Skip to content

Tales of Herding Gods 124

ตอนที่ 124 ฝีมือของอัจฉริยะ

หมอหลวงสามสี่คนนั้นรีบรี่ไปหาสมุนไพรตามตํารับยาของฉินมู่ และไม่นานนักสมุนไพรทั้งหมดก็ตระเตรียมมาจนครบถ้วน หมอหลวงสามสี่คนยืนรออย่างไม่ยอมขยับไปไหนและมีสีหน้าเปี่ยมด้วยความคาดหวังรอให้ฉินมู่เริ่มหลอมปรุงยา

ปราณชีวิตของฉินมู่พวยพุ่งออกมาและยกสมุนไพรเหล่านั้นขึ้น เขาไม่ได้ใช้หม้อหลอมยาและหลอมปรุงตัวยากลางอากาศแทน เขาสําแดงทักษะการกลั่นเค้นฤทธิ์ยาออกจากสมุนไพรโดยไม่ใช้นํ้ามาเป็นตัวทําละลาย แต่แยกฤทธิ์พลังยาออกมาจากสมุนไพรโดยตรง จากนั้นใช้ปราณชีวิตของเขาเคี่ยวและผสมเข้าด้วยกัน นิ้วของเขายกขึ้นๆ ลงๆ ราวโน้ตดนตรี ทําให้หมอหลวงเฒ่าผมขาวอวี้ชมดูจนตารื้นนํ้าตา

“ทักษะวิชากลั่นเค้นแบบนี้ ชีวิตนี้ข้าได้เห็นครั้งเดียวก็ปลื้มใจไปจนตาย!” หมอหลวงอวี้ทอดถอนใจเฮือกใหญ่

ฉินมู่ไม่วอกแวก จดจ่อสมาธิกับการหลอมปรุงยา เขาจึงไม่ได้ยินคําพูดของพวกเขา หากว่าเขาได้ยิน ปากเขาคงบิดกระตุก วิชากลั่นเค้นของเขานั้นแค่พอถูไถ ในสายตาของท่านปู่นักปรุงยาแห่งหมู่บ้านพิการชรา นี่ก็แค่ไปวัดไปวาได้

ไม่นานนัก ยาจิตวิญญาณก็ถูกหลอมปรุงออกมา หมอหลวงทั้งหลายยังคงเมามายกับภาพที่เห็น หมอหลวงฉูกล่าว “หมอเทวดาน้อย เมื่อครู่นี้ที่เจ้าใช้ทักษะมือสร้างนํ้ากระเพื่อมเพื่อดึงเอาฤทธิ์พลังยาออกมาด้วยนํ้า แต่ทําไมจู่ๆ ถึงเปลี่ยนไปใช้ไฟ”

ฉินมู่วางเม็ดยาเซียนที่เขาหลอมปรุงลงในถ้วยหยกบนถาด จากนั้นกล่าว “สมุนไพรเหล่านั้นต้องการการเสริมส่งของไฟและนํ้า ดังนั้นนํ้าจึงควรมาก่อนไฟเพื่อที่จะดึงเอาฤทธิ์พลังยาออกมาจากสมุนไพรได้อย่างเต็มที่”

ทักษะมือของหมอหลวงอวี้เปลี่ยนแปลงเมื่อเขาควบคุมปราณชีวิตของตนมารวมย่างสมุนไพรแล้วถามทันที “หมอเทวดาน้อย ทักษะมือที่ข้าเลียนแบบใกล้เคียงพอหรือยัง”

ฉินมู่มองแล้ววิจารณ์ “วิธีโคจรปราณชีวิตของเจ้าค่อนข้างหยาบกร้านและความอัศจรรย์ในทักษะการกลั่นเค้นของข้าไม่ได้อยู่ในวิชามือ และอยู่ที่การบังคับปราณชีวิตอย่างชาญฉลาด ปราณชีวิตของเจ้าจะไหลเวียนโคจร 12 ครั้ง นั่นแหละถึงจะทําให้การกลั่นเค้นสมบูรณ์แบบ”

