Skip to content

Swallowed Star 73

ตอนที่ 73 ปล้น

ภายในซากปรักหักพังของเมืองในฝันว่านเคอ พื้นดินอันแห้งแล้วนั้นเกิดเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น

งูปล้องดำใหญ่เท่าลำต้นตาลนั้นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและพุ่งตรงมายังนักสู้อินเดีย 2 คนผู้ใช้ดาบโค้งใหญ่เป็นอาวุธ

“วูบ!”

ทั้ง 2 กระโจนสูงขึ้นไปราว 5-6 เมตรแล้วเกาะขอบหน้าต่างของอพาร์เมนต์ใกล้ๆ เอาไว้ หางของงูปล้องดำฟาดเข้ากับต้นไม้ใกล้เคียงอย่างรุนแรง ต้นไม้ต้นนั้นส่งเสียงดัง เปรี๊ย! ฉีกผ่ากลางออกแล้วหักลงมากระแทกพื้นดังสนั่น

“ฮ่าๆๆๆ อยากฆ่าฉันงั้นรึ?” ในตอนนั้นเองหลัวเฟิงพร้อมกับโล่ในมือก็ออกวิ่งทะยานออกไป

งูปล้องดำก็ออกเลื้อยไล่ล่าหลัวเฟิงอย่างบ้าคลั่ง!

“วูบ!”

“วูบ!”

เขาเหวี่ยงแขนพร้อมกับมีดปา 2 เล่มที่พุ่งทะยานออกไป ดูเหมือนกับว่าหลัวเฟิงใช้มืดซัดมีดทั้ง 2 เล่มนั้น แต่อันที่จริงมีดปา 2 เล่มนั้นถูกควบคุมโดยพลังจิต เป็นเหตุให้มีดที่พุ่งทะยานออกไปนั้นมีความเร็วอันน่าทึ่ง มองด้วยสายตาจะสามารถเห็นมีดเหล่านั้นเป็นลำแสงเบลอๆ พุ่งทะยานตรงไปที่หัวของงูปล้องดำตัวนั้น!

“ฟ่อ…” งูปล้องดำ 2 หัวส่งเสียงขู่ขณะที่พยายามหลบหลีก

“เปลี่ยน!” หลัวเฟิงจ้องเขม็งอย่างเยือกเย็น

มีดบินทั้ง 2 เล่มเปลี่ยนทิศไปเล็กน้อย เพราะมีดบินทั้ง 2 เล่มนั้นเดินทางด้วยความเร็วที่เหนือกว่ากระสุนปืนไรเฟิล จึงไม่มีใครสามารถสังเกตได้ว่ามันเปลี่ยนทิศทาง

“ฟิ้ว!”

“ฉึก!”

มีดบินเล่มหนึ่งพุ่งเฉียดไป แต่อีกเล่มหนึ่งเสียบเข้าหัวซ้ายของงูปล้องดำ 2 หัวแบบเต็มๆ นับตั้งแต่ที่เริ่มการต่อสู้ หลัวเฟิงก็ชักมีดปาออกมา 6 เล่มแล้ว และทั้ง 6 เล่มใช้โจมตีไปที่หัวข้างซ้ายของงูปล้องดำตัวนั้น ในตอนนี้ หัวข้างซ้ายของมันโชกไปด้วยเลือด และมีบาดแผลขนาดใหญ่

“ฟิ้ว!” ร่างกายของหลัวเฟิงเบามาก และความเร็วของเขาก็น่าทึ่งมากด้วย

ผู้นำทีมอินเดียผู้มีไม้เท้าเป็นอาวุธร้องตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้นแล้วออกไล่ล่างูปล้องดำ แม้ว่ามันกำลังหลบหลีก แต่ขณะเดียวกันมันก็ไล่ตามหลัวเฟิงด้วย ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาไล่ฟาดงูปล้องดำ 2 หัวด้วยความรุนแรง งูปล้องดำไม่กล้าจะใช้หัวทั้ง 2 ของมันต้านไม้เท้าโลหะอันนั้น มันทำได้แค่พยายามหลบหลีกเท่านั้น

ต้องรู้ไว้ว่า ไม้เท้านี้ดูเหมือนไม่ได้มีพลังอะไรนัก และไม่ได้แหลมคมเหมือนกับหอก…

แต่เมื่อมันปะทะเป้าหมาย พลังทั้งหมดของมันจะไปรวมตัวกันที่หัวด้าม พื้นที่ตรงหัวด้ามนั้นไม่ได้มากนัก ทว่ากลับสร้างผลลัพธ์เหมือนอาวุธที่ดีได้!

