ตอนที่ 77 จัดฉาก
หลัวเฟิงวิ่งลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว เขาตรงดิ่งไปที่ทางเข้าตรงชั้นแรก
“หือ?” หลัวเฟิงมองไปรอบๆ
“ไม่ค่อยมีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ๆ เลยแฮะ บ้าจริง”
หลัวเฟิงขมวดคิ้วขณะที่เหลือบไปเห็นสัตว์ประหลาดอยู่สองสามตัวในบริเวณนั้น และมันมีไม่มากพอ สำหรับแผนการของเขา เขาต้องการหลอกสมาชิกที่เหลืออีก 7 คนของทีมสายฟ้าว่าจางเจ๋อหู่และหลีเสี่ยวถูกสัตว์ประหลาดฆ่าตาย
หลัวเฟิงลองวิ่งดูไปตามตรอกซอกซอยรอบบริเวณนั้น หลังจากออกไปรอบนอกเขาก็เหลือบไปเห็นพวกหมูป่าเขาเดียวฝูงใหญ่ มีอย่างน้อยเป็นร้อยตัว ถ้านักสู้ทั่วๆ ไปเห็นแบบนี้ก็ยังหนีไม่ทัน แต่หลัวเฟิงกลับเผยรอยยิ้มออกมา
“เอาพวกนี้แหละ” หลัวเฟิงพุ่งตรงเข้าไปหาพวกมันอย่างรวดเร็ว
“โฮ่ว์…”
หมูป่าสองสามตัวเริ่มรู้สึกได้ว่ามีมนุษย์ย่างกรายเข้ามา มีตัวหนึ่งร้องคำรามลั่น ตัวที่เป็นหัวหน้าฝูงนั่นเอง! ทันใดนั้น ทั้งฝูงของมันก็หันมาพุ่งเข้าใส่หลัวเฟิงอย่างบ้าคลั่ง ถนนทั้งบริเวณนั้นสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นขึ้นในบัดดล
ครืน…ฝูงหมูป่าเขาเดียวพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว!
“บ้าจริง…ว่าจะฆ่าซักสองสามตัวก่อน ไม่นึกว่ามันยั่วง่ายขนาดนี้” หลัวเฟิงหันหลังกลับแล้วออกวิ่งทันที เขาตรงดิ่งเข้าไปในซอยที่เพิ่งผ่านมา
ครืน…
ซอยนั้นค่อนข้างกว้าง ดังนั้น หมูป่าจึงสามารถวิ่งตีคู่เข้ามาได้พร้อมๆ กัน หลัวเฟิงรีบวิ่งตรงไปข้างหน้า ในขณะที่ฝูงหมูป่าก็วิ่งไล่กวดกันมาอย่างบ้าคลั่งทางเบื้องหลังของเขา
“ฉัวะ!”
“ฉัวะ!”
เงาดำ 2 เงาบินโฉบเป็นวงกลมและบินกลับมาหาหลัวเฟิง หมูป่า 2 ตัวที่กระชั้นเข้ามาสิ้นใจในทันที และอีกตัวที่อยู่ข้างหลังพวกมันก็ถูกมีดเฉือนเป็นแผลขนาดใหญ่ ในตอนนี้พวกมันต่างก็ร้องคำรามลั่นอย่างดุร้าย ชัดเจนว่าพวกมันยิ่งเดือดดาลมากขึ้นกว่าเดิมอีก
“ยิ่งโกรธก็ยิ่งดี!” หลัวเฟิงวิ่งเข้าไปในร้านเหล้าและขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว
ครืน…
พวกหมูป่าก็วิ่งไล่ตามเขาขึ้นไปชั้นบนอย่างบ้าคลั่ง คอนกรีตที่ใช้ทำบันไดคุณภาพดีเยี่ยม แม้จะผ่านไปหลายสิบปี มันก็ยังสามารถรับน้ำหนักมหาศาลของฝูงหมูป่าที่กำลังวิ่งเหยียบขึ้นไปอย่างบ้าคลั่งได้ หลัวเฟิงตั้งใจทิ้งระยะห่างประมาณ 10 เมตร และพาพวกมันตรงดิ่งขึ้นไปยังเป้าหมาย…ชั้นที่ 6 !
