ตอนที่ 75 ทนไม่ไหวแล้ว
หลัวเฟิงวิ่งทะยานไปอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเขาก็พุ่งเข้าหลบอยู่หลังกำแพงกะทันหัน เขารอให้พวกสัตว์ประหลาดที่กำลังหิวโหยเดินผ่านไปหมดแล้วเขาจึงเคลื่อนที่ต่อไป!
เขากวาดดูพื้นที่ด้วยพลังจิตของเขา หลัวเฟิงสามารถประเมินได้อย่างถูกต้องว่าข้างหน้ามีอันตรายหรือไม่
“หลังนี้แหละ!” ราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ หลัวเฟิงพุ่งทะยานเข้าไปที่หน้าต่างของชั้นที่ 3 ของบ้านหรูหลังหนึ่ง
เนื่องจากไม่มีคนอยู่อาศัยมาหลายสิบปี ห้องนี้จึงมีฝุ่นเกรอะกรังเต็มไปหมด แต่อย่างไรก็ตาม เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัวต่างๆ ก็ยังคงเหลือทิ้งไว้ให้ได้เห็น แต่ทว่าแตกหักกระจัดกระจายเกลื่อนกลาดไปหมด หลัวเฟิงพลิกเสื่อฝุ่นเกรอะผืนหนึ่งขึ้น เนื่องจากด้านที่อยู่ติดพื้นสะอาดกว่า พอทำความสะอาดเล็กๆ น้อย เขาก็สามรถใช้มันเป็นที่นอนได้อย่างดี
หลังจากวางกระเป๋าลงแล้ว หลัวเฟิงก็หยิบกล้องส่องทางไกลออกมาและเดินไปที่หน้าต่างทางทิศเหนือ
หน้าต่างหนาเตอะไปด้วยฝุ่นจนดูเป็นสีดำ หลังจากที่เปิดหน้าต่างออกมานิดหนึ่ง หลัวเฟิงก็ยกกล้องขึ้นมาส่องดูไปทางทิศเหนือ ตำแหน่งปัจจุบันของเขาคือส่วนในของเมืองในฝันว่านเคอ จากที่นี่ เขาสามารถมองเห็นร้านเหล้าจิ่นเจียงที่อยูทางทิศเหนือได้อย่างชัดเจน
เขายังสามารถมองเห็นถนนที่อยู่ด้านหน้าร้านเหล้านั้นได้อีกด้วย เพราะระยะห่างเพียงแค่ 2 ไมล์จากที่เขาอยู่ ด้วยสาตาเปล่าอันเฉียบคมของหลัวเฟิง เขาแทบไม่จำเป็นต้องใช้กล้องส่องทางไกลเพื่อมองดูเหตุการณ์บนถนนด้วยซ้ำ แต่ด้วยกล้องส่องทางไกลจึงทำให้เขามองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนมากขึ้น
“จิ่นเจียง” หลัวเฟิงยืนส่องดูที่หน้าต่างอย่างเงียบๆ
5 นาทีผ่านไป
“หือ?” หลัวเฟิงแสดงสีหน้ายินดี “ตึกนั้นนี่เอง”
ผ่านกล้องส่องทางไกล หลัวเฟิงสามารถมองเห็นชาย 2 คนกำลังยืนอยู่บนดาดฟ้าของร้านเหล้าขนาด 6 ชั้นซึ่งห่างออกไป 5 ไมล์นั้น พวกเขาทั้ง 2 กำลังใช้กล้องส่องทางไกลส่องลาดตระเวนอยู่ และ 2 คนนั้นก็คือ จางเจ๋อหู่และมือปืนนามว่าหลีเสี่ยว
“ต้องรอโอกาส” หลัวเฟิงวางกล้องลง…วันสังเกตการณ์ของเขาก็เริ่มขึ้นแล้ว
………………
ขณะนั้นเอง ภายในร้ายเหล่าจิ่นเจียง
หัวหน้าทีมเขี้ยวพยัคฆ์เอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็น “พยัคฆ์…อาเสี่ยว…ดูให้ดีๆ นะ! พวกเราต้องหาที่ซ่อนของพวกนั้นให้ได้! พวกมันมีเฉินกู่เป็นมือสไนเปอร์ เพราะงั้นพวกมันน่าจะต้องกบดานกันอยู่บนตึกสูงแน่! พวกนายลองสังเกตบนตึกสูงๆ ดูแล้วกัน”
“ครับหัวหน้า” จางเจ๋อหู่และหลีเสี่ยวยืนบนดาดฟ้าและใช้กล้องส่องไปดูตามตึกสูงต่างๆ ที่อยู่ในเมืองในฝันว่านเคอ