“คนอินเดีย ประชิดไว้!” เกาเฟิงตะโกนเรียก

นักสู้อินเดียวทั้ง 2 คนพร้อมกับดาบโค้งใหญ่และโล่ในมือพร้อมด้วยเกาเฟิงเข้าประชิดลำตัวของงูปล้องดำ 2 หัวในทันที อย่างแรกพวกเขาพยายามป้องการการใช้หางโจมตีหลัวเฟิงและผู้นำชาวอินเดีย อย่างที่สอง พวกเขาก็ต้องการเข้าโจมตีงูปล้องดำจากระยะห่าง 7 นิ้ว![1]

จุดอ่อนของงูตัวนี้อยู่ที่ 7 นิ้ว แน่นอน 7 นิ้วมันเป็นเพียงตัวเลขที่เป็นนามธรรม จุดหลักๆ ในการโจมตีก็คืออวัยวะสำคัญๆ นั่นเอง

ถึงแม้ว่างูตัวนั้นจะมั่นใจในระบบป้องกันตัวของมัน แต่ยังไงมันก็ไม่อยากให้พวกเกาเฟิงเล็งมาที่จุดสำคัญของมันแน่ ดังนั้น มันจึงหดหางและขดตัวเข้าไป…ขณะเดียวกันก็พยายามที่จะหาทางรับมือกับพวกเกาเฟิง

“วูบ!”

โล่ในมือของหลัวเฟิงเคลื่อนไหวจากพลังจิตของเขา หลังจากที่หลัวเฟิงออกแรงที่เท้า เขาก็บินทะยานตรงไปยังตำแหน่งที่หัวหน้าเกาเฟิงอยู่ทันที เมื่อเขาเข้าใกล้เกาเฟิง หลัวเฟิงก็กระซิบบอก “หัวหน้า ถ้าเข้าประชิดได้ ให้ใช้ค้อนซัดที่หัวข้างซ้ายของมันเลยนะครับ!”

“ได้…” เกาเฟิงเข้าใจความหมายในทันที

การเคลื่อนที่ของหลัวเฟิงในสนามรบดูแปลกๆ และจับทางไม่ได้ เขาไม่เข้าใกล้งูตัวนั้นเลย เขาใช้เพียงความเร็วอันน่าอัศจรรย์ของเขาในการโฉบมารอบสนามต่อสู้นั้น

“ย๊าก!” ผู้นำฝั่งอินเดียร้องตะโกน ใบหน้าของเขาเป็นสีแดง เลือดในกายของเขาสูบฉีดจนถึงขีดสุด ในนาทีนั้น ร่างกายของเขาดูเหมือนกับพระอรหันต์ในตำนาน ไม้เท้าของเขาพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูง ราวกับว่าเขาจะสละแล้วซึ่งชีวิต เขาพุ่งตรงเข้าไปที่งูปล้องดำ 2 หัวตัวนั้น ความเร็วของไม้เท้าพุ่งทะยานจนถึงขีดจำกัด ในพริบตาเดียวเงานับสิบๆ ก็พุ่งตรงเข้าปะทะกับงูปล้องดำตัวนั้น

ปัง! ปัง!

เงาราวๆ 20 เงาพุ่งเข้าปะทะกับหัวด้านขวาของงูปล้องดำ หัวด้านขวาของมันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ดูเหมือนมันจะเจ็บหนัก หัวใหญ่โตด้านหัวขวาทิ้งดิ่งลงกระทำพื้นเสียงดังสนั่น

“ฟ่อ…” หัวด้านซ้ายของมันร้องคำรามออกมาอย่างน่ากลัว ร่างกายอันใหญ่โตมโหฬารของมันเคลื่อนไหวและออกเลื้อยไปอย่างรวดเร็ว

“เร็วเข้า!” ผู้นำฝั่งอินเดียตะโกนเสียงดังลั่น

เกาเฟิงซึ่งกำลังติดพันอยู่ใกล้ๆ กับงูปล้องดำก็คำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด “ตาย!”

เขาทุ่มพลังทั้งหมดเหวี่ยงค้อนในมือของเขาสุดแรงเกิด ค้อนใหญ่ยักษ์พุ่งทะยานราวกับกระสุนปืนใหญ่ มันพุ่งตรงไปยังหัวด้านซ้ายของงูปล้องดำอย่างรวดเร็ว งูปล้องดำก็เบี่ยงหัวซ้ายของมันหลบห่างออกไปด้วยความว่องไว หลัวเฟิงซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นเห็นเข้าจึงใช้พลังจิตของเขาควบคุมค้อนยักษ์นั้น ในทันใดนั้นค้อนยักษ์ก็เบนทิศทางเข้าปะทะกับงูปล้องดำอย่างรุนแรงที่สุด!

“ปัง!”

งูปล้องดำ 2 หัวเบนหัวหลบไปได้ก็จริงแต่ถึงกระนั้นค้อนยักษ์ก็พุ่งเข้าปะทะกับลำคอของมันแบบเต็มๆ!