หลังจากถึงชั้น 6 ด้วยการใช้พลังจิตของเขา ดาบใหญ่ของจางเจ๋อหู่และปืนกลของหลีเสี่ยวก็เริ่มล่องลอยไปมา ปืนกลอันนั้นลากแม้กระทั่งสายพานกระสุนของมันติดมาด้วย
ปืนกลกับดาบใหญ่ลอยมาอยู่ตรงหน้าของหลัวเฟิง
“โฮ่ว์…” สัตว์ประหลาดหลั่งไหลขึ้นมาที่ชั้น 6 ราวกับน้ำหลาก พวกมันต่างก็พุ่งเข้ามาหาหลัวเฟิงอย่างบ้าคลั่ง
“มาเลย!”
หลัวเฟิงจ้องด้วยแววตาอันบ้าเลือด พลังจิตของเขาเข้าเหนี่ยวไก ห่ากระสุนจากปืนกลก็สาดออกไปอย่างบ้าคลั่ง ฝูงหมูป่ายังคงพุ่งเข้ามาอย่างทรหด ห่ากระสุนอันบ้าคลั่งไม่อาจแม้แต่จะหยุดพวกมันเอาไว้ได้เลย!
ฉัวะ! ฉึก!
ดาบใหญ่เริ่มกวัดแกว่งไปรอบๆ เช่นกัน ฟาดฟันหมูป่าตัวแล้วตัวเล่า หลายตัวล้มกระแทกฝากำแพงอย่างรุนแรง
ครืน…
กำแพงห้องเริ่มแตกร้าวจากการถูกกระแทกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยห่ากระสุนอันบ้าคลั่งและดาบใหญ่ที่กวัดแกว่ง พวกหมูป่าเขาเดียวต่างล้มตายลงเป็นจำนวนมาก ทั่วโถงทางเดินนั้นเด็มไปด้วยซากศพของพวกมันเกลื่อนไปหมด
“โฮ่ว์…” เสียงคำรามด้วยความโกรธดังลั่น
หมูป่าเขาเดียวตัวมหึมาขนสีเงินลายจุดดำปรากฏตัวขึ้น
แต่ทว่า…ดาบใหญ่และปืนกลตกลงอยู่ข้างๆ ซากศพของพวกมันที่นอนเกลื่อนอยู่ แล้วหลัวเฟิงก็กระโดดผึงออกไปจากหน้าต่างทางฝั่งเหนือในทันที!
วูบ!
หลัวเฟิงโดดลงมาอย่างรวดเร็ว และใช้พลังจิตของเขาควบคุมสนับแขนทำให้เขาชะลอลงเมื่อจะถึงพื้น หลัวเฟิงร่อนลงบนหลังคาของตึกสูง 2 ชั้นที่อยู่ใกล้ๆ จากนั้นวิ่งตรงเข้าไปยังตรอกหนึ่ง แล้วหายลับไปอย่างรวดเร็ว
……………..
“โฮ่ว์…”
ฝูงหมูป่าซึ่งตายไปแล้วหลายสิบตัวต่างเบียดเสียดกันอย่างหนาแน่นอยู่ภายในร้านเหล้านั้น ตัวที่ยังไม่ตายพลางสอดส่ายสายตาหามนุษย์ที่ฆ่าพวกของมัน พวกมันไม่เห็นมนุษย์เป็นๆ แต่กลับเห็นศพ 2 ศพที่นอนนิ่งอยู่บริเวณนั้น พอเห็นดังนั้นพวกมันต่างก็กรูกันเข้าไปขย้ำ 2 ร่างนั้นอย่างบ้าคลั่ง
สำหรับหมูป่าเขาเดียว เนื้อมนุษย์เป็นอาหารอันโอชะดีๆ นี่เอง
ไม่เพียงเท่านั้นพวกมันยังพากันเข้าฉีกทึ้งซากศพของพวกเดียวกันด้วย! สำหรับสัตว์ประหลาดที่มีชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายแบบนี้ พวกมันหามนุษย์กินได้ยากมาก ฉะนั้น พวกมันส่วนใหญ่ต่างก็กินซากสัตว์อื่นเป็นอาหาร…โดยเฉพาะกับพวกที่ดุร้าย การกินซากศพพวกเดียวกันนั้นยิ่งเป็นเรื่องธรรมดามากๆ
ไม่ว่าจะเป็นศพมนุษย์หรือศพหมูป่า ทั้งหมดต่างกลายเป็นซากกองกระดูกอย่างรวดเร็ว
…………
หลัวเฟิงย้อนกลับมาที่พักแล้วคอยแอบดูเงียบๆ
“พวกที่เหลืออีก 7 คนน่าจะกลับมาอีกราวๆ 2 ชั่วโมง”
…และแล้วหลัวเฟิงก็เห็น 7 คนนั้นเดินทางกลับมา “เอาล่ะเดี๋ยวพวกแกก็ได้ยินเสียงร้องคำรามดังไปทั่ว การต่อสู้เพิ่งจะเกิดขึ้น…ทีมสายฟ้าเกือบจะมาถึงแล้ว ถ้าไม่ได้ยินก็คงจะแปลกล่ะ”
…………..
