยู่ใจกลางโรงฝึก หลัวเฟิงสามารถมองเห็นท้องฟ้าอันพร่างราวจากการชำเลือผ่านกระจกแผ่นนั้น

“วูบ…วูบ…” มีดปา 2 เล่มกำลังโฉบวนเวียนรอบๆ หลัวเฟิง

“ลูกบอลทองคำยังคงอยู่ภายในขอบเขตของจิตใต้สำนักเรา และมันก็ยังมีพลังจิตอีกจำนวนมหาศาล! เพียงแต่ว่าร่างกายของเรายังแข็งแกร่งไม่พอที่จะรับมือกับพลังจิตที่มากแบบนี้” หลัวเฟิงคิดในใจ “ฉะนั้น สิ่งที่เราจะต้องทำตอนนี้คือ ต้องยกระดับสมรรถภาพร่างกายของเราให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้! ถ้าสมรรถภาพร่างกายของเราแข็งแกร่งขึ้น พลังจิตของเราก็จะแข็งแกร่งขึ้นด้วย! และมันจะยังคงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งลูกบอลทองคำลูกนั้นหายไป!”

หลังจากนั้น หลัวเฟิงก็ได้ฝึกฝนวิชา ‘ดาบสายฟ้า 9 ขั้น’ อย่างจริงจังตามแผ่น DVD ที่ติดมากับหนังสือ

เทคนิค ‘หลิวกวง’ เทคนิคเต๋าอิน ‘พลัง 9 ขั้น’ และเทคนิคดาบ ‘ดาบสายฟ้า’

และหลัวเฟิงก็สำเร็จวิชาดาบสายฟ้าขั้นแรกแล้วในแดนเถื่อน

“ฟุบ!”

“ฟุบ!”

ในค่ำคืนนั้น หลัวเฟิงทั้งสับ เสย เฉือนด้วยการใช้เทคนิคการออกแรงจาก ‘วิชาดาบสายฟ้า 9 ขั้น’ การโจมตีแต่ละครั้งประกาอบด้วยการออกแรง 2 ขั้นติดต่อกัน ซึ่งหมายความว่ากล้ามเนื้อของหลัวเฟิงจะขยับออกแรงอย่างรวดเร็วในแต่ละครั้ง

การออกแรงทันทีเมื่อทำการเฉือนจะสร้างแรงเครียดให้กระดูก กล้ามเนื้อ เซลล์ และส่วนอื่นๆ!

หลังจากฝึกอยู่ราวๆ ครึ่งชั่วโมง หลัวเฟิงก็รู้สึกเหนื่อยมาก ทำให้เขาขยับไปไหนไม่ได้เลยขณะที่นั่งอยู่บนเพื่อ การออกแรงตามหลักวิชา ‘ดาบสายฟ้า 9 ขั้น’ ที่จริงแล้วนำแรงเครียดอันมหาศาลมาสู่ทุกส่วนของร่างกาย! หลังจากพักอยู่ 5 นาที หลัวเฟิงก็เริ่มฝึกเทคนิคเต๋าอิน ‘พลัง 9 ขั้น’ ร่างกายที่อ่อนแรงในตอนแรก ตอนนี้กลับผ่อนคลายราวกับได้อาบน้ำอุ่น และรู้สึกเบาสบายขึ้น

หลังจากการฝึกวิชาดาบและเทคนิคเต๋าอิน ในที่สุด…

หลัวเฟิงก็เริ่มดำเนินการฝึกเทคนิคพื้นฐานทางพันธุกรรมซึ่งแม้แต่นักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกก็ยังต้องปฏิบัติตาม ‘ห้าหัวใจสู่นภา’

“ฟู่…ฟู่…”

