Skip to content

Swallowed Star 9

ตอนที่ 9 สิทธิพิเศษของนักสู้

“เหยียนหลัวพูดถูกแล้ว!” เจียงเหนียนมองดูหลัวเฟิงแล้วกล่าว อย่างจริงจัง “หลัวเฟิงเธอมีความเร็วที่สูงมากทีเดียว บางทีในสำนัก ขีดสุดแห่งเขตอี๋อันของเรา เธออาจจะเป็นนักเรียนที่มีความเร็วสูงสุดเลยก็ได้ เธอเข้ามาฝึกในสำนักของเราตั้งแต่อายุ 16 ตอนนี้ เธออายุ 18 และเธอก็บรรลุเข้าถึงขั้นนักสู้แล้ว ถ้าเธอเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย เธอก็จะสูญเสียพลังและสูญเสียเวลาถึงสี่ปีอยู่ที่นั่น นั่นมันก็เหมือนโดนปล้นชัดๆเลย!

เธอต้องรู้ว่า ตั้งแต่อายุ 16 ไปจนถึงอายุ 30 คือช่วงที่พัฒนาได้เร็วสุด ยิ่งแก่ก็ยิ่งฝึกยากนะ” เจียงหนานกล่าวอย่างจริงจัง

เวลาสี่ปีที่มหาวิทยาลัยเป็นช่วงเวลาที่นักสู้พัฒนาความเร็วได้ ง่ายที่สุดอย่างแน่นอน

ฉะนั้นการเสียเวลาถึงสี่ปีเพื่อเรียนโนโรงเรียน ในมุมมองของนักสู้แล้ว นั่นคือความผิดพลาดอันใหญ่หลวงทีเดียว

“เอ่อ…” หลัวเฟิงชะะงักไปเล็กน้อย

พระเจ้า ดูเหมือนความล้มเหลวในการสอบของเราจะไม่ได้ เลวร้ายสินะ

“หลัวเฟิง เมื่อเธอเป็นนักสู้อย่างเป็นทางการแล้ว เธอจะว่ายังไง เรื่องการเข้าร่วมกับทางสำนักของเรา?” เจียงเหนียนยิ้มให้ “หาก

เธอเป็นนักสู้ให้กับทางสำนักเรา ทางสำนักก็จะมอบคฤหาสน์เดี่ยว ให้กับเธอทันที แน่นอน เป็นราคาที่เธอซื้อมันไม่ได้แน่ และเธอก็จะ ได้รับเงินอย่างน้อยประมาณ 2 หมื่นหยวนเลยล่ะ”

“คฤหาสน์เดี่ยว? เงินเดือน 2 หมื่นหยวน?” หลัวเฟิงสูดหายใจลึก

2 หมื่นหยวนอาจไม่ใช่เงินมากมายนัก แต่คฤหาสน์เดี่ยวนี้แพงสุดๆ เลยล่ะ

ณ ปัจจุบันนี้ ประเทศจีนมีฐานมนุษยชาติเพียงหกแห่งเท่านั้น หรือพูดง่ายๆ คือมี 6 นครใหญ่เท่านั้น ที่ดินเป็นสิ่งที่แพงและล้ำค่า มากที่สุด การมีคฤหาสน์เดี่ยวก็จะต้องเสียภาษีมหาศาลทีเดียว พื้นที่ 1 ตารางเมตรของคฤหาสน์ทั่วไปอาจมีราคาถึงหลักแสนกว่าๆ เลยทีเดียว ถึงทำให้คนส่วนใหญ่เลือกเช่าบ้านราคาถูกกัน

บ้านทั่วไปว่าแพงมากอยู่แล้ว แต่ 1 ตารางเมตรของคฤหาสน์ เดี่ยวหรือตึกอยู่อาศัยอาจจะมีราคาถึงเป็นแสนหยวนเลยล่ะ

ส่วนคฤหาสน์เดี่ยว ปัจจุบันนี้ถูกประเทศจำกัดไว้ทั้งนั้น คุณไม่ มีสิทธิ์ที่จะครอบครองได้เพียงเพราะมีเงินอย่างเดียวเท่านั้น คุณ จะต้องมีทั้งเงิน อำนาจและตำแหน่งพิเศษถึงจะครอบครองได้ซักหลัง หากพิจารณาจากภาษีอันมหาศาลแล้ว 1 ตารางเมตรของ คฤหาสน์เดี่ยวต้องมีราคามากกว่าล้านแน่นอน

“คฤหาสน์เดี่ยว ถึงจะเล็กไปหน่อย แต่ก็มีพื้นที่อยู่ราวๆ 300 ตารางเมตร ราคาก็น่าจะซัก 200 ถึง 300 ล้าน” หลัวเฟิงแทบกลั้นหายใจ “ถึงเราจะไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อได้ แต่ถ้าครอบครัวได้อาศัยอยู่ในคฤหาสน์เดี่ยวนั้นก็จะรู้สึกว่าไม่เสียชาติเกิดเลยล่ะ”

200 ถึง 300 ล้าน หมายความว่ายังไง?

พ่อของจางฮ่าวไป๋ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีอาจจะไม่มีวันได้อยู่ใน คฤหาสน์เดี่ยวแบบนั้นเลยก็ได้

“หลัวเฟิง สวัสดิการของทางสำนักเราก็ไม่ได้แตกต่างจากของ ทางกองทัพเท่าไหร่นักหรอก” เจียงเหนียนหัวเราะชอบใจ “นักสู้ กองกำลังพิเศษ ได้เงินเดือนดีและมีบ้านพิเศษให้ และมีสิ่งหนึ่งที่เรา ไม่มีคือ ‘ใบอนุญาตสังหาร’ ที่จะอนุญาตให้พวกเขาสังหารบุคคล ทั่วไปได้ในสถานการณ์จำเป็น แน่นอน…พวกเขาไม่ได้รับอนุญาต ให้สังหารคนแบบสุ่มๆ ได้หรอก แต่ทั้งนี้พวกเขาก็สามารถเขียน รายงานส่งให้กับเบื้องสูงได้อยู่ดี”

“ใบอนุญาตสังหาร’?” หลัวเฟิงก็เคยได้ยินมาก่อนเหมือนกัน ว่านักสู้กองกำลังพิเศษ สามารถสังหารบุคคลทั่วไปได้

“แต่อย่างไรก็ตาม สำนักของเราก็มีสิทธิพิเศษเหมือนกัน หาก มีบุคคลใดมาวุ่นวายกับเรา เราสามารถเขียนรายงานส่งทางสำนักได้ หลังจากที่ฝ่ายสืบสวนของทางสำนักยืนยันสถานการณ์แล้ว พวกเขาก็จะรายงานไปยังแผนกความปลอดภัยของเจียงหนาน แล้วก็มาลากคอเจ้าคนนั้นออกไปทันที” เจียงเหนียนยิ้มบางๆ “หาก เธอมาเข้าร่วมกับทางสำนัก เธอก็จะมีทั้งเงินทอง ตำแหน่ง หรือทุก อย่างก็ว่าได้! เธอสามารถทะลายทุกขีดจำกัดแห่งมวลมนุษย์ชาติ ตามที่ใจปรารถนา! ..ขีดสุดแห่งสำนัก..!”

เจียงเหนียนชี้ไปยังเหยียนหลัวที่ยืนอยู่ข้างๆ “นี่คือลูกศิษย์ของ อาจารย์เอง เหยียนหลัว เขาเพิ่งจะสังหารสัตว์ประหลาดและรับเงิน เกือบร้อยล้านดอลล่าร์สากลไปเมื่อเร็วๆ นี้ หากนำมาแลกมันก็จะอยู่ราวๆ 300 ล้านหยวน ถ้าเธอฝึกหนัก ด้วยพรสวรรค์ของเธอ อาจารย์มั่นใจว่าเธอน่าจะบรรลุถึงขั้นของเขาได้แน่”

หลัวเฟิงงันไป

พระเจ้า…

เพียงแค่สังหารสัตว์ประหลาดหนึ่งตัวก็ได้รับเงินมากขนาดนั้น เชียวเหรอ? แล้วสัตว์ประหลาดระดับไหนกันนะที่เขาสังหาร?

“หลัวเฟิงฝึกหนักต่อไปนะ เธอเป็นคนมีพรสวรรค์จริงๆ เพราะ งั้นอย่าทำให้ผิดหวังละกัน” เจียงเหนียนยิ้มให้พร้อมกับตบไหล่หลัวเฟิง

“ไอ้น้อง ไม่ว่าจะยังไงก็อย่ารามือนะ ฉันเชื่อว่านายมีโอกาส กลายเป็นนักรบในระดับนักสู้ได้แน่ ถึงตอนนั้น ทั้งเงินทอง ตำแหน่งหน้าที่ สาวๆ ด้วย นายจะมีทุกๆ อย่างเลยล่ะ!” เหยียนหลัวหัวเราะเล็กน้อย “แล้วตอนนั้น ฉันคงจะดีใจมากที่ได้ร่วมล่าสัตว์ประหลาดกับนาย ฮ่าๆๆ…” หลังจากกล่าวเสร็จนักสู้ทั้งสองเจียง เหนียนและเหยียนหลัวก็หัวเราะออกมาขณะเคลื่อนตัวออกไป

หลัวเฟิงยังคงยืนอยู่โนโรงฝึก ความคิดของเขาสับสนไปหมด

ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ ‘เจียงเหนียน’ หรือ ชายหนุ่มผมแดงผู้ลึกลับ ‘เหยียนหลัว’ หลัวเฟิงรู้สึกได้ถึงความบ้าบิ่นในเสียงหัวเราะนั่น และแฝงความดุดันไว้ด้วย!

“บ้าบิ่น ดุดัน?” รอยยิ้มเริ่มปรากฎขึ้นบนใบหน้าของหลัวเฟิง “ใช่..เกิดเป็นชายควรกล้าบ้าบิ่นที่จะเผชิญหน้ากับโลกโบนี้และ สร้างหนทางเดินให้กับตัวเอง! นักสู้ผู้แข็งแกร่งที่สุดบนปฐพีนี้เคย กล่าวเอาไว้ว่า ทหารผู้ไม่อยากเป็นแม่ทัพย่อมไม่ใช่ทหารกล้าฉันใด นักสู้ผู้ไม่อยากแข็งแกร่งที่สุดย่อมไม่มีหัวใจของนักสู้ฉันนั้น”

“ใช้ชีวิตด้วยการมัดมือมัดเท้าเอาไว้จะมีความหมายอะไรล่ะ?

จะต้องเขย่าผืนฟ้า สะเทือนแผ่นดินด้วยตัวเอง!

อายุ 18 ปีคือช่วงเริ่มมีเสถียรภาพที่มีค่ากับชีวิต หลังจากพบ กับอาจารย์ ‘เจียงเหนียน’ และนักสู้ลึกลับ ‘เหยียนหลัว’ หลัวเฟิงก็ เปลี่ยนความคิดไปอย่างสิ้นเชิง

“เราจะทำให้ได้!

นักสู้ผู้แข็งแกร่งที่สุด ‘หง’ และนักสู้ผู้แข็งแกร่งคนที่สอง ‘เทพ เจ้าสายฟ้า’ ก่อตั้งสำนักขีดสุด และสำนักสายฟ้าขึ้นมา แม้แต่ห้า ประเทศมหาอำนาจยังต้องปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเท่าเทียม พวก

เขายังทำได้…แล้วเหตุใดผู้แข็งแกร่งคนที่สามจะทำด้วยไม่ได้ล่ะ!” หลัวเฟิงยิ้มออกมาขณะที่เดินออกจากโรงฝึก

เด็กผู้ชายย่อมมีความใฝ่ฝัน เพราะงั้นจงไขว่คว้ามันซะ!

ความหนุ่มแน่นคือต้นทุน!

ความหนุ่มแน่นหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างยังเป็นไปได้ในอนาคต! ทุกๆ สิ่งขึ้นอยู่กับการฝึกฝนให้หนัก และต่อสู้!

…………..

เที่ยงวัน วันที่ 28 กรกฎาคม ท้องฟ้าสว่างสดใส

หลัวเฟิงและเว่ยเหวินกำลังเดินมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนมัธยมที่ 3 วันนี้เป็นวันจบการศึกษาซึ่งพวกเขาจะได้รับวุฒิบัตรและใบสมัคร เข้าเรียนต่อ

“อาเฟิง นายแน่ใจเหรอว่าจะผ่านการทดสอบ ‘เตรียมนักสู้’ ได้” เว่ยเหวินอดถามอย่างตกใจไม่ได้

“แน่สิ ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ฉันจะไปที่สำนักงานใหญ่ของสำนักขีดสุดในเมืองหยางโจว…ที่ทำการสมาคมขีดสุด เพื่อทำการทดสอบ” หลัวเฟิงกล่าวยิ้มๆ

โรงเรียนอยู่ข้างหน้าพวกเขาแล้วตอนนี้

พอหลัวเฟิงมองไปที่ลานด้านหน้าเขาก็เห็นนักเรียนจำนวนมาก ขณะที่มองดู เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าทัศนคติของเขาเปลี่ยนไป “หืม? เราเคยคิดว่าเราก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ตอนนี้ เรา รู้สึกเหมือนกับพวกเราอยู่ในโลกที่แตกต่างกันสองใบ พวกเขาคงจะเข้ามหาวิทยาลัย จบมาทำงานให้หนัก และมีครอบครัว

แต่หนทางของเรามันแตกต่างจากพวกเขา” หลัวเฟิงและเว่ยเห วินเข้าไปโนโรงเรียนและแยกกันไปห้องของตัวเอง

ขณะที่กำลังเดินผ่านโถงใหญ่ของโรงเรียน

“รุ่นพี่”

“รุ่นพี่หลัวเฟิง” นักเรียนรุ่นน้องสองสามคนทักทายหลัวเฟิง อย่างอบอุ่น

“ฉันได้ยินว่าตอนหลัวเฟิงเข้าสอบ เขาเป็นลมคาห้องสอบเลยนี่นา”

“น่าเสียดายจริงๆ ที่เป็นลมในห้องสอบแบบนั้น” ผู้คนจำนวน มากต่างลอบมองมาที่หลัวเฟิงพร้อมกระซิบกระซาบถึงเรื่องนั้น

ระดับสมรรถภาพร่างกายของหลัวเฟิงบรรลุถึงขั้นนักสู้แล้ว ระบบการได้ยินเสียงอันยอดเยี่ยมของเขาทำให้เขาได้ยินเสียง กระซิบกระซาบนั้นได้อย่างชัดเจน

ห้องม. 6/5 คือห้องของหลัวเฟิง

“หลัวเฟิงมาแล้ว”

“พี่หลัว” มีนักเรียนจำนวนหนึ่งถึงห้องแล้วและทักทายมาอย่างอบอุ่น

หลัวเฟิงหัวเราะและพยักหน้าให้เบาๆ

นักเรียนที่รู้จักกันมานานส่วนใหญ่จะมีสัมพันธ์ที่ดีกับหลัวเฟิง แต่ก็มีบางคนเท่านั้นที่ไม่ชอบหลัวเฟิง พวกเขาต้อนรับอย่างอบอุ่น แต่ก็มีบางพวกยืนซุบซิบกันอยู่ที่มุมห้องก็มี “เกรดของหลัวเฟิง ค่อนข้างดี และเขาก็เป็นสมาชิกระดับหัวกะทิด้วย ใครมันจะไปคิด ว่าเรื่องแบบนั้นจะเกิดขึ้น เป็นลมในห้องสอบเนี่ย โชคร้ายจริงๆ เลยนะ”

“นี่แหละชีวิต จะไปโทษใครได้ล่ะ?”

ในอดีต หลัวเฟิงคือคนที่โดดเด่นที่สุดในห้อง

ผลการเรียนดี ทักษะด้านศิลปะการต่อสู้ก็ดี บัดนี้เรื่องแบบนั้น กลับเกิดขึ้นกับคนอัจฉริยะเช่นนี้ นักเรียนธรรมดาเลยแอบดีใจไปตามๆ กัน! ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีสัมพันธ์อันดีกับหลัวเฟิง แต่ความรู้สึกของมนุษย์ปุถุชนเมื่อเห็นคนที่โดดเด่นกว่าพลาดพลั้งลงไปบ้าง ก็ย่อมคิดเช่นนั้นได้….หรือแม้แต่คุณเองก็อาจเคยเป็นแบบนั้น!

“เชิญทุกคน มารับประกาศนียบัตร และใบสมัครเรียนต่อ” เจ้าหน้าที่ระดับสามถือปึกประกาศนัยบัตรและใบสมัครเรียนต่อเดิน ตรงไปที่แท่นพูด

“หวังอิ่น”

“หลิวเซี่ยหลง”

เจ้าหน้าที่ตะโกนเรียกชื่อแต่ละคนพร้อมกับมอบ ประกาศนียบัตรและใบสมัครเรียนต่อให้

“หลัวเฟิง!” หลังจากได้ยินคำนี้ ทั่วทั้งห้องต่างก็เงียบกริบลง นักเรียนเกือบจะทั้งห้องนั้นต่างพากันจับตามาที่หลัวเฟิง

ทุกคนรู้เรื่องที่หลัวเฟิงเป็นลมหมดสติในห้องสอบ

สิ่งที่จำเป็นจะต้องรู้ในการเข้าไปดูผลคะแนนของหลัวเฟิงก็คือ เลขบัตรประชาชนและเลขที่เข้าสอบ ซึ่งมันก็ไม่ใช่ความลับอะไร พวกนักเรียนหลายคนแอบเข้าไปตรวจดูผลคะแนนของเขาและได้รู้ ว่าเขาพลาดจากเส้นแบ่งระดับชั้นเพียงแค่สี่คะแนนเท่านั้น

“หลัวเฟิง” เจ้าหน้าที่ประจำห้องฉวีหลินมอบประกาศนียบัตร และใบสมัครเรียนต่อให้กับเขา

“อาเฟิงๆ ไปกันเถอะ” เว่ยเหวินยืนอยู่หน้าประตูห้อง

“รอแป๊บนึง” หลัวเฟิงขยำใบสมัครเรียนต่อแล้วขว้างมันลงไป ในถังขยะ

เสียงที่กำลังดังอึกทึกอยู่ในห้องเงียบลงทันที!

นักเรียนทุกคนในห้องนั่งตัวแข็งทื่อ นี่คือใบสมัครที่จะได้กรอก หลังจากสอบเสร็จ! ใครจะกล้าขว้างทิ้งแบบนี้?

พลันมีนักเรียนหญิงตกกระร้องออกมาด้วยความตกใจ “หลัวเฟิง เธอทิ้งมันไปได้ยังไง? เธอจะไม่กรอกใบสมัครเพื่อเรียนต่อเหรอ?”

“เขาคงไม่อยากเรียนสายอาชีพ ฉันเดาว่าเขาคงจะเรียนอีกปี แล้วกลับมาสอบใหม่ในปีหน้า” เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาทันที

เว่ยเหวินซึ่งยืนอยู่ที่ทางเข้า จ้องเขม็ง “เรียนสายอาชีพ? เรียนใหม่? พวกนายคิดได้ไง อาเฟิงจะไปทดสอบ ‘เตรียมนักสู้’ ต่างหากล่ะ ทำไมพากันคิดได้แค่นี้?”

“ไม่ต้องพูดมากเพื่อน ไปกันเถอะ”

หลัวเฟิงดึงแขนเว่ยเหวินออกไปทันที

พวกนักเรียนพากันพูดเสียงเดียวกัน อะไรนะ? ทดสอบเตรียมนักสู้?

“หลัวเฟิงกำลังจะไปสอบเตรียมนักสู้? จริงเหรอเนี่ย? เขาไม่เจ๋ง ขนาดนั้นหรอก”

“ฉันเดาว่าเว่ยเหวินคงหลอกเราเท่านั้น หลัวเฟิงเพิ่งจะได้เป็นสมาชิกระดับหัวกะทิเมื่อปีที่แล้วนี่เอง แล้วเขาจะไปเข้าสอบเตรียม นักสู้ปีนี้ได้เลยเหรอ?

โดยจิตสำนึก นักเรียนเหล่านี้ไม่ยอมเชื่อเลยว่าหลัวเฟิงจะบรรลุสมรรถภาพร่างกายถึงระดับของนักสู้แล้ว

นักสู้…

นั่นคือสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!