“พานย่า ข้อมูลที่นายบอกฉันเกี่ยวกับทีมค้อนอัคคีนั่นถูกต้องแน่นะ?” นักสู้ชราผมสีดอกเลาขมวดคิ้ว
หัวหน้าทีมเขี้ยวพยัคฆ์กล่าวสำทับมา “แน่นอนที่สุดครับ ข้อมูลนี้ถูกต้องที่สุด…มีแต่ข้อมูลของหลัวเฟิงเท่านั้นที่เปลี่ยน มันถูกจับตาโดยสำนักขีดสุดเพราะมีพรสวรรค์สุดยอด ตอนนี้พลังของมันเข้าถึงระดับแม่ทัพขั้นต้นไปแล้ว”
“โอเค”
นักสู้ชราพยักหน้า “ถ้างั้น พานย่า…นายอบกฉันละกันถ้าพบที่ซ่อนของพวกมันแล้ว”
“ครับ” หัวหน้าทีมเขี้ยวพยัคฆ์ตอบยิ้มๆ
โชคไม่ดีนัก ทีมเขี้ยวพยัคฆ์ไม่สามารถเห็นแม้แต่เงาของทีมค้อนอัคคีด้วยซ้ำจนกระทั่งรุ่งสาง
“คุณชาย ตามแผนแล้ว เป้าหมายวันนี้ของคุณชายก็คือสัตว์ประหลาดระดับบัญชาการขั้นต่ำ มีพลังมากแต่มีความเร็วต่ำ ถึงตอนนั้นข่าหลงกับผมจะไม่ช่วยนะครับ” ชายชราแซ่หลิวกล่าวยิ้มๆ ส่วนเด็กหนุ่มก็หัวเราะ “ได้…ท่านกับข่าหลงคอยดูก็พอ ผมดูแลตัวเองได้”
ชายผิวขาวยิ้มออกมาบางๆ เช่นกัน
“พานย่า” ชายชราแซ่หลิวหันกลับมาสั่งการ “ลูกน้องนาย 2 คนที่เฝ้ายามเมื่อคืนนี้อนุญาตให้นอนได้นะ ส่วนที่เหลือไปกับพวกเรา”
“ครับ” หัวหน้าทีมเขี้ยวพยัคฆ์พานย่ารับคำยิ้มๆ
ในตอนนี้ ทีมเขี้ยวพยัคฆ์ประกอบด้วยแม่ทัพขั้นกลาง 2 คนและแม่ทัพขั้นต้นอีก 4 คน!
“หัวเหล็ก…อาตง…เมื่อคืนพวกนาย 2 คนเฝ้ายามแล้ววันนี้พักก่อนก็ได้นะ” พานย่าสั่งการ การปกป้องคุณชายเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ดังนั้น โดยปกติแล้วสมาชิกที่จะถูกทิ้งไว้เบื้องหลังก็จะเป็นพวกที่อ่อนแอที่สุด 2 คน…และแน่นอน 2 คนที่ว่านี้เป็นถึงระดับแม่ทัพขั้นต้น
วันนี้เป็นหัวเหล็กและอาตง พรุ่งนี้ก็จะเป็นพยัคฆ์และอาเสี่ยว หมุนเวียนกันไป
“รับทราบครับ” หัวเหล็กและอาตงซึ่งกำลังนั่งเช็ดปืนอยู่ยิ้มออกมา
“ไปกันเถอะ” นักสู้ชราแซ่หลิวสั่งการ
เด็กหนุ่ม ชายชราแซ่หลิว ชายผิวขาวหน้าเหี้ยม และสมาชิกทีมเขี้ยวพยัคฆ์อีก 4 คน รวมทั้งหมด 7 คนเดินทางออกจากร้านเหล้านั้น ทิ้งหัวเหล็กและอาตงไว้เบื้องหลัง
“แม่ง มีพ่อมีอำนาจนี่มันดีจริงๆ” หัวเหล็กโพล่งออกมา “แค่มาหัดต่อสู้กับสัตว์ประหลาด ถึงกับต้องใช้แม่ทัพขั้นสูงตั้ง 2 คนคุ้มกัน แค่นั้นยังไม่พอยังต้องจ้างทีมคุ้มกันเพิ่มด้วยอีก ถ้าฉันมาที่นี่ตอนอายุเท่าเขา ฉันคงต้องแลกทุกอย่างกับชีวิตเลยล่ะมั้ง”
อาตงหัวเราะ “มันจะไปเทียบกันได้ยังไง? นายไม่ได้ยินที่เขาพูดรึไง…ผู้อาวุโสหลิวน่ะ เขาพูดซะเคารพนบนอบเชียว…’คุณชาย เป้าหมายวันนี้คือระดับบัญชาการขั้นต่ำ มีพลังมากและมีความเร็วต่ำ’ ให้ตาย…ขนาดชุดฝึกยังจัดให้อย่างดีเลย! ตัวไหนฆ่าก่อน ตัวไหนฆ่าทีหลัง! หึๆ”
ในสถานที่อันตรายอย่างแดนเถื่อน
นักสู้มีสิทธิ์เลือกที่ไหน!