ที่ด้านหน้าของร้านเหล้า สมาชิก 7 คนของทีมสายฟ้ากำลังคุยกันเฮฮาขณะที่เดินกลับที่พัก
“ดาบของคุณชายสุดยอดจริงๆ ทะลวงคอหอยของ ‘หมาป่าลมกรด’ ระดับบัญชาการตัวนั้นอย่างสวยงามทีเดียว” หัวหน้าทีมเขี้ยวพยัคฆ์กล่าวชม แต่ทันใดนั้นเขาก็ต้องแข็งค้างไป
“หือ?”
หัวหน้าทีมเขี้ยวพยัคฆ์มองเข้าไปด้านในของร้านเหล้าและทุกคนที่เหลือก็พลอยมองตามไปด้วย
“กลิ่นคาวเลือด” นักสู้ชราหัวหน้าทีมเดินเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว ทุกคนก็ตามเข้าไปเช่นกัน
“กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปหมดเลย”
“มีศึกใหญ่เกิดขึ้นที่นี่ สัตว์ประหลาดสองสามตัวคงไม่ทำให้คาวคลุ้งแบบนี้แน่” หัวหน้าทีมเขี้ยวพยัคฆ์ขมวดคิ้ว
ชายตาเดียวที่อยู่ข้างๆ เขารีบกดนาฬิกาสื่อสารและตะโกนใส่ทันที “พยัคฆ์…อาเสี่ยว! พยัคฆ์…อาเสี่ยว ตอบด้วย เกิดอะไรขึ้น?”
สีหน้าของสมาชิกทีมเขี้ยวพยัคฆ์เปลี่ยนไปทันที
“หัวหน้าครับ พวกเขาไม่ตอบ” ชายตาเดียวมองหน้าหัวหน้าของเขา
“พวกเขาอาจจะไม่ได้ยิน” ชายหัวล้านโพล่งออกมา
นักสู้มักจะรับรู้สิ่งต่างๆ ได้ดี แล้วพวกเขาจะไม่ได้ยินได้ยังไง!
หัวหน้าทีมเขี้ยวพยัคฆ์กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “ไปดูข้างบนกัน”
“ไป ไปดูกันเร็ว” นักสู้ชราแซ่หลิวสั่งการ
ชั่วพริบตาพวกเขาก็มาถึงหน้าบันไดทางขึ้น แต่หลังจากที่เห็นสภาพที่อยู่ตรงหน้า สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ชัดเจนว่าบันไดเพิ่งจะถูกเหยียบย่ำจากฝูงสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ คอนกรีตที่เป็นบันไดถึงกับมีรอยแตกร้าวให้เห็น
“ทุกคนระวังตัวด้วย”
ทั้ง 7 คนเคลื่อนขึ้นไปอย่างช้าๆ
แม้ว่าจะเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ แต่พวกเขาก็ขึ้นมาถึงชั้น 6 ในเวลาไม่นาน
“หือ?”
ทั้ง 7 คนถึงกับสูดหายใจลึก ทั่วทั้งชั้น 6 ดูยุ่งเหยิงไปหมด ฝาผนังห้องต่างๆ แตกร้าว ตามพื้นก็เต็มไปด้วยเลือด และกองกระดูกมากมาย ทั้งหมดนั้นเป็นกองกระดูกสัตว์ประหลาด
ทุกคนใจเต้นระทึก พวกเขารู้แล้วว่า…จางเจ๋อหู่กับหลีเสี่ยวคงไม่โชคดีแล้วในวันนี้
“ดูนั่น มีรูกระสุนตรงฝาผนัง”
“ปลอกกระสุนเต็มพื้นไปหมด อาเสี่ยวน่าจะใช้ปืนกลเพื่อหยุดพวกมัน น่าเศร้าที่พวกมันมีมากเกินไป”
ทุกคนค้นหาอย่างรวดเร็ว
อึดใจต่อมา ทุกคนก็เห็นชุดต่อสู้ที่ฉีกขาด มีดดาบอันบิดเบี้ยว ปืนกลที่หักกระจาย และกองกระดูกของมนุษย์
“ดาบของพยัคฆ์ และปืนของอาเสี่ยว”
“นี่ชุดของพวกเขา…”
ชุดต่อสู้นั้นทนทานมาก แม้จะถูกขย้ำจนเหมือนผ้าขี้ริ้วแต่ก็ยังไม่ถึงกับเป็นชิ้นๆ พวกเขารู้ได้ทันทีว่าเป็นชุดของจางเจ๋อหู่และหลีเสี่ยว
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง?” ชายหัวล้านขบกรามแน่น “พยัคฆ์กับอาเสี่ยวอยู่ในห้องนี้ แล้วพวกเขาโชคร้ายเจอฝูงกระหายเลือดพวกนี้ได้ยังไง?”