ด้วยพลังอันสุดแรงของเกาเฟิงและพลังจิตของหลัวเฟิงซึ่งสนับสนุนเข้าไปอีก พลังปะทะของค้อนยักษ์นั้นจึงรุนแรงสุดขั้ว หัวด้านซ้ายของงูปล้องดำหมุนคว้างแล้วทิ้งดิ่งลงสู่พื้น แต่อึดใจนั้นเองมันก็ฟื้นสติคืนมาแล้วยกหัวขึ้นมาได้อีกครั้ง+

หลัวเฟิงฉีกยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น!

“ฉึก!” มีดปาสีดำทะยานขึ้นจากพื้น พุ่งตรงเข้าใส่งูปล้องดำแล้วเสียบเข้าที่หัวของมันอย่างจัง!

หัวข้างซ้ายของมันไม่ยกขึ้นมาอีกต่อไป

“ฉึก!” ไม้เท้าเหล็กของผู้นำฝั่งอินเดียพุ่งเข้าเสียบลูกตาของหัวด้านขวาของงูปล้องดำและทะลุทะลวงเข้าไปในหัวของมัน! งูปล้องดำขาดใจตายในทันที แต่กระนั้น ร่างอันใหญ่โตของมันก็ยังคงม้วนบิดเป็นเกลียวด้วยเส้นประสาทของสัตว์เลือดเย็น มันค่อยๆ เคลื่อไหวช้าลงและสงบลงในที่สุด!

“ฮ่าๆๆๆ” ผู้นำฝั่งอินเดียหัวเราะออกมาเสียงดัง

“สวยงาม…” เกาเฟิงกล่าวอย่างยินดีขณะที่เดินไปเก็บค้อนของเขา หลัวเฟิงก็ยิ้มออกมาเหมือนกันพลางเดินไปเก็บมีดปา

ตั้งแต่ต้นจนจบ ฝั่งนักสู้อินเดียวไม่เคยรู้ตัวเลยว่าอาวุธของพวกเขาถูกควบคุมโดยพลังจิต!

โดยเฉพาะช่วงสุดท้าย ที่หัวของงูปล้องดำร่วงลงกระแทกพื้น ก็เพราะมีดปาของหลัวเฟิงพุ่งขึ้นจากพื้นแล้วเสียบเข้าที่หัวของงูปล้องดำนั่นเอง

“สหาย…” ชายศีรษะล้านผู้นำนักสู้ฝั่งอินเดียยิ้มให้หลัวเฟิงกับเกาเฟิงแล้วกล่าวทักทาย “Good!”

“ท่านก็ไม่เลวเช่นกัน” หลัวเฟิงกล่าวพลางหัวเราะ เขารู้ว่าผู้นำอินเดียวคนนี้เดิมพันด้วยชีวิตในการโจมตีครั้งสุดท้าย แม้กระทั่งตอนนี้ใบหน้าของท่านผู้นำคนนี้ยังอาบโชกไปด้วยเลือด

“พวกนายครึ่งนึง พวกเราครึ่งนึง!” ท่านผู้นำกล่าว

หลัวเฟิงมองไปที่หัวด้านซ้ายของงูปล้องดำแล้วก็ยิ้มออกมา “แบ่งกันคนละซึกพอดีเลย”

ทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็รับรู้ถึงพลังของกันและกัน ทั้งทีมของหลัวเฟิงและทีมจากอินเดียต่างก็มีมือปืนคอยคุ้มกันอยู่จากระยะไกลเช่นกัน พวกเขาต่างทรงพลังพอๆ กัน ดังนั้น พวกเขาจึงรู้สึกยินดีกันทั้ง 2 ฝ่าย หลัวเฟิงกับเกาเฟิงเริ่มชำแหล่ะทางด้านหัวซ้ายของงูปล้องดำทันที!

และฝั่งอินเดียก็กำลังชำแหละทางด้านหัวฝั่งขวาเช่นกัน

“หลัวเฟิง มีดนายนี่มันโหดจริงๆ” เกาเฟิงกระซิบ

หลัวเฟิงหัวเราะขณะที่ดึงมีดเล่มสีดำออกมาจากหัวของงูปล้องดำ มันเป็นสิ่งที่พิชิตหัวทางฝั่งซ้ายของมันโดยแท้จริง

ทันใดนั้นเอง…

“หือ?”

หลัวเฟิงกับเกาเฟิงหันไปดูอย่างรวดเร็ว และนักสู้อินเดียวทั้ง 3 ก็หันไปดูเช่นกัน

นักสู้จำนวน 9 คนกำลังเดินตรงเข้ามาจากในระยะห่างออกไป ทั้งหมดแต่งชุดสีเหลือง เมื่อพวกนักสู้ 9 คนเดินเข้ามาและเห็นซากของงูปล้องดำ พวกเขาก็สามารถตีราคาได้ทันทีว่า…น่าจะหลายพันล้านหยวน ด้วยมูลค่าขนาดนี้จึงทำให้พวกเขาเกิดความโลภขึ้นมาทันที

“ได้โปรดไปห่างๆ!” ชายศีรษะล้านผู้นำฝั่งอินเดียพ่นภาษาจีนออกมา

“ใครจะไปคิดว่าเราจะมาเจอทีมเขี้ยวพยัคฆ์ที่นี่” เกาเฟิงเหลือบไปมองดูกลุ่มที่กำลังเคลื่อนเข้ามา

หลัวเฟิงมองอย่างเงียบๆ นอกจากบรรดาสมาชิกทั้ง 6 คนของทีมเขี้ยวพยัคฆ์แล้วยังมีนักสู้อีก 3 คน เป็นนักสู้ชราคนหนึ่ง ชายผิวขาวหน้าเหี้ยมคนหนึ่ง และเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่ง

“ฮ่าๆๆๆ เกาเฟิง เดี๋ยวนี้รวมทีมกับอินเดียแล้วรึ แต่พวกนายฆ่างูปล้องดำ 2 หัวที่หายากได้นี่นา” หัวหน้าทีมเขี้ยวพยัคฆ์หัวเราะอย่างเยือกเย็น “ถ้าพวกนายมีสมอง ก็จงหลีกไปซะ แล้วทีมสายฟ้าของพวกเราจะไว้ชีวิตพวกนาย ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือน…โอ้นี่ผู้อาวุโสหลิวหัวหน้าทีม และนี่คุณข่าหลงรองหัวหน้า”

ผู้อาวุโสหลิวคือนักสู้ชราคนนั้น ส่วนข่าหลงก็คือชายผิวขาวหน้าเหี้ยมนั่นเอง

หลัวเฟิงจ้องมองอย่างเยือกเย็น

“ฉันเพิ่งเคยมาที่เมือง 003 นี่เป็นครั้งแรก และนี่ก็เป็นเหยื่อของฉัน พวกนายไปซะ” เด็กหนุ่มในทีมกล่าวพลางฉีกยิ้ม

นักสู้ชรากับชายผิวขาวหน้าเหี้ยมยืนอยู่ 2 ข้างของเด็กหนุ่มขณะที่กวาดตามองกลุ่มของหลัวเฟิง

“ใครกล้าแย่งเหยื่อของฉัน…ตาย!” ผู้นำชาวอินเดียกล่าว นักสู้ 2 คนด้านข้างเขาเผยให้เห็นอาวุธสังหารมีดโค้งเพื่อเป็นการข่มขวัญ คิดว่าการฆ่างูปล้องดำ 2 หัวนั้นเป็นเรื่องง่ายงั้นหรือ นอกจากมันจะหายากแล้ว มันยังฆ่ายากมากๆ ด้วย

เกาเฟิงก็ถือค้อนคู่ของเขาและจ้องเขม็งอย่างน่ากลัว

“ถ้าพวกนายอยากจะปล้น ก็เข้ามาสิ” หลัวเฟิงขึ้นไปเหยียบบนหัวของงูปล้องดำและหัวเราะออกมาขณะที่จ้องมองไปยังกลุ่มนักสู้ที่อยู่ตรงหน้าเขา “ถ้าพวกเราฆ่างูปล้องดำ 2 หัวนี้ได้ แล้วกลุ่มพวกนายล่ะ…โอ้ใช่…ตอนนี้ สไนเปอร์ของเราเล็งหัวของพวกนายอยู่นะ!”

“สไนเปอร์ของพวกเราก็เล็งพวกนายอยู่เหมือนกัน!” นักสู้อินเดียผู้ใช้มีดโค้งกล่าวขึ้นเช่นกัน

“สไนเปอร์?”

พวกทีม 9 คนอดเงยหน้ามองดูไปรอบๆ ตามอพาร์ทเมนต์ไม่ได้ แต่พวกเขาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของใครเลย แต่เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถมองเห็น จึงทำให้พวกเขายิ่งระแวงมากขึ้นไปอีก ทีมเขี้ยวพยัคฆ์รู้ชัดอยู่แล้วว่าทีมค้อนอัคคีมีเฉินกู่เป็นมือสไนเปอร์ และทีมอินเดียนี้ก็คงจะไม่ขาดมือสไนเปอร์เหมือนกันแน่

……………….

[1] ระยะห่าง 7 นิ้ว มาจากสำนวน 7 ชุ่น แปลตรงตัวคือ ตีงูต้องตีให้แม่นในตำแหน่งที่หลังหัว 7 ชุ่น(นิ้ว) งูถึงจะสยบทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!