หลังจากการฝึก หลัวเฟิงรู้สึกว่าทุกเซลล์ของเขากำลังหิวโหย นี่เป็นสาเหตุให้พลังพันธุกรรมที่เขาดูดซับเข้าไปเป็นไปอย่างบ้าคลั่งที่สุด ทุกครั้งที่เขาฝึกฝนก็จะทำให้ขีดจำกัดของเขาเพิ่มขึ้นไปอีก 1 นาที 2 นาที…ขณะที่เวลาผ่านไป หลัวเฟิงก็ยิ่งทึ่ง ในที่สุดทุกๆ เซลล์ในร่างกายของเขา ราวกับว่ามันจะอัดแน่นไปด้วยอาหารจนไม่อาจดูดซับได้อีกต่อไป

“จำนวนพลังพันธุกรรมที่เราดูดซับมากเป็น 2 เท่าของครั้งที่แล้วเลย!” หลัวเฟิงประหลาดใจ

“ในคู่มือบอกว่า ยิ่งเราฝึกวิชา ‘ดาบสายฟ้า 9 ขั้น’ มากเท่าใด เราก็จะยิ่งดูดซับพลังพันธุกรรมได้มากขึ้นเท่านั้น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะมากขนาดนี้!” หลัวเฟิงไม่คิดว่าจะดูดซับได้ขนาดนี้ แม้ว่าคู่มือจะบอกไว้เช่นนั้นก็ตาม

เมื่อใครซักคนฝึกฝนจนกระทั่งเหนื่อยล้ามากๆ เขาก็จะขยับไม่ได้…

มันหมายความว่า มีกรดในกล้ามเนื้อมากเกินไป จะทำให้กล้ามเนื้อเหนื่อยล้ามาก! ร่างกายและเซลล์ต่างๆ ไม่ได้มีส่วนในการฝึกจริงๆ แต่การออกแรงตามหลัก ‘วิชาดาบสายฟ้า 9 ขั้น’ เป็นสาเหตุให้ร่างกายและเซลล์ต่างๆ ล้าตามไปด้วย

เช่นเดียวกับความอยากอาหารของใครซักคน ที่จะมากขึ้นหลังจากการออกกำลังกายมากๆ

เมื่อร่างกายใช้พลังไปมากๆ ‘ความอยากอาหาร’ ของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้น เป็นเหตุให้พวกเขาดูดซับพลังพันธุกรรมได้มากขึ้น!

“เราเพิ่งจะอยู่ในขั้นแรก แต่จำนวนพลังพันธุกรรมที่ดูดซับได้ยังเพิ่มขึ้นมากขนาดนี้ แล้วตอนที่กำลังฝึกขั้นที่ 9 มันจะเพิ่มขึ้นเร็วขนาดไหน? ไม่เพียงแต่เราจะสามารถฝึกได้เร็วขึ้น แต่พลังของดาบเราก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ไม่แปลกใจเลยว่าสิ่งนี้ทำให้คนที่ฝึกกลายเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ที่หนึ่งด้านความเร็วและเป็นหนึ่งด้านพลัง” หลัวเฟิงอึ้งไป

มันหมายความว่าอย่างไรถ้าสมรรถภาพร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว?

สำหรับหลัวเฟิง มันหมายความว่าจำนวนพลังจิตที่เขาจะรับมือได้ก็จะเพิ่มมากขึ้นด้วย!

เริ่มจากวันนี้ หลัวเฟิงเข้าใกล้ขีดจำกัดขึ้นทุกวันในขณะที่เขาทำการฝึกฝนตัวเอง และในที่สุดเขาก็ค้นพบวิธีที่ดีที่สุดในการฝึกฝน ซึ่งกำลังเป็นไปภายใต้เทคนิค ‘หลิวกวง’ ขณะที่เขากวัดแกว่งดาบ! ความเร็วไม่ได้มีมากนัก ทว่า…แต่ละท่วงท่าและฝีเท้าเป็นไปอย่างจริงจัง หลังจากที่เริ่มเหนื่อยล้า เขาก็จะเริ่มฝึกเทคนิคเต๋าอิน