“ไป ลงไปข้างล่างกัน!” นักสู้ชราสั่งการทันที
“ลงไปข้างล่าง?” ชายตาเดียว ชายหัวล้าน กับอาตงต่างอึ้งไป แล้วพวกเขาก็เริ่มเคืองขึ้นมาตงิดๆ
หัวหน้าทีมเขี้ยวพยัคฆ์ขมวดคิ้วขณะที่ออกคำสั่ง “เอาล่ะ รวบรวมสิ่งที่เหลือของพวกเขาแล้วลงไปกัน!”
เพราะเป็นคำสั่งของหัวหน้า พวกเขาจึงไม่กล้าขัดขืนแต่อย่างใด
…………….
อึดใจต่อมา ทั้ง 7 คนก็มาอยู่ในล็อบบี้ชั้นที่ 1
“ทุกคนน่าจะรู้กันดี” หัวหน้าทีมเขี้ยวพยัคฆ์ ‘พานย่า’ กล่าวแผ่วเบา “พยัคฆ์กับอาเสี่ยวเฝ้าที่นี่อย่างระมัดระวัง ถึงแม้ว่าฝูงสัตว์ประหลาดจะกรูกันเข้ามาในร้านเหล้าแห่งนี้พวกเขาก็จ่าจะมีโอกาสหนีรอดมากกว่า 50%! ต่อให้พวกเขาจะหนีไม่รอด ก็น่าจะติดต่อเราไปเพื่อแจ้งอันตรายครั้งนี้ได้!”
สีหน้าของสมาชิกดูครุ่นคิดจากนั้นพวกเขาก็พยักหน้า
“จริง” นักสู้ชราพยักหน้าแล้วกล่าว “มันมีพิรุธเพราะ 2 คนนั้นไม่ติดต่อเราก่อนที่จะตาย เพราะงั้นเกรงว่าจะมีคนจงใจจัดฉากเรื่องนี้และอาจคอยดักฟังอยู่ ฉันเลยเรียกพวกเราลงมาเพื่อคุยกันข้างล่าง”
สมาชิกทีมเขี้ยวพยัคฆ์ได้รู้จึงรู้สึกเคารพนักสู้ชรามากขึ้น
สามารถประเมินสถานการณ์และตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เห็นได้ชัดว่านักสู้ชราคนนี้มีประสบการณ์มากแค่ไหน
“นั่นคือความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งก็คือ…สัตว์ประหลาดระดับบัญชาการ! พอพวกมันเห็นร่องรอยของพวกเขา 2 คน พวกมันก็แอบเข้ามาโจมตี สัตว์ประหลาดจำนวนมากกรูกันขึ้นไปด้านบน…ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินแบบนั้น ทั้งคู่อาจจะไม่มีโอกาสติดต่อเราก็เป็นได้” นักสู้ชราแซ่หลิวกล่าวสำทับ
สมาชิกทีมเขี้ยวพยัคฆ์ต่างก็มองหน้ากันไปมา
เด็กหนุ่มทำสีหน้าเป็นกังวล แล้วนักสู้ชราก็หัวเราะออกมาพลางกระซิบบอก “ไม่ต้องกังวลหรอกคุณชาย ถึงจะมีคนจัดฉากเรื่องนี้จริง เขาคงไม่ได้พุ่งเป้ามาที่คุณชายหรอก เทพสงครามจะไม่จัดฉากแบบนี้แน่ และพวกแม่ทัพก็คงไม่กล้ามายุ่งกับคุณชายอยู่แล้ว”
“ผู้อาวุโสหลิว เพื่อความปลอดภัยของคุณชาย พวกเราน่าจะกลับไปเมืองกันก่อนนะครับ” หัวหน้าทีมเขี้ยวพยัคฆ์ ‘พานย่า’ กล่าว