หมอหลวงอวี้พลันกระจ่างใจแล้วถามอย่างกระหายความรู้ “ข้าเห็นแต่เพียงผิวเผินเท่านั้นเองจริงๆ และตอนที่หมอเทวดาน้อยกลั่นเค้นเมล็ดห้าโชคลาภ เจ้าได้เน้นอะไรเป็นพิเศษในทักษะมือหรือเปล่า”

หมอหลวงเหล่านั้นห้อมล้อมฉินมู่และปรึกษาขอคําชี้แนะอย่างกระตือรือร้น ใต้เท้าเอี้ยนขมวดคิ้วนิ่วหน้าอย่างแรงแล้วพูดด้วยเสียงตํ่า “พวกเจ้าทุกคนยังมีเวลาปรึกษาหารือกันภายหลัง พระพันปีหลวงยังรออยู่นะ!”

หมอหลวงสามสี่คนนั้นจึงฟื้นสติมาและหมอหลวงฉูรีบกล่าว “หมอเทวดาน้อย โปรดรักษาพระพันปี หลวงก่อน”

ฉินมู่จึงสั่ง “ข้ายังต้องการคางคกเนตรฟ้าสามขา 1,023 ตัว”

หมอหลวงฉูและคนอื่นๆ พลันสายตาลุกวาบเป็นประกายด้วย มือกุมท้องเอาไว้ พวกเขาหัวเราะอย่างสุดจิตสุดใจด้วยความทึ่งชื่นชม “ฝีมือของอัจฉริยะ ฝีมือของอัจฉริยะ! ข้ายอมหมอบราบคาบแก้วเลย ตอนนี้! เร็วเข้า เร็วเข้า! รีบไปซื้อหาคางคกเนตรฟ้าสามขาโดยด่วน!”

นางกํานัลวังและเหล่าขันทีรีบออกไปยังตลาดเพื่อซื้อคางคกเนตรฟ้า หลังจากครึ่งค่อนวัน คางคกเนตรฟ้าตามจํานวนที่ต้องการทั้งหมดก็ถูกนํามาส่ง พวกมันมีขนาดเท่ากําปั้นและมีขา 3 ขา

ฉินมู่ให้พวกเขาปล่อยคางคกไว้ในโถงราชวัง และไล่นางกํานัลกับขันทีออกไป จากนั้นเขาจึงถวายยาเซียนให้กับพระพันปีหลวงแล้วกล่าว “เมื่อพิษหลักในยาพิษพันโอกาสถูกพิษในยาเซียนชนิดนี้เข้าแทนที่ พิษอื่นๆ ก็จะพังทลายและสารพิษจะดีดอย่างรุนแรงเป็นเฮือกสุดท้าย พิษเหล่านั้นอยู่ในร่างกายของพระพันปีหลวงมานานและได้ผสานผสมกับปราณชีวิตของท่าน ดังนั้นมันจึงมีความคิดจิตใจ คางคกตาฟ้าเหล่านี้เป็นสัตว์ที่ดื่มกินพิษเป็นอาหาร และคางคกเหล่านี้จะฉวยโอกาสดื่มกินพิษในร่างกายของพระพันปีหลวง จากนั้นพระองค์ก็จะหายประชวร”

พระพันปีหลวงโบกมือไล่ “พวกเจ้าทุกคนถอยไป เพื่อมิให้พิษร้ายแพร่ใส่พวกเจ้า”

ฉินมู่ หมอหลวงสามสี่คนนั้นและใต้เท้าเอี้ยนต่างก็ถอย ออกไปจากโถงตําหนัก ในโถง พระพันปีหลวงกลืนยาเซียนเข้าไป ตอนแรกนางยังไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงใด แต่ในครู่ต่อมา ฤทธิ์พลังยาพลันปะทุออกและมีพิษประหลาดพิสดารแผ่พุ่งจากใจกลาง ยาเซียนเข้าไปแทนที่พิษหลักของยาพิษพันโอกาสในพริบตา