ถ้าต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่ทรงพลังสามารถตะโกนบอกได้หรือว่า ‘ฉันไม่อยากสู้กับตัวนี้’ ถ้าไม่สามารถสู้ได้ สัตว์ประหลาดก็จะไล่ล่าและบีบให้ต้องต่อสู้ด้วยตัวเอง
“แต่คุณชายนั่นไม่เหมือนกัน ถ้าเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดทรงพลัง ผู้อาวุโสหลิวก็จะเข้าไปจัดการให้แทน พวกเขาจะคอยคัดเลือกเฉพาะสัตว์ประหลาดระดับบัญชาการขั้นต่ำให้กับเด็กหนุ่มนั่นใช้ฝึก” หัวเหล็กหัวเราะพลางส่ายหัว
…………..
หลัวเฟิงตื่นแต่เช้ามารอสังเกตการณ์…ทันใดนั้นเขาก็เห็นสมาชิกทั้ง 7 คนของทีมสายฟ้าเคลื่อนออกมาจากร้านเหล้านั้น
“7 คน? ไม่ใช่ว่ามี 9 คนเหรอ?”
หลัวเฟิงคิดได้อย่างรวดเร็ว “อีก 2 คนจะต้องอยู่เฝ้าที่ร้านแน่!”
หลัวเฟิงรู้จักพลังของเขาดี
การปะทะกับ ‘นักสู้ระดับแม่ทัพขั้นกลาง’ เขาสามารถจัดการกับพวกมันได้อย่างแน่นอน แต่ก็ยากจะบอกได้ว่าจะเป็นยังไง หากเขาต้องเผชิญหน้ากับ ‘นักสู้ระดับแม่ทัพขั้นสูง’ บางทีเขาอาจจะจัดการกับศัตรูได้หากเขาเข้าโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ถ้าล้มเหลว…ก็อาจจะเกิดปัญหาได้เพราะในการต่อสู้จริง แม่ทัพขั้นสูงหลบหนีจากกระสุนปืนไรเฟิลได้ด้วยซ้ำ
ปฏิกิริยาโต้ตอบของนักสู้ระดับแม่ทัพขั้นสูงนั้นเร็วมาก
“สมาชิกทั้ง 9 ของทีมสายฟ้า ชายผิวขาวและชายชราแซ่หลิวนั่นดูเหมือนจะเป็นแม่ทัพขั้นสูง พวกเขาไม่ได้ทะนงตัวนักและก็ไม่ได้พยายามปล้นซากงูของเราด้วย เราคนเดียวจะบุกเข้าจัดการกับพวกมัน 9 คนแบบไม่ทันตั้งตัว! ถ้าโชคดีก็อาจจะสำเร็จ แต่ถ้ามีใครซักคนแหกปากร้องบอกคนที่ฐานผ่านทางนาฬิกาสื่อสารได้ แบบนั้นเราต้องมีปัญหาใหญ่แน่”
หลัวเฟิงรู้สถานะของเด็กหนุ่มนั่นจากคำพูดของนักสู้ชราและชายผิวขาวที่เรียกเขาว่า ‘คุณชาย’….