หลังจากที่ดำเนินการฝึกเทคนิคเต๋าอิน เขาก็ฟื้นฟูพลังขึ้นไม่น้อย

เขาทำการฝึกเทคนิคเคลื่อนที่และเทคนิคดาบ! และตามด้วยเทคนิคเต๋าอินอีกรอบ! และสุดท้ายเขาก็ได้ฝึกพลังพันธุกรรม วิธีนี้ได้ผลอย่างมาก! กระบวนการนี้ใช้เวลาราวๆ 6 ชั่วโมง เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับหลัวเฟิงที่จะยกระดับสมรรถภาพร่างกายของตัวเอง!

อันที่จริง ด้วยความช่วยเหลือจากพลังจิตของนักอ่านจิต ระดับสมรรถภาพร่างกายของเขาจึงพัฒนาขึ้นเร็วมาก และหลัวเฟิงยังได้ฝึก ‘สุดยอดวิชา’ ของโลก ‘วิชาดาบสายฟ้า 9 ขั้น’ อีกด้วย ดังนั้น อัตราการพัฒนาของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ หลัวเฟิงกำลังพัฒนาขึ้นในทุกๆ วัน

เพียงชั่วพริบตาเดียว เวลา 1 เดือนก็ผ่านไป

“ฟุบ!”

“ฟุบ!”

แต่ละการตวัดดาบของหลัวเฟิงล้วนทำให้เกิดกระแสลมอันหนักหน่วงภายในโรงฝึก ซึ่งกระทบกับผนังรอบๆ ด้านจนเป็นกระแสลมโบก บ้านหลังนี้ออกแบบโดยสำนักขีดสุด ดังนั้นโรงฝึกจึงถูกออกแบบให้รองรับมาเป็นอย่างดีแล้ว

“หือ? หัวหน้าโทรมา?”

หลัวเฟิงเดินไปรับโทรศัพท์ที่วางไว้ข้างห้อง

“หลัวเฟิง นี่ก็ 1 เดือนแล้ว ความแข็งแกร่งของเฉินกู่ เว่ยเถี่ยและเว่ยชิงเพิ่มขึ้นบ้างแล้วหลังจากกินยาพันธุกรรมเข้าไป ฉันคิดว่าเราน่าจะมาพบกันเสียหน่อยดีไหม?” เกาเฟิงถาม ในตอนนี้บุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในทีมค้อนอัคคีก็คือหลัวเฟิงอย่างไม่ต้องสงสัย และตำแหน่งของหลัวเฟิงก็จะยิ่งมั่นคงมากขึ้นไปเรื่อยๆ

ดังนั้น เกาเฟิงจึงขอความเห็นของหลัวเฟิงก่อน

“ได้สิครับ เราไม่ได้พบกันก็นานพอสมควรแล้ว” หลัวเฟิงหัวเราะพลางพยักหน้า ในช่วงเดือนที่ผ่านมานี้ เขาหมกมุ่นอยู่แต่กับการฝึกฝน ทั้งนี้ การพัฒนาอันรวดเร็วนี้ ก็ทำให้เขารู้สึกยอดเยี่ยมมาก

“โอเค แล้วเจอกันที่ตลาดพันธมิตรใต้ดินละกัน บริการที่นั่นดีที่สุดแล้ว” เกาเฟิงกล่าว “ว่าแต่ตอนไหนดีล่ะ?”

“อืม”

หัวใจของหลัวเฟิงเต้นตูมตามขึ้นมาเมื่อนึกไปถึงคำพูดของสวีซิน… ‘อีกสองสามวันก็จะเปิดเรียน ในระหว่างที่เรียน ฉันจะมาทำงานแค่วันศุกร์และวันหยุดสุดสัปดาห์นะ’

“หัวหน้าครับ ผมว่าวันเสาร์นี้แล้วกันครับ” หลัวเฟิงว่า

“วันเสาร์? ได้สิ เสาร์นี้นะ”