พระพันปีหลวงพลันอาเจียนโลหิตสีดําสนิทออกมากองใหญ่เลอะเทอะไปทั่วเตียงหยกและผ้าม่าน

จากนั้น พระพันปีหลวงก็รู้สึกว่าพิษทั้งหลายพลันกําเริบขึ้นมาในแขนขา กระดูก และแม้แต่ผิวหนัง เมื่อพิษหลักถูกสับเปลี่ยน พิษรองทั้ง 1,022 ชนิดก็ระเบิดออกมาและปะทะสังสรรค์ซึ่งกันและกัน ทําให้นางรู้สึกเจ็บรวดร้าวราวถูกบิดไส้

และเมื่อพิษประหลาดร้ายแรงเหล่านี้กําเริบขึ้นมา ความเป็นพิษของพวกมันก็ผสานเข้ากับปราณชีวิตของนาง พระพันปีหลวงหอบหายใจ ใบหน้าและผิวหนังของนางแปรเปลี่ยนเป็นสีดําทะมึนราวกับว่านางกําลังจะต้องพิษจนถึงตาย ปราณชีวิตของนางถูกยึดครองโดยพิษร้ายทั้ง 1,022 ชนิด และปราณชีวิตติดพิษนั้นก็โคจรไปทั่วร่างกายนาง พิษเหล่านั้นถูกชักพาสู่ทุกอณูของร่างกายนางเช่นกัน นี่ทําให้นางสูญเสียการควบคุมปราณชีวิตของตนเอง และกําลังใกล้จะตายเพราะพิษกําเริบ

ทันใดนั้น คลื่นฤทธิ์พลังยาก็พลันปะทุออกมาจากยาเซียนที่นางกลืนเข้าไป ฤทธิ์พลังยานี้แผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กายในเสี้ยววินาที แม้กระทั่งในสมบัติเทวะของนาง พลังยาอันคึกฤทธิ์นี้พลันขับไล่ปราณชีวิตของนางทั้งหมดออกไปจากร่าง แม้แต่ปราณชีวิตในสมบัติเทวะก็ถูกขับไล่ออกมา!

เสียงระเบิดกัมปนาทดังขึ้นจากในโถง แม้ว่าพระพันปีหลวงจะต้องพิษจนเจ็บป่วยมาหลายสิบปี และพลังวัตรของนางก็ไม่ได้กล้าแข็งเหมือนที่เคย แต่ปราณชีวิตของนางในตอนนี้ก็ยังหนาแน่นอย่างหาใดเปรียบได้ยาก และเมื่อปราณชีวิตถูกขับออกไปจากร่าง มันก็แปรเลี่ยนเป็นสารพิษพันชนิดซึ่งลอยวนเวียนไปมารอบแท่นบรรทมหยกอย่างไม่หยุดหย่อน มันมีทุกชนิด ประเภทของแมงป่องพิษ งู แมลงมด ด้วง และสารพิษชนิดอื่นๆ อัน ก่อรูปขึ้นมาจากปราณชีวิตของนาง

คร๊อก คร๊อก คร๊อก

เสียงคางคกร้องดังมาจากข้างในโถงตําหนัก และคางคกเนตรฟ้า 3 ขาก็พากันร้องระงมขึ้นมาทันใด เมื่อพวกมันอ้าปาก ลิ้นยาวของมันก็ตวัดออกไปม้วนพันวัตถุพิษทั้งหลายที่ถูกสร้างขึ้นจากปราณชีวิตและพิษประหลาด กลืนพวกมันเข้าไปในท้อง

ในชั่วแวบเดียว โถงตําหนักก็พลันกลับมาสดใสสว่างตาเหมือนเดิม และยังมีคางคกเนตรฟ้าอีกตัวที่ยังไม่ได้กินพิษเลย มันจึงกระโดดขึ้นไปบนแท่นบรรทมหยกแล้วดูดลมหายใจของพระพันปีหลวง ทําให้นางอาเจียนโลหิตออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ในเลือดนั้นมีแมลงพิษตัวหนึ่ง ซึ่งแมลงพิษนี้ฉินมู่ใส่ไว้ในใจกลางยาเซียนเพื่อใช้แทนที่พิษหลัก

หลังจากคางคกเนตรฟ้าตัวนี้กินแมลงพิษตัวดังกล่าวแล้ว มันก็กระโดดลงจากแท่นบรรทมหยก พระพันปีหลวงพลันรู้สึกว่าจิตวิญญาณของนางแจ่มใสสดชื่นและร่างกายของนางก็ไม่หนักอึ้งอีกต่อไป นางลุกขึ้นจากแท่นบรรทมโดยพลันและพบว่าความเจ็บไข้ที่กัดกินนางมาหลายสิบปี ได้หายไปเป็นปลิดทิ้ง ดังนั้นจึงปลื้มปีติใจเป็นอย่างยิ่ง

“พวกเจ้าเข้ามา!”

ประตูวังเปิดออก ตามมาด้วยกลุ่มนางกํานัลและเหล่าขันทีที่รีบรุดเข้ามา เมื่อพวกเขาเห็นแท่นบรรทมหยกและผ้าม่านบางเปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิตพิษ พวกเขาก็รู้สึกตื่นตระหนกอย่างรุนแรง ยิ่งไปกว่านั้นบนพื้นก็ยังมีคางคกกระโดดไปมาเต็มไปหมด เป็นภาพที่น่าสะพรึงเล็กน้อย

ฉินมู่และหมอหลวงก็รีบตามมาเช่นกัน พระพันปีหลวงมองไปที่ฉินมู่จากนั้นแย้มยิ้มกล่าว “สมแล้วที่เป็นหมอเทวดามือศักดิ์สิทธิ์ นําคางคกเนตรฟ้าพวกนี้ไปปล่อยที่สระคลื่นใส พวกมันมีความดีความชอบต่อข้า ดังนั้นอนุญาตให้พวกมันอาศัยอยู่ในสระคลื่นใส”

ขันทีและนางกํานัลรีบปฏิบัติตามคําสั่ง ใต้เท้าเอี้ยนประหลาดใจและดีใจ เขารีบวิ่งออกไปจากตําหนัก “ข้าจะรีบไปรายงานข่าวดีอย่างยิ่งใหญ่นี้แก่ฝ่าบาท!”

พระพันปีหลวงเดินไปข้างหน้า มุ่งออกนอกเรือนตําหนัก แล้วแย้มยิ้ม “หมอเทวดา ที่นี่ค่อนข้างสกปรก พวกเราไปคุยกันข้างนอกดีกว่า”

ฉินมู่รับคําจากนั้นตามนางออกไป หมอหลวงสามสี่คนก็ตามออกมาด้วยเช่นกัน พระพันปีหลวงมองไปที่ดวงอาทิตย์อันส่องแสงอยู่ภายนอก แล้วใช้มือนางป้องดวงตาพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ “ข้าไม่ได้ออกมานอกตําหนักแห่งนี้มาเนิ่นนาน พิษพันโอกาสนี้เป็นพิษที่ราชาพิษหน้าหยกสร้างขึ้นมาอย่างนั้นหรือ”

หมอหลวงฉูผงกศีรษะแล้วกล่าว “ว่ากันว่าราชาพิษหน้าหยกหายตัวไปเมื่อ 200 ปีก่อน คนผู้นี้ใจคอโหดเหี้ยม ใช้พิษฆ่าฟันยอดฝีมือเป็นผักปลา และล่วงเกินผู้คนมากมาย อย่างไรก็ดีไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา ว่ากันว่าศิษย์ของเขา ราชาพิษน้อยได้ทรยศเขาและเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของราชาพิษหน้าหยก ในเมื่อราชาพิษหน้าหยกไม่อาจยืนหยัดในวงสังคมได้อีกต่อไป เขาจึงเฉือนใบหน้าของตนเองทิ้งแล้วจากไป”

พระพันปีหลวงพยักหน้าแล้วกล่าว “ข้าก็เคยได้ยินแบบนี้เหมือนกันแต่จะว่าไปข้าก็เคยพบพานราชาพิษหน้าหยกมาก่อนและยังมีจิตพิศวาสกับเขา ในตอนนั้นข้าหลงเขาหัวปักหัวปํา”

หมอหลวงพวกนั้นได้ยินก็เงียบกริบ ไม่กล้าพูดเลยสักคํา

พระพันปีหลวงกล่าวต่อด้วยเสียงนุ่มนวล “ใครล่ะจะคิดว่าเทพบุตรนักรักหยกอันโด่งดังจะเป็นคนคนเดียวกันกับราชาพิษหน้าหยกอันฉาวโฉ่ไปได้ หลังจากที่ตัวตนของเขาถูกศิษย์เปิดโปง ก็ทําสาวๆ นับไม่ถ้วนอกหักรวดร้าวใจ เมื่อจักรพรรดิองค์ก่อนสิ้นพระชนมข้าก็ได้เผลอใจหลงใหลเทพบุตรนักรักหยก และพบกับเขาหลายครั้งหลายครา เมื่อเขาจนตรอกหมดหนทาง ข้าบอกเขาว่าข้าจะปกป้องเขาเอง และยังมีพวกแม่ม่ายสาวโสดอันน่าชังอีกหลายคนที่อาสาปกป้องเขา ฮึ่ม แต่ในที่สุดนังเท้ากีบน้อยพวกนั้นก็ไม่ชนะข้า และข้าก็ไม่ชนะพวกนางเช่นกัน เพราะว่าเขาเลือกที่จะหายตัวไป…เมื่อหวนนึกย้อนไปแล้ว โชคชะตาช่างเล่นตลกกับข้า เมื่อพิษที่ทําให้ข้านอนแซ่วอยู่กับเตียงนานนับสิบปีกลับเป็นยาพิษของยอดรักยอดดวงใจของข้า”

หน้าผากของหมอหลวงเหล่านั้นพลันหยาดเหงื่อออกมาเม็ดเป้งๆ เมื่อพวกเขารู้สึกว่าหัวกําลังจะหลุดจากบ่าหลังจากที่รับฟังความลับนี้ พวกเขาล้วนแต่ลอบเสียใจที่เมื่อกี้ทําไมถึงไปรีบออกไปพร้อมกับใต้เท้า เอี้ยน

ฉินมู่ใจไหววูบ เรื่องราวของราชาพิษหน้าหยกนี้ให้ความรู้สึกคุ้น ๆ เขาคงไม่ใช่ท่านปู่นักปรุงยาหรอกมั้งนะ

“ถ้าอย่างนั้น พระพันปีหลวงรู้หรือไม่ว่าใครวางยาพิษท่าน” ฉินมู่ถาม

“ไม่มีทางเป็นเทพบุตรนักรักหยก”

พระพันปีหลวงเผยอยิ้ม “ถ้าอย่างงั้นก็ย่อมเป็นราชาพิษน้อย ฝูหยวนชิง ข้าได้ยินว่าฝูหยวนชิงไปขอพึ่งใบบุญจากราชครูสันตินิรันดร์ และการที่เขาวางยาข้าย่อมเป็นเจตนาของราชครู ราชครูนั้นหวังให้ข้ารีบตายๆ ไปตั้งนานแล้ว นี่คงเพราะว่าข้าไม่อาจยืนนิ่งเฉยรับชมดูวิธีการที่เขาบริหารจัดการจักรวรรดิ ดังนั้นเขาถึงอยากให้ข้าตายเพื่อมิต้องมาขัดขวางหนทางของเขา”

หมอหลวงเหล่านั้นพลันหน้าซีดเผือด คุกเข่าลงพื้นดัง ปุง ปุง หมอบควํ่าไปตัวสั่นงันงก

พระพันปีหลวงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ราชครูกล้าวางยาพิษข้า และหากเขาไม่กลัวอะไร เหตุใดพวกเจ้าต้องกลัวด้วยล่ะ ลุกขึ้นยืน คุยกันดีๆ”

หมอหลวงฉูยืนขึ้น ตามมาด้วยหมอลวงคนอื่นๆ ที่ยืนตัวสั่นเทิ้ม ทุกคนเงียบเป็นแม่ไก่ด้วยความกลัว ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยคําพูดเลยสักคํา

พระพันปีหลวงมองไปยังฉินมู่แล้วถามทันที “อาจารย์ของเจ้าคือเทพบุตรนักรักหยกใช่หรือไม่ เขาเป็นอย่างไรบ้าง”

เทพบุตรนักรักหยกที่นางกล่าวถึง น่าจะหมายถึงท่านปู่นักปรุงยา วิธีแก้พิษพันโอกาสนั้นท่านปู่นักปรุงยาเป็นคนสอนข้า การที่มีความเข้าใจในพิษพันโอกาสอย่างลึกซึ้งเพียงนี้ ย่อมต้องเป็นผู้ที่คิดค้นยาพิษชนิดนี้ขึ้นมา

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉินมู่ก็โค้งตัว “ทูลพระพันปีหลวง เขาสบายดี”

พระพันปีหลวงถอนใจด้วยความโล่งอก จากนั้นถามอย่างนุ่มนวล “เขาส่งเจ้ามาช่วยข้าหรือ ข้ายังอยู่ในหัวใจของเขาสินะ…”

ฉินมู่กะพริบตาปริบอย่างไร้เดียงสา และคิดว่านางคิดเองเออเอง แต่ก็ไม่ได้กล่าวออกมา

พระพันปีหลวงเริ่มเหนื่อยเล็กน้อย ในเมื่อนางเพิ่งฟื้นจากความป่วยไข้ นางโบกมือแล้วกล่าว “พวกเจ้าคงจะเหนื่อยกันแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะ”

ฉินมู่กล่าวรับคํา และหมอหลวงสามสี่คนนั้นก็พลันรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก พวกเขาเดินไปได้ไม่ไกลนัก และพลันได้เสียงเสียงตวาด “ออกไปให้พ้นทาง!”

หมอหลวงฉูรีบฉุดฉินมู่หลบข้างทางและพวกเขาก็เห็นจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงเดินฉับๆ อย่างรวดเร็ว

พร้อมกับองครักษ์หลวงวิ่งตามมาติดๆ อีกทั้งมีนางกํานัลที่ถือฉัตรจักรพรรดิตามมาด้วยอย่างเร็วรี่ นอกจากจักรพรรดิแล้ว ยังมีหญิงชายที่แต่งกายงดงามหรูหรา พวกเขาน่าจะเป็นพระสนม องค์ชาย และองค์หญิง

“เด็กเลี้ยงวัว!”

เสียงสดใสประหลาดใจดังมาจากกลุ่มคน ฟังดูคุ้นหู ฉินมู่เงยหน้าขึ้นดูและเห็นเด็กสาวในกลุ่มคนที่ดูสดใสและสะคราญโฉม

“เด็กเลี้ยงวัว เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย!” เด็กสาวผู้นั้นเอ่ยถามด้วยความดีใจ “ทําไมเจ้ามาถึงที่นี่ได้ล่ะ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!