ถ้าให้เดาเบื้องหลังของเด็กหนุ่มนั่นต้องน่ากลัวแน่ๆ!
บุคคลที่สามารถใช้แม่ทัพขั้นสูงเป็นบอดี้การ์ดได้ ขาใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังของเขาอย่างน้อยๆ จะต้องเป็นถึงระดับเทพสงคราม! หรือบางทีอาจจะสูงกว่าเทพสงครามก็เป็นได้!
“ตอนนี้มีแค่ 2 คนที่อยู่ในร้านเหล้า จัดการมันเลยดีไหม?”
หลัวเฟิงลังเลเล็กน้อย และก็ตัดสินใจได้
“ไม่ได้สิ ถ้าเราฆ่า 2 คนนั้น พวกที่เหลือจะต้องระแวดระวังมาก อยากจัดการหัวหน้าทีมกับจางเจ๋อหู่มันจะยิ่งยากเข้าไปอีก
อดทนไว้
“ไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีโอกาส!”
…………….
ผ่านมาหลายวัน ทีมสายฟ้ายังหาทีมค้อนอัคคีไม่พบและหลัวเฟิงก็ยังไม่มีโอกาสเหมาะในการโจมตี! ทุกครั้งที่ทีมสายฟ้าออกไปข้างนอก จะมีคนเพียง 2 คนที่เฝ้ายามในตอนกลางคืนรออยู่ที่ร้าน ซึ่งจะเวียนไประหว่างหัวเหล็กกับอาตง และพยัคฆ์กับอาเสี่ยวสลับกันไป
วนไปจนกระทั่ง…
หลัวเฟิงรอคอยไปเต็มๆ 9 วัน!
“บ้าจริง!”
“เคร่งเกินไปแล้ว!” หลัวเฟิงหัวเสีย “ทีมสายฟ้าเป็นแค่พี่เลี้ยงของเด็กหนุ่มนั่นชัดๆ!”
ไม่เพียงแต่หลัวเฟิงจะคอยสังเกตการณ์ที่ร้านเหล้านั้น แต่เขายังคอยดูทั้ง 7 คนที่ออกไปล่าข้างนอกมาหลายวันแล้ว เขาพยายามหาจังหวะที่ทีมเขี้ยวพยัคฆ์แยกตัวจากชายชราและชายผิวขาวคนนั้น
แต่ยังไม่ได้โอกาสเลยสักครั้ง!
ทีมสายฟ้าคอยเฝ้าปกป้องเด็กหนุ่มไม่ยอมห่างออกไปไหน เป็นเหตุให้หลัวเฟิงไม่สบโอกาเลย
วันที่ 10!
“ถ้าเรายังรออยู่อย่างนี้ เกรงว่าพวกมันเดินทางกลับเข้าเมืองเราก็จะไม่มีโอกาสเลย! รอไม่ได้อีกแล้ว!”
หลัวเฟิงขบกรามแน่น ตาของเขาเป็นประกายน่ากลัว
“วันนี้เป็นวันที่ 10 จางเจ๋อหูกับมือปืนหลีเสี่ยวน่าจะอยู่เป็นยามเฝ้าร้าน…จางเจ๋อหู่ หึ…วันนี้พวกแกไม่รอดแน่!”
…………..
ณ ร้านเหล้าจิ่นเจียง
“พยัคฆ์…อาเสี่ยว พวกนายไม่ได้นอนมาทั้งคืน นอนพักกันได้แล้ว” หัวหน้าทีมเขี้ยวพยัคฆ์กล่าวยิ้มๆ
“ครับ หัวหน้า”
จางเจ๋อหู่กับหลีเสี่ยวรับคำยิ้มๆ
“ไปกันเถอะ”
ด้วยคำสั่งของผู้อาวุโสหลิว ทีมเขี้ยวพยัคฆ์และคนอื่นๆ ก็ออกเดินทาง ทั้งหมดรวม 7 คนเคลื่อนออกจากร้านไป เมื่อเห็นทั้ง 7 คนออกไปแล้ว หลัวเฟิงก็ขยับออกมาจากจุดของตัวเองแล้วเคลื่อนไปตามถนนมุ่งหน้าไปยังร้านเหล้าแห่